ตอนที่แล้วลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 65
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 67 ไม่ยอมแพ้! ฝ่าเปลวเพลิงที่ลุกโชนนั่นซะ

ลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 66


บทที่ 66: การเสริมพลังย่อยที่แท้จริง! ขั้นสุดท้าย

“ขยะเอ้ย!” อลันสบถออกมาพร้อมกับร่างกายที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง เคียวยาวได้ปรากฏในมือของมัน จากนั้นมันก็ได้โผล่ไปที่ด้านหน้าของเฉินรุยและพยายามที่จะตัดหัวของเฉินรุย

ด้วยความที่ตระกูลนี้มีบุตรเพียงคนเดียวคือ อลัน ตระกูลคารอนจึงได้เลี้ยงดูเขาอย่างดี อลันในตอนนี้อยู่ในจุดสูงสุดของมารระดับกลาง และอีกก้าวเดียวเขาก็จะขึ้นกลายเป็นมารระดับสูงสุด ดังนั้นการโจมตีนี้จึงอันตรายมาก เฉินรุยใช้พลังงานอย่างมากแล้วกับเกร้า แต่เขาก็ไม่กลัวอลันเลย เขาแค่กังวลมารตาเดียวชั้นสูงที่อยู่ข้างๆต่างหาก

เฉินรุยบิดตัวพร้อมกับถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เมื่อเคียวกำลังสัมผัสร่างของเขา เขาก็ได้ขยับไปด้านข้างและต่อยเคียวจนเกิดสายฟ้าทันที แต่เสื้อคลุมของเขากลับถูกตัดออก ก่อนที่อลันจะได้ทำอะไรต่อ หมัดสายฟ้าก็ได้พุ่งมาต่อยที่ท้องเขา อลันได้แต่ก้มลงกุมเอวด้วยความเจ็บปวด

มารชั้นสูงตาเดียวที่เห็นอลันกำลังพลาดท่าก็พร้อมจะลงมือแล้ว แต่จู่ๆมันก็เห็นว่ามือของอลันได้ถูกเฉินรุยคว้าเอาไว้ พร้อมกันนั้นอลันก็ได้ถูกขว้างเข้าไปหามารชั้นสูงตาเดียว

อลันสูญเสียการทรงตัวและลอยเคว้งไปในอากาศ โชคดีที่มีมารตนหนึ่งรับไว้ได้ มารตนนั้นคือ มารตาเดียวชั้นสูง อลันก็ตะโกนทันทีว่า “มิคาส ฆ่ามันซะ!”

มิคาสพยักหน้าเล็กน้อย แต่ร่างของเอกิลก็ได้หายไปบนท้องฟ้า มารผู้ยิ่งใหญ่ตาเดียวหัวเราะเยาะและก็ได้หายตัวไปในทันที เสียงเกรี้ยวกราดของอลันก็ดังไล่หลังมา " มิคาส เจ้าจงทรมานด้วยเพลิงไฟทันทีที่จับมันได้!"

บนหลังคาเมืองนั่น สายตาดั่งอัญมณีสีแดงกำลังจับจ้องเหตุการณ์ทั้งหมดภายใต้แสงจันทร์อยู่

ความแตกต่างระหว่างทั้งสองหาใช่ธรรมดา ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่ข้ามขั้นมาก โดยพื้นฐานแล้ว ไม่มีโอกาสเลยที่จะชนะ นอกจากนี้ อาการบาดเจ็บของเฉินรุยยังไม่ได้หายดี เขาจึงเลือกที่จะถอย

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของมิคาสนั่นดูถูกไม่ได้เลย มันเดินตรงไปหาเฉินรุย โดยที่เขาไม่มีทางที่จะหนีได้ ความเร็วของเฉินรุยนั้นมากที่สุดแล้วในมารระดับกลาง  แต่ในสายตาของมารระดับสูงแล้ว มันก็แค่ความเร็วธรรมดา นอกจากนี้ การเทเลพอร์ตของมิคาสยังดีกว่าเรก้า ทั้งระยะทางและความเร็ว ระยะทางของพวกเขาทั้งคู่เริ่มห่างกันเรื่อยๆ ทันใดนั้นเอง จู่ๆเขาก็ได้หยิบบางอย่างขึ้นมา โพชั่นย่างก้าวเวหา เขาดื่มมันอย่างรวดเร็ว แต่มันก็แค่ช่วยไม่ให้เขาถูกจับได้ชั่วคราวเท่านั้น

ในสถานการณ์เช่นนี้ เฉินรุยไม่สามารถกลับไปที่ห้องทดลองหรือพื้นที่ของแก๊งค์เสื้อคลุมได้แล้ว อีกทั้งด้วยอาการบาดเจ็บนี้ ไม่ช้าก็เร็วเขาคงถูกจับ ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำพูดของปากรีโลและเปลี่ยนทางวิ่งไปที่ประตูเมืองทันที

คืนนี้ประตูเมืองได้ถูกปกป้องโดยหัวหน้าเซนทอร์ เดงคิ จากสายตาของเดงคิแล้ว สิ่งที่ผ่านพ้นมันไปมีเพียงสายลมเท่านั้น แม้มันจะรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างผ่านไป แต่ที่มันเห็นก็มีเพียงความมืดเท่านั้น ก่อนที่มันจะได้ทำอะไร มันก็รู้สึกถึงลมสายใหญ่หอบผ่านไปอีกลูก ทหารทุกตนต่างประหลาดใจ

มิคาสเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นแล้ว แม้ว่าเอกิลนี้จะมีความแข็งแกร่งเพียงมารระดับกลาง แต่ความเร็วมันหาใช่ธรรมดา มันเร็วยิ่งกว่าที่แสดงให้เห็นในสนามประลองเสียอีก สิ่งที่น่ารำคาญคือความฉลาดแกมโกงของมันด้วย มันใช้ประโยชน์จากพื้นที่วิ่งไปวิ่งมา แม้ตัวมิคาสจะเกือบจับได้สองสามครั้ง แต่มันก็หนีไปได้ตลอด

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเอกิลจะฉลาดแค่ไหน สุดท้ายมันก็อยู่ห่างแค่เอื้อมเท่านั้น มิคาสผู้นี้มีประสบการณ์มากมาย มันเริ่มสงบลงและจับจ้องไปยังตำแหน่งเป้าหมายของมัน

เฉินรุยเริ่มรู้สึกแล้วว่าตัวเขาคงไม่ไหวแน่นอน แม้ว่า 'ร่างดวงดาว' จะช่วยให้เขาฟื้นฟูความแข็งแกร่งและอาการบาดเจ็บได้ แต่มันยังมีข้อจำกัดอยู่ นอกจากนี้ ด้วยความที่เขาใช้ความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาการบาดเจ็บยิ่งหนักเข้าไปอีก ยาก้าวย่างวายุ มีผล 20 นาที อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นยาระดับปรมาจารย์ แต่มันก็ยังมีระยะเวลา 'คูลดาวน์' เป็นชั่วโมง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ในหนึ่งชั่วโมงนี้ตัวเขาจะไม่สามารถดื่มยาได้อีก ตอนนี้ ผลของมันก็หมดลงไปแล้ว

แน่นอนว่าเมื่อเขาเปลี่ยนทิศทางมันก็จะทำให้เขาช้าลงและถูกมิคาสจับได้ในทันที ร่างของมิคาสได้สว่างไสวขึ้นด้วยเปลวเพลิง ตัวมันเทเลพอร์ตมาด้านหน้าพร้อมกับกั้นทางเฉินรุยอย่างแม่นยำ

เฉินรุยไม่มีเวลาที่จะเปลี่ยนทิศทางแล้ว มิคาสก็ได้เตะตวัดขาเฉินรุยแทบจะในทันที เฉินรุยไม่สามารถหลบการกวาดขานี้ได้เลย ตัวเขาได้แต่ใช้ความรู้สึกที่ได้รับการฝึกฝนจากการฝึกพิเศษเท่านั้น เขาบิดแขนทั้งสองข้างและป้องกัน เขารู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างของเขาเหมือนโดนค้อนยักษ์ทุบใส่ แขนมันเหมือนจะแตกไปเลย ทั้งร่างของเขาได้ปลิวออกไปด้วยแรงมหาศาล

ก่อนที่เฉินรุยจะหล่นลงกับพื้น มิคาสก็ได้พุ่งเข้ามาจับเขาอีก พร้อมกันนั้นมันได้เหวี่ยงเฉินรุยขึ้นไปบนท้องฟ้า มิคาสโผล่ขึ้นมาบนอากาศและชกใส่เฉินรุยอย่างแรงด้วยสองหมัดของมัน เฉินรุยเหมือนกับได้ยินเสียงกระดูกหักสักจุดในร่างกายของเขา ตัวเขานั้นได้ถูกทุบลงไปกับพื้นอย่างแรงราวกับอุกบาต บริเวณที่ถูกทุบนั้นบาดเจ็บมากจนไม่สามารถรู้สึกอะไรได้เลย ตอนนี้ตัวเขาก็ไม่สามารถลุกได้ด้วย

จากข้อมูลที่เชียให้มา มิคาสเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดของตระกูลคารอนและถูกจัดให้คอยคุ้มกันอลัน ความแข็งแกร่งของมันคือมารระดับสูงช่วงต้น ความแตกต่างระหว่างระดับนั้นมากมายมหาศาล แม้ว่าความแข็งแกร่งของเฉินรุยจะอยู่มารระดับกลางขั้นสูงสุด แต่ตัวเขายังอ่อนแอกว่ามารระดับสูงสุดนัก

นี้เป็นสาเหตุที่อลันแทบจะยอมแพ้ทันทีที่รู้ว่าอาเธน่าเป็นมารระดับสูงสุด

"ข้าใช้ความพยายามมากในการไล่ตามเจ้า เจ้าช่างเป็นมารระดับกลางที่ผิดปกตินัก" มิคาสปรากฏตัว่ตอหน้าเฉินรุยอีกครั้ง "แต่กระนั้นมารระดับกลางก็เป็นเพียงมารระดับกลาง วันนี้ยังไงเจ้าก็ต้องตายแน่นอน"

ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ เขาคงไม่สามารถไปถึงทะเลสาบสีฟ้าได้อีกต่อไปแล้ว หากเขาถอยไม่ได้ ก็คงต้องสู้จนตัวตาย เฉินรุยได้แต่กัดฟันแน่น ในตอนนี้เขาไม่มีเวลามาห่วงอาการบาดเจ็บและแรงที่เหลืออยู่แล้ว เขากัดฟันพร้อมกับรวบรวมพลังดวงดาวทั้งหมดในร่างกายพร้อมกับลุกขึ้นมาทีละนิด ยาสองสามขวดได้ปรากฏออกมาและเขาก็กระดกมันเข้าไปอย่างรวดเร็ว

"ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยังยืนได้อีก" สายตาของมิคาสจ้องไปยังขวดยาที่เฉินรุยดื่มเข้าไป และมันก็รู้สึกตกใจ "เมื่อกี้เจ้าดื่มยาสีดำงั้นหรือ? มันเป็นไปได้ยังไงกัน?"

เฉินรุยไม่ได้ตอบ เขาเพียงรอเงียบๆให้ยามันออกผล มิคาสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับส่ายหัวอีกครั้ง "หากมียาระดับปรมาจารย์อยู่ อาณาจักรมารคงรุ่งเรืองดั่งเดิม แสดงว่านั่นคงไม่ใช่ยาสีดำหรอก มันเป็นเพียงยาเสริมพลังหรือรักษาสินะ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เจ้ายังไม่รู้ซึ้งถึงความแตกต่างระหว่างระดับอยู่งั้นเหรอ? แม้ว่าเจ้าจะดื่มยาดำเข้าไปจริงๆ ท้ายที่สุดมันก็ยังคงไร้ประโยชน์เช่นเดิม! ยอมรับความตายอย่างสบายจะไม่ดีกว่าเช่นนั้นหรือ?"

"ยังไงเจ้าก็ต้องการให้ข้าทรมานมากกว่านี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ท่านมิคาส ข้าจะสนองตามที่ท่านต้องการเอง..."

ทันทีที่เขาพูดจบ มิคาสก็ได้โผล่มาเบื้องหน้าเฉินรุยแล้ว หมัดนั่นพุ่งเข้าใส่กลางหน้าอกของเฉินรุย แต่ปฏิกิริยาการตอบสนองของเฉินรุยรวดเร็วมาก ทั้งการโจมตีและการป้องกันต่างคนละระดับกับเมื่อก่อน เขาสามารถป้องกันการโจมตีของมิคาสได้ทุกอย่าง แต่เขาไม่สามารถทนแรงได้และก็ได้แต่ถอยหลังไปเรื่อยๆ

เฉินรุยไม่ได้หยุดร่างกายของเขาที่อ่อนแรง เขายังพยายามชกหมัดของเขาไปหามิคาสด้วย ในขณะเดียวกันเขาก็หันไปด้านข้างพร้อมกับเตะไปที่ซี่โครงของมิคาสเต็มแรง เมื่อมันเกือบจะโดน จู่ๆก็มีฝ่ามือขวางการเตะของเขา จากนั้นมันก็ได้จับขาของเขาบิดอย่างรวดเร็ว โดยมีความตั้งใจว่าจะหักขาของเขา มังกรพิษเองก็มักชอบใช้อุบายนี้ ดังนั้นเฉินรุยจึงสามารถตอบสนองได้อย่างเป็นธรรมชาติ เขาใช้ประโยชน์จากแรงในการหมุนร่างกายของเขาเตะขาอีกข้างหนึ่งไปบนใบหน้าของมิคาสโดยตรง

มิคาสก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวและรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ใบหน้าของตน ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความโกรธ มันไม่คิดเลยว่าจะถูกมารระดับกลางเตะเข้ามาได้ แม้ว่ามันจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่มันก็รู้สึกอัปยศอย่างยิ่ง มันตะโกนออกมาด้วยควาฒโกรธและพุ่งเข้าไปโจมตีซี่โครงของเฉินรุยราวกับสายฟ้า

เฉินรุยรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง ถ้าไม่ใช่เพราะยากำแพงเหล็กล่ะก็ มันอาจจะทำให้ซี่โครงของเขาหักไปแล้ว แต่ถึงจะโจมตีได้ ความโกรธของมิคาสก็ไม่ได้ลดลงเลย มันเคลื่อนย้ายไปที่ด้านหลังของเฉินรุยพร้อมกับปล่อยหมัดหนักอีกครั้ง เฉินรุยถึงกับกระอัก ร่างของเขาหมุนไปรอบๆ ครั้งนี้มิคาสไม่กล้าจะจับขาของเขาอีกแล้วและไม่สนใจมันเลย

แม้ว่าผลของยาจะทำให้เฉินรุยแข็งแกร่งมาก แม้ว่าช่องว่างระหว่างระดับจะลดลงแล้วและเขาสามารถโต้ตอบไปได้บ้าง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถทัดเทียมกับมิคาสได้อยู่ดี หลังจากยื้อกันมาสักพัก ร่างของเขาก็ได้ลอยไปมาเหมือนว่าว เพราะโดนกระแทกจากการโจมตีของมิคาส ร่างของเขาได้ไปกระแทกกับต้นไม้ขนาดใหญ่อย่างแรง จนเหลือเพียงหลุมตื้น จากนั้นต้นไม้ยักษ์ก็ได้หักออกเป็นสองท่อนและล้มเสียงดังลั่น

เฉินรุยเริ่มมีเลือดไหลออกจากสัมผัสทั้งห้าของเขา กระดูกทั้งร่างของเขาเหมือนกับจะหักไปแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาในตอนนี้จะใช้พลังดวงดาว แค่ขยับเพียงน้อยนิดมันก็ทำให้เขาเจ็บปวดทรมานเจียนตายแล้ว แล้วควรทำเช่นไรดี ยอมแพ้งั้นหรือ?

ตอนนี้ตัวเขาไม่ใช่คนเดิมแล้ว เห็นได้จากที่เขาไม่หวาดกลัวมือเปื้อนเลือดแลนซ์ในสนามประลอง ในสนามฝึกแรงโน้มถ่วง 4 เท่าโดยไม่มีพลังดวงดาว เขาก็ผ่านมาแล้ว โดยต้องเผชิญกับความตายมากกว่าหนึ่งครั้งด้วยซ้ำ

แม้หนทางข้างหน้าจะไม่มี เราก็ต้องเดินต่อไป! แม้พลังกายจะหมด แต่จิตใจของเขายังคงอยู่!

มิคาสได้เทเลพอร์ตมาด้านหน้าของเฉินรุยทันที ในขณะที่มันกำลังจะโจมตีอีกครั้ง มันก็ได้เห็น 'เอกิล' ที่กำลังพยายามลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางแปลกๆ เอกิลได้พยุงมือขวาของตนด้วยมือซ้าย จากนั้นก็กางนิ้วของมือขวาออกทั้งหมด

แม้ว่าเขาจะไม่ได้นั่งในที่นั่ง VIP แต่มิคาสก็ได้เห็นการต่อสู้ทั้งหมด รวมถึงเห็นเหตุการณ์ที่อรัคได้จับบอลแสงด้วยมือทั้งสองไว้ด้วย ตัวของมันเริ่มรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งร่างกาย ในเวลาเดียวกัน ลูกบอลแสงขนาดยักษ์ก็ส่องสว่างต่อหน้ามัน

"ยิงแสงสว่าง!"

ยิงแสงสว่างได้ที่รับผลจากยาสีดำคือความหวังสุดท้ายของเขา

มิคาสเพิ่งจะใช้เทเลพอร์ตไป ตัวมันในตอนนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว มันได้แต่เอื้อมมือไปรับบอลโดยสัญชาตญาณ ในขณะที่มันสัมผัสบอลแสง มิคาสก็ได้แต่รู้สึกตื่นตะลึง แรงกดมหาศาลของลูกบอลหนักหนาเกินกว่ามันจะจินตนาการได้ ในที่สุดมันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมแม้แต่อรัคถึงกับต้องใช้สองมือในการรับมัน เปลวไฟบนร่างกายของมันเริ่มไหม้ ร่างของมันเริ่มถอยหลังไปโดยไม่สามารถหยุดได้ โดยทิ้งรอยเท้าไว้ที่พื้นทุกๆก้าว

ในเจ็ดถึงแปดก้าว มิคาสก็ได้ตะโกนออกมาและเหวี่ยงมือมันออกไป ซึ่งมันก็ได้โยนบอลแสงสว่างออกไปด้านข้างอย่างรุนแรง มันทำลายต้นไม้สองข้างทางไปจนไม่มีอะไรเหลืออยู่

เมื่อเห็นมิคาสไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เฉินรุยก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นภายใต้หน้ากาก การยิงแสงสว่างนี้ได้ใช้พลังดวงดาวทั้งหมดของเขาไปแล้ว รวมถึงตอนนี้ผลของยาสีดำก็หมดลงแล้วด้วย ในตอนนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว นอกเหนือจากอาการบาดเจ็บแล้ว แม้แต่การยกนิ้วยังเรียกว่ายากเลยด้วยซ้ำ

ความแตกต่างระหว่างมารระดับกลางและมารระดับสูงนั้นมีมากเกินไป แม้จะกินยาเสริมพลังเข้าไปแล้ว แต่การโจมตีครั้งสุดท้ายของเขาก็ยังคงไม่เป็นผล

"ข้าไม่คิดเลยว่ามารระดับกลางจะสู้กับข้าได้ถึงขนาดนี้ เจ้าไม่แม้กระทั่งกลายร่างหรือเทเลพอร์ตเลย เป็นไปได้ว่าเจ้าคงเป็นคนของตระกูลราชวงศ์ และเป็นอัจฉริยะ บางทีในอนาคตเจ้าคงอาจสามารถก้าวถึงขั้นราชันย์มารได้ เสียดายที่เจ้าคงไม่มีอนาคตอีกแล้ว"

มิคาสมองไปที่มือเปื้อนเลือดของมันและก็ได้ยิ้มออกมาอย่างโหดเหี้ยม "และเพราะนายท่านอลันสั่งว่าให้เจ้าตายด้วยเปลวเพลิงอันแสนเจ็บปวด ข้าก็จะให้เจ้าได้ลิ้มรสเปลวเพลิงของข้าจนตายไปเสีย"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด