ลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 63
บทที่ 63: ต้องพ่ายแพ้! ภัยคุกคามของอลัน
วันเวลาได้ผ่านพ้นไปและตอนนี้ก็เป็นช่วงเย็นแล้ว เมื่อเทียบกับจำนวนคนตามปกติแล้ว วันนี้ผู้ชมมีมากเป็นสองเท่าเลย ภาพแบบนี้ไม่ได้ปรากฏในสนามประลองมานานพักหนึ่งแล้ว
จำนวนผู้ชมที่มากขนาดนี้ไม่ใช่เพราะพวกเขามารับชมการต่อสู้ของเซนทอร์สองตนที่กำลังประลองกันในตอนนี้ แต่พวกเขาตื่นเต้นที่จะได้ดูการต่อสู้กันของมารระดับกลางในรอบถัดไปต่างหาก การประลองของเซนทอร์สองตนรุนแรงและดุดันเป็นอย่างมาก แต่มารส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจพวกเขาเลยสักนิดเดียว จิตใจของพวกเขาทุกตนต่างมุ่งไปที่การแข่งขันรอบถัดไปเท่านั้น เพราะการต่อสู้ของวันนี้อันแสนน่าตื่นเต้นคงมีเพียงคู่เดียว “บัลล็อค” และหมายเลข 64 ผู้ลึกลับ
“บัลล็อค” เรก้า มารผู้ยิ่งใหญ่: มารระดับกลางที่แข็งแกร่งที่สุดในสนามประลอง ประลองทั้งหมด 100 ครั้งและชนะติดต่อกัน 27 ครั้งถ้วน เขานั้นเหมาะสมกับชื่อเสียงที่ได้รับการขานว่าเป็นราชาของมารระดับกลางอย่างแน่นอน มีข่าวลือว่าเขาในตอนนี้ได้ทิ้งห่างจากมารระดับสูงไปมาก และทำให้ในสามเดือนมานี้ ไม่มีใครกล้าท้าทายเขาเลย
ส่วนทางด้านหมายเลข 64 ไม่มีใครรู้จักเขา ทุกสิ่งที่เขาทำคือปาฏิหาริย์ และนี้ก็เป็นเพียงการต่อสู้ครั้งที่สามของเขา ในการต่อสู้ครั้งแรก เขาก็ได้สู้กับ “มือเปื้อนเลือด” แลนซ์ที่อยู่ในขั้นต้นของมารระดับกลาง แต่เขาก็ได้ถูกโจมตีจนไม่สามารถสวนกลับได้ ต่อมาแลนซ์ก็ได้ใช้ความสามารถ ‘บ้าคลั่ง’ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังสามารถสังหารแลนซ์ได้อยู่ดี ในการต่อสู้ครั้งที่สอง เขาต่อสู้กับ "หมาป่าปราดเปรียว" เจสซี่ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในมารระดับกลาง แม้จะต้องเจอกับท่าสั่งตายของเจสซี่ แต่เขาก็สามารถเอาชนะมาได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาไม่ได้ฆ่าเจสซี่ ในศึกที่สาม หมายเลข 64 จะต้องต่อสู้กับเรก้า ราชามารระดับกลาง!
หมายเลข 64 ได้สู้กับมารทั้งในระดับกลางขั้น ต้น กลาง และในรอบนี้ก็คือขั้นสูง ซึ่งมันเป็นช่องว่างที่แตกต่างกันมาก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าเขาสามารถสร้างปาฏิหาริย์ในการต่อสู้ที่สามได้หรือไม่!
ก็อย่างที่ทราบกันดี หมายเลข 64 เป็นผู้นำขององค์กรใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นมา ‘แก๊งค์เสื้อคลุม’ ซึ่งเขาได้ถูกเรียกว่า เอกิล ประมาณครึ่งเดือนก่อน เอกิลได้ไปหากลุ่มทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงแย่ที่สุดในเมือง ซิลเวีย เพื่อที่จะชื้อขายของ แต่ซิลเวียกลับเลือกที่จะขโมยและฆ่าเขา ผลลัพธ์น่ะเหรอ? เอกิลและเจสซี่ได้กวาดถนนหมายเลข 4 ให้โล่งเตียน สังหารซิลเวียและมารระดับกลางขั้นสูง กาอู หลังจากนั้น บ้านโบราณก็ได้เป็นที่อยู่ของแก๊งค์เสื้อคลุม และด้วยเหตุนี้ จึงมีมารอีกหลายตัวเข้าร่วมแก๊งค์เสื้อคลุม แก๊งค์เสื้อคลุมเลยมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
เรื่องราวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่ว การลงเดิมพันของทั้งสองฝ่ายจึงไม่ได้แตกต่างกันนัก
อรัคตอนนี้นั่งอยู่บนที่นั่ง VIP ตามเดิม นอกจากนี้ก็มีเจ้าลิง คีธาน ที่นั่งรับชมอยู่ข้างๆ และก็มีมารอีกสองตนอยู่ด้วย หนึ่งในนั้นคือหัวหน้าทหาร อลัน และอีกตนคือเพื่อนของอรัค หนึ่งในสามข้ารับใช้ของโจเซฟ รอยซ์
อรัคและรอยซ์กำลังพูดคุยกันอยู่ พวกเขานั้นไม่สนใจอลันเลย อลันเองก็พยายามเข้าร่วมบทสนทนาด้วย แต่เขาก็รู้ดีว่าทั้งสองตนนั้นไม่ได้สนใจเขาเลย และเขาก็ได้แต่รู้สึกอับอาย อย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจดีว่าการที่เขาสามารถมานั่งที่นั่ง VIP กับมารระดับสูงสุดได้นี้ก็ด้วยฐานะของตระกูลคารอน ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเขา
ทันใดนั้นอลันก็ได้หยุดคิดเรื่องนี้ และเริ่มหัวเราะออกมา
ในห้องเตรียมตัว เฉินรุยปิดบังใบหน้าและสวมหน้ากากตามปกติ เขาฟังเสียงเชียร์ที่ดังด้านนอกอย่างเงียบๆ เมื่อเทียบกับครั้งแรก ที่เขาทั้งเครียดและรู้สึกไม่สบายใจ การประลองครั้งนี้เขากลับสงบเป็นอย่างมาก
ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งของเขาที่พัฒนาขึ้น แต่จิตใจของเขาก็เช่นกัน
ในสายตาของคนอื่นมันคงจะผ่านไปเพียงครึ่งเดือน แต่จริงๆแล้วสำหรับเฉินรุย เขาต้องใช้เวลาถึง 3 เดือนในสนามฝึกซ้อม นอกจากนี้ เขายังอยู่ในสนามโน้มถ่วง 4 เท่า ออร่าที่มี 70,000 ก็หมดลงไปแล้ว ในระหว่างการฝึก เขาก็ได้แปลงพวกแร่ที่คนแคระเฒ่าชื้อมาด้วยเงินของซิลวา นอกจากนี้เขาก็มีฝึกพิเศษกับปากรีโลในชีวิตจริงด้วย พอหักลบกันแล้ว ตอนนี้เขาจึงมีออร่ามากกว่า 50,000 จุด ไม่ใช่เพราะเขาไม่เต็มใจที่จะใช้มัน เขาแค่คิดว่ามันยังไม่จำเป็นต้องใช้
สำหรับการฝึกสามเดือน แรงโน้มถ่วง 4 เท่า แค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว ส่วนสถานที่ฝึกที่เข้าเลือก มันก็เป็นพื้นที่ป่า เขากระโดดในพื้นที่ว่างเปล่าของป่าด้วยแรงโน้มถ่วง 4 เท่า แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เฉินรุยเองก็รู้ดีว่าหากเขากระโดดไปเช่นนั้นสิ่งที่เขาต้องรับมันหนักหนาขนาดไหน ในตอนแรกที่เขาทำมันไป เขาเกือบจะเข้าปากทางนรกเลยด้วยซ้ำ แต่ในที่สุดเขาก็สามารถทำมันได้ด้วยแรงพยายาม
ด้วยแรงพยายามของเขา เขาก็สามารถทลายขีดจำกัดทางร่างกายของเขาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ในร่างกายมนุษย์ 3 มิติในแถบค่าสถานะ กระดูกโปร่งแสงและกล้ามเนื้อดูแข็งแรงขึ้นมาก และที่จุดกึ่งกลางของสถานะอัลไคน์ยังมีบอลแสงด้วย เส้นใยจำนวนมากได้ไหลเป็นวงจรไปทั่วร่างกาย แถบค่าประสบการณ์ได้กลายเป็นสีแดง พร้อมกับโชว์ค่า 100%
ข้อมูลในจอนั้นได้แสดงให้เห็นว่าการควบคุมพลังดวงดาวของเขาและ ‘การชำระล้างกายา’ ในขั้นอัลไคน์ของเขาได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว ในตอนนี้เขาครบเงื่อนไขที่จะสามารถเลื่อนขั้นได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เขาไม่แน่ใจว่าควรจะเลื่อนระดับดาวเพื่อเข้าไปยังสถานะ ‘มิซาร์’ ต่อดีหรือเปล่า เพราะตอนนี้เขามีทั้งข้อจำกัดด้านเวลาและเขายังต้องปรับตัวให้เข้ากับแรงโน้มถ่วง 8 เท่าอีก แม้มังกรพิษจะช่วยฝึกฝน แต่ผลลัพธ์ก็ส่งผลต่อสภาพร่างกายเท่านั้น อีกทั้งเขายังต้องการที่จะฝึกฝนการต่อสู้ เช่นนี้แล้วการต่อสู้จริงๆคงจะส่งผลดีที่สุด
เฉินรุยกระหายที่จะต่อสู้มานานแล้ว และนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาข้ามคอขวดไปได้ ตอนนี้ภายนอกของเขาดูสงบดั่งน้ำนิ่ง ส่วนภายในจิตใจของเขาก็ไม่ต่างกันนัก คราวนี้มันแตกต่างจากคราวที่สู้กับเจสซี่มากโข
“หมายเลข 64? ท่านเอกิล?” เสียงที่คุ้นเคยได้ดังขึ้นมาจากทางเข้า
ในตอนนี้ไม่ควรที่จะมีใครเข้ามายังห้องเตรียมตัวประลองสิ เฉินรุยหันไปมองและก็ได้พบเข้ากับลูกน้องของอลัน ลิชผู้มีนามว่า นาจิบ ในยามที่เขาฆ่าซิลวาและยึดบ้านโบราณไว้นั้น นาจิบก็เป็นผู้เข้าไปตรวจสอบในนามของอลัน และท้ายที่สุดแล้ว แก๊งค์เสื้อคลุมก็สามารถยึดบ้านโบราณด้วยนามอันชอบทำ ด้วยการติดสินบนเหรียญคริสตัลสีดำไม่กี่เหรียญ
ว่าแต่มันต้องการอะไรถึงมาหาเขาที่ห้องเตรียมตัวกัน?
“ท่านต้องเป็นท่านเอกิลแน่นอนเลย!” นาจิบรู้ได้เลยทันทีที่พบกับชายสวมเสื้อคลุมและหน้ากาก ตอนนี้ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของชายสวมเสื้อคลุมคนนี้จะแข็งแกร่งเป็นอย่างมากจนกล้าท้าทายเรก้า ช่างโชคดีนักที่เดงคิและนาจิบไม่ได้ตกหลุมพรางของเอกิลตอนที่ไปเยือนแก๊งค์เสื้อคลุมคราวก่อน “ท่านขอรับ ข้าได้มาที่นี่เป็นเพราะคำสั่งของหัวหน้าอลัน เขาอยากจะทำสัญญากับท่านขอรับ”
อลัน? เจ้าน่าสมเพชคนนั้นมันต้องการพูดไร้สาระอะไรเหรอเนี่ย? เฉินรุยขมวดคิ้วพร้อมพูดไปว่า “อะไร?”
นาจิบพยายามใจเย็นและก็พูดออกไปว่า “คืออย่างนี้นะขอรับ เหตุการณ์ที่แก๊งค์เสื้อคลุมได้สังหารซิลวาและยึดบ้านโบราณไปเป็นปัญหาอย่างมากและยากที่จะจัดการ เพราะอีกไม่นานเรื่องนี้จะถูกรายงานให้เจ้าหญิงเชียทราบ เมื่อเจ้าหญิงเชียทราบเรื่อง นางจะส่งทหารมาปราบปราม แม้แต่ท่านอลันก็คงไม่สามารถช่วยแก๊งค์เสื้อคลุมได้
“เลิกโอบแม่น้ำเข้ามาได้แล้ว! พูดตรงๆมาได้แล้ว!” เฉินรุยได้แต่เยาะเย้ยในใจ คำพูดพวกนี้คงได้แค่ขู่คนอื่นเท่านั้น ไม่ว่าอลันหรือนาจิบ พวกมันคงไม่รู้หรอกว่าเอกิลก็คือที่ปรึกษาที่เชียเชื่อถือมากที่สุด ในอีกทางหนึ่ง นาจิบเองก็ได้ยอมรับสินบนครั้งใหญ่ไปแล้ว ซึ่งมันก็เป็นกับดักที่เขาวางไว้...
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านต้องเข้าใจ” นาจิบกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ท่านอลันได้พยายามที่จะจัดการเรื่องนี้และก็ได้คิดอย่างถี่ถ้วน ท่านอลันต้องการให้แก๊งค์เสื้อคลุมคุมเมืองเขตตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นแล้วสิ่งที่ท่านต้องการก็คือ ในการต่อสู้ครั้งนี้ ท่านเอกิลจะต้องแพ้ให้กับเรก้านะขอรับ!”
ล้มมวย? คำขู่?
เฉินรุยได้แต่สบถในใจ นาจิบเองก็เริ่มรู้สึกถึงจิตสังหารที่มองไม่เห็น มันในตอนนี้รับรู้ได้แต่เพียงความรู้สึกกลัว ร่างกายเองก็สั่นอย่างไม่ตั้งใจ
“อลันคิดคิดว่าข้าเก่งขนาดนั้น จนคิดว่าเรก้าจะแพ้ข้างั้นเหรอ?” จากนั้นเฉินรุยก็กล่าวอย่างใจเย็นไปว่า “หากข้าไม่ยอมรับ อลันจะจัดการข้ากับแก๊งค์เสื้อคลุม?”
นาจิบก็ได้อธิบายอย่างติดอ่างไปว่า “ได้โปรดใจเย็นก่อนเถิดท่าน ตัวข้าเพียงแค่ถ่ายทอดคำพูดเล็กน้อยที่ท่านอลันเอ่ยเท่านั้น หากท่านฆ่าข้าไปก็ไม่มีความหมายอะไรหรอกขอรับ มันก็เป็นเช่นนี้แหละขอรับ เพราะเรก้าได้สาบานที่จงรักภักดีต่อตระกูลคารอน ดังนั้นท่านอลันจึงไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์สุดวิสัยใดๆ เช่นนี้แล้ว ตราบใดที่ท่านยอมรับที่จะยอมแพ้ รับรองเลยว่าในสนามประลองท่านจะไม่ได้รับอันตรายใดๆเลย”
จากนั้นเอง จิตสังหารก็ได้หายไปอย่างช้าๆ เสียงแหบแห้งของเอกิลก็ได้ดังขึ้น “งั้นหากเป็นเช่นนี้ บอกอลันว่าข้าจะทำให้เขาพอใจเอง”
พอได้ยินดังนั้น นาจิบก็รู้สึกใจชื่นขึ้นมาก ตัวมันเองก็กลัวที่จะตายเพราะทำให้เอกิลโกรธ ดังนั้นมันจึงทำเหมือนความจำเสื่อมทันทีหลังจากได้ยินแล้ว ตัวมันกล่าวอย่างสุขใจไปว่า “ขอบคุณขอรับท่าน! นาจิบผู้นี้จะไม่รบกวนท่านอีกแล้ว! ข้าขอตัวก่อน!”
พอเฉินรุยเห็นนาจิบออกไป เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ: ถ้าหากไม่มีอะไร เขาก็จะยอมแพ้ได้ แต่ตอนนี้ เขาไม่สามารถแพ้ได้ ซึ่งถึงแม้จะไม่มีเรื่องการท้าประลองกับอรัค เขาก็คงต้องรีบทลายขีดจำกัดไปยังขั้นมิซาร์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ได้เลย “ท่าน” อลัน ข้าจะทำให้ท่านได้ “พึงพอใจ” ตามต้องการ
การแข่งขันรอบก่อนหน้าของเฉินรุยก็ได้จบลงด้วยการตายของเซนทอร์ หลังจากทำความสะอาดเลือดและศพของเซนทอร์นั้นแล้ว ซัคคิวบัสสาวก็ได้ใช้เวทมนตร์ขยายเสียง
ภายใต้สายตานับล้าน ทั้งสองฝ่ายได้ยืนประจันหน้ากันที่สนามประลอง
ภาพลักษณ์ของเรก้าเป็นดั่งจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ ร่างกายสูง ผิวแดงเถือก เขา 2 เขาสีดำโค้งบนศีรษะ ในตอนนี้มีจิตสังหารเต็มไปหมด ราวกับมันพร้อมที่จะระเบิดออกมา
ในทางตรงกันข้าม หมายเลข 64 ยังคงสวมหน้ากากอยู่และยังคงทำตัวให้ไม่เด่นเหมือนเดิม หากเทียบกันแล้ว การปรากฏตัวของเขาด้อยกว่าเรก้าอย่างเห็นได้ชัด
รอยซ์ที่อยู่บนโต๊ะ VIP มองหมายเลข 64 ด้วยดวงตาอันแสนสงบ ภายในนัยน์ตาของเขารู้สึกชื่นชมเล็กน้อย เขายิ้มและก็ได้กล่าวว่า “อิรัค ดูเหมือนว่าเจ้าจะเลือกได้ดีนี้ หมายเลข 64 ผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย”
แม้ว่าหมายเลข 64 จะไม่ได้ดูโดดเด่นนัก แต่ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างรอยซ์ยังสามารถบอกได้เลยว่าความแข็งแกร่งทางกายและจิตใจของหมายเลข 64 นั้นรวมกันเป็นหนึ่ง แม้มันจะไม่ได้แสดงออกมาชัดเจน แต่ตัวมันก็รู้สึกประทับใจหมายเลข 64 ผู้นี้ไม่ด้อยไปกว่าเรก้าเลย
จากนั้นสายตาของอรัคก็ได้จับจ้องไปที่ร่างกายของเอกิล ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็สามารถมองเห็นแววตาอันแสนประหลาดใจของมันได้ทันที “พลังของมาระดับกลางขั้นสูงเหรอ? ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ แต่ ... ยอดเยี่ยมเหลือเกิน!”
“คราแรกข้าคิดว่ามันคงจะเป็นการแสดงเดี่ยวของเรก้า แต่ผลลัพธ์ครั้งนี้อาจจะบอกได้ยากพอสมควร” รอยซ์เองก็กล่าวพร้อมครุ่นคิดไปว่า“ถ้าหมายเลข 64 เป็นมารระดับสูงสุด ตอนนี้เขาคงจะอยู่ในร่างที่พร้อมที่สุดแล้ว เพราะหากเขาได้ใช้ร่างต่อสู้ มันก็จะทำให้ระดับของเขาเลื่อนไปที่มารระดับสูงสุด หากเป็นเช่นนั้น จะเป็นตัวเรก้าเองที่พ่ายแพ้”
ดวงตาของอรัคก็ได้เบิกกว้างทันที จริงสิ! ในการต่อสู้สองครั้งก่อนหน้านี้ เอกิลไม่เคยแปลงร่างเลย!
“แต่ก็ไม่แน่นอนนัก” รอยซ์จิบไวน์อย่างสง่างามและกล่าวต่อว่า“การกลายร่างไม่ได้จะทำให้ข้ามขั้นทั้งหมดเสียทีเดียว มารระดับสูงสุดจำนวนมาก แม้จะอยู่ในขั้นหลัง หากพอกลายร่างก็เพียงเพิ่มความแข็งแกร่งเพียงน้อยนิดเท่านั้น นอกจากนี้ มันผู้นี้อาจไม่จำเป็นต้องใช้ความแข็งแกร่งระดับมารสูงสุดด้วยซ้ำ เพราะบางทีมันอาจเป็นทายาทของราชวงศ์ที่ตกต่ำก็เป็นได้”
อรัคจำได้ว่าเอกิลเคยกล่าวถึงเรื่อง “ยึดคืนเกียรติยศ” ดังนั้นดูเหมือนเรื่องที่รอยซ์กล่าวจะเป็นไปได้สูง ตัวมันเองก็ขมวดคิ้วและเงียบไป เพราะดูเหมือนมันเองจะไม่เคยได้คิดเรื่องนี้เลย แต่ยังไงการประลองก็คือการประลอง ตราบเท่าที่ข้าสามารถสนุกกับการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นได้จริงๆ ตัวข้าก็ไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นมารระดับสูงหรือคนของตระกูลราชวงศ์! นี่แหละตัวข้า อรัค!
อลันที่ฟังข้างๆก็รู้สึกกลัวินดหน่อย เอกิลผู้นี้แม้ดูธรรมดา แต่กลับมีโอกาสเอาชนะเรก้าได้ ในตอนนั้นเอง ตัวมันก็ได้เห็นลิช นาจิบ ปรากฏตัวอยู่ข้างๆที่นั่ง VIP
อลันที่พอเห็นท่าทางของนาจิบแล้ว เขาก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก เขามองไปที่นาจิบอย่างยินดีและส่งสัญญาณบอกให้ทำการเดิมพันทันที นาจิบพอได้เห็นก็เข้าใจ และรีบพุ่งออกไปเลย