ตอนที่แล้วบทที่ 58: การโต้กลับ! การลอบโจมตีของโลลิ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 60

บทที่ 59: จูบแรก! "เหยื่อ" ของหนังสือสุดแสนจะเลวร้าย


บทที่ 59: จูบแรก! "เหยื่อ" ของหนังสือสุดแสนจะเลวร้าย

ลมหายใจของอลิซเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่านางจะลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นริมฝีปากอันนุ่มนวลและอบอุ่นของนางก็ได้แตะริมฝีปากของเฉินรุย

ใจของเฉินรุยแทบจะบินปลิวไปเลย ความรู้สึกแปลกๆจากริมฝีปากของเขาได้กระจายไปทั่วร่างกายทันที

หลังจากสมองของเขาว่างเปล่าอยู่ครู่หนึ่ง ตัวเขาก็ได้ฟื้นคืนสติ จูบแรกของเขาหลังจากเกิดใหม่กลับเสียไปแบบนี้เฉยเลย!

อลิซดูเหมือนจะอึดอัดมาก ร่างกายของนางเองก็สั่นเครือ อลิซพยายามพยุงร่างกายตัวเองขึ้นจากร่างของเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง

เฉินรุยเองก็เคยจินตนาการถึงเป้าหมายที่เขาจะเสียจูบแรกให้หลังจากเกิดใหม่ เขาเองก็หลงใหลอาเธน่าอยู่บ้าง โดนเคียตกบ้างหรือบางทีก็เจ้าหญิงน้ำแข็ง แต่ตามตรงเลยนะ อลิซไม่อยู่ในเป้าหมายของเขาเลยสักนิด!

เขาไม่เคยคิดเลยว่าจูบแรกของเขาจะถูก "พรากไป" โดยอลิซ จินตนาการและความปรารถนาอันงดงามเหล่านั้นล้วนถูกบดขยี้อย่างเหี้ยมโหด!

โลลิตัวน้อยดูเหมือนจะภูมิใจกับความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของตัวนางมาก เห็นได้ชัดเลยว่านางดูจะคล่องแคล่วพอสมควร ริมฝีปากที่อ่อนโยนของนางทำให้เขารู้สึกประหลาด ดูเหมือนว่าความรู้สึกนี้มันจะไม่เลวจริงๆ...อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะมีอะไรแปลกๆไปบ้าง ไม่สิ! เขาควรต้องสงบสติสิ! ไม่อย่างนั้นมันจะมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น!

ไม่นานนัก โลลิตัวน้อยก็ได้ลุกขึ้นยืนเล็กน้อย ซึ่งเฉินรุยก็ได้ยินเสียงของการพลิกหนังสือไปมา เขานั้นนึกถึงหนังสือสุดแสนเลวร้ายพวกนั้นที่ถูกเก็บไว้ในช่องเก็บของมิติในทันที แม้จะไม่ได้มองที่หน้าปก เขาก็พอเดาชื่อมันได้!

ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นเหยื่อของหนังสือสุดแสนเลวร้ายพวกนั้นซะแล้ว...

หลังจากนั้นไม่นาน กลิ่นหอมก็ได้เข้ามาใกล้อีกครั้ง คราวนี้โลลิตัวน้อยได้สอดใส่ลิ้นเข้ามา ตอนนี้เฉินรุยแทบจะสิ้นสติไปแล้ว แต่เขาไม่กล้าประมาท ดังนั้นเขาจึงกัดฟันแน่นและไม่กล้าคลาย

ลิ้นอันชุ่มชื้นของอลิซได้เข้ามาข้างในพักหนึ่ง จนกระทั่งนางเหนื่อยและเริ่มหอบ ก่อนที่จะพิงหน้าอกของเขาอยู่ ถึงแม้ว่าโลลิตัวน้อยจะไม่สามารถมองได้ว่าเป็นผู้หญิงจริงๆและด้วยความที่หน้าอ… มันก็ใหญ่จริงๆนั้นแหละ สิ่งที่ทำให้เฉินรุยอยากร้องไห้มากคือ เขาไม่สามารถใช้สถานะ 'อัลไคน์' ฝืนมันต่อได้อีกแล้ว ในที่สุดมันก็ส่งผลต่อสัญชาตญาณดั้งเดิมของเขา สัญชาตญาณสัตว์ร้ายของมนุษย์!

โลลิตัวน้อยดูเหมือนจะรู้สึกผิดปกติที่บั้นท้ายของนาง ดังนั้นนางจึงลุกขึ้นนั่งด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น

เฉินรุยก็รู้ว่าเขาไม่สามารถเสแสร้งได้อีกต่อไป ถ้าอลิซต้องการศึกษาโครงสร้างของเพศชายเชิงวิชาการอย่างแท้จริง ต่อไปเขาก็ไม่รู้เลยว่าความบริสุทธิ์ของเขาจะยังคงอยู่ไหม

เฉินรุยขยับไปเล็กน้อยแสร้งทำเป็นหาวและกลืนน้ำลายพรางๆเพื่อทำให้ชุ่มคอ

พอในขณะที่เขาเคลื่อนไหว โลลิน้อยตัวน้อยก็ได้กระเด้งออกจากร่างกายของเขา ราวกับนางถูกไฟฟ้าดูดและนางก็รีบไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วของนางไม่ด้อยไปกว่าของเจสซี่มากนัก เฉินรุยลูบดวงตาที่พร่ามัวของเขาแสร้งทำเป็นตื่นขึ้นมา “เอ๋ อลิซทำไมเจ้ามาที่นี่?”

อลิซต้องการที่จะหันหลังรีบวิ่งกลับไป แต่พอนางได้ยินคำถามของเขา นางก็หันกลับมาและยิ้มอย่างรวดเร็ว“ข้าเห็นว่าเจ้ายังไม่กลับมาสักที ข้าก็เลยแวะมาดูน่ะ แล้วพอพบเจ้าหมดสติ ข้าเลยรีบวิ่งเข้ามาช่วย”

มาช่วยด้วยการวิ่งหนีเนี่ยนะ? แล้วที่มือซ่อนอะไรไว้ข้างหลังห๊ะ? ซึ่งในมือของนางก็ยังมีหนังสือที่ยังไม่ได้เก็บไว้ในสร้อยมิติ

โลลิน้อยดูสงบเสงี่ยมมาก แต่มันก็ไม่สามารถปกปิดสีอารมณ์บนใบหน้าของนางได้หรอกนะ ใบหน้าของนางตอนนี้เหมือนแอปเปิ้ลเขียวในช่วงที่กำลังสุกที่สุด อย่างไรก็ตาม เขาไม่ควรทำเป็นรู้อะไร เพราะหากพี่สาวของนางรู้ บทลงโทษที่เขาโดนคงเป็นการตัดอัณฑะ

ยิ่งกว่านั้น ในเหตุการณ์ครั้งนี้เขายังตกเป็นเหยื่อด้วย

ถูกลอบโจมตี บังคับจูบ... ดูเหมือนว่าอาณาจักรมารจะเป็นพื้นที่แสนอันตรายจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เขากลับไปยังโลกไม่ได้...

เฉินรุยเสียใจอย่างมากที่เขาไม่เลือก “ตื่น” ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ในขณะนี้ยังคงมีความอบอุ่นระหว่างริมฝีปากของเขาอยู่ และมันก็มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในหัวใจของเขาด้วย เขาส่ายหัวอย่างรวดเร็วและสะบัดความคิดแปลกๆทั้งหมดออกไป เขานั้นได้แต่พูดไปว่า “ขอบคุณอลิซ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆก็เหมือนมีอะไรมาโดนศีรษะ จากนั้นข้าก็จำอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้ข้าเองก็ยังรู้สึกเวียนหัว มาเก็บแก้วมังกรหยกแล้วกลับกันเถอะ ไว้ครั้งหน้าเราค่อยมาปิกนิกนะ?”

โลลิตัวน้อยเองก็รู้สึกผิด นางพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร เมื่อทั้งสองกำลังจากไป จู่ๆก็เหมือนได้ยินเสียงกลั้นหัวเราะ อลิซมองไปรอบๆอย่างสงสัย แต่นางก็ไม่พบอะไรเลย เฉินรุยก็ทำเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรเลย แต่เขาก็ได้แต่ด่าในใจ: ไอ้บ้าปากรีโลมันเฝ้าดูตลอดเวลานี้หว่า!

โลกใบนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว วันนี้ เขาได้ทำอะไรบางอย่างล้มเหลวไป หรือว่าแนวพี่สาวเย็นชาจะเลิกฮิตไปแล้ว กลายเป็นแนวโลลิแทนอย่างงั้นเหรอ?

เมื่อมาถึงเมืองพระจันทร์ดับ โลลิตัวน้อยก็ได้จากเฉินรุยไปและรีบวิ่งตรงไปที่ร้านค้าปลีกเจ้าหญิงด้วยความโกรธ

เฉินรุยตะลึงมาก เพราะเหตุผลที่อลิซรู้สึกโกรธก็เป็นอะไรที่ธรรมดาพอสมควร ระหว่างทางโลลิตัวน้อยก็หลีกเลี่ยงที่จะพูดเป็นเวลานานและในที่สุด นางก็ได้ถามอะไรบางอย่างขึ้นมา “เจ้าชอบคนที่มี 'พัฒนาการ' ทางหน้าอกแบบอาเธน่าหรือเปล่า?”

แต่เพราะอะไรไม่ทราบ เขาก็ได้พยักหน้าไปโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าของโลลิน้อยจากรอยยิ้มแจ่มใสได้เปลี่ยนไปในทันทีและนางวิ่งตรงไปที่แรดสามเขาเลย

เฉินรุยได้แต่ถอนหายใจ: เฮ้อ ช่างมันเถอะ แต่อนาคตหนังสือเลวร้ายพวกนัน้จะส่งผลยังไงต่อเนี่ย...

แน่นอนว่าเมื่อเฉินรุยกลับไปที่ทะเลสาบสีน้ำเงินเพื่อฝึกฝนพิเศษในเวลากลางคืน เขาก็ถูกหัวเราะโดยปากรีโล มังกรพิษที่น่ารังเกียจเลียนแบบเสียงของอลิซและเรียกเขาว่า 'พี่ชาย' มันทำให้มนุษย์ผู้นี้รู้สึกขนลุกมากและเกือบจะต่อสู้กับปากรีโลแลกชีวิตไปแล้ว

ในที่สุด มังกรพิษก็ได้วกกลับไปพูดถึงหัวข้อหลักและถามเฉินรุยเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งหน้า คู่ต่อสู้ตนต่อไปคือ บัลร็อค เรก้า ตามข้อมูลที่ได้รับมา เรก้าเป็นสายใช้ความแข็งแรงของร่างกาย พลังโจมตีและพลังป้องกันของมันเรียกได้ว่าสูง ซึ่งนั้นก็ทำให้มันกลายเป็นมารระดับกลางที่แข็งแกร่งที่สุด

เรก้ามีชื่อเสียงมากก็จริง แต่เฉินรุยนั้นมีความมั่นใจมากขึ้นหลังจากการต่อสู้สองรอบแรกได้ผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งทางฝ่ายเฉินรุยเองก็ยังไม่ใช้ท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง 'ยิงแสงสว่าง' เลย

ความทนทานของ “โครงกระดูก” ในสถานะอัลไคน์นั้นเพิ่มความแข็งแกร่งให้เฉินรุยเป็นอย่างมาก ถ้าเส้นใย “กล้ามเนื้อ” สามารถแข็งเหมือน “โครงกระดูก” ในการฝึกพิเศษในอนาคตความแข็งแกร่งของเขาจะต้องถูกยกระดับขึ้นอีกแน่นอน กุญแจสำคัญคือดีลที่ไปทำค้าขายมาจะทำให้เขาได้รับค่าออร่าเท่าไหร่

วันรุ่งขึ้น เฉินรุยซึ่งสวมเสื้อคลุมอยู่ก็ได้เข้ามาที่ฐาน ที่นั่นมีคนแคระเฒ่ารออยู่แล้ว

เฉินรุยก็เลยถามไปว่า “เจ้าติดต่อซิลวาแล้วหรือ?”

คนแคระเฒ่าตอบกลับมาว่า “ข้าได้ติดต่อไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ที่รับข้อความคือลูกน้องที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา กาอู มันบอกว่าจะให้คำตอบหลังจากนี้อีก 2 ชั่วโมง ซึ่งก็ใกล้ได้เวลาแล้ว”

“เจสซี่อยู่ไหน?”

คนแคระเฒ่าขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “มันออกไปตอนเช้าโดยบอกว่าไม่ต้องรอ ตัวมันจะปรากฏออกมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมเอง ข้าเกรงว่ามันจะหนีหายไปพร้อมกับเงินแล้ว”

เฉินรุยก็พูดอย่างใจเย็นไปว่า “มันไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก ถ้าอย่างนั้น เราก็แค่ต้องเชื่อว่ามันจะโผล่หัวออกมาในเวลาที่เหมาะสม”

ในขณะที่คนแคระเฒ่ากำลังจะพูดอะไรต่อ ก็ได้มีอิมป์ตัวน้อยเดินเข้ามา “กลุ่มของซิลวาส่งข้อความถึงนายท่านและท่านดิดิให้ไปที่บ้านโบราณบนถนนสายที่ 4 ของพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ พวกมันยังกล่าวด้วยว่า พวกมันกลัวว่าเราจะเล่นลิ้น ดังนั้นมีแค่ท่านสองคนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป”

“บ้านโบราณเหรอ? นั่นมันรังของซิลวานะ! ชื่อเสียงของเจ้านั้นมันแย่มากๆ นายท่าน ลืมข้อตกลงนี้เถอะขอรับ!” คนแคระเฒ่าดูกังวลพอสมควร “ทั้งหมดมันเพราะเจสซี่คนเดียวเลยที่หนีหายยามวิกฤติแบบนี้!”

แต่เฉินรุยกลับพูดว่า “ไปกันเถอะ เจ้านำทางที”

"นายท่าน!" คนแคระเฒ่าตัวสั่นและมันก็ได้แต่พยายามรั้งเฉินรุย

“ข้าต้องได้ศิลาเรืองแสงพวกนั้นมา” เฉินรุยหันกลับมามองดูคนแคระเฒ่าพร้อมกล่าวไปอีกว่า “นี่เป็นการทดสอบครั้งสุดท้ายของเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าไม่กล้าไป ข้าก็จะไม่บังคับ อย่างไรก็ตาม อย่าเรียกข้าว่าในนายท่านอีก”

คนแคระทมิฬผู้นี้ตกใจมาก ชีวิตที่ยากลำบากของมันกับลูกสาวในวันก่อนได้เปลี่ยนไปหลังจากพบกับเอกิล "นายท่าน" ผู้ที่เชื่อใจตัวมัน พอได้ยินดังนั้น มันจึงครุ่นคิดอยู่ในใจซักพักแล้วก็กัดฟันและเดินไปข้างหน้า

ไม่ว่าจะเป็นการตอบแทนหรือเพื่อกำไรที่จะได้รับมาในอนาคต การที่มันตัดสินใจเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญที่สุดในชีวิตของมันแล้ว

รังของซิลวานั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แค่เพียงเดินไปถึงถนนสายที่ 4 เท่านั้นก็เต็มไปด้วยคนของมันแล้ว ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มีแต่พวกกล้ามเนื้อม บางคนก็น่าเกลียดเป็นอย่างมาก

คนแคระเฒ่าเริ่มหวาดกลัวมากขึ้นขณะที่มันเดินไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตัวมันก็ตัดสินใจมาอยู่ที่นั่นแล้ว มันจึงต้องบังคับตัวเองให้เดินหน้าต่อไป ลานบ้านโบราณนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มันคล้ายกับบ้านพัก ในที่สุด พวกเขาก็ได้พบกับซิลวาที่อยู่ในห้องโถง

ซิลวาเป็นเพียงลิชวัยกลางคน แม้ว่าร่างกายของมันจะผอมแห้ง แต่มีออร่าเวทมนตร์รายล้อมอยู่ตามตัวมัน อ้อมแขนทั้งสองข้างของมันก็มีซัคคิวบัสอยู่ด้วย ข้างซิลวาก็เป็นเซนทอร์ที่ดูแข็งแกร่ง นั่นคือนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของซิลวา ความแข็งแกร่งของมันมาถึงจุดสูงสุดของเซนทอร์ทั่วไปแล้ว

เฉินรุยก็เริ่มด้วยการเปิดใช้งาน 'ดวงตาวิเคราะห์' มันแสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของซิลวาและกาอูคือระดับ E หรือก็คือมารระดับกลาง ยังมีมารอีกหลายตัวที่มีความแข็งแกร่งระดับ E และพวกมันสองคนซ่อนอยู่ด้านหลังเสาทั้งสองด้าน

ในการต่อสู้กับเจสซี่ เฉินรุยเลยตระหนักถึงความลึกลับของ 'ดวงตาวิเคราะห์' ไม่เพียงแต่สามารถประเมินความแข็งแกร่งและสื่อสารกับสัตว์อสูรได้ แต่ยังสามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องตรวจจับเพื่อค้นหาศัตรูที่ซ่อนอยู่ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม มันมีข้อจำกัดบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องระยะทางพอสมควร

ซิลวาในตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนโซฟาขณะที่จิบไวน์ที่รินให้โดยซัคคิวบัส ฝ่ามือเหมือนกรงเล็บของมันกำลังโอบหน้าอกอกของซัคคิวบัสอยู่ จากนั้นมันก็ได้ถามขึ้นมาเลยว่า “เจ้าคือเอกิล หัวหน้าแก๊งค์เสื้อคลุมใช่ไหม?”

"ใช่" เฉินรุยเดินตรงไปและก็ถามขึ้นเลยว่า “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีศิลาเรืองแสงไว้ขายใช่ไหม?”

“เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าจะสามารถจ่ายได้?” ใบหน้าของซิลวาตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกเหยียดหยามอย่างเต็มเปี่ยม “เจ้านำเงินมาด้วยหรือเปล่าล่ะ?”

เฉินรุยพลิกมือและกระเป๋าเก็บเงินก็ได้ปรากฏขึ้นมา คนที่มีประสบการณ์สามารถบอกได้จากเสียงชนเงินในกระเป๋าเลยว่า ข้างในเป็นเหรียญคริสตัลสีดำหลายเหรียญ

เมื่อเห็นเจ้านายของตนหยิบเงินออกมาอย่างรวดเร็ว หัวใจของคนแคระคนเฒ่าก็เริ่มสั่นไหว แต่ตัวมันไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา

“เจ้ามีกระทั่งอุปกรณ์มิติด้วยสินะ” ดวงตาของซิลวาแสดงให้เห็นถึงความโลภในทันที “คุณภาพสูง 15 คุณภาพปานกลาง 30 และคุณภาพต่ำ 50 ก้อน รวมทั้งหมด 2,000 เหรียญคริสตัลสีดำ ให้เงินกับข้ามาเลย หากเจ้าจะชื้อมัน”

คนแคระเฒ่าดิดิพอได้ยินว่ามันราคาสูงกว่าราคาเดิม 3 เท่า ตัวมันก็อดไม่ได้ที่จะดึงเสื้อคลุมของเฉินรุย “นายท่าน…”

เฉินรุยก็ได้ถามราคาอย่างใจเย็น “ของไม่นิยมพวกนั้นไม่ควรขายด้วยราคาที่มากเช่นนั้น ข้าให้ได้เพียง 600 เหรียญคริสตัลดำ”

“เจ้ากล้าที่จะต่อรองที่อาณาเขตของข้าเหรอ?” ซิลวาหัวเราะเหมือนกับว่าตัวเองกำลังฟังมุขตลกอยู่ ซัคคิวบัสในอ้อมแขนของเขาก็ยิ้มให้กับคำพูดของซิลวา ลูกน้องรอบข้างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา มีเพียงกาอูเท่านั้นที่ไม่ได้ทำอะไร มันเพียงมองดูรอบๆอย่างระมัดระวัง

หลังจากที่ซิลวาหัวเราะอย่างเยือกเย็นเสร็จ มันก็ได้พูดไปว่า “ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เหรียญคริสตัลสีดำ 5,000 เหรียญและอุปกรณ์มิติของเจ้า”

เฉินรุยส่ายหัว“มันแพงเกินไป ข้าไม่สามารถจ่ายได้”

“ใครบอกว่ามันเป็นราคาของศิลาเรืองแสง? ข้าไม่ได้จะขายศิลาเรืองแสงสักหน่อย!” ซิลวาในตอนนี้นั้นกำลังเย้ยหยันเฉินรุย “นั่นคือเงินที่ใช้ชื้อชีวิตของพวกเจ้าทั้งสองต่างหาก! เมื่อเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบตกลง ก็จงตายที่นี่ซะ! จัดการเลย!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด