ตอนที่แล้วบทที่ 50: พรสวรรค์ของคนแคระคาค่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 52: สัญญาของเชีย

บทที่ 51 เปลี่ยนขยะให้เป็นสมบัติ! ผงมหัศจรรย์


บทที่ 51 เปลี่ยนขยะให้เป็นสมบัติ! ผงมหัศจรรย์

เฉินรุยอ่านข้อมูลและก็ได้รู้ถึงการต่อสู้ระหว่างโจเซฟกับคานิตา หลังจากคิดในใจสักพักหนึ่ง เขาก็ได้พยักหน้าแล้วพูดออกไปว่า “เป็นโอกาสอันดีจริงๆ เราน่าจะใช้ประโยชน์จากคานิตาได้”

“ศัตรูของศัตรูอาจไม่ใช่มิตรนะ” เชียขมวดคิ้วและพูดไปอีกว่า“ถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นคานิตามาเมืองพระจันทร์ดับแทนโจเซฟ แต่จุดประสงค์เดิมก็คงเป็นการควบคุมเมืองพระจันทร์ดับอยู่ดี”

“นั่นไม่ใช่วิธีคิดที่ถูกต้องนะเจ้าหญิง” เฉินรุยส่ายหัว “การควบคุมทางเศรษฐกิจของโจเซฟในเมืองพระจันทร์ดับแทบจะเรียกว่าสมบูรณ์ไปแล้ว นอกจากกองกำลังตระกูลเก่าที่สนับสนุนองค์หญิงแล้ว ก็มีตระกูลไซฟูที่เป็นศัตรูกับจ้าววิญญาณสีชาด ถ้าไม่มีพรรคพวกเหล่านี้ สถานการณ์ของเราคงเลวร้ายกว่านี้ ในทางตรงกันข้าม ความแข็งแกร่งของโจเซฟต่อเมืองพระจันทร์ดับถือเป็นสิ่งสำคัญที่เขาคิดจะใช้ต่อกรกับคานิตา ดังนั้น โจเซฟคงจะไม่ปล่อยให้คานิตะเข้ายึดครองกองกำลังที่เขาหามาแน่นอน แม้ว่าคานิตาจะมาถึงเมืองพระจันทร์ดับ แต่เขาคงจะเจอกับดักมากมายที่โจเซฟวางไว้ เราสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการบ่อนทำลาและกำจัดการควบคุมทางเศรษฐกิจของจ้าววิญญาณสีชาดได้”

เชียก็ผงกศีรษะในขณะที่ฟังและเฒ่าเกาส์ก็รู้สึกยินดีมาก "ท่านเจ้าหญิง สิ่งที่เฉินรุยกล่าวถูกต้องหมดทุกสิ่ง ช่างเสียการจริงๆที่เจ้าได้เป็นเพียงเลขา"

“ท่านเกาสน์ ท่านอวยข้าเกินไปแล้ว ที่จริงตำแหน่งเลขาก็สูงพอสมควร” เฉินรุยนั้นไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวตนมากเกินไป เขาส่ายหัวอย่างรวดเร็วและก็พูดไปอีกว่า “ยังไงข้าก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ ความสามารถในการคิดเล็กๆน้อยๆของข้าขอแค่เพียงช่วยเหลือองค์หญิงอย่างลับๆก็คงเพียงพอแล้ว”

“นั่นไม่ใช่แค่การคิดเล็กๆน้อยๆหรอกนะ สติปัญญาของเจ้ามิมีใครสามารถเทียบเทียมได้” ดวงตาสีม่วงที่สวยงามของเชียตอนนี้ก็ดูแปลกๆไป “ข้าไม่ผิดคำพูดหรอกนะ ตัวข้าจะทำให้เจ้าได้เท่าที่เจ้าให้ข้าเอง”

เฉินรุยไม่ได้สนใจคำพูดของนางมากนัก เพราะคำพูดมันไม่มีอะไรแน่นอน เขาเคยเห็นอะไรมามากมาย ทั้งการทรยศและไม่รักษาสัญญา เป้าหมายของเขาเองก็ไม่ใช่แค่ที่เมืองพระจันทร์ดับแห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่

จากนั้นเฒ่าเกาส์ก็ได้เปลี่ยนเรื่องคุยไป ที่จริงแล้ว เชียได้เตรียมพร้อมกับเรื่องนี้มานานแล้ว ทั้งการบ่อนทำลายและทำให้การควบคุมของจ้าววิญญาณสีชาดหายไป ซึ่งก็เหมือนกับที่เฉินรุยพูดทุกประการ แม้ว่าการเงินของเมืองพระจันทร์ดับเกือบครึ่งถูกควบคุมโดยโจเซฟ แต่ครึ่งหนึ่งของโจเซฟนั้นก็รวมถึงส่วนของตระกูลเมลลอนด้วย อีกครึ่งหนึ่งอยู่ในมือของตระกูลไซฟูและตระกูลเก่าหลายตระกูล กองกำลังเหล่านี้ได้หยั่งรากลึกในเมืองแห่งนี้มานานและส่วนใหญ่ก็สนับสนุนกองกำลังของเจ้าหญิง นอกจากนี้ ตระกูลเมลลอนยังเป็นนักฉวยโอกาสอีกด้วย แม้พวกเขาจะเป็นกำลังใหญ่ให้กับจ้าววิญญาณสีชาด แต่พวกเขาก็หาใช่จะภักดีต่อโจเซฟอย่างจริงใจ

หนึ่งในปัญหาที่สำคัญที่สุดในขณะนี้คืออาหาร เมืองพระจันทร์ดับนั้นอุดมไปด้วยสมุนไพรและแร่ธาตุ แต่ขาดเหลือเพียงอาหาร อาหารของมารส่วนใหญ่เป็นพืชผักและมีเนื้อสัตว์เพียงน้อยนิด เพราะด้วยคุณภาพดินของดินแดนพระจันทร์ดับ ผลผลิตจากพืชผักจึงมักจะน้อยเสมอ แม้แต่ช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ของอาณาจักร ในตอนนั้นก็ยังต้องชื้ออาหารจากดินแดนอื่นเลย

ด้วยการพยายามอย่างหนักเป็นเวลาหลายปีของตระกูลไซฟูและตระกูลอื่นๆ พวกเขาจึงได้ทำการเพาะเลี้ยงหมูและวัวเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าเนื้อจะได้รับการเติมเต็มเข้ามา แต่พืชสำคัญก็ยังไม่สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นมาได้ พวกเขาได้แต่พึ่งพาการจัดหาของจ้าววิญญาณสีชาดเท่านั้น เฉินรุยเคยได้ยินเชียพูดว่า เนื่องจากอุปกรณ์มิตินั้นหาได้ยากมากและความจุของมันก็เล็กเกินไป มันจึงไม่สามารถเก็บอาหารจำนวนมากได้ ดังนั้นนางก็ได้แต่พึ่งพาการขนส่งของคาราวาน แต่คาราวานที่ซื้ออาหารทางใต้และตะวันตกที่นางส่งไปนั้น ได้ถูกปล้นและฆ่าโดย 'โจร' ทำให้นางประสบความสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้นแล้ว หากปัญหาอาหารสามารถแก้ไขได้ การควบคุมของจ้าววิญญาณสีชาดจะอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก

อาหารพืชผล…เฉินรุยขมวดคิ้วและไม่พูดอะไรเลย เขามีความรู้เกี่ยวกับการเกษตรน้อยเกินไป นอกจากนี้ สภาพทางภูมิศาสตร์ของอาณาจักรมารนั้นพิเศษพอสมควร ดังนั้นความรู้ด้านการเกษตรจากโลกของเขาอาจไม่เหมาะ...

ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงเสียงผายลมสองปู๊ดที่แก๊งค์เสื้อคลุม ดวงตาของเขาได้สว่างวาบขึ้นมาทันทีและเขาก็ได้ยืนขึ้นเลย มันฝรั่งลาลา! มันฝรั่งลาลาที่เติบโตในเดือนเดียวและผลผลิตเพิ่มขึ้นสองเท่า!

ดูเหมือนว่าเขาเกือบพลาดเพรชในตมเสียแล้ว!

การกระทำของเขาได้ทำให้เชียและเฒ่าเกาสน์ต่างก็มองมาที่เขา

หลังจากนั้นพักหนึ่ง กาก้าก็ได้ถูกทหารนำตัวมาจากแก๊งค์เสื้อคลุม มันคิดว่ามันถูกจับมาเพราะปล้นล้มเหลวและถูกรู้ตัวแล้วว่ามันเป็นโจร ใบหน้าของมันตอนนี้ซีดขาวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจ้าหญิงเชีย ร่างกายของมันสั่นเทาจนแทบจะลืมโค้งคำนับ

“กาก้า” เลขามนุษย์ได้เดินเข้ามาข้างๆตัวมัน “บอกเจ้าหญิงเกี่ยวกับเรื่องมันฝรั่งลาลาสิ”

“ท่านได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!” กาก้าในตอนนี้ดูหวาดกลัวเป็นอย่างมากและมันก็ได้พูดต่อไปว่า "มันฝรั่งลาลา...นั่น...ข้า..ข้าจะไม่กล้าผายลมอีกแล้ว!"

หลังจากที่มันพูดอย่างนั้น เสียงอันแสนดังก็ได้ออกมาจากก้นของคนแคระทมิฬผู้นี้ ตอนนี้ แม้แต่ใบหน้าของเฉินรุยก็ซีดเหมือนกัน เขาได้เรียนรู้พลังของผายลมนี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงถอยออกมาอย่างรวดเร็ว

คนแคระทมิฬอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆเหลือเกิน ร่างกายของมันร่วงลงมากับพื้นอย่างนุ่มนวล ข้าทำอะไรลงไป? ในห้องประชุมที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ ต่อหน้าเจ้าหญิงเชียผู้ปกครองเมืองพระจันทร์ดับ ข้าได้ตดต่อหน้านาง...

ใบหน้าเชียไม่ได้เเปลี่ยนแปลงไปเลย เฒ่าเกาส์โบกมือเบาๆและก็ได้มีสายลมหนึ่งพัดผ่านไป กลิ่นทั้งหมดได้ถูกพัดออกจากประตู แต่เจ้าหน้าที่ที่ประตูต้องเป็นคนรับทุกข์แทน

“เจ้าชื่อกาก้าใช่ไหม?”

เสียงแผ่วเบาของเชียได้ทำให้กาก้าเรียกสติคืนกลับมาได้ มันคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วและกดหน้าผากของมันลงบนพื้น“ท่านราชินีได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นเพราะข้ากินมันฝรั่งลาลาพวกนั้น ที่จริงแล้ว…”

“ข้าอภัยให้ความหยาบคายของเจ้า ข้าได้ยินจากเฉินรุยว่าเจ้าสามารถเพิ่มผลผลิตของมันฝรั่งลาลาสองเท่าและทำให้มันสุกในหนึ่งเดือนได้งั้นเหรอ?”

กาก้าได้แต่อธิบายอย่างกังวลไปว่า “องค์หญิง กาก้าผู้นี้ชอบเรื่องพืชมาตั้งแต่ยังน้อย ข้าปลูกแค่มันฝรั่งลาลาไว้กินเท่านั้น ตัวข้าไม่ได้ปลูกอะไรอย่างดอกงงงวยหรือหญ้ามึนเมาไว้หลอกหลวงผู้อื่นเลย...”

ไม่ได้ปลูกเหรอ? แต่สารภาพออกมาหมดเลยเนี่ยนะ นี่เขาคิดจะเปิดเผยความลับของตัวเองออกมาหมดเลยหรือไง? เฉินรุยได้แต่ส่ายหัว ดูเหมือนว่าเชียจะมีชื่อเสียงมากในเมืองพระจันทร์ดับ กาก้าที่เป็นคนช่างพูดกลับได้แต่พูดผิดๆถูกๆ

เชียขมวดคิ้วและเฉินรุยก็รีบดึงคนแคระขึ้นมาแล้วพูดว่า“กาก้า จงอย่ากลัวไปเลย บอกเจ้าหญิงเกี่ยวกับเรื่องมันฝรั่งลาลาสิ หากเจ้าสามารถเพิ่มผลผลิตและเร่งความเร็วของมันฝรั่งลาลาได้ เจ้าหญิงจะทรงไม่ถามเกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรมของเจ้า!”

"จริงเหรอ?" พอมีเฉินรุยคอยสนับสนุนอยู่ กาก้าก็กลับมาเป็นปกติ เขารวบรวมความกล้าหาญและพูดออกไปว่า “องค์เหนือหัว ถ้างั้นข้าก็จะพูดไปตรงๆ กาก้าชอบกินมันฝรั่งลาลา แต่มันฝรั่งลาลามักจะโตภายในครึ่งปีและผลผลิตก็ไม่สูงมากนัก ดังนั้นข้าจึงได้ดัดแปลงพัฒนามันเป็นปี แต่เดิม กาก้าสามารถลดระยะเวลาของมันฝรั่งลาลามันได้เพียง 4 เดือน ประมาณ 10 วันที่ผ่านม ข้าได้ผสมผงเวทมนตร์บางอย่างของช่างทมิฬเข้ามา หลังจากนั้นข้าก็ค้นพบว่าผงนั้นสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพดินได้ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้มันฝรั่งลาลาโตไว้ แต่ยังเพิ่มผลผลิต เพียงแค่ว่า ... หลังจากรับประทานอาหาร มันจะทำให้...”

"ผงเวทมนตร์?" เชียไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนั้นและถามจี้ประเด็นไปเลย "เจ้ามีผงนี้อีกไหม?"

"ยังมีอยู่ขอรับ! แต่ไม่ค่อยมากเท่าไหร่นัก" กาก้าตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเปิดกระเป๋าขนาดเล็กจากเอวของมันและยืนออกมาด้วยมือทั้งสองมือของมัน

เฉินรุยรับกระเป๋าขนาดเล็กมาและยืนให้กับเชียไปโดยตรง เชียเปิดมันและเห็นว่ามีผงสีขาวที่เรืองแสงอยู่ข้างในนั้น เชียก็เอาไปให้กับเฒ่าเกาส์ต่อ

เฒ่าเกาส์หยิบมันขึ้นมาดูเล็กน้อยและตรวจสอบโดยละเอียด แสงสีต่างๆได้อยู่ในผงนี้ เฒ่าเกาส์ดูเหมือนกำลังทำอะไรบางอย่างกับมัน แต่จากนั้นเขาก็ได้ส่ายหัว "ผงนี้ไม่มีพลังงานเวทมนตร์อยู่เลย ข้าไม่รู้ว่ามันสร้างมาจากสิ่งใด"

กาก้าก็รีบแย้งในทันที “กาก้าไม่กล้าที่จะหลอกลวงองค์เหนือหัว ผงนี้สามารถเพิ่มผลผลิตของมันฝรั่งลาลาได้จริงๆ! นอกจากนี้พืชอื่นๆในดินก็ดูเหมือนจะได้รับประโยชน์เช่นกัน มันจะต้องเป็นผงเวทมนตร์ที่ให้ผลพิเศษกับดินและพืชผลแน่นอนขอรับ”

เฉินรุยรู้ดีว่ากาก้าไม่กล้าโกหก เขาหยิบกระเป๋าเล็กๆจากเฒ่าเกาสน์และก็ดูมัน เขารู้สึกคุ้นเคยกับผงนี้และก็ตระหนักได้เลยว่า ผงเวทมนตร์นี้คือสิ่งที่มีชื่อว่า....

"กาก้า ดูนี้หน่อยสิ มันใช่ผงเวทมนตร์แบบเดียวกับของเจ้าหรือเปล่า?" เฉินรุยทำท่าเอามือเข้ากระเป๋าและหยิบของจากมิติออกมา

กาก้าตกใจอยู่ครู่หนึ่งและเข้าไปมองใกล้ๆ มันตื่นเต้นเป็นอย่างมาก "นี่แหละ! กลับกลายเป็นว่าคนที่สร้างมันมาคือท่านนี้เอง!"

หลังจากยืนยันได้ เฉินรุยก็เข้าใจเลยว่าผงนี้จะยังคงอยู่ หลังจากที่ใช้ 'แปลงออร่า' แล้วก็ตาม ดูเหมือนว่าผลของมันจะยอดเยี่ยมมาก โชคดีที่ผงจํานวนมากที่เขาแปลงไว้ยังเหลืออยู่มากและเขาก็ไม่ได้โยนทิ้งไปไหนด้วย!

ด้วยวิธีนี้ ปัญหาพืชของเมืองพระจันทร์ดับนับทศวรรษก็จะได้รับการแก้ไข และกุญแจสำคัญที่ทำให้เป็นแบบนี้ได้ ก็คือเขาผู้นี้ยังไงล่ะ!

ไม่น่าแปลกใจที่กาก้าบอกว่า "ผงวิเศษ" ถูกพบบริเวณช่างทมิฬ เพราะก่อนที่เขาจะออกมา เขาก็ได้ใช้ 'แปลงออร่า' กับแร่

“จริงๆแล้ว…สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าทำ แต่เป็นสิ่งที่เหลืออยู่หลังจากการทดลองบางอย่างของอาจารย์อัลดาซ”

เฉินรุยส่งสัญญาณให้กับเชียทางสายตาและเชียก็เข้าใจในทันที เชียบอกให้กาก้าเก็บเรื่องผงเวทมนตร์ให้เป็นความลับ เกาสน์ผู้ทราบเรื่องก็บอกว่าเขาจะยอมรับกาก้าเป็นผู้ติดตาม เขารีบบอกให้กาก้ากลับมาที่นี่โดยเร็ว และให้มาที่บ้านของเฒ่าเกาส์ในช่วงเย็น

กาก้าไม่รู้เลยว่ามันกำลังตกลงไปในกับดัก มันในตอนนี้กำลังคิดว่าจะได้รับการดูแลรักษาอย่างดี เพราะจะได้เป็นผู้ติดตามของเฒ่าเกาส์ จากนั้นมันก็กล่าวลาเชียและเฉินรุยพร้อมกับออกไป เมื่อมันกำลังเดินออกไป ก๊าซที่อยู่ในก้นของมันจาก 'มันฝรั่งลาลา' ก็ออกมาเป็นจำนวนมาก เพราะมันตื่นเต้นจนมิอาจกลั้นได้อีก

เฉินรุยถอยหลังอีกไม่ได้แล้ว "อุ๊บ!" และเขาก็ได้หัวเราะออกมาดังๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเสียงหัวเราะของเขานั้นมีอิทธิพลไปถึงเชียด้วย เพราะใบหน้าของนางตอนนี้เป็นสีแดงทั้งหน้า ใบหน้าเย็นชาของนางที่มีรอยยิ้มช่างสวยงามเสียจริง แม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะไม่ได้เห็นชัด แต่มันก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลย

เฉินรุยเองก็มองนางอย่างตกใจ เชียเองก็ตระหนักได้ว่านางลืมตัวยิ้มออกมา เชียก็ได้กลับมาเย็นชาเหมือนเดิมในทันที ซึ่งมันทำให้คนโดยรอบต่างรู้สึกเสียใจอยู่ครู่หนึ่งเลยทีเดียว

ในสายตาของเฒ่าเกาส์ก็มีความรู้สึกตกใจอยู่ข้างในนั้น ในฐานะที่รับใช้เจ้าชายกริมมานาน เขาก็ได้เฝ้ามองเชียเติบโตมาตั้งแต่ยังเด็ก ตั้งแต่เชียเข้าครอบครองเมืองพระจันทร์ดับ นางก็ได้กลายเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็งจนถึงทุกวันนี้ ไม่เคยมีรอยยิ้มบนใบหน้าของนางเลย แม้ว่านางจะอยู่กับน้องสาวของนางอย่างอลิซก็ตามที

ตอนนี้ นางได้เผลอยิ้มออกมาเพราะเฉินรุยหัวเราะ มนุษย์ผู้นี้มีอิทธิพลขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด