บทที่ 46: สนามประลอง! จุดเริ่มต้นของการต่อสู้
บทที่ 46: สนามประลอง! จุดเริ่มต้นของการต่อสู้
การต่อสู้ในสนามประลองได้เริ่มขึ้นแล้วและเสียงเชียร์ก็ดังมาก แม้จะเป็นเวลากลางคืนก็ตามที ซึ่งผู้ชมตอนนี้ก็น้อยกว่า 30% ของสนามจริงๆ ลองหวนคืนจินตนาการถึงยุคสมัยที่มันรุ่งเรืองดูสิ
เฉินรุยเดินไปที่ทางเข้า แต่เขาก็ถูกหยุดโดยทหารยามเซนทอร์สองตน
“ตั๋วพนันของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
ปรากฎว่าตั๋วพนันดันเป็นตั๋วเข้าซะงั้น เฉินรุยคิดและพูดไปว่า “ขอโทษทีนะ แต่ข้าจะเข้าร่วมกับสนามประลองได้ยังไง?”
หนึ่งในเซนทอร์มองดูเฉินรุยครู่หนึ่ง เขาคิดว่าเฉินรุยไม่มีกำลังและก็ได้หัวเราะเยาะเย้ย “คนอ่อนแออย่างเจ้ากล้าเข้ามาท้าทายในสนามประลองด้วยงั้นเรอะ?”
เฉินรุยไม่ได้พูดอะไรเลย เขาเพียงก้าวไปข้างหน้าและแตะค้อนที่อยู่ในมือของเซนทอร์ รอยแตกเล็กๆน้อยๆเริ่มปรากฏขึ้นบนค้อนทันที
การเคลื่อนไหวนี้ทำให้เซนทอร์ทั้งสองตนตกใจเป็นอย่างมาก คนส่วนใหญ่ที่คิดเข้าร่วมในสนามประลองต่างก็เป็นมารที่หมดหวังแล้วทั้งนั้น แน่นอนว่าคนที่กล้ายั่วยุล้วนแล้วแต่จบไม่ดีทั้งสิ้น หนึ่งในนั้นจึงได้กล่าวไปว่า “ถ้าเจ้าต้องการสมัครให้เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายไปที่บ้านชั้นบน”
เฉินรุยพยักหน้า เขาเดินตรงและพบบ้านที่เซนทอร์พูดถึง บ้านหลังนี้เป็นเหมือนกับห้องที่มีขนาดใหญ่และมีการตกแต่งที่ค่อนข้างหรูพอควร มีโต๊ะขวางทางเข้าและลิชตนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะ
"ลงทะเบียนสนามประลองที่นี่ใช่ไหม?"
ลิชชี้ไปที่ป้ายไม้ทางขวาอย่างเฉื่อยชา เฉินรุยมองดูและอ่านสิ่งที่อยู่บนป้าย การต่อสู้บนเวทีแบ่งออกเป็นสามระดับ ระดับต่ำ ระดับกลางและระดับสูง ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ก็จะให้รางวัลมากเท่านั้น รางวัลชนะเลิศก็จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนรอบชนะ ตามกฎแล้ว ยังมีเรื่องของการสู้แบบมือเปล่าและใช้อาวุธด้วย ที่ด้านล่างก็ระบุไว้อยู่ว่า: ทุกอย่างเป็นความเสี่ยงที่เจ้าเลือกเอง
ลิชรอเฉินรุยอ่านเสร็จและก็พูดไปว่า "ถ้าเจ้ายืนยันที่จะเข้าร่วม ก็จงบอกชื่อและความแข็งแกร่งของเจ้ามา โดยทั่วไปแล้ว เจ้าจะได้แข่งขันภายในสามวัน เจ้าสามารถไปดูเลขการแข่งขันได้ที่กระดานข่าวด้านนอกสนามแข่งขัน หากเจ้าโกหกเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเจ้าหรือวิ่งหนีไปอย่างขี้ขลาด เจ้าจะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรงโดยท่านอรัค "
"ข้ายังคงยืนยันว่าต้องการสมัคร" เฉินรุยพยักหน้า การแข่งขันจะจัดขึ้นอีกในสามวัน ซึ่งตอนนี้ก็ไปดูสนามประลองก่อนจะแข่งขันจริงดีกว่า ซึ่งพอคิดดีแล้วๆเขาก็มี 'ยิงแสงสว่าง' อยู่ พอรวมกับการฝึกกับมังกรพิษ ตัวเขาตอนนี้ก็แข็งแกร่งพอควร แล้วคือเขาใช้ทักษะนี้ไปแล้ว 2 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมานี้ อีกสามชั่วโมงมันถึงจะหมดระยะเวลาคูลดาวน์
“มารระดับกลาง” เฉินรุยคิดสักพักและก็ปลด 'ซ่อนตัวตน'
"ระดับกลางงั้นเหรอ?" ลิชมอง “มาร” ที่สวมเสื้อคลุมอยู่ มารตนนี้มีขนาดร่างกายที่เล็กมาก จากนั้นมันก็ได้มองดูอีกทีอย่างจริงจัง จากนั้นมันก็ได้พยักหน้า “การต่อสู้ระดับต่ำช่างขาดความตื่นเต้นไปมาก ผู้แข่งขันระดับสูงก็มีน้อย ตอนนี้มีเพียงการต่อสู้ระดับกลางมากที่สุด แต่วันนี้คู่ชิงเต็มหมดแล้ว หรือบางทีอาจจะเหลือการแข่งขันรอบสุดท้ายอยู่ แล้วชื่อของเจ้าเล่า”
“เอกิล”
“เอกิล…ข้าดูเหมือนจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน” ลิชพยายามคิด แต่เขาก็นึกไม่ออก จากนั้นมันก็ได้มอบแผ่นเหล็กให้เฉินรุย “ยังไงชื่อของเจ้ามันก็ไม่สำคัญอะไรหรอก หากเจ้าไม่รอดจากการแข่งขันสามรอบ ชื่อของเจ้าก็ไร้ซึ่งความหมาย ไม่มีใครคิดที่จะจำชื่อของศพหรอกนะ ในตอนนี้ เจ้าคือหมายเลข 64 จำไว้ว่าให้ดูที่กระดานข่าวนอกสนามแข่งขันดีๆ การต่อสู้มักจะบอกก่อนการแข่งขันสองวันและมันจะเริ่มในช่วงกลางคืน จงอย่ามาสายเสียล่ะ”
เมื่อเฉินรุยรับเครื่องหมายหมายเลข 64 แล้ว นัยน์ตาของเขาก็เห็นรูปปั้นที่เปล่งแสงสลัวๆอยู่ข้างโซฟาตรงข้าม รูปปั้นนี้สูงเกือบ 1.3 เมตรและเป็นงานฝีมือที่ประณีตพอสมควร มันเป็นรูปปั้นมารสาวที่ถือเคียวแปลกๆอยู่ในมือ
สิ่งที่เฉินรุยมองอยู่ไม่ใช่เพราะคุณค่าที่สื่อออกมาจากรูปปั้น แต่เป็นวัสดุภายในของมันต่างหาก ศิลาเรืองแสง! มีศิลาเรืองแสงก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งอยู่!
“นี่คือ…รูปปั้นที่ทำจากศิลาเรืองแสงงั้นหรือ?”
ลิชมองย้อนกลับไปและพูดอย่างโอ้อวดว่า “นี่เป็นหนึ่งในผลงานศิลปะที่ชื่นชอบของท่านอรัค มันถูกแกะสลักจากชิ้นส่วนทั้งหมดของศิลาเรืองแสงคุณภาพสุดยอด และมันจะเปลี่ยนสีทุกชั่วโมง ตอนนี้ท่านกำลังนั่งดูการต่อสู้อยู่ ยามว่างท่านมักจะมานั่งชมมันอยู่ที่แห่งนี้”
เฉินรุยไม่คิดเลยว่าจะมีที่ให้เก็บเกี่ยวอยู่ในสนามประลองด้วย สิ่งที่ตามหาอยู่ก็มักจะปรากฏในที่ๆไม่คาดคิดเสมอ มันเป็นศิลาเรืองแสงคุณภาพสุดยอด ด้วยขนาดใหญ่แบบนี้ มันจะต้องให้ออร่าหลายพันหรือมากกว่า 10,000 ด้วยซ้ำ เขาจะต้องหาวิธีได้รับมันมาให้ได้ อย่างไรก็ตาม มันเป็นห้องพัก งั้นอรัคคงจะอยู่ที่นี่ตลอดใช่ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น มันก็จะยุ่งยากพอควร
ในขณะนั้นเอง จู่ๆก็มีอิมป์เดินมาชนเขาและกล่าวว่า "เกิดเรื่องแย่ขึ้นแล้วขอรับ ท่านคีธาน หมายเลข 52 ที่ควรจะต่อสู้กับ 'มือเปื้อนเลือด' แลนซ์ ในรอบต่อไปได้หายตัวไป”
"อะไรนะ?!" คีธานตกใจมาก “งั้นเจ้านั้นมันกลัว 'มือเปื้อนเลือด' แลนซ์จนหนีไปใช่ไหม? ท่านอรัครู้เรื่องนี้หรือไม่?”
อิมปเองก็ได้ตอบกลับไปอย่างกังวล “ท่านอรัคได้ดันหมายเลข 52 มากเลยนะขอรับ แถมนี้ใกล้จะถึงการแข่งขันรอบสุดท้ายแล้วขอรับ เราควรทำไงดีขอรับ?”
เกมสุดท้ายมักจะเป็นไฮไลต์และเป็นการแข่งขันที่คนเดิมพันมากที่สุด หากเกมถูกยกเลิก สนามแข่งขันจะสูญเสียกำไรมากและชื่อเสียงคงตกลงพอสมควร
“ไม่มีใครสามารถขัดคำสั่งของท่านอรัคได้หรอกนะ” คีธานชักจะปวดหัว จากนั้นดวงตาของมันก็จ้องมาที่เฉินรุยที่เพิ่งลงทะเบียนมาใหม่ พร้อมกันนั้นมันก็ได้พูดว่า "หมายเลข 64 โอกาสของเจ้ามาถึงแล้ว บังเอิญว่าการประลองขาดคนไป หากเจ้าชนะ เจ้าจะได้รับรางวัล 2 เท่า!”
ในตอนนี้เฉินรุยยังไม่สามารถใช้ 'ยิงแสงสว่าง' ได้ จากสถานการณ์ที่หมายเลข 52 หนีออกมาและเขายังมีโอกาสได้รางวัลสองเท่า แสดงว่าแลนซ์ค่อนข้างที่จะแข็งแกร่งพอควร เขาไม่ได้โง่พอที่จะเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวตั้งแต่เริ่มการต่อสู้หรอกนะ
เฉินรุยกำลังจะปฏิเสธ แต่ทันใดนั้นก็ได้มีความคิดบางอย่างผ่านเข้ามาในหัวของเขา เขาชี้ไปที่ห้องโถงและพูดว่า “ข้าไม่ต้องการรางวัลสองเท่า ข้าต้องการไอ้นั้น”
คีธานมองไปที่ทิศทางที่นิ้วชี้ของเฉินรุยชี้ไปและมันก็เห็นเป็นรูปปั้นที่ท่านอรัคชื่นชอบ ลิชส่ายหัวอย่างรวดเร็ว เมื่อเขากำลังจะพูดอะไร เสียงแปลกๆก็ได้ดังขึ้นมาจากข้างหลัง “ได้! ตราบใดที่เจ้าสามารถเอาชนะมือเปื้อนเลือดแลนซ์!”
คีธานที่ได้ยินเสียงนั้นก็ได้ยืนขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับโค้งคำนับเคารพ “ท่านอรัค!” ก่อนที่เฉินรุยจะมองย้อนกลับไปก็ได้มีร่างใหญ่โตร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในห้องทันที โดยในมือของร่างนั้นกำลังถือหัวที่ไร้ซึ่งร่างอยู่ ชายคนนั้นโยนหัวไปทางอิมป์ “เอาไอ้นี้ออกไปและเตือนคนที่คิดจะหนีด้วย”
หัวนั่นคงเป็นหมายเลข 52 ที่หนีไป อย่างที่คีธานพูดไว้ อรัคจะไม่ปล่อยให้ใครขัดคำสั่งตนรอด อิมป์หยิบขึ้นมาอย่างประหม่าและก้าวถอยหนีไป คีธานนั้นเช็ดเลือดบนพื้นอย่างรวดเร็วทันที
“ถ้าเจ้ากล้าสมัครลงแข่งขัน แสดงว่าเจ้าก็เข้าใจถึงความเป็นความตายดี” อรัคเป็นปีศาจที่ดูแข็งแกร่งมาก มันไม่คิดที่จะบดบังพลังวิญญาณที่ไหลออกมาเลย เสียงของมันก็แปลกมาก ราวกับทองที่กำลังปะทะกับเหล็ก "ตัวข้าเกลียดคนขี้ขลาดเป็นที่สุด!"
คำอธิบายของเชียที่เอ่ยถึงอรัคก็ได้แวบเข้ามาในหัวของเขาทันที อรัคเป็นหนึ่งในสามของผู้ใต้บังคับบัญชาของโจเซฟ ความแข็งแกร่งอยู่ในมารระดับสูง เขากล้าหาญและก้าวร้าว โหดร้ายและเย็นชา ...
“เจ้าคนลึกลับ หากเจ้าต้องการรูปปั้น ก็จงเอามาแลกกับหัวของแลนซ์! หากเจ้าไม่กล้า ก็จงออกไปจากเวทีทันที!” ดวงตาอันแหลมคมของมารร้ายจ้องมองมาที่ใบหน้าของเฉินรุย แต่เฉินรุยสวมหน้ากากอยู่
เฉินรุยคิดอย่างรวดเร็วและในที่สุดก็ตัดสินใจว่า “เริ่มเมื่อไหร่?”
เมื่อเห็นชายสวมเสื้อคลุมไม่กลัว อรัคก็พยักหน้าอย่างพอใจ “ตอนนี้!”
ที่เวทีเสียงเสียงของผู้ชมดังก้อง เพราะตอนนี้ 'มือเปื้อนเลือด' แลนซ์อยู่บนเวทีแล้ว แต่คู่ต่อสู้หมายเลข 52 ไม่ปรากฏ
ในเวลานี้ ซัคคิวบัสที่มีเครื่องแต่งกายอันเปิดเผยเนื้อหนังเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างผ่าเผยและพูดด้วยเวทมนตร์ขยายเสียง "ทุกคน! เราเพิ่งได้รับข่าวว่าหมายเลข 52 หลบหนีเพราะกลัว เขาจึงถูกตัดหัวโดยท่านอรัค อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นนี้ไม่ได้ถูกยกเลิก! มีหมายเลข 64 ที่ลึกลับที่จะมาแทนที่หมายเลข 52 เพื่อท้าทาย 'มือเปื้อนเลือด' แลนซ์ที่สามารถชนะติดต่อกันได้ถึงสี่เกม! การเดิมพันสามารถเริ่มเดิมพันได้เลยค่าาา!”
ก่อนหน้านี้ ผู้ชมก็เห็นอิมป์เอาหัวเปื้อนเลือดปักบนเสาสูงแล้ว พวกเขาจึงเดาได้ว่าเป็นจุดจบของหมายเลข 52 เมื่อพวกเขาได้ยินว่าการต่อสู้จะยังดำเนินต่อไป ความตื่นเต้นของพวกเขาก็ลุกโชนขึ้นอีก
พอตัดสินจากเสียงเชียร์ของผู้ชมส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาคงจะลงขันข้าง 'มือเปื้อนเลือด'แลนซ์ที่สามารถชนะติดต่อกันได้ 3 ครั้ง เมื่อหมายเลข 64 ปรากฏตัวบนเวที ด้วยร่างที่ค่อนข้างเล็กของเขา จึงทำให้ผู้ชมมากมายต่างคิดว่าแลนซ์คงจะชนะแน่นอน มีคนจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่อยากจะเดิมพันเสี่ยงโชคกับชายที่สวมหน้ากากลึกลับ
“มือเปื้อนเลือด” แลนซ์ถือเป็นเซนทอร์ที่แข็งแกร่ง เขามีรูปลักษณ์ที่ดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก จากสถิติการชนะสามครั้งติดต่อกัน แสดงว่าเขาย่อมมีประสบการณ์อยู่มากมาย เมื่อชายสองคนเผชิญหน้ากันบนเวทีแล้ว แลนซ์ก็ได้ยิ้มกว้างและแยกเขี้ยวสีขาวของเขา “เด็กน้อย เจ้าสวมใส่หน้ากากเพียเงพื่อให้ดูลึกลับงั้นรึ? แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าไม่สนใจรูปลักษณ์ของเจ้าเลยสักนิดเดียว มากังวลดีกว่าว่าข้าจะทรมานเจ้ายังไง โดยทั่วไป ข้าชอบที่จะทำลายแขนขาของศัตรูก่อน จากนั้นจึงดึงหัวใจออกมาและบีบมันจนระเบิดออกไป แล้วเจ้าพร้อมหรือยังล่ะ?”
ความโหดร้ายและความรุนแรงมักจะอยู่ในสนามประลองเสมอมา สำหรับอาณาจักรมารที่สนับสนุนพลัง ยิ่งการต่อสู้เลือดสาดเพียงเท่าใดและน่าตื่นเต้นเพียงไหน ผู้ชมก็จะตื่นเต้นมากเท่านั้น คำพูดพวกนี้ได้ทำให้ชมมากมายต่างส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจแลนซ์
เฉินรุยไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเลย จากนั้นภาพที่เคยต่อสู้กับมังกรพิษก็ได้หวนคืนกลับมายังความทรงจำของเขา แม้ว่ามังกรพิษจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็ยังคงควบคุมกำลังของเขาอยู่ แต่ตอนนี้มันเป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปมาก มันเป็นการต่อสู้ที่ต้องแลกด้วยชีวิต อย่างไรก็ตาม เฉินรุยไม่คิดจะเสียใจ สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็จะเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ นี้แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ การต่อสู้ที่แท้จริง ลูกนกต้องถูกผลักลงไปบนหน้าผาโดยนกอินทรีซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อเรียนรู้ที่จะบิน สิ่งที่เฉินรุยทำนั้นก็ไม่ต่างจากการผลักตัวเองลงจากหน้าผา
การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ครั้งแรกของเขาในสนามประลอง แต่ในทางเทคนิค มันเป็นการต่อสู้ครั้งแรกของเขาในการเกิดใหม่ในอาณาจักรมาร
“หมายเลข 64 เจ้ามีอะไรจะพูดไหม?” ซัคคิวบัสที่มีเสน่ห์มากได้นำมือของนางที่ใช้เวทมนตร์ขยายเสียงเข้าใกล้ๆปากของเฉินรุย
“อัตราต่อรองของข้ามีเท่าไหร่?”
คำถามของเฉินรุยได้สร้างความตะลึงให้กับซัคคิวบัสมาก ซึ่งนางก็ได้ตอบอย่างคล่องแคล่วกลับไปว่า “เมื่อเจ้ามาแทนหมายเลข 52 ก็แทบจะไม่มีใครพนันว่าหมายเลข 52 ชนะเลย ดังนั้นอัตราต่อรองตอนนี้จึงเป็น 1: 120”
“อัตราเดิมพันสูงมากขนาดนี้เลยเหรอ? งั้นข้าจะได้รับ 120 เท่าถ้าข้าพนันว่าข้าจะชนะสินะ?” เฉินรุยถอดเสื้อคลุมของเขาแล้วโยนลงบนพื้น จากนั้นเขาก็โยนเหรียญคริสตัลสีดำไปให้ซัคคิวบัส “ข้าเดิมพันด้วยเหรียญคริสตัลดำว่าข้าจะชนะ”
ฝ่ายซัคคิวบัสไม่ได้คิดเลยว่าผู้ลึกลับหมายเลข 64 จะทำแบบนี้ นางรับเหรียญคริสตัลดำมาและไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี ในขณะนั้นเองก็ได้มีเสียงแข็งกระด้างดังขึ้นมา “รับเดิมพันได้!”
“นั่นมันอรัค!” ผู้ชมมองไปที่มารผู้ยิ่งใหญ่ที่ปรากฏในที่นั่งวีไอพีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ
การเคลื่อนไหวของหมายเลข 64 นั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นการยั่วยุแลนซ์เต็มๆ แต่หลายๆคนก็ไม่คิดหรอกว่าชายสวมเสื้อคลุมคนนี้จะสามารถเอาชนะ 'มือเปื้อนเลือด' ที่ชนะติดต่อกันได้สี่เกม