ตอนที่แล้วบทที่ 40: อัศวินมังกรและเลขานุการ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 42: วัสดุเวทมนตร์! นักบลัฟระดับมหาเทพ

บทที่ 41: วางแผนให้ครอบคลุม! นักยุทธศาสตร์คนใหม่


บทที่ 41: วางแผนให้ครอบคลุม! นักยุทธศาสตร์คนใหม่

เฉินรุยไตร่ตรองอย่างจริงจังจากประสบการณ์และความรู้ที่ผ่านมาของเขา เขารู้สึกว่าแผนการส่วนใหญ่ที่เขากำลังคิดอยู่มีประโยชน์ทั้งหมดเลย แต่มีเพียงน้อยนิดที่ดูจะได้ผลจริง ดังนั้นเขาจึงได้แต่คิดไปเรื่อยๆอย่างช้าๆ

เชียก็ไม่ได้รบกวนอะไร นางเพียงแค่จ้องมองไปทางเฉินรุยเงียบๆ เพื่อรอคอยคำตอบของเขา ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าแม้ว่ามนุษย์คนนี้จะดูไม่หล่อมากนัก แต่ยามที่เขากำลังคิดอยู่ เขากลับมีเสน่ห์พิเศษอันเหนือล้น ไม่น่าแปลกใจที่อลิซและอาเธน่าจะชอบเขามากขนาดนี้

“เพราะท่านเจ้าหญิงทรงคาดหวังไว้มาก แต่ตัวข้าไม่ได้ชาญฉลาดนัก ข้าเกรงว่าคำแนะนำของข้าจะไม่ดีมากพอ” หลังจากคิดมานาน เฉินรุยก็ได้สร้างกรอบสิ่งที่เขาคิดไว้แล้ว "สถานการณ์ในเมืองพระจันทร์ดับตอนนี้มีทั้งปัญหาภายในและภายนอก โดยทั่วไปแล้วเราคงต้องแก้ไขปัญหาภายในก่อน เพื่อที่จะได้ป้องกันปัญหาจากภายนอกด้วย เมืองพระจันทร์ดับนั้นมีความแข็งแกร่งอยู่ในตัวอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อุปราชออบซิเดียนเริ่มหมดความอดทนจนเริ่มเร่งแผนของตัวเอง เขาเริ่มใช้วิธีการต่างๆเพื่อจัดการกับเมืองพระจันทร์ดับ หากสงครามกำลังเกิดขึ้นจริงๆ เมืองพระจันทร์ดับคงไม่สามารถทนต่อการโจมตีได้ ดังนั้นเราคงจะต้องจัดการทั้งสองทางพร้อมกัน ก่อนอื่นต้องหันเหความสนใจของออบซิเดียน เพื่อที่จะได้ชื้อเวลาไว้ก่อน ประการที่สอง ต้องแก้ไขปัญหาภายในของดินแดนให้รวดเร็วที่สุดและจะได้เพิ่มความแข็งแกร่งของเขตแดนได้”

เชียรู้สึกยินดีมากที่เฉินรุยใช้คำว่า “เรา” และจากนั้นนางก็ได้กล่าวไปว่า “มุมมองของเจ้าต่อสถานการณ์โดยรวมนั้นดีจริงๆ แต่คำถามคือจะชื้อเวลายังไง? กล่าวอีกนัยหนึ่งคือจะทำให้ออบซิเดียนสับสนได้เช่นไร?”

“นายพลจอร์จ พ่อของอาเธน่าเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของเจ้าหญิง ตอนนี้เขาดูแลป้อมปราการพ่อมดที่ชายแดนทางเหนือ ข้าได้ยินจากอาเธน่ามาว่า ถึงทั้งสามดินแดนจะลงนามในข้อตกลงสันติภาพ แต่จักรวรรดิโลหิตก็มักถูกคุกคามที่ชายแดนเสมอมา บางครั้งเกิดสงครามขนาดเล็กขึ้นเลย แต่จักรพรรดิไรเซ็นแห่งจักรวรรดิโลหิตกลับทำเป็นมองไม่เห็น และยังไม่ได้คิดที่จะหยุดการต่อสู้เลยด้วยซ้ำใช่ไหมครับ?”

เชียพยักหน้าและพูดไปว่า “ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ออบซิเดียนได้ใช้เจ้าแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืนเพื่อสังเวยอาณาจักรมารคืนกลับมา เพื่อลงนามข้อตกลงสันติภาพกับอาณาจักรโลหิตและอาณาจักรเงาดำ อย่างไรก็ตาม ออบวิเดียนไม่สามารถแข่งขันกับจักรพรรดิอีกสองคนได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแข็งแกร่งหรือกระทั่งศักดิ์ศรี ดังนั้นแล้ว ทั้งสองอาณาจักรต่างก็มองว่าอาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์ตกต่ำลงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะไรเซ็นผู้ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ แคทเธอรีนผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักวรรดิเงามืดก็ไม่ต่างกันนัก ไม่เพียงแต่ความแข็งแกร่งของนางจะไม่ได้ด้อยกว่าไรเซ็น แต่นางยังเป็นคนแรกที่ฉลาดที่สุดในอาณาจักรมารด้วย อาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์ก็จึงกลายเป็นอาณาจักรที่อ่อนแอที่สุด”

“งั้นที่ท่านพูดมาแบบนี้ แสดงว่าออบซิเดียนกลัวสองอาณาจักรนั้นใช่ไหมครับ? ถ้างั้นการที่นายพลจอร์จอยู่ที่ป้อมปราการพ่อมด เราก็อาจจะใช้ประโยชน์จากอาณาจักรโลหิตได้ด้วย”

แต่สิ่งที่เฉินรุยพูดมากลับทำให้เชียขมวดคิ้ว “เจ้าคงจะไม่เข้าใจ การเผชิญหน้าระหว่างข้ากับออบซิเดียนเป็นเรื่องภายในของราชวงศ์ลูซิเฟอร์และอาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์ ไม่ว่าสถานการณ์ของเมืองพระจันทร์ดับจะเลวร้ายเพียงใด เราจักไม่ยอมไปร่วมมือกับศัตรู แม้ว่าพลังของไรเซ็นสามารถทำลายออบซิเดียนได้ แต่ก็เท่ากับการมอบดินแดนนางฟ้าตกสวรรค์ให้กับอาณาจักรโลหิต ตระกูลลูซิเฟอร์ของข้าจะต้องตกตายอย่างแน่นอน และข้า เชียจะเป็นคนบาปที่สุดของจักวรรดิแห่งนี้”

“ท่านเจ้าหญิงทรงเข้าใจผิดแล้วขอรับ” เฉินรุยยิ้มเล็กน้อย “ข้าหมายถึงเมื่อจำเป็น เราสามารถใช้ประโยชน์จากนายพลจอร์จเพื่อสร้างเรื่องลวงอย่างการบุกรุกของจักวรรดิเลือดได้ และยังสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของอุปราชนั้นได้อีก แต่แน่นอนว่ามันคงไม่เพียงพอ นอกจากปัญหาภายนอกแล้ว เราจะต้องแก้ปัญหาภายในโดยการเบี่ยงเบนความสนใจของออบซิเดียนด้วย เราจะให้ออบซิเดียนได้ลิ้มรสการเจอทั้งปัญหาภายในและภายนอกพร้อมกัน เพื่อซื้อเวลาอันมีค่าให้กับเมืองพระจันทร์ดับ”

เชียพยักหน้าเล็กน้อยและชื่นชมเป็นอย่างมาก “ความคิดนี้ของเจ้าค่อนข้างแปลก และมันยังไม่สร้างปัญหาอะไรให้กับนายพลจอร์จด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ลอร์ดทั้งหมดที่สนับสนุนข้าก็ได้แปรพรรคไปอยู่กับออบซิเดียนแทบหมดแล้ว นอกจากนี้ เมืองพระจันทร์ดับยังถูกจำกัดหลายๆอย่างจากจ้าววิญญาณสีชาดด้วย ข้ากลัวว่ามันจะยากเสียยิ่งกว่าการรบเสียอีก”

“สิ่งที่ข้าจะพูดนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการใช้ขุนนางเพื่อกดดันเรื่องเงินเลยขอรับ แต่เป็นอีกอย่างต่างหาก ข้านั้นมีแผน เพียงแต่แผนนี้จำเป็นต้องมีคนร่วมมือด้วย คนที่จะมาร่วมมือด้วยจะต้องมีความกล้าหาญ มีคารมคมคาย มีจิตใจที่ดี สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ได้และมีความเชี่ยวชาญในด้านการค้า และจะดียิ่งกว่านี้อีกหากเราสามารถสร้างภูมิหลังที่ดูยิ่งใหญ่น่าเชื่อถือให้คนๆนี้ได้”

“ถ้าหากไม่ใช่เพราะข้อสุดท้าย ข้าคิดว่าเจ้ากำลังพูดถึงตัวเองแล้ว” คำพูดของเฉินรุยทำให้เชียสนใจมาก “แต่ข้าคงต้องฟังแผนของเจ้าเสียก่อน”

“นี้เป็นเพียงแค่แผนคร่าวๆของข้าเท่านั้น หากมีอะไรผิดไป โปรดองค์หญิงอย่าโกรธเคือง”

เฉินรุยโน้มตัวไปข้างหน้าและกระซิบเบาๆ ดวงตาของเชียค่อยๆเบิกกว้างและดูตกใจเป็นอย่างมาก จากนั้นพักหนึ่ง พวกเขาทั้งคู่ก็ได้สงบลงโดยไม่พูดอะไรกันเลย

“ข้าต้องขอบอกเลยว่าสติปัญญาของเจ้าค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว” เชียพูดออกมาพร้อมกับดวงตาของนางที่เปล่งประกายเป็นอย่างมาก “สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นแผนการที่ชั่วร้ายเลยก็ได้ขอรับ หากประสบความสำเร็จ ข้าเกรงว่าเมืองหลวงและอาณาจักรอื่นจะตกสู่ความโกลาหล ส่วนเราก็จะได้รับสมบัติมากมายคืนกลับมา”

"น่ากลัว? ชั่วร้าย? สรุปแล้วองค์หญิงเชยชมข้าจริงๆหรือเปล่าขอรับ?“เฉินรุยยิ้มอย่างขมขื่น”แต่แผนนี้เป็นเพียงแนวคิดคร่าวๆและต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติมอีก ซึ่งข้าคิดว่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญในอนาคตได้ ซึ่งเพราะอย่างนั้น เราจึงต้องเก็บแผนนี้ให้เป็นความลับ”

เชียกระพริบตาและพูดว่า“ใช่ มันจะต้องถูกเก็บให้เป็นความลับ หากแผนนี้ใช้การได้ มันคงจะทำให้เจ้าชายออบซิเดียนเสียการหนัก”

“ถ้าอย่างนั้น นี่คงจะเป็นความลับเล็กๆระหว่างสองเราใช่ไหมขอรับ?” เฉินรุยรู้สึกตื่นเต้นมากและเผลอพูดไปอย่างนั้น จนเข้าลืมคิดไปเสียทีเดียว นางเป็นพี่สาวขององค์หญิงน้อยและมีความงามเป็นพิเศษ แต่ปัญหาคือตัวนางราวกับ "ภูเขาน้ำแข็ง" หรือบางทีควรเพิ่มคำว่า "น่ากลัว" ไปด้วยก็ได้นะ หากเขาทำให้นางโกรธ เขาคงจะต้องเจอกับรังสีฆาตกรอีกแน่นอน

โชคดีที่เชียไม่ได้โกรธ แต่ดวงตาของนางเริ่มผ่อนคลายขึ้น“ข้าไม่อยากได้ยินเรื่องนี้อีก เจ้าควรใช้ความคิดของเจ้าในการวางแผนเสียจะดีซะกว่า ไม่อย่างนั้นมันคงเสียเปล่า”

"ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้จะให้มันหมายความแบบนั้นเลย“เฉินรุยยิ้ม”จะว่าไป ข้าก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าเจ้าหญิงทรงทำงานอย่างหนักในเรื่องพื้นที่และไม่เคยยิ้มออกมาเลย ดังนั้นข้าจึงเพียงแค่สร้างเรื่องขำขันเล็กน้อยให้ท่านได้รับฟัง”

เชียไม่ได้ตอบอะไร นางเพียงจ้องมองไปที่สัญลักษณ์ของตระกูลลูซิเฟอร์บนผนังฝั่งตรงข้าม นางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดเบาๆไปว่า “ข้าจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ข้ายิ้มมันเมื่อไหร่กัน…แต่ข้าจะปล่อยอารมณ์ก็เมื่ออยู่กับอลิซเท่านั้น”

เฉินรุยตกใจเล็กน้อยและเงียบไปครู่หนึ่ง เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า“สิ่งที่ข้าพูดไปตอนนี้ก็เพื่อจัดการกับปัญหาภายนอกเท่านั้น ปัญหาภายในของเมืองพระจันทร์ดับก็สำคัญเช่นกัน หากเราไม่แก้ปัญหาให้เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าออบซิเดียนจะไม่ทำอะไรเลย เราก็แทบจะไม่มีความหวังที่จะพลิกสถานการณ์”

เชียคิดและดวงตาของนางก็ดูเปล่งประกายอีกคราหนึ่ง“ข้าต้องการฟังความคิดเห็นของเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน”

แม้ว่าบรรยากาศการสนทนาก่อนหน้านี้จะกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ทั้งสองก็รู้สึกได้เลยว่าบรรยากาศมันดูแตกต่างจากเดิมเล็กน้อย

เฉินรุยชี้ให้เห็นว่าปัญหาทางทหารและเศรษฐกิจเป็นปัญหาภายในที่ใหญ่ที่สุดของเมืองพระจันทร์ดับ ทั้งสองด้านจริงๆจะต้องถูกควบคุมโดยเชีย ในแง่ของการทหาร เชียมีองค์รักษ์อยู่ ดังนั้นนางจึงยังสามารถสู้กับพวกทหารได้ อย่างไรก็ตาม ในแง่ของเศรษฐกิจ มันเปรียบเสมือนเส้นชีวิตของเมืองพระจันทณ์ดับ และมันก็ได้ถูกครอบงำโดยจ้าววิญญาณสีชาดละนั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อเทียบกับปัญหาทางทหารที่ออบซิเดียนมีความอ่อนไหวมากกว่า การแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เชียนึกถึง

สำหรับการวิเคราะห์แบบนั้นของเฉินรุย เชียเองก็เห็นด้วย “เฉินรุย ความคิดของเจ้าเหมือนกับของข้าเลย อย่างไรก็ตาม แหล่งหล่อเลี้ยงของดินแดนพระจันทร์ดับมากกว่าครึ่งมาจากการสนับสนุนของตระกูลอัลวิน หอการค้าเมืองพระจันทร์ดับและอีกครึ่งหนึ่งก็อยู่ในมือของโจเซฟ ดังนั้นสถานการณ์ตอนนี้เราจึงทำอะไรไม่ได้ สองปีที่แล้ว ข้าพยายามใช้กองคาราวานเพื่อเปิดเส้นทางไปทางทิศตะวันตกเพื่อแลกเปลี่ยนและซื้ออาหาร กระนั้นมันก็ถูกโจรขโมยไปหลายครั้งและก็สูญเสียอย่างหนัก หากปัญหาของโจรไม่ได้รับการแก้ไข เส้นทางธุรกิจก็คงจะไม่ราบรื่น”

“แล้วทำไมท่านถึงไม่ส่งกองทหารไปทำลายล้างโจรล่ะ?” เฉินรุยพูดออกมาเพราะตัวเขาก็สงสัยเหมือนกัน สำหรับเขาแล้ว แค่โจรเจอกองทหารก็คงจะกลัวจนฉี่ราดแล้ว

เชียส่ายหัวและถอนหายใจ “ข้าส่งอลันไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ล้มเหลวแทบทุกครั้ง ข้าจึงเริ่มสงสัยว่าโจรพวกนี้เป็นกับดักของจ้าววิญญาณสีชาด จุดประสงค์คือเพื่อควบคุมเมืองพระจันทร์ดับ และอลันน่าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด”

เฉินรุยขมวดคิ้ว หมาป่าตาขาวและเสือที่น่ารังเกียจพวกนี้มันร่วมมือกันอยู่ เมื่อเมืองพระจันทร์ดับกำลังจะพัฒนาได้เล็กน้อย พวกมันก็จะตัดแขนตัดขาทันที เชียไม่มีโอกาสพลิกได้เลย หากไม่กำจัดทั้งสองคนนี้

หมาป่า? เสือ? โอ้จริงสิ เป็นไปได้ไหมที่จะขี่เสือมาจับหมาป่ากิน? อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนมันกำลังร่วมมือกันอยู่ ดูเหมือนว่าจะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะให้พวกมันฆ่ากัน

“เจ้าหญิง ข้าต้องการข้อมูลที่ละเอียดที่สุด รวมถึงสถิติต่างๆในดินแดน ตลอดจนสถานการณ์ของแต่ละครอบครัวและสมาชิกที่สำคัญของพวกเขา โดยเฉพาะของโจเซฟและอลัน”

สนามรบเปรียบเสมือนห้างสรรพสินค้า ในขณะที่การวางแผนสงครามเปรียบเสมือนการวางแผนการตลาด ก่อนอื่นต้องวิเคราะห์สถานการณ์ของตลาดก่อนที่จะวางแผนให้ได้ดิบได้ดี

“เจ้ามีวิธีการจัดการทั้งคู่แล้วงั้นรึ?” เชียรู้สึกว่าตัวเลือกของนางสองอย่างก่อนหน้านี้ค่อนข้างถูก แม้จะไม่มีมรดกของปรมาจารย์ แต่ความสามารถที่มนุษย์แสดงออกมาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นางได้ใช้ประโยชน์

“เจ้าหญิงทรงประเมินค่าข้าเกินไปแล้ว” เฉินรุยได้แต่ส่ายหัว “ข้าไม่มีความคิดที่ชัดเจนในขณะนี้ ดังนั้นข้าจึงต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโดยละเอียด มนุษย์เรามีศิลปะแห่งสงครามโบราณ รู้จักตัวเองและรู้จักศัตรู จักทำให้ชนะทุกครั้ง”

กรุงโรมนั้นไม่ได้สร้างในหนึ่งวัน นี้เป็นเรื่องทั่วไปที่คิดกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว คนสองคนนี้ต่างก็เป็นเป้าหมายของเขา

“รู้จักตัวเองและรู้จักศัตรู จักชนะทุกสงครามงั้นรึ?” เชียมองดูเขาอย่างจริงจัง “อาณาจักรมารไม่ใช่สิ่งที่แปลกสำหรับมนุษย์ แม้ว่าข้าจะไม่เคยได้ยินประโยคนี้ แต่ข้าดีใจมากที่เจ้าไม่ใช่ศัตรูของข้า ไม่ว่าจะเป็นแผนนวนิยายหรือการวางแผนโดยรวม แม้แต่เฒ่าเกาส์ก็คงไม่สามารถสู้กับเจ้าได้ ภูมิปัญญาของเจ้าดูเหมือนจะได้รับสืบทอดจากปรมาจารย์ด้วยสินะ หรือบางทีมันอาจจะเป็นความสามารถของเจ้าเอง”

จะว่าไปอาณาจักรมารก็เหมือนกับสิ่งที่อยู่ใน "แผนหลงจง" เลยนี้หว่า ดีเลย ตัวข้าก็มีศักยภาพในการเป็นนักยุทธศาสตร์อยู่เหมือกัน... เฉินรุยหัวเราะคิกคักสองสามครั้ง จากนั้นก็ได้พูดไปว่า“เจ้าหญิง จริงๆแล้วตัวข้า…”

“ดี พูดมาเลยไม่ต้องอธิบาย ให้ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเลขาของเมืองพระจันทร์ดับเท่านั้นก็พอแล้ว สำหรับข้อมูลที่เจ้าต้องการ ข้าจะให้คากูรอนส่งไปที่ห้องปฏิบัติการในภายหลังหลังที่รวบรวมข้อมูลเสร็จแล้ว” เชียปิดกองหนังสือและพูดอย่างจริงจังไปว่า “ข้าต้องการเตือนเจ้าอีกว่าอลันไม่ได้จัดการยากนัก เพียงแต่ตระกูลคารอนต่างหากที่เป็นปัญหา ถ้าเจ้าฆ่าเขา คนที่ยากกว่าจะมากุมอำนาจทางทหารแล้วมันจะก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม โจเซฟก็ไม่ได้ง่ายเช่นเดียวกัน แม้ว่าเจ้าจะซ่อนตัวได้ดีในระหว่างการต่อสู้บนท้องฟ้า เขาก็จะสงสัยมากขึ้น ดังนั้นเจ้ามีแต่ต้องระมัดระวังขึ้นไปอีก”

เฉินรุยเองก็เข้าใจและพูดไปว่า “ข้าเองก็อยากจะเตือนท่านเจ้าหญิงเช่นเดียวกัน บางทีอาจเป็นเพราะมรดกของปรมาจารย์ ยามเมื่อข้ามองไปที่โจเซฟ ตัวข้ารู้สึกแปลกๆ ดูเหมือนว่าพลังของเขาจะเหนือกว่าอาเธน่า ไม่ว่าอะไรก็ตาม ท่านเจ้าหญิงโปรดระวังตัวด้วย”

ดวงตาสีม่วงเข้มของเชียดูประหลาดใจมาก “เจ้าเป็นผู้สืบทอดของปรมาจารย์จริงๆสินะ สิ่งที่เจ้าสัมผัสมา…ดูจะไม่ผิดเลยทีเดียว”

หลังจากเฉินรุยฟังคำตอบของเชียแล้ว เขาก็รู้ว่าเชียต้องรู้อะไรบางอย่าง เขาจึงไม่พูดอะไรมาก เขาแค่ไม่รู้ว่าเจ้าหญิงน้ำแข็งหรือเสือที่น่ารังเกียจจะแข็งแกร่งมากกว่ากัน เพราะทั้งคู่ต่างก็ขึ้นคำว่า “ไม่สามารถวิเคราะห์ได้”

มีข่าวลือว่า หลังจากการต่อสู้เวหาได้จบลง โจเซฟก็ได้หวนคืนกลับไปที่ดินแดนจ้าววิญญาณสีชาดพร้อมคณะทูตพิเศษ บางทีเขาคงจะต้องไปสารภาพผิดกับท่านลอร์ด บิดาของเขา

เฉินรุยคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดเรื่องที่ไปเปิดร้านค้ากับอลิซ ประการแรก เขาทดลองใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจอันดูจะเป็นเหตุเป็นผลที่สุด จากนั้นเขาก็บอกแผนที่จะสร้างร้านอีกหลายแห่งเพื่อแข่งกับโจเซฟในอนาคต และในตอนนั้น เขาก็จะมีข้ออ้างและทางในการหาเงิน ชื้อวัสดุเวทมนตร์เพื่อที่จะใช้ในการฝึกสัตว์

เชียเองก็ไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้ แต่นางกลับขอโทษแทน “เจ้าช่างคิดการณ์ไกลเสียจริง ข้าจะสนับสนุนเจ้าเต็มที่เอง แต่ว่าตัวข้ามีทรัพยากรจำกัด ข้าไม่สามารถเรื่องเงินทุนและพวกวัสดุให้เจ้าได้”

เฉินรุยดีใจมาก เงินทุนและวัสดุเป็นเรื่องที่สำคัญก็จริง แต่เรื่องแรงสนับสนุนก็สำคัญไม่ต่าง ตั้งแต่ที่เชียบอกว่าจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ ต่อไปก็คงเป็นเรื่องของแผนสร้างรายได้สินะ

เมื่อเขากำลังเดินออกไป เขาก็ได้ยินเสียงเชียอย่างแผ่วเบาดังขึ้นมา “งานของเจ้าในวันแรกนั้นค่อนข้างน่าประทับใจพอควร”

เฉินรุยยิ้มแล้วก็เดินออกจากประตูไป

แผนหลงจงดูได้ที่กูเกิ้ลเลยขอรับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด