ตอนที่แล้วบทที่ 34: เสมอ! ผู้เข้าแข่งขันที่ไม่มีใครคาดคิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 36: อลันผู้น่าสังเวช

บทที่ 35: ดวงตาวิเคราะห์! แม้แต่ไวเวิร์นยังถูกล่อลวง


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 35: ดวงตาวิเคราะห์! แม้แต่ไวเวิร์นยังถูกล่อลวง

การโผล่ออกมาของไวเวิร์นได้ทำให้เหล่าผู้ชมแตกตื่นมาก เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นไวเวิร์นตัวเป็นๆ พวกเขาทั้งหมดต่างส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้น

เฉินรุยคิดอยู่ครู่หนึ่งและยืนขึ้นอย่างช้าๆ

“เฉินรุย” อัลดาซ อาเธน่าและอลิซก็ได้เดินมาข้างๆเขาแทบจะเวลาเดียวกันที่เขายืน

อาเธน่าที่เป็นคนที่สงบอย่างมากก็ยังไม่สามารถทนเห็นเฉินรุยแข่งได้เลย "ถึงมันจะเป็นไวเวิร์นที่ฝึกมาแล้ว แต่มันอันตรายกว่ากริฟฟินนะ! ถึงเรื่องพิษจะเป็นรอง แต่ขนาดตัวข้ายังไม่สามารถที่จะฝึกมันได้เลย!"

"โจเซฟเอาไวเวิร์นมาที่นี่จริงๆด้วย!" อลิซเองก็พูดอย่างไม่ลังเลเลยว่า "เฉินรุย เจ้ายังมีหน้าที่สร้างเงินและทำอะไรหลายๆอย่างให้เจ้าหญิงนะ เจ้าจะมาตายแบบนี้ไม่ได้! เราจะยอมรับความพ่ายแพ้เลยก็ได้ ยังไงเสมอมันก็ไม่เป็นไรหรอก"

อัลดาซแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็ส่ายหัวไปให้เฉินรุย ส่วนทางด้านอิมป์แซลลี่ ตัวเขากังวลมาก แต่เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา

"ไม่ต้องห่วงหรอก" เฉินรุยส่ายหัวของเขา "พวกเจ้าก็รู้นี้ว่าข้ากลัวตายเป็นที่สุด ถ้าข้าไม่แน่ใจ ข้าไม่มีทางออกไปให้ถูกฆ่าหรอก เจ้าหญิงน้อยไม่ต้องรีบยอมรับความพ่ายแพ้ ขอข้าดูไวเวิร์นก่อนเถิด"

ก็อย่างที่เขาบอกนั้นแหละ จากนั้นเขาก็ได้เดินไปยังสนามช้าๆ เขาจงใจทำตัวเป็นขลาดเขลาว่ากลัวพิษของไวเวิร์น ด้วยการทำเป็นปิดปากปิดจมูกพร้อมกับเดินเข้าใกล้ๆกรงของไวเวิร์น

อลันเริ่มประสาทเสียเพราะตัวเองดันจะได้ใช้ไวเวิร์นในการแข่ง แต่พอเห็นเฉินรุยที่ดูขี้ขลาด เขาก็ได้สบถเสียงดังออกมา "ไอ้ขี้ขลาด นี่น่ะเป็นกรงวิเศษ! แม้แต่ยาพิษก็ไม่สามารถกัดเซาะมันได้!"

ทหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของอลันหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น แต่เฉินรุยนั้นไม่ได้กลัวพิษอยู่แล้ว เขาไม่สนใจอลันและเข้าไปที่กรงอย่างระมัดระวัง เมื่อไวเวิร์นในกรงเห็นสิ่งมีชีวิตเข้ามาใกล้ มันก็พยายามเอาหัวออกมาจากกรง เสียงศีรษะของมันชนกับกรงดังได้น่ากลัวจริงๆ

มนุษย์ที่เดินเข้าไปทำท่าทีตกใจและเขาก็ก้าวถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว ไวเวิร์นสองตัวที่อยู่ในกรงดูท่าอยากจะกินเนื้อมนุษย์เป็นพิเศษ หัวของพวกมันพยายามรวบรัดตามการเคลื่อนไหวของเจ้ามนุษย์ พวกมันเริ่มอยู่ไม่สุขและส่งเสียงออกมา จากนั้นหัวของพวกมันก็กระแทกเข้ากับกรงแรงขึ้นไปอีก นี้ยิ่งทำให้มนุษย์ตัวสั่นมากขึ้น

โจเซฟที่มองเฉินรุยกำลังกลัวก็ได้ยิ้มเยาะเย้ย ดูเหมือนว่าการนําไวเวิร์นมาคงเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดแล้ว ในความเป็นจริงแล้ว การชนะหรือแพ้ไม่สำคัญหรอก เขาไม่สนไอ้การพนันบ้าบอกับอลิซเลยสักนิด ถึงแม้ว่าเขาจะแพ้หรือเสมอ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ทำตามจุดประสงค์ของเขาได้อยู่ดี

พวกมันจะทำอะไรได้งั้นเหรอ? รักษาชื่อเสียงของเจ้าพระอาทิตย์เที่ยงคืน? ตอนนี้ลูกหลานของมันคงไม่สามารถรักษาบัลลังก์ของมันได้หรอก แม้แต่ธุรกิจในดินแดนพระจันทร์ดับก็ถูกครอบครองโดยเจ้าวิญญาณสีชาดแล้ว ไม่ต้องไปนึกถึงความรุ่งโรจน์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้นเลย!

พอเริ่มคิดไปเรื่อยๆ โจเซฟก็มองไปทางพื้นที่ผู้ชม แต่เขาก็ไม่พบกับสายตาใบมีดอันแสนเยือกเย็นแบบเดิมเลย ซึ่งจริงๆเขานั้นไม่รู้เลยว่า ไวเวิร์นไม่ได้อยากจะ 'กิน' เนื้อมนุษย์ แต่มันกำลังคุยกับเฉินรุยต่างหาก

"เคกู โปรดสงบเถิด ข้าจะช่วยเจ้าเอง!" เสียงของเฉินรุยฟังดูราวกับชายหนุ่มอ้วนพุงพลุ้ยกำลังล่อลวงเด็กสาวน้อย

"ผิดแล้ว ข้าเคกู ส่วนเขาคือแม็กดา" พวกไวเวิร์นคำรามขึ้นมาอย่างไม่พอใจ

"เข้าใจแล้ว! ข้าจะทำให้ตามสัญญา แต่อย่าลืมทำตามที่ข้าบอกเล่า!"

“…”

โจเซฟใช้พลังเวทย์มนต์ของตัวเองอย่างลับๆและได้ส่งเสียงของเขาไปทั่วทั้งสนามแข่งขัน "ข้าได้นำเจ้าอสูรมารที่แข็งแกร่งที่สุดจากดินแดนวิญญาณสีชาดมายังที่แห่งนี้ ข้าจำได้ว่านักรบของเมืองพระจันทร์ดับมีความกล้าหาญมากพอที่จะกล้าต่อสู้ใช่ไหม!?

แม้ว่าพวกเขาจะรู้ถึงความป่าเถื่อนของไวเวิร์นดี แต่คนแข่งน่ะเป็นมนุษย์แสนอ่อนแอนะเห้ย แล้วแกยังจะพูดว่า "กล้าต่อสู้อีก!?" จากนั้นเลือดของเหล่ามารก็เริ่มเดือดพล่าน

ในขณะที่เสียงเชียร์ของเหล่าผู้ชมเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เฉินรุยก็ได้กลับไปหาเพื่อนของเขา

อลิซเห็นเขากลับมาโดยไม่ได้ตั้งใจจะแข่ง นางถอนหายใจและพูดเสียงดังกับโจเซฟว่า "รอบนี้ ... "

"รอบนี้เราจะสู้!" เฉินรุยก็ยังคงพูดด้วยเสียงอันดังลั่น

เมื่อผู้ชมเห็นว่าเฉินรุยตั้งใจจะต่อสู้ ทัศนคติของพวกเขาต่อมนุษย์ผู้นี้ก็เปลี่ยนแปลงไปมาก พวกเขาเริ่มตะโกนออกมาอีกว่า "สู้! สู้...."

"นี้เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง!?" อาเธน่าคว้าแขนขอเฉินรุยและพูดอย่างร้อนใจ

อลิซเองก็พูดอย่างกังวลด้วย "เฉินรุย เจ้ากำลังจะไปตายนะ!"

"ข้าว่าเมื่อวานตอนที่ข้าซ้อมกับอาเธน่าก็คงไม่ต่าง... " ก่อนที่เฉินรุยจะพูดเรื่องตลกจบ เขาก็เห็นว่าดวงตาของอาเธน่ากลายเป็นสีแดงแล้ว นางคว้าแขนของเขาอย่างรุนแรงมากๆ จนเขาไม่สามารถที่จะใช้แรงพยุงตัวเองในการยืนได้หากไม่ได้ใช้พลังดวงดาวอย่าง "ชำระล้างร่างกาย"

"เจ้ายังมาล้อเล่นในเวลาเช่นนี้อีก!" อัลดาซเองก็ไม่สามารถทนนั่งได้อีกแล้ว "เจ้ามีวิธีอื่นใช่ไหม?"

"อาเธน่าปล่อยได้แล้ว!" เฉินรุยร้องออกมาอีกว่า "แขนของข้าจะหักแล้วนะ!"

อาเธน่าก็รีบปล่อยอย่างรวดเร็ว เฉินรุยในตอนนี้จู่ๆเขาก็เห็นอารมณ์แปลกๆที่อยู่ภายในดวงตาสีทับทิมของนาง แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้หรอก เขาดึงอลิซไปและกระซิบบอกเรื่องบางอย่าง โลลิน้อยรู้สึกสงสัย แต่นางก็พยักหน้าพร้อมกับส่งสายตาให้เขา

อลิซยืนขึ้นและกล่าวผ่านเเวทย์มนต์ขยายเสียงบอกไปว่า "เราไม่เคยมีคําว่าขี้ขลาดในพจนานุกรมของดินแดนพระจันทร์ดับ แม้ว่าเราจะตาย เราจักต้องทำให้การต่อสู้จบลง!"

หลังจากใช้คำสโลแกนดั่งนักการเมืองแล้ว เสียงกระตือรือร้นที่ของเหล่าฝูงชนก็ดังก้องขึ้นมา จากนั้นอลิซก็พูดต่ออีกว่า "ด้วยความที่เจ้าวิญญาณสีชาดนำไวเวิร์นมาที่นี่ถึงสองตน ก็เรียกได้ว่ามันเป็นการแข่งขันที่น่าสนใจเลยทีเดียวเชียว! ข้าเลยขอเดิมพัน ถ้าเจ้าแพ้การประลองเวหานี้ นอกเหนือจากเหรียญคริสตัลดำที่ข้าได้แล้ว ข้าต้องการไวเวิร์น 2 ตนพร้อมกับศิลาเถาวัลย์คุณภาพสูง 100 ก้อน! เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?"

โจเซฟยิ้มและกล่าวว่า "เจ้าหญิงน้อย การเพิ่มเดิมพันในช่วงเวลาสุดท้ายมันผิดกฎ นอกจากนี้ พระจันทร์ดับก็ชนะ 1 และเสมอไป 1 แล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านจะแพ้ นี้ข้าขาดทุนมากเลยนะ"

"แม้ว่าข้าจะชนะรอบที่สาม มันก็จะยังคงเสมอ"อลิซที่เห็นโจเซฟส่ายหัวก็ได้เปลี่ยนคำพูดของตัวเอง "ไม่ ข้าแค่อยากจะเดิมพันกับรอบของไวเวิร์น ถ้าการแข่งขันเป็นเสมอ ข้าจักมอบสิ่งของที่เป็นของนักเล่นแร่แปรธาตุในตำนาน แต่ถ้าข้าชนะ เจ้าจะต้องนำเถาวัลย์คุณภาพสูง 100 ก้อนและไวเวิร์นสองตัวมาทดแทน เจ้าคิดว่ายังไงล่ะคราวนี้?"

โจเซฟได้คิดอยู่อีกครู่หนึ่ง เขานั้นรู้สึกสนใจงานของนักเล่นแร่แปรธาตุในตำนานยิ่งนัก มันเป็นสมบัติที่เก็บรักษาไว้โดยราชวงศ์งั้นเหรอ? สิ่งที่เขาไม่เข้าใจมากที่สุดคือ เหตุผลใดกันที่อลิซมั่นใจมากขนาดนั้น ทําไมนางถึงยอมพนันครั้งใหญ่กัน?

ตอนนี้ฝ่ายพระจันทร์ดับชนะ 1 เสมอ 1 แล้วก็จริง แต่อลันน่ะสามารถเอาชนะเฉินรุยได้ 100% ซึ่งมันจะต้องเสมอกันอยู่แล้ว ทําไมอลิซถึงมั่นใจขนาดนี้กัน?

"ถึงข้าจะไม่สามารถนำงานของปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุออกมาได้ แต่อาจารย์อัลดาซสามารถยืนยันต่อหน้าทุกคนได้ งานของท่านปรมาจารย์มีอยู่จริงและแน่นอนว่ามันคือสิ่งที่สุดยอดอย่างมาก!" อลิซไม่ได้ให้เวลาโจเซฟคิดมากนัก นางพูดต่อด้วยเสียงดังลั่นว่า "เจ้ากล้าที่จะให้คำสัตย์สาบานหรือไม่?"

ในขณะเดียวอัลดาซก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับพยักหน้า เพื่อเป็นพยานว่างานของปรมาจารย์ในตำนานมีอยู่จริงๆ โจเซฟรู้ว่าด้วยชื่อเสียงของอัลดาซย่อมไม่มีทางที่จะโกหกอยู่แล้ว ดูเหมือนว่างานแปรธาตุของปรมาจารย์ในตำนานจะมีอยู่จริงไม่ปลอมแน่ๆ หากว่านางกลับคำพูดแล้วมันเป็นของปลอม เขาก็จะสามารถใช้เป็นข้ออ้างในการประณามเมืองรพะจันทร์ดับได้

ไม่มีใครรู้ว่างานของ "ปรมาจารย์ในตำนาน" เป็นเช่นไร ไม่เพียงแต่มันจะมีอยู่ในร้านขายของอลิซเท่านั้น แต่มันยังมีอีกหลายแบบในห้องของนางด้วย

ซึ่งพอคิดว่าสัญญานี้เป็นมนุษย์ที่เป็นผู้ลงแข่ง โจเซฟก็รู้ว่าเขานั้นมีโอกาสอย่างเต็มร้อยที่จะชนะอลิซ หลังจากไตร่ตรองเป็นเวลานาน โจเซฟก็ยอมรับคำท้าของอลิซ

"อลัน ผิวของไวเวิร์นนั้นเป็นพิษ กฎจะไม่ให้ใช้อุปกรณ์ แต่ยาพวกนี้สามารถทำให้ป้องกันพิษได้ 20 นาที หลังจากที่เจ้ากินมันแล้วหากเวลามันหมดลง เจ้าคงต้องใช้พลังของเจ้าในการต้านพิษเอง " พวกไวเวิร์นสองตัวยังไม่โตเต็มวัย และพวกมันก็เพิ่งจะถูกทำให้เชื่องไม่นานนัก ด้วยพลังของโจเซฟแล้ว ถ้าเป็นเขา เขาก็สามารถต้านพิษได้สบาย อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถลงเล่นได้อีกแล้ว ดังนั้นเขาได้แต่ให้อลันเป็นผู้รับหน้าที่ไป

อลันลังเลและพูดไปว่า "ข้าได้ยินว่ามนุษย์ผู้นี้กลายพันธุ์ด้วยการทดลองของอัลดาซ เขามีพิษที่ร้ายแรงอยู่ในตัวเขาด้วย เพราะอัลดาซเป็นถึงปรมาจารย์นักปรุงยา เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะไม่กลัวพิษ?"

ประโยคนี้ได้เตือนให้โจเซฟรู้ว่าอลิซคงวางแผนจะให้มนุษย์ถ่วงเวลาจนเวลาต้านพิษของอลันหมดลง

โจเซฟนั้นสามารถมองเห็นแผนของฝ่ายตรงข้ามอย่างทะลุปรุโปร่ง เขาพูดกับอลันต่ออีกว่า "แม้ว่าพิษจะไม่สามารถฆ่ามันได้ แต่เจ้าก็คงสามารถกำจัดคนอ่อนแอดั่งเช่นมดได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง! จงจำไว้ อย่าล่าช้า เจ้าต้องทำให้มันรวดเร็ว!"

โจเซฟรู้สึกได้เลยว่าอลันนั้นกังวลเรื่องไวเวิร์นเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงพูดไปว่า"จริงๆแล้วการชนะหรือแพ้ไม่สำคัญสำหรับเขา แต่เจ้าควรที่จะยอมแพ้เรื่องผู้หญิงคนนั้นไปได้แล้ว"

อลันที่เห็นอาเธน่าเดินไปคุยกับเฉินรุยด้วยใบหน้าอันแสนกังวล เขาก็อดไม่ได้ที่จะหน้าดำหน้าเขียวด้วยความอิจฉา จากนั้นเขาก็รับยาแก้พิษมาอย่างไม่ลังเล

ทางเดินเฉินรุยก็ได้ดื่ม 'ยาแก้พิษ' จากอัลดาซและดื่มต่อหน้าทุกคน จากนั้นเขาพูดกับอาเธน่าอย่างมั่นใจว่า "เชื่อข้า" และเดินออกไป ผู้คนส่วนใหญ่ต่างกลั้นลมหายใจยามเมื่อเฉินรุยและอลันเดินเข้าใกล้กรงเหล็ก ทันใดนัน้คนที่อยู่ข้างๆกรงก็เริ่มร่ายเวทย์มนต์ต้านพิษที่อยู่รอบกรงออก

เมื่ออลันนึกถึงอาการของอาเธน่าที่มีต่อเฉินรุย ความกระหายเลือดในสายตาของเขาก็เพิ่มมากขึ้น เขาได้ตะโกนออกมาว่า "จงสั่นสะท้านซะ! ไอ้มนุษย์อ่อนแอและไร้ค่า!"

"อย่าตายเร็วนักล่ะ ข้ายังจะต้องทรมานกระดูกทุกชิ้นของเจ้าอยู่!"

“…”

ช่างน่าสงสารอะไรขนาดนี้ ความอิจฉาของเขาได้ทำให้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพล่ามเสียแล้ว นี่ไม่ใช่ช่วง NBA shutdown นะเห้ย ดูเหมือนจะมีคนทำเลียนแบบโลกก่อนของเขาซะแล้ว จะว่าไปเขาก็ไม่สามารถที่จะกลับไปดูได้แล้วนี้หว่า...

ในหมู่ผู้ชม ลูกน้องหลายคนของอลันต่างส่งเสียงดังลั่นออกมาหัวเราะให้กับมนุษย์ผู้แสนจะอ่อนแอ

เฉินรุยเริ่มใจร้อนมากขึ้น พอเห็นกรงเปิดออกมา เขาก็ชูมือขึ้นและตะโกนว่า "พระจันทร์ดับ!"

เสียงของเขาเริ่มทำให้ผู้คนพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน เสียงของผู้ชมต่างดังออกมาเป็นเสียงเดียวกัน "พระจันทร์ดับ! พระจันทร์ดับ!" เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของพวกอลันราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาเลย

เฉินรุ่ยทำท่าทีเยาะเย้ยให้กับอลันแบบว่า: เจ้าตัวเล็ก ไหนพูดดังกว่านี้ซิ ข้าไม่ได้ยินแกเลย

อลันไม่คิดเลยว่ามนุษย์ผู้นี้จะประสาทเสียขนาดนี้ ขณะที่เขากําลังจะระเบิดความโกรธออกมา กรงก็ได้เปิดขึ้น แม้ว่าไวเวิร์นทั้งสองตัวจะถูกฝึกเต็มที่แล้ว แต่พวกมันยังคงผูกกับโซ่เหล็กอยู่ ลิชทั้งสองตนได้ให้อาหารของพวกมันและนำออกมาจากกรงอย่างระมัดระวัง ไวเวิร์นเดินออกมาจากกรงและเริ่มคำรามเบาๆ เสียงของพวกมันดูดุร้ายและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

อลันเองก็เริ่มที่จะระมัดระวังตัว เขากลืนยาแก้พิษและใช้เวทย์มนต์ป้องกันอย่างลับๆ เขาเดินไปหาไวเวิร์นหนึ่งในนั้นและใช้วิธีการสื่อสารกับมันโดยการโยนเนื้อให้ไวเวิร์น เพื่อเพิ่มความสนิทสนม

เฉินรุยทำท่าทีลังเลสักพัก จากนั้นเขาก็เดินไปหาไวเวิร์นที่ชื่อ 'เคกู' เขาไม่ได้โยนอาหารอย่างอลัน แต่เขาคว้าอาหารมาและยื่นไปให้มันตรงๆเลย นี้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะมันจะทำให้ใกล้ชิดกับสัตว์มารมาก เพียงแต่มันก็เสี่ยงมากเช่นกัน สําหรับสัตว์มารอย่างไวเวิร์นแล้ว เรียกได้เลยว่ามันเป็นวิธีที่อันตรายโคตรๆ

การกระทำอันอาจหาญของเขาทำให้ผู้ชมต่างเหงื่อตก เมื่อไวเวิร์นก้าวเดินไปหามนุษย์ทีละก้าว ทั่วทั้งสนามแข่งขันได้เงียบลงโดยพลัน

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด