บทที่ 34: เสมอ! ผู้เข้าแข่งขันที่ไม่มีใครคาดคิด
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 34: เสมอ! ผู้เข้าแข่งขันที่ไม่มีใครคาดคิด
อาเธน่านั้นไม่สนใจโจเซฟ นางมองดูร่างกายของลีโออย่างใจเย็น จากนั้นนางก็ได้กระโดดลงจากพาหนะแล้วกลับไปยังที่นั่ง VIP ของดินแดนพระจันทร์ดับ
อลิซและเฉินรุยต่างก็แสดงความยินดีกับนาง อลิซยิ้มและพูดว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าอาเธน่าจะชนะแน่นอน ไม่เหมือนกับคนบางคนที่ห่วงว่าเจ้าจะตกลงมาจากท้องฟ้า”
"ฮึ่ม! นั่นหาใช่เรื่องต้องกังวล! พวกเรา มารชั้นสูงมีทักษะเทเลพอร์ตอยู่แล้ว แม้ว่าข้าจะไม่ใช่มัน แต่ตัวข้าก็เป็นมารระดับสูงแล้ว ถึงข้าจะตกลงมาก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก!” อาเธน่าเหลือบมองไปที่เฉินรุย แม้ว่านางจะทำทีไม่สนใจเขา แต่ในใจลึกๆ นางก็รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย
เมื่อเผชิญหน้ากับสีหน้าเย็นชาของอาเธน่า เฉินรุยก็รู้สึกผิดมาก ไม่ใช่ว่าเขาเผลอไปแตะนิดแตะหน่อยแค่นั้นหรือไง? แต่พอคิดดูดีๆแล้ว เขาก็แตะมากไปนิดนี้หว่า…
อย่างไรก็ตาม อาเธน่าในตอนนี้ได้เลื่อนระดับเป็นมารระดับสูงแล้ว นี้คงเป็นสิ่งที่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม 'ดวงตาวิเคราะห์' แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของนางว่าเป็นระดับ D ในตอนที่นาง "แก้เผ็ดเขา" เมื่อวานนี้
“พวกเจ้าทั้งคู่มีเรื่องผิดใจอะไรกันงั้นเหรอ? นี่ทะเลาะกันใช่ไหม?”
โลลิตัวน้อยนั้นอยากรู้อยากเห็นมาก เฉินรุยก็ได้แต่สลัดความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกไปและอธิบายว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่เมื่อวานตอนที่เราฝึกพิเศษกัน…ข้าโง่มาก ดังนั้นอาเธน่าจึงไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่นัก”
เมื่อพูดถึงเรื่องฝึกพิเศษ ใบหน้าของอาเธน่าก็ราวกับกำลังถูกเผา ในขณะเดียวกัน โจเซฟก็ได้พูดขึ้นมาและอลิซก็ได้จ้องมองไปที่เขา
“ลีโอกระหายในชัยชนะมากจนละเมิดกฏการแข่งขันด้วยการใช้เวทย์มนต์ ข้าได้ทำการลงโทษเขาแล้ว สำหรับรอบนี้ เรายอมรับความพ่ายแพ้! เพื่อแสดงความขอโทษและเคารพต่อดินแดนพระจันทร์ดับ เกมที่สอง ข้า โจเซฟ อัลวิน จะเข้าร่วมด้วยตัวเอง!”
หลังจากที่เขาพูดจบ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เขา
โจเซฟคิดอยู่แล้วว่าฝ่ายเขาจะแพ้ในรอบแรก เขาปล่อยให้ลีโอโกง เพื่อที่จะคว้าโอกาสนี้มา ซึ่งการโกงของลีโอนั้นชัดเจนมาก ดังนั้นพอเรื่องนี้ถูกเผยออกมาตัวเขาจึงถูกจัดการไปอย่างรวดเร็ว ตามแผนของอีกฝ่าย รอบที่สามจะต้องเป็นมนุษย์ที่เป็นคนลง ดังนั้นรอบที่สองพวกมันจำเป็นที่จะต้องเอาชัยชนะมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นเฉินรุยก็จะไม่ได้ลงสนาม เพราะฝ่ายวิญญาณสีชาดได้พ่ายแพ้ไปแล้ว
คนที่ลงแข่งในนามของดินแดนพระจันทร์ดับในรอบที่สองก็เป็นมัจจุราชหญิงในร้านค้าของอลิซ คากูลี คากูลีเป็นน้องสาวของคากูรอน ผู้นำทัพของจักรวรรดิ ในตอนนี้นางเป็นมารระดับกลางและทักษะการฝึกฝนสัตว์มารของนางยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก แม้แต่อลันก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะนางได้หรือเปล่า ส่วนทางด้านโจเซฟมีข้ารับใช้สามคนที่ทรงพลังมาก พวกมันทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นมารระดับสูง อย่างไรก็ตาม ศึกชิงเวหาใช่ว่าจะใช้ความแข็งแกร่งในตัวคน แต่มันคือทักษะการฝึกสัตว์ต่างหาก ทั้งสามคนไม่เก่งด้านนี้ ดังนั้นตัวโจเซฟจึงตัดสินใจที่จะลงแข่งเอง
อย่างไรก็ตาม อาเธน่าไม่สามารถที่จะเข้าร่วมการแข่งได้อีก นั้นทำให้โจเซฟในตอนนี้มั่นใจเป็นอย่างมากว่าตัวเองสามารถเอาชนะได้ ทุกอย่างยังคงอยู่ในการควบคุมของเขา!
“โจเซฟ…จะลงแข่งด้วยตัวเองงั้นเหรอ?” ในวังของเมืองพระจันทร์ดับ เจ้าหญิงใหญ่เชียกำลังเฝ้ามองเวทีจากลูกคริสตัลแปลกๆ ลูกบอลคริสตัลนี้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เวทย์มนต์ของสนามประลอง ไม่เพียงแต่จะมีแค่ภาพเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งสัญญาณเสียงได้ด้วย เสมือนกับการถ่ายทอดสดของโลกใบนี้เลยทีเดียว
ซึ่งความแข็งแกร่งของโจเซฟนั้นในเมืองพระจันทร์ดับยังไม่เคยมีใครได้รับรู้ เพราะเขาไม่เคยต่อสู้เลย แม้ว่าจะมีปัญหาใหญ่แค่ไหน ตัวเขาก็จะปล่อยให้ลูกน้องทั้ง 3 คนของเขาเป็นคนจัดการเสมอ บางคนคิดว่าเขาพึ่งพาเพียงศักดิ์ศรีลอร์ดของพ่อและความแข็งแกร่งของลูกน้อง เพราะเขาไม่แข็งแกร่ง แต่ในทางกลับกันก็มีหลายๆคนคิดว่าเขาแข็งแกร่ง เพราะตัวเขาไม่เคยที่จะเผยความแข็งแกร่งออกมาเลย
ตอนนี้ ลูกชายคนโตของเจ้าวิญญาณสีชาดจะลงแข่งขันด้วยตัวเองแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นตัวแทนของวิญญาณสีชาด แต่ผู้ชมหลายคนก็เชียร์เขา
ใครจะไปสนการต่อสู้เพื่อเมืองพระจันทร์ดับกัน?
แต่ทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่อลิซที่กำลังยืนขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อทุกคนคิดว่านางกำลังจะประกาศผู้ลงแข่งขัน ตัวอลิซก็เป็นคนลอยและบินไปที่เวทีอย่างช้าๆ
“รอบนี้ ตัวข้าก็จะแข่งขันด้วยตัวเอง!”
ประโยคนั้นน่าตกใจยิ่งกว่าคำพูดของโจเซฟเสียอีก เสียงเชียร์รอบข้างต่างเงียบลงในทันใด แม้แต่ตาแก่เกาส์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ลุกยืนขึ้น
เจ้าหญิงน้อยจะลงแข่งงั้นเหรอ? การแข่งขันรอบนี้ไม่ใช่การเล่นแบบเด็ก มันคือศึกที่ตัดสินเป็นตาย แม้แต่ลิชที่ตกลงมายังขาหักเลย
“ไร้สาระจริงๆ!” เชียตะคอกใส่ลูกบอลคริสตัลและทำให้มันหายไป
โจเซฟรู้สึกประหลาดใจและพูดขึ้นมาว่า“เจ้าหญิงอลิซ ท่านล้อเล่นงั้นเหรอ?”
“โจเซฟ นี้เจ้ากล้าดูถูกข้า!” อลิซตะโกนออกมาด้วยความโกรธและเปลวไฟสีดำก็ได้เป็นประกายอยู่ตามร่างกายของนาง เปลวไฟนี้แตกต่างจากเปลวไฟสีแดงในตอนที่อาเธน่ากลายร่าง หากเปลวไฟสีแดงให้ความรู้สึกโหดเหี้ยมและรุนแรง เปลวไฟสีดำคงเป็นตัวแทนแห่งความเงียบงันและความตาย
ทันใดนั้น ดวงตาที่พร่ามัวของเกาส์ก็ได้เบิกกว้างและกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ
“นั่นมัน 'เปลวไฟสีดำ' ของตระกูลลูซิเฟอร์!” มีมารหลายตนที่รู้จักเปลวเพลิงสีดำนั้นและก็เริ่มตะโกนออกมา
“พลังอำนาจของสายเลือดตระกูลราชวงศ์!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินรุยได้เห็นอลิซแสดงความแข็งแกร่งของนางออกมา โดยปกติแล้ว ความแข็งแกร่งของอลิซที่วิเคราะห์จาก 'ดวงตาวิเคราะห์' อยู่ในระดับ F เท่านั้น แต่ในตอนนี้มันเพิ่มขึ้นเป็นระดับ E! ดูเหมือนว่าโลลิตัวน้อยจะไม่ได้โม้เกินไปเลยเรื่องการกระตุ้นสายเลือดของนาง แน่นอนว่าพลัง 'อ่านความคิด' ของนางก็ไม่ใช่ของปลอม แต่มันเป็นเพียงหนึ่งในสามพลังของราชวงศ์ลูซิเฟอร์ที่ทำให้เหล่ามารหลายคนต่างหวาดกลัว 'เปลวเพลิงทมิฬ' !
ระดับความแข็งแกร่งของมารโดยทั่วไปมักจะไม่เปลี่ยนแปลงแบบนี้ ยกตัวอย่างก็เช่น อลัน แต่เหล่ามารที่แปลงร่างและเหล่าราชวงศ์จะแตกต่างออกไป ร่างปกติของพวกเขาก็จะมีกำลังอีกแบบหนึ่ง แต่หากพวกเขาเข้าสู่โหมดการต่อสู้ พลังของพวกเขาก็จะก้าวกระโดดเป็นอย่างยิ่ง โจเซฟ อาเธน่าและอลิซก็เป็นแบบนั้น
อลิซวัย 13 ปีก็สามารถปลุก 'เปลวเพลิงทมิฬ' ได้แล้ว แม้แต่ในราชวงศ์ลูซิเฟอร์ นางก็ยังถือว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับโจเซฟที่คาดเดาไม่ได้แล้ว แม้ว่าอลิซจะเชี่ยวชาญ 'เปลวเพลิงทมิฬ' แต่นางก็ไม่มีโอกาสชนะเลย
“เจ้าหญิงน้อย ท่านจริงจังใช่ไหม?” โจเซฟมองไปที่อลิซด้วยท่าทางแปลกๆ “ถึงแม้ว่าสายตาของข้าจะไม่ดี แต่ข้าก็รู้ได้ว่า 'เปลวเพลิงทมิฬ' ของท่านไม่สามารถอยู่ได้นานเกินไป เพราะมันขาดพลังงาน ซึ่งพวกเรากำลังแข่งขันสัตว์มารเวหาอันแสนดุเดือดกัน ท่านมีความมั่นใจในทักษะฝึกสัตว์ของท่านด้วยงั้นเหรอ? พูดตามตรงแล้ว ตัวข้าไม่อยากที่จะทำร้ายท่านหรอกนะ”
“ข้าในฐานะเจ้าหญิงก็ไม่อยากที่จะทำร้ายเจ้าที่เป็นบุตรแห่งลอร์ดเช่นเดียวกัน” จู่ๆเปลวไฟสีดำของอลิซก็ได้หายไปทันที นางยิ้มและพูดว่า“ข้าเป็นเจ้าหญิงน้อยของเมืองพระจันทร์ดับ ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ลูซิเฟอร์ ซึ่งเป็นสายเลือดอันแสนสูงส่งของจักรวรรดิ เจ้าเป็นบุตรคนโตของเจ้าวิญญาณสีชาด ทั้งยังเป็นเจ้าหน้าที่การเงินของเมืองพระจันทร์ดับ เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อมิตรภาพระหว่างดินแดนเจ้าวิญญาณสีชาดกับราชวงศ์ลูซิเฟอร์ของข้าแล้ว เพื่อไม่ให้กระทบต่อความภักดีของเจ้าในฐานะเจ้าหน้าที่การเงินของดินแดนพระจันทร์ดับและมิตรภาพระหว่างเมืองพระจันทร์ดับกับดินแดนเจ้าวิญญาณสีชาดแล้ว ข้าจึงได้ตัดสินว่าเกมนี้ถูกตัดสินว่าเสมอกันในทันที ข้าเองก็ชักสงสัยว่าเจ้ายังต้องการที่จะจงรักภักดีต่อราชวงศ์ลูซิเฟอร์และเจ้ายังต้องการที่จะทำงานต่อในดินแดนพระจันทร์ดับไหม?”
นัยน์ตาของโจเซฟนั้นเปล่งแสงออกมา แต่ในท้ายที่สุดเขาก็เข้าใจในคำพูดของอลิซ
สิ่งที่อลิซจะสื่อก็คือ ไม่ว่าดินแดนของเจ้าวิญญาณสีชาดจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่พวกเขายังคงอุทิศตัวตนให้กับราชวงศ์ลูซิเฟอร์อยู่ ตัวเขา โจเซฟยังคงเป็นเจ้าหน้าที่การเงินที่ “อุทิศ” ให้กับเมืองพระจันทร์ดับด้วย หากเขากล้าที่จะแข่งขันกับนางแบบตรงๆ มันก็จะเป็นการดูหมิ่นตระกูลลูซิเฟอร์ ซึ่งเปรียบเสมือนกับดูหมิ่นเมืองพระจันทร์ดับและจงใจทำลายความสัมพันธ์ของเมืองพระจันทร์ดับกับเจ้าวิญญาณสีชาด
อลิซนั้นได้ใช้ทริคที่เขาไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้ ซึ่งพอมองผิวเผิน นี้ก็ดูจะเป็นวิธีของเหล่าราชวงศ์ที่ทำกัน แต่โจเซฟเองตอนแรกก็เห็นด้วยกับการเสมอ เพราะถึงอลันจะฆ่าเฉินรุย ผลสุดท้ายก็คงจะเป็นการเสมออยู่ดี แต่กระนั้นเอง อลิซได้พูดประโยคสุดท้ายอันแสนโหดร้ายออกมา หากเขาไม่ยอมรับ มันก็จะถือว่าเป็นการทรยศต่อราชวงศ์ลูซิเฟอร์ ในเวลาเดียวกัน มันก็หมายความว่า เขาไม่ต้องการรับตำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงินในเมืองพระจันทร์ดับอีกต่อไป ซึ่งตัวอุปราชออบซิเดียนไม่ได้สนใจเรื่องของการ “ดูหมิ่น” เลย เพียงแต่ตัวโจเซฟนั้นลังเลใจว่าควรที่จะสละความเพียรพยายามของเขาที่ทำต่อเมืองพระจันทร์ดับในช่วงหลายปีที่ผ่านมาดีหรือไม่
ทุกประโยคของนางราวกับมีหลุมพรางที่ถูกซ่อนเอาไว้ เมื่อไหร่กันที่เจ้าหญิงน้อยผู้นี้ทรงพลังยิ่งนัก! การที่อลิซเคลื่อนไหวแบบนี้ ทำให้แผนการไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขาอีกแล้ว
แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่าละอายใจ แต่นี้ไม่ใช่เวลาที่จะตกหลุมพรา... เมื่อโจเซฟกำลังชั่งผลที่ตามมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างและเขาก็ได้มองไปที่อีกฟากหนึ่งของเวที ดวงตาของเขาสบเข้ากับดวงตาของใครบางคนที่ราวกับคมดาบ ราวกับว่าสายตานั้นมาจ่ออยู่ที่ดวงตาเขา จู่ๆดวงตาของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมากและเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว
โจเซฟที่ไม่แน่ใจในตอนนี้ก็ไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว เขากล่าวออกมาในทันทีว่า “ความภักดีของดินแดนเจ้าวิญญาณสีชาดต่อราชวงศ์ลูซิเฟอร์และจักรวรรดิเทวดาตกสวรรค์นั้นเปรียบได้กับดวงจันทร์สองดวงของอาณาจักรมาร วิญญาณสีชาดและพระจันทร์ดับจักเป็นพวกพ้องตลอดไป ข้าจะทำงานเพื่อพัฒนาพระจันทร์ดับต่อไปด้วยมิตรภาพอันแสนมีค่า ดังนั้นแล้ว ข้าขอยอมรับข้อตกลงของเจ้าหญิงอลิซ!”
ตอนนี้พระจันทร์ดับชนะ 1 ครั้งและเสมอกัน 1 ครั้ง ซึ่งฝั่งพวกเขาก็เหนือกว่ามาก แม้ว่าเฉินรุยจะแพ้ แต่ท้ายที่สุดก็จะเสมออยู่ดี อย่างน้อยชื่อเสียงของพระจันทร์ดับก็จะไม่ถูกทำลายลง
เมื่ออลิซเห็นว่าโจเซฟเห็นด้วยกับข้อตกลงของนาง นางก็กลับมายังที่นั่ง VIP อย่างมีความสุขพร้อมกับแสดงท่าทีดีใจต่อหน้าเฉินรุยและอาเธน่า ทันใดนั้น นางได้ยินโจเซฟพูดเสียงดังอีกว่า “ในเกมแรก เพราะข้าเชื่อในข้ารับใช้อันแสนน่ารังเกียจ ดังนั้นเกมนั้นจึงไม่ยุติธรรมเลย ตัวข้าได้แต่เพียงขอโทษอย่างสุดซึ้ง ในเกมที่สอง เจ้าหญิงอลิซทรงทำให้ข้าประทับใจยิ่งนัก แต่ถึงกระนั้นการแข่งขันก็ยังคงเป็นการแข่งขัน ข้าเชื่อว่าทุกคนในตอนนี้ต่างหวังว่าจะได้รับชมการต่อสู้ที่ดุเดือดและยุติธรรม ทั้งไม่ใช่การใช้ความขี้ขลาดหรือเล่ห์เหลี่ยม ข้าพูดถูกใช่มั้ย?”
ประโยคนี้ทำให้เหล่ามารที่เป็นผู้ชมตะโกนดังก้องออกมามากมายหลายตน
อลิซ อาเธน่าและอัลดาซเข้าใจได้ทันทีว่าโจเซฟพยายามสร้างสถานการณ์บังคับให้เฉินรุยลงแข่ง พวกเขานั้นคิดได้แบบเดียวเท่านั้น
โจเซฟใช้โอกาสนั้นต่อและพูดขึ้นมาว่า “ตัวข้าที่มีฐานะที่เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพระหว่างพระจันทร์ดับและวิญญาณสีชาด ข้ามีคำขอพิเศษสำหรับรอบที่สามที่จะเปลี่ยนสัตว์มารที่แข่งเป็นไวเวิร์น! พวกท่านทุกคนจักได้เห็นสัตว์มารที่ทรงพลังที่สุดด้วยสายตาของท่าน มันจักกลายเป็นศึกชิงเจ้าเวหาที่ดุเดือดที่สุด!”
ไวเวิร์น! อลิซตกตะลึง อาเธน่าลุกขึ้นและจ้องมองไปที่โจเซฟ ส่วนโจเซฟก็ปรายตามองนางไปโดยบังเอิญ เขาเผชิญหน้ากับจิตสังหารของอาเธน่าด้วยรอยยิ้มอย่างไม่แยแส
ในสายตาของเฉินรุยแล้ว รอยยิ้มฆาตกรของโจเซฟน่ากลัวกว่าอาเธน่าถึงสิบเท่า!
โดยทั่วไปแล้ว ไวเวิร์นจะอาศัยอยู่ในหนองน้ำที่เป็นพิษหรือพื้นที่ชุ่มน้ำ พวกมันมีเกล็ดที่แข็งและกรงเล็บที่แหลมคม ไม่เพียงแต่กรงเล็บของพวกมันจะมีพิษร้ายแรง แต่พวกมันยังสามารถปล่อยก๊าซพิษในขณะที่หายใจออกมาได้ มันเป็นสัตว์มารที่ทรงพลังที่สุด หากไม่นับมังกร
มังกรนั้นมักจะดูถูกว่าเผ่าพันธุืไวเวิร์นเป็นเพียง 'มังกรปลอม' ที่แสนจะอ่อนแอ ไวเวิร์นขาดทั้งปัญญาและการฝึกฝน แต่มังกรก็อดไม่ได้ที่จะกลัวพลังของสิ่งมีชีวิตพวกนี้ แม้แต่มังกรผู้ใหญ่ที่กล้าหาญก็ไม่กล้าหาเรื่องไวเวิร์นที่มาเป็นฝูง
ไวเวิร์นตัวเต็มวัยนั้นมีพลังเทียบเท่ากับมารระดับสูงได้เลย ไม่เพียงแต่จะจับและเชื่องได้ยาก แต่มันยังจะเรียกพวกมารุมยำตีนคนที่หาเรื่องมันได้อีก แม้แต่ดินแดนพระจันทร์ดับก็ไม่มีไวเวิร์นสักตัวที่สามารถเลี้ยงให้เชื่องได้
จากนั้นเอง รถลากสี่ล้อที่มีกรงเหล็กสูงได้ถูกดันมายังสนามแข่งขัน กรงเหล็กได้บรรจุสิ่งมีชีวิตที่มีปีกสีเขียวอมน้ำตาลสองตัวอยู่ในกรง ดูเหมือนว่าโจเซฟคิดจะทำให้ผู้คนในพระจันทร์ดับตกใจอยู่แล้ว เขานั้นได้เตรียมไวเวิร์นสองตัวจากดินแดนวิญญาณสีชาดมาก่อนแล้ว!