บทที่ 32: อุบัติเหตุระหว่างการฝึกอบรมพิเศษ
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 32: อุบัติเหตุระหว่างการฝึกอบรมพิเศษ
พอเห็นอาเธน่าลงมาอย่างปลอดภัย เฉินรุยก็ได้ถอนหายใจออกมา เขาเดินมาข้างหน้าขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “นี้มันอันตรายเกินไปแล้ว แม้ว่าจะเป็นแค่การสาธิต แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย”
เมื่ออาเธน่าเห็นหน้าตาอันแสนกังวลของเขา นางก็รู้สึกมีความสุขเล็กน้อยและก็ได้พูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้ม “เจ้าจะกลัวอะไร? ขึ้นมาสิ ข้าจะสอนเจ้าเอง กริฟฟินตัวนี้มีแผ่นหลังกว้างพอสมควร นั่งสองคนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
ในตอนแรกที่เฉินรุยอยู่บนพื้นดิน เขาคิดว่าที่อาเธน่าขี่มันบินไปบินมานั้นดูจะไม่ใช่เรื่องยาก พอคิดแบบนั้น เขาเลยขอคำแนะนำจากนางเล็กน้อยและก็ได้ทดสอบบินดู
ใครจะรู้ว่าหลังจากทดลองแล้ว เขาก็เข้าใจความแตกต่างระหว่างทฤษฎีและการปฏิบัติ เขาใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้กริฟฟินมันโน้มตัวลงมา จากนั้นเขาก็ขึ้นขี่มัน หลังจากนั้นเอง ตัวกริฟฟินก็ได้ลุกขึ้นมาและเริ่มวิ่ง ความเร็วของมันดูเร็วซะยิ่งกว่าตอนที่เขานั่งดูอยู่ข้างๆอีก เฉินรุยนั้นกังวลมากจนดึงขนกริฟฟินหลุดออกมา เขานั้นปรับสมดุลไม่ได้จนเอนตัวไปทางด้านหลัง
อาเธน่านั้นอยู่ด้านหลังของเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้นัก เพราะนางรักษาระยะห่างไว้ นางไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ นางจึงไม่สามารถหลบได้ทันและเฉินรุยก็ได้เข้าสู่อ้อมแขนของนาง จากนั้นนางก็ได้ทำสัญชาตญาณของนางและกันไม่ให้ตัวพวกเขาตกลงไปจากหลังสัตว์มาร
วันนี้อาเธน่าสวมใส่ชุดคลุมสั้น นางไม่ได้สวมเกราะหนังและนางก็ไม่ได้พกดาบยักษ์ของนางมาด้วย เฉินรุยจึงรู้สึกได้ถึงภูเขาสองลูกตระหง่านบนหัวของเขา มันทั้งนุ่มนวลและอบอุ่น ทั้งยังมีกลิ่นของผู้หญิงเล็กน้อยด้วย "ดึ๋ง!" "หัวของเขานั้นถูกเจ้าก้อนซาลาเปาสองก้อนอัดทันที อาเธน่าเองก็ตกใจมาก ส่วนเจ้ากริฟฟินมันไม่ได้สนใจอะไรนัก และเพราะด้วยความที่ถูกดึงขน มันจึงเร่งความเร็วมากและมากยิ่งขึ้นไปอีก
ด้วยความที่กริฟฟินบินเร็วมาก เฉินรุยจึงไม่มีเวลาที่จะอธิบายอะไร เขาได้แต่พยายามยกหัวของเขาเพื่อรักษาความสมดุล โดยหัวของเขาตอนนี้อยู่ระหว่างกลางภูเขาสองลูก ซึ่งนอกจากนี้เขายังต้องพยายามหาที่คว้าด้วยเพื่อที่จะไม่ร่วงลงไปซะก่อน จากนั้นเอง สัตว์มารกริฟฟินก็ได้บินพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอีก
ซึ่งผ่านไปสักพัก นักบินมือใหม่ก็ได้สงบสติลงและเขาก็ได้ยินเสียงอาเธน่าที่กำลังกัดฟันอยู่ว่า “เจ้าเส็งเคร็งเอ้ย เจ้าทำบ้าอะไรกัน! เอามือของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!”
พอเฉินรุยสงบลง เขาก็เริ่มตระหนักถึงสถานการณ์รอบๆตัวเอง ปรากฎว่า ไม่เพียงแต่หัวของเขาอยู่ระหว่างหน้าอกของนาง แต่มือข้างหนึ่งของเขายังจับต้นขาอันแสนนุ่มนิมอีก ใบหน้าของอาเธน่าตอนนี้แดงมาก นี้เป็นครั้งแรกเลยที่นางได้มาใกล้ชิดขนาดนี้กับเพศตรงข้าม อีกทั้งหัวของเขายังอยู่ใน "ภูเขา" ของนาง! แม้ว่าลมจะแรงมาก แต่ความอบอุ่นและกลิ่นกายจากผู้ชายกลับทำให้นักดาบหญิงร่างกายสั่นเทา
เฉินรุยนั้นไปไม่เป็นเลยทีเดียว : นี่ต้องเป็นอุบัติเหตุอย่างแน่นอน! เขาไม่ได้ตั้งใจทำจริงๆนะ!
เขาไม่ได้คิดอะไรกับอาเธน่าเลย แต่ด้วยท่าทางที่น่าอึดอัดใจและการสัมผัสเนื้อสัมผัสตัวแบบนั้น มันก็ไม่มีทางที่จะคิดอย่างอื่นได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเลวร้ายยิ่งกว่าเดรัจฉานเสียแล้ว...
"ข้าขอโทษ!" แม้เฉินรุยจะพูดไปอย่างนั้น แต่เขาก็ไม่กล้าปล่อยมือ เพราะกลัวว่าตัวเองจะเสียสมดุลและหล่นลงไปกลางอากาศ เขาได้แต่ขยับหัวไปมาอย่างช้าๆ แต่การกระทำของเขายิ่งทำให้หัวใจของอาเธน่าปั่นปวนไปอีก เขานั้นได้ยินเสียงหัวใจจากหน้าอกของนางได้อย่างชัดเจน หัวใจของเขาเองก็เต้นแรงไม่ต่างกัน
“เจ้าบ้านี้!” ใบหน้าของอาเธน่ายิ่งแดงเป็นลูกมะเขือเทศเขาไปอีก ตอนนี้พวกเขาอยู่กันบนท้องฟ้า นางเองก็กลัวว่าเขาจะตก นางใช้มือข้างหนึ่งเพื่ออิงรับน้ำหนักตัวของพวกเขาทั้งคู่ จากนั้นก็ยื่นมือดันหลังเขาไปข้างหน้าเล็กน้อย ในตอนนี้ตัวเขาก็อยู่ห่างจากตำแหน่งอันตรายแล้ว
เฉินรุยที่เพิ่งตั้งท่ากลับเป็นท่าปกติได้ก็รู้สึกอายเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจ แต่กลิ่นกายของนางได้ฝังลึกแน่นไปในสมองของเขาแล้ว ขณะที่เขากำลังจะขอโทษ เขาก็ได้ยินอาเธน่าพูดว่า “หยุดเรื่องไร้สาระพวกนี้เถอะ ตอนนี้พวกเราอยู่บนท้องฟ้านะ! จงเรียนรู้ที่จะบินซะ หากเจ้าไม่อยากที่จะตาย!”
พอได้ยินแบบนั้น เฉินรุยก็พยายามลบความรู้สึกที่ได้รับมาจากการสัมผัสหน้าอกนั้นและเริ่มให้ความสำคัญกับการขี่กริฟฟิน เพราะเขาเป็นมือใหม่ คำสั่งของเขาและการกระทำของสัตว์มารจึงไม่สอดคล้องกัน เขาไม่สามารถทำให้กริฟฟินเคลื่อนไหวได้ตามที่เขาปรารถนา เขาคงจะกังวลมากเกินไป จนเขาลืมอะไรบางอย่าง เขาดันลืมใช้ 'ดวงตาวิเคราะห์' นี้สิ !
เฉินรุยรีบเปิดใช้งาน 'ดวงตาวิเคราะห์' พร้อมกับเอาหูแนบเข้าใกล้กริฟฟินเพื่อที่จะเริ่มสื่อสาร สติปัญญาของกริฟฟินไม่ได้สูงนัก หลังจากได้ให้คำสัญญากับมันว่าจะให้อาหาร ตัวของเขาก็ถูกมันยอมรับอย่างรวดเร็ว
อาเธน่าที่รู้สึกทั้งอับอายและโกรธกลับค่อยๆรู้สึกประหลาดใจ ในระยะเวลาอันสั้น เฉินรุยซึ่งเป็นมือใหม่ที่บินซุ่มซ่ามมาก่อนหน้านี้ก็สามารถควบคุมกริฟฟินได้อย่างชำนาญมากขึ้น! ตอนนี้ นางไม่โกรธกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว นางในตอนนี้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขข้อผิดพลาดของเขามากกว่า
หลังจากกริฟฟินบินไปมาสักสองสามรอบ มันก็ลงจอดอย่างมั่นคงภายใต้คำสั่งของเฉินรุย
เฉินรุยสังเกตเห็นว่า 'ดวงตาวิเคราะห์' ก็ได้บอกว่าอาเธน่านั้นมีความแข็งแกร่งระดับ E เท่ากับเขา เห็นได้ชัดว่าอาเธน่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโจเซฟ แต่เขาจำได้ว่าอาเธน่านั้นบอกว่าตัวนางมาถึงจุดสูงสุดของการเป็นมารระดับกลางแล้ว จากการประเมินของปากลีโร ระดับดวงดาวอัลไคน์มีสถานะทัดเทียมกับมารระดับกลาง อย่างไรก็ตาม ในบรรดามารระดับกลางแล้ว ความแตกต่างในด้านความแข็งแกร่งก็ห่างกันค่อนข้างมาก อย่างน้อย ในตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของอาเธน่าได้
อาเธน่าสังเกตุว่าเฉินรุยไม่ต้องการเพื่อนร่วมขี่อีกต่อไป ดังนั้นนางจึงแนะนำให้เขาขี่คนเดียว หลังจากได้รับบทเรียนก่อนหน้านี้ ควบคู่พร้อมกับการที่สามารถสื่อสารกับกริฟฟินได้ ตัวเฉินรุยก็ได้ทะยานขึ้นฟ้าพร้อมกับสัตว์มาร
เขาตื่นเต้นที่ได้ขี่กริฟฟินบนท้องฟ้าและได้มองเห็นทิวทัศน์ของผืนดิ นี้ทำให้เขาอยากจะร้องเพลงออกมาซะจริงๆ จากนั้น เขาก็ได้ลองใช้เคล็ดลับการบินที่อาเธน่าบอก มันมีประโยชน์อย่างมาก
อาเธน่านั้นมองเฉินรุยที่ขับขี่กริฟฟินฉวัดเฉวียนไปมาราวกับเคยขี่มาก่อน เขาขี่ได้ชำนาญกว่าตะกี้มากจริงๆ นางเกือบคิดว่าตาตัวเองเบลอเสียแล้ว
คนๆนี้เป็นเพียงแค่มือใหม่แน่เหรอ? เขาจงใจล่วงเกินนางหรือเปล่า? แต่ยังไงก็ตาม นางยังคงชี้จุดผิดพลาดของเขาทีละขั้นตอนและให้เขาปรับทีละอย่าง ดูเหมือนว่า มนุษย์คนนี้จะบินครั้งแรกจริงๆ แต่ความสามารถของเขาในการเรียนรู้และปรับตัว ... ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!
สิ่งที่ยากมากในเรื่องการฝึกสัตว์มารก็คือ การสื่อสาร แต่ปัญหานี้ไม่ส่งผลอะไรต่อเฉินรุยเลย เขาและสัตว์มารตัวนี้ราวกับอยู่ร่วมกันนับหลายปี ความเข้ากันได้ของพวกเขาเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนเกือบจะถึงสถานะของ 'มนุษย์และสัตว์มารที่เป็นหนึ่งเดียวกัน' ซึ่งมีเพียงผู้ฝึกฝนสัตว์ที่มีทักษะมากพอเท่านั้นที่จะถึงขั้นนี้ได้
“คนผู้นี้…” อาเธน่ายังคงแตะหน้าอกของนางทั้งๆที่ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ นางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นเร็วเล็กน้อยและใบหน้านางก็เริ่มร้อน
หลังจากที่เฉินรุยพอใจในการบินแล้ว เขาก็ร่อนลงมาช้าๆ อาเธน่าก้าวไปข้างหน้าเช็คอะไรสักอย่างและพยักหน้า“ข้าต้องยอมรับว่าความสามารถของเจ้าในการฝึกฝนสัตว์ร้ายนั้นดีกว่าข้ามาก ในการแข่งขันก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่สิ่งที่เจ้ามีตอนนี้เป็นเพียงพื้นฐานการบิน ความท้าทายที่แท้จริงคือระหว่างการต่อสู้ต่างหาก ช่างน่าเสียดายที่ฟ้าตอนนี้มืดลงแล้ว ไม่มีเวลาที่จะฝึกอบรมพิเศษอีก ยังไงก็เถอะ แม้ว่าเจ้าจะมีแผนที่ครอบคลุมทุกอย่างแล้ว แต่วันพรุ่งนี้เจ้าห้ามประมาทเด็ดขาด”
แม้ว่านักดาบสาวกำลังทำหน้านิ่งและพูดอย่างเย็นชา แต่เฉินรุยก็ยังคงรู้สึกถึงความกังวลในคำพูดของนาง เขาหยิบยาเม็ดน้ำตาลสองขวดออกมาพร้อมกับขอโทษและกล่าวว่า “อืม ส่วนนี่คือยาแก้พิษที่ข้าไปเอามาจากมังกรพิษวันนี้ มันสามารถใช้ได้นาน 3 เดือน เราไม่จำเป็นต้องไปทุกสัปดาห์อีกแล้ว เจ้าหญิงน้อยเองก็กินมันไปหมดแล้ว เจ้ากินก่อนเลย จากนั้นค่อยให้เคียกิน ไว้ข้าจะพยายามหาวิธีล้างพิษให้หมดโดยเร็วที่สุด”
การฝึกอบรมพิเศษในอนาคตไม่สามารถปล่อยให้อาเธน่าเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ ดังนั้นเขาจึงขยายเวลาประสิทธิภาพของ“ยาแก้พิษ” เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากออกไป
อาเธน่าไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นลูกสาวของนายพลคนแรกของจักรวรรดิอีกด้วย อีกทั้งนางยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของอลิซและคนที่เจ้าหญิงใหญ่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุสุดวิสัยและอะไรที่ส่งผลต่อสัญญาชีวิตของเขา เขาจึงจำเป็นต้องโกหกเพื่อให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปได้
เว้นแต่ว่า…เขาจะทำตามแผนของปากลีโรที่ให้ “ได้รับตัวนางมา” แต่เฉินรุยตัดสินใจว่าจะไม่ทำตามแผนของเขา เขาไม่ต้องการที่จะหลอกลวงอาเธน่าตั้งแต่ต้น แม้ว่าเขาจะมีพลังหรือไม่มีก็ตาม เพราะตัวเขาจะไปบึงราตรีแห่งความเงียบสงบ เพียงคนเดียว เขาไม่ต้องการใช้ประโยชน์จากอาเธน่าในอนาคตอีกต่อไป
เพราะตัวอาเธน่าทั้งสวย ร่าเริง ใจกว้างและน่าหลงใหล ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเลยที่เฉินรุยจะรู้สึกอะไรบางอย่างกับนาง แต่ตอนนี้เขาไม่มีพลังมากพอ ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ทริกโกหกอย่างพิษ ไว้เขาจะไปขอโทษนางละกัน หลังจากที่เขาสามารถลบล้าง 'กรงแห่งแสงสว่างและความมืด'
เมื่อเห็นอาเธน่าหยิบเม็ดน้ำตาลออกมาอย่างเงียบๆ เฉินรุยก็รู้ว่านางยังคงเสียใจอยู่ เขาขอโทษอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “เรื่องนั้นนะ…”
ในขณะนั้นภาพยังคงเหมือนเดิม แต่ดวงตาวิเคราะห์กลับแปลกออกไป ความแข็งแกร่งระดับ E ของอาเธน่าเพิ่มขึ้นเป็นระดับ D ทันที เฉินรุยตกใจมาก เขาเห็นผิวของอาเธน่าเปลี่ยนเป็นสีแดงและเขาก็ได้ปรากฏบนหัวของนาง ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร เขาก็ถูกทุ่มลงกับพื้นด้วยท่าซูเพล็กซ์
เฉินรุยผงะ แต่พลังของอาเธน่านั้นแข็งแกร่งมาก แม้นางจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและแกร่งกล้า แต่มันก็เพียงแค่ทำให้ร่างกายของเขาแตะกับพื้นเบาๆ ซึ่งมันไม่ได้ทำให้ศีรษะของเขาเจ็บเลย
จากนั้น ก็ได้มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
อาเธน่ากระโดดกลับมาที่เดิม นางหันหน้าไปทางเฉินรุยและเมื่อนางล้มลงกับพื้น ศีรษะของนางก็ได้ตกลงมาบนหน้าอกของเขา โชคดีที่นางกลับมาร่างเดิมแล้ว ไม่อย่างนั้นสองเขาบนหัวของนางคงจะทิ่มตัวเฉินรุยจนเจ็บ ถึงกระนั้น หน้าอกของเขาก็รู้สึกหายใจไม่ออก แต่เขาก็พยายามยื้อไว้ด้วยการใช้พลังแห่งดวงดาว
ศีรษะของอาเธน่ากระแทกเข้าที่หน้าอกเฉินรุย จากนั้นนางก็ใช้มือแตะที่ต้นขาของเขา ถ้าจะพูดให้ชัดเจนคือ ดูเหมือนนางจะบีบมันด้วย จากนั้น นางก็ได้กระโดดขึ้นจากพื้นพร้อมกับปัดฝุ่นบนมือของนางและพูดอย่างดุดันว่า "ก็แค่นี้แหละ! เราเจ๊ากันแล้ว! อย่าไปบอกอลิซหรือคนอื่นๆเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เล่า! ไม่อย่างนั้น ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
เฉินรุยตกใจมาก ในขณะเดียวกันเขาก็ได้แต่มองอาเธน่าจากไปพร้อมกับกริฟฟิน นางช่างดูเจ้าคิดเจ้าแค้นซะเหลือเกิน! ดูเหมือนว่านางคงจะเลือกวิธีนี้ในการแก้แค้นเขาสินะ...
เขาคิดว่าเขากับอาเธน่าและเขาเข้ากันได้ดีมากเลยทีเดียว ใครเล่าจะไปรู้กันว่า.....
หรือว่าเพราะออร่าของเจ้าหญิงน้อยใจดำหรือเปล่านะ ถึงทำให้เขาไม่ได้สังเกตเห็นถึง 'ความยิ่งใหญ่' ของอาเธน่า? เหมือนกับพิพเพ่นที่อยู่ข้างๆไมเคิลจอร์แดนอะนะ? ไม่สิ นั้นเป็นการยกตัวอย่างที่ดูแปลกเกินไป ถ้าหากเปรียบเป็นหยางเพ่ยเฟิงที่อยู่รอบๆมู่กุ้ยอิงล่ะ ไม่ได้ๆ มันดูลึกซึ้งเกินไป ... เฉินรุยในตอนนี้กำลังสับสนเป็นอย่างมาก เขาหายใจเข้าและรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมจางๆที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ในหัวของเขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงช่วงเวลาที่ได้สัมผัสไออุ่นจากหน้าอกอันแสนอ่อนนุ่มในตอนที่พวกเขาอยู่บนท้องฟ้า
ในความเป็นจริง เฉินรุยเองก็ยังไม่รู้เลยว่าในตอนที่อาเธน่าหันหลังให้กับเขาและจากไปนั้น หูของนางแดงเป็นอย่างมาก
หากมีใครได้เห็นสภาพนางตอนนั้น พวกเขาคงจะไม่เชื่อว่านี้เป็นใบหน้าของ อาเธน่า มารสาวผู้มีชื่อเสียงในความอาจหาญแห่งเมืองพระจันทร์ดับ
"ไม่! คนที่ข้ารักต้องแข็งแกร่งกว่าตัวข้าสิ!” อาเธน่าได้แต่เตือนตัวเองในใจ แต่แก้มของนางยังคงร้อนผ่าวอยู่