บทที่ 28: ศิลาเถาวัลย์
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 28: ศิลาเถาวัลย์
ไม่ต้องยืนยันให้มากความ จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงอลิซตามมาติๆ "แซลลี่? ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่? เฉินรุยอยู่ชั้นบนงั้นเหรอ? "
อิมป์ที่เห็นเจ้าหญิงน้อยจำชื่อเขาได้ก็พยักหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้น "เจ้านายอยู่ที่ชั้นสองขอรับ"
อลิซก็ได้มองไปที่ชั้นสองทันที เมื่อนางเห็นเฉินรุย นางก็ได้พูดออกมาอย่างมีความสุข "ข้าต้องการที่จะพาเจ้ามาที่นี่อยู่แล้ว ใครจะไปรู้กันว่าเจ้ามาก่อนที่ข้าจะชวนเสียอีก!"
ใครอยากจะมากับนางกัน ... เพราะเฉินรุยในตอนนั้นใช้เวลาอยู่กับระบบสุดยอดถึงสองสามวัน ทันใดนั้น เขาก็ยังคงอยากรู้ "เรื่องที่น่าสนใจ" บางอย่างอยู่ พอคิดได้เช่นนั้น เขาก็ได้ชี้ไปที่ "หมากรุกเจ้าหญิง" และพูดว่า "ไม่ใช่ว่านี้คือเส้นทางฮัวหยงหรือไง? นี่มัน...."
"ฮิฮิ ไม่ใช่ว่าข้าสุดยอดเลยงั้นรึ!?" โลลิตัวน้อยไม่รู้สึกอายเลยที่นางละเมิดลิขสิทธิ์ นางกลับยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ "ถ้าข้าไม่เปลี่ยนรูปลักษณ์ของมัน มันก็ขายไม่ออกเลยนะ เจ้านี้ยังต้องเรียนรู้อีกมาก"
"ใช่ เจ้าหญิงช่างน่าทึ่งมากจริงๆ" เฉินรุยยิ้มและก็พยักหน้า ถึงแม้ว่านี้จะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์จากเดิมไปมาก แต่จริงๆตัวเขาก็ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นต่อนั้นแหละ
"ยังไงเจ้าก็มาอยู่ที่นี่แล้ว มาช่วยข้าหน่อยสิ" อลิซยกกำไลเก็บของของนางขึ้นมาและก็โยนสิ่งของมากมายออกมา โชคดีที่มันไม่มียกทรงลูกไม้สุดแสนจะเซ็กซี่ที่เขาเห็นในช่วงปิกนิกรอบก่อนโผล่ออกมา
"ช่วยข้าจัดประเภทของพวกมันที ส่วนเคียจะเป็นคนติดป้ายราคา"
พอต้องเผชิญหน้ากับความหน้าหนา....เฉินรุยก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากช่วยจัดประเภทของพร้อมกับเคีย เคียนั้นมีกลิ่นกายที่หอมมาก อีกทั้งรูปลักษณ์ภายนอกที่แสนจะโดดเด่นยิ่งทำให้มีผลต่อผู้ชายที่อยู่ใกล้นางเป็นอย่างมาก เฉินรุยรู้ดีว่านางอันตรายระดับ S เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงได้แต่มองไปที่สิ่งของข้างหน้าเพื่อที่จะทำเป็นไม่สนใจนาง
พอโลลิตัวน้อยเห็นเขากังวลใจ นางจึงครุ่นคิดถึงบางเรื่องและถามขึ้นมา "โอ้จริงสิ เฉินรุย ข้าได้ยินว่าครั้งก่อนพี่สาวของข้าบอกว่าจะให้เคียกับเจ้าในอนาคต เจ้าตื่นเต้นไหม? "
เฉินรุยได้แต่รู้สึกตกใจ มีเรื่องอะไรบางที่อลิซไม่รู้เนี่ย?
"เจ้าหญิงใหญ่กล่าวเช่นนั้นจริงหรือ?" เคียก็รู้สึกตกใจมาก พอเห็นเฉินรุยที่ดูกังวลใจ นางก็ได้ยิ้มออกมาและจงใจเขยิบเข้าใกล้เขา "งั้นข้าก็คงต้องเรียกเจ้าว่า...นายท่านใช่มั้ย? "
คำว่า "นายท่าน" ได้ถูกจงใจพูดลากยาวโดยซัคคิวบัสสาว เฉินรุยรู้สึกร้อนใจและก็ได้แต่ก้มหัวลงไปอีก เขาทำเป็นไม่ได้ยินและก็ขยับไปด้านข้าง
"นายท่าน ท่านไม่ชอบเคียอย่างงั้นเหรอ? ข้าเสียใจมากนะ ..." ซัคคิวบัสสาวๆค่อยๆขยับเข้าไปใกล้เฉินรุย นางขยับเข้ามากใกล้ๆ จนเขาเห็นร่องหน้าอก เฉินรุยตัวสั่นงกๆ เขาได้แต่กลืนกินน้ำลายด้วยความยากลำบากและแอบคาดโทษโลลิตัวน้อยในใจ อลิซในตอนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้รับชมอยู่ นางหัวเราะออกมาดังเป็นอย่างมาก
ซัคคิวบัสนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าดึงดูดใจเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งเคียเป็นหนึ่งในคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเผ่า ถ้าไม่ใช่เพราะแผลเก่า เฉินรุยคงจะไม่สามารถทนได้นานขนาดนี้
ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเสียงแจ้งเตือนในสมองของเขา "พบสารที่สามารถแปลงสภาพได้ ท่านต้องการแปลงเป็นออร่าหรือไม่?"
เขาลืมไปว่าเขาเปิดใช้ทักษะแปลงออร่าอยู่ จากนั้นเขาก็ได้มองไปที่หินสีม่วงเข้มในมือของเขา หินก้อนนี้มีขนาดเท่ากำปั้น ลักษณะภายนอกของมันโปร่งแสงและดูเหมือนจะสะท้อนสีอยู่ภายใน ช่างเป็นอะไรที่ดูงดงามเป็นอย่างมาก
"เจ้าหญิงน้อย นี่คืออะไรงั้นเหรอ?" เฉินรุยถามอลิซในขณะที่เขาถือหินไว้
"นี่เป็นของที่โจเซฟให้ข้ามา ดูเหมือนว่ามันจะเรียกว่าศิลาเถาวัลย์ มันเป็นของทั่วไปของดินแดนวิญญาณสีชาด" อลิซรู้ว่าเฉินรุยนั้นสนใจในศิลาเถาวัลย์ นางคิดอยู่ครู่หนึ่งและทำหน้าแปลกๆ "ศิลาเถาวัลย์มีฟังก์ชั่นพิเศษอยู่ ดูเหมือนว่ามันจะสามารถ....ทำให้ผู้ชายสามารถ....เพิ่มฟังก์ชั่นบางอย่างได้ เจ้าคงไม่ใช่ผู้ชายที่เอาหินนี้ไปทำแบบนั้นใช่ไหม? "
กลับมามีอะไรแบบเดิมงั้นเหรอ? เฉินรุยรู้สึกถึงเหงื่อเย็นเหยียบที่ไหลออกมาและเขาก็ได้โยนหิวออกไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะต้องการออร่ามากแค่ไหนก็ตาม แต่เขาไม่สามารถยอมรับว่าเขาไร้สมรรถภาพทางเพศต่อหน้าผู้หญิงสวยสองคนหรอกนะ!
เคียในตอนแรกนั้นไม่ได้ต้องการล้อเล่นเขามากนะ แต่พอนางเห็นท่าทีของเขา นางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เจ้าชู้จริงเชียวนะ อลิซหัวเราะกับการพูดเกินจริงของตัวนางมาก
เฉินรุยรู้ดีถึงความชั่วช้าของเจ้าหญิงน้อยตอนที่พบกันครั้งแรกและเขาก็เริ่มสงสัยอีกครั้ง แม้ว่าโจเซฟจะเป็นลูกชายคนโตของเจ้าวิญญาณสีชาด แต่เขาก็ยังเป็นเจ้าหน้าที่การเงินของเมืองพระจันทร์ดับ ของที่เขาให้มาก็จะต้องเป็นของที่ไม่ธรรมดาไม่ใช่หรือไง?
เพื่อออร่าแล้ว เฉินรุยจึงบังคับตัวเองให้ถาม "เจ้าหญิงน้อย ฟังก์ชั่นของศิลาเถาวัลย์จริงๆแล้วคืออะไรงั้นเหรอ?"
โลลิตัวน้อยได้ล้อเขามากพอแล้วและตอนนี้ก็หยุดกวนเขาแล้ว นางแล้วบอกเขาว่า ศิลาเถาวัลย์สามารถเพิ่มพลังเวทมนตร์ให้นักเวทย์ได้ในระดับหนึ่ง มันมักจะฝังอยู่ในอุปกรณ์เวทย์มนต์ ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่นางบอกว่า "เพิ่มฟังก์ชั่นบางอย่าง"
เฉินรุยเกลียดความสามารถในการอธิบายก่อนหน้านี้ของอลิซมากและก็ได้พูดกออกมาว่า "ข้าชอบหินก้อนนี้มาก เจ้าหญิงน้อยสามารถขายมันให้ข้าได้ไหม? "
"แต่จากที่ข้าเห็น ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่ใช่คนที่ต้องการมันไป ' เพิ่มฟังก์ชันบางอย่าง ' ไม่ใช่หรือไง?" แต่อลิซที่เห็นท่าทีของเขาจริงจังมาก ก็ได้หยุดล้อเล่นและพูดออกมาอย่างหน่ายๆว่า "ถ้าเจ้าต้องการจริงๆมันก็มีราคาอยู่ที่ 5 เหรียญคริสตัลสีดำ นี้เป็นราคาพิเศษที่ข้าลดให้เจ้าเลยนะ!"
"ราคาแพงมาก!" เฉินรุยรู้สึกตกใจ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศิลาเถาวัลย์นี้จะให้ออร่ามากขนาดไหน อีกสิ่งที่ทำให้เขาไม่กล้าชื้อก็คือ 5 คริสตัลสีดำเป็นจำนวนเงินทั้งหมดที่เขามี ลืมมันไปเถอะ เขารอของจากซัคคงจะดีซะกว่า
"อย่าขี้เหนียวสิ" อลิซหัวเราะเหมือนกับสุนัขจิ้งจอกน้อยและกล่าวว่า "ข้ารู้จากพี่สาวของข้าว่าเจ้าได้รับ 5 เหรียญคริสตัลดำจากอาจารย์อัลดาซ"
นางยังรู้แม้กระทั่งเรื่องนี้ด้วย! ดูเหมือนว่าโลลิตัวน้อยอยากจะให้เขาจนจริงๆ ช่างเป็นเจ้าของร้านที่แสนหลอกหลวงอะไรเช่นนี้! เฉินรุยก็ได้แต่พูดออกมาด้วยความไม่พอใจ "ไม่ใช่เจ้าหญิงใหญ่ขอให้เจ้าทำแบบนี้ใช่ไหม? ข้าจะได้กลับไปหาเจ้าหญิงใหญ่ตอนนี้และนำเงินนี้กลับคืนไปให้นาง"
"อย่าเชียวนะ!" อลิซที่ได้ยินว่าเขาจะไปหาพี่สาวก็ได้พยายามหยุดเขาอย่างเร่งรีบ "ข้าเพียงแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง ทำไมเจ้าถึงจริงจังขนาดนั้นเล่า? "
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องใช้ทริคในการจัดการกับโลลิตัวน้อยซะแล้ว! เฉินรุยแอบพอใจตัวเองแล้วก็หมดคำพูดกับราคาใหม่ที่อลิซตั้งขึ้น "งั้นราคาก็เหลือ 4 เหรียญคริสตัลดำและอีก 99 คริสตัลม่วง!"
ความต่างมันก็เหมือนกับเงิน 5,000 และ 4,990
"นี่มันแพงเกินไปแล้ว ข้าคิดว่าข้าไม่เอามันดีกว่า"เฉินรุยตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ดูเหมือนว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาศิลาเถาวัลย์มาจากโลลิน้อย
"เจ้าไม่เห็นหรือไงว่าทุกอย่างที่นี่มีราคาแพง? ถ้ามันไม่แพง มันจะแสดงถึงสถานะของเจ้าหญิงได้เช่นไร? " อลิซพูดพร้อมกับบุ้ยปาก "ยังไงก็เถอะ ข้าเองก็อยากจะขายของด้วยความประทับใจเช่นกัน ถ้าเจ้าสามารถทำให้ข้ามีความสุข ข้ายังมีศิลาเถาวัลย์อีกก้อนและข้าจะมอบมันให้เจ้าเลยก็ได้นะ"
ศิลาเถาวัลย์สองก้อน! เฉินรุยตื่นเต้นมาก แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้อลิซพอใจ อีกทั้งในวันนี้ เขาได้ใช้พลังงานไปกับคิดเรื่องหลายเรื่องจวนจะหมดแล้ว
"เจ้าหญิงน้อย" เฉินรุยครุ่นคิดพร้อมกับกล่าวออกมาว่า "ถ้าข้าสอนวิธีการทำให้ธุรกิจได้รับเงินเพิ่มมากขึ้นละ?"
ตาของอลิซเบิกกว้างขึ้นและคิ้วอันแสนน่ารักของนางก็ขมวดเข้าหากัน "แล้วธุรกิจมันไม่เป็นเช่นนี้งั้นหรือ? ใครๆเขาก็ทำแบบนี้กัน ข้าเองก็ฉลาดมากกว่าคนเหล่านั้นด้วยซ้ำ"
เฉินรุยส่ายหัวของเขาและดวงตาของเขาก็ได้เผยให้เห็นถึงความมั่นใจในตนเองที่แสนจะเต็มเปี่ยม "ธุรกิจไม่ได้ทำเช่นนี้"
หลังจากนั้นเอง อิมป์ที่อยู่ด้านล่างก็เห็นเจ้านายของตนเดินลงมาและเขาก็ทำความเคารพอย่างเร่งรีบ
เฉินรุยนั้นก็หน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับถามขึ้นมาว่า "ทำไมเจ้าไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ว่าร้านนี้เปิดโดยเจ้าหญิงน้อย?"
"ไม่ใช่ว่านายท่านต้องการตามหาร้านที่ขายของแปลกงั้นหรือขอรับ?" อิมป์นั้นเริ่มสังเกตเห็นว่าเจ้านายของตนดูไม่พอใจนัก จากนั้นเขาจึงได้พูดออกมาพร้อมกับยิ้ม "นี่คือร้านที่ประหลาดที่สุดในเมือง อีกทั้งเจ้านายยังใกล้ชิดกับเจ้าหญิงน้อยด้วย ข้าเลยคิดว่าท่านจะต้องประหลาดใจมากแน่"
เฉินรุยมองแซลลี่ที่กำลังยิ้มอยู่ จากนั้นเขาก็ได้โบกศิลาเถาวัลย์ในมือไปมา
"นั่นมันศิลาเถาวัลย์!" อิมป์จำมันได้ในทันทีและก็ได้ตะโกนออกมา "มันราคาแพงมากเลยนะขอรับ! ข้าจำได้ว่ามันมีราคาอยู่ที่ 50 เหรียญคริสตัลดำในร้านขายของเวทย์มนต์ของท่านโจเซฟ!"
50 เหรียญคริสตัลดำ! เฉินรุยมองไปที่มันด้วยความประหลาดใจ จู่ๆความคิดที่เคยคิดว่าเจ้าหญิงน้อยนั้นใจดำก็ได้เปลี่ยนไป
เฉินรุยออกมาจากร้านค้าของอลิซทันที ตลอดทางในตอนที่แซลลี่ไม่ได้มองมาที่เขา เขาก็จะแอบใช้ทักษะแปลงออร่า ศิลาเถาวัลย์นี้ต้องเป็นของที่มีราคาแพงมากอย่างแน่นอน เพียงสองชิ้นก็ได้ให้ค่าออร่ารวม 230 จุดและรวมแล้วเขาในตอนนี้ก็มีถึง 406 จุด ราวกับชาวนายากจนที่สามารถกลายไปเป็นชนชั้นกลางได้
การได้ศิลาเถาวัลย์มาได้จุดไฟแห่งความหวังให้กับเฉินรุย เขาบอกให้แซลลี่นำทางไปยังร้านค้าเวทย์มนต์ของโจเซฟ เพื่อดูว่าเขาจะเจอกับสมบัติดีๆหรือเปล่า
ร้านค้าเวทย์มนต์ตั้งอยู่ในบริเวณที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของใจกลางเมือง แต่กลับมีแขกอยู่เพียงน้อยนิด ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ธรรมดามาก ก็ของมันแพงไงเล่า แค่เพียงศิลาเถาวัลย์ที่เฉินรุยเอามา มันก็มีราคาแพงเกินความจำเป็นไปไกลเลย มันมีราคา 68 เหรียญคริสตัลดำต่อชิ้นและมีอยู่เพียง 3 ชิ้นเท่านั้น ราคาของวัสดุเวทย์มนต์โดยรอบก็มีราคาแพงไม่ต่างกันนัก ไม่มีชิ้นไหนเลยที่เฉินรุยสามารถชื้อได้ด้วยเงินของเขา ดูเหมือนว่านักเวทย์และนักเล่นแร่แปรธาตุจะเหมือนกัน ทั้งสองอาชีพนี้ต่างก็เป็นอาชีพที่ต้องผลาญเงิน
เฉินรุยเองก็ไม่ได้ผิดหวังนัก เพราะวันนี้เขาเก็บเกี่ยวมาได้มากพอสมควร หลังจากนี้เขาคงจะต้องพึ่งการเก็บเกี่ยวออร่าจากซัค ซึ่งแค่นี้เขาก็ควรจะพอใจแล้ว
เมื่อเขากำลังจะออกไปจากร้านเวทย์มนต์ ก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา "ไม่ใช่ว่านี้คือลูกมือของปรมาจารย์อัลดาซหรือไง? ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ละ?
เฉินรุยหันกลับไปและเห็นคนที่สวมใส่ชุดอันแสนประณีต คนๆนี้ดูหล่อมากอีกทั้งยังดูไม่ธรรมดา แต่เขาก็ดูน่ากลัวเล็กน้อย รูปลักษณ์ของคนผู้นี้ไม่ต่างจากมนุษย์เลยสักนิดเดียว ก็เหมือนกับอาเธน่า เขาคงจะเป็นมารชั้นสูงที่มีเลือดกลายพันธุ์โดยมีอยู่สองร่าง
ชายผู้นี้มีมารตามอยู่ด้านหลังสองตนเป็นผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นข้ารับใช้ของเขา
ถัดไปจากผู้ชายคนนี้ก็เป็นมารผู้ชายที่จ้องมองมาทางเฉินรุยอย่างไม่เป็นมิตร คนๆนั่นคือผู้ที่มักจะไล่ตามอาเธน่า หัวหน้ากองรักษาการณ์เมืองพระจันทร์ดับ อลัน
จากนั้นแซลลี่ก็ได้กล่าวมาข้างหน้าเหมือนกับจะเตือนเฉินรุย “ท่านโจเซฟ ท่านอลัน”
เฉินรุยจึงตระหนักว่าชายหนุ่มรูปหล่อผู้นี้คือโจเซฟ ลูกชายคนโตของเจ้าวิญญาณสีชาด เจ้าหน้าที่การเงินคนปัจจุบันที่ควบคุมเศรษฐกิจของเมืองพระจันทร์ดับไว้
"ไสหัวออกไป!" อลันตะโกน แซลลี่กลัวอย่างมากจนต้องไปหลบหลังเฉินรุยอย่างเร่งรีบ
เฉินรุยก็ได้เปิดใช้งานทักษะ 'ดวงตาวิเคราะห์' อย่างลับๆ ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของอลันจะเป็นเพียงระดับ E เทียบเท่ากับเขา อย่างไรก็ตาม พอมีเดงคิเป็นตัวอย่างแล้ว เฉินรุยก็เข้าใจว่าแม้จะอยู่อันดับเดียวกันก็ใช่ว่าจะแข็งแกร่งเท่ากัน อาเธน่าเคยกล่าวว่ามารระดับกลางนั้นแข็งแกร่งมากกว่ามารระดับทั่วไปถึงสิบเท่า ซึ่งการประเมินแบบนี้ก็คงจะไม่ต่างกันนัก
ทางด้านหลังของโจเซฟนั้นมีมารอยู่สองตน ความแข็งแกร่งของพวกมันคือ D ในขณะที่ความแข็งแกร่งของโจเซฟก็คือ: ไม่สามารถประเมินได้!