บทที่ 26: ออร่า? แร่ขยะของช่างเหล็ก
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 26: ออร่า? แร่ขยะของช่างเหล็ก
นับตั้งแต่เฉินรุยมาอยู่ในอาณาจักรมาร เขาก็พักอยู่ในห้องทดลองแทบจะตลอดเวลา ก็เหมือนกับชีวิตก่อนที่เขามักจะอยู่แต่กับบ้าน เขาจึงไม่ได้รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่นัก ส่วนตอนนี้ คงจะมีเฉพาะเรื่องออร่าเท่านั้นที่ทำให้เขามีแรงจูงใจอยากจะไปหาชื้อของ
อัลดาซไม่ได้สนใจอะไรนัก เขาโบกมือไปมาและให้เฉินรุยทำตามที่ตัวเองต้องการ ยังไงก็ตาม มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษในที่แห่งนี้ แต่การปล่อยเขาไปย่อมดีกว่าการให้เขามาทดลองพิษอยู่แล้ว
เฉินรุยพอได้รับอนุญาตก็พาแซลลี่ที่คุ้นเคยกับพื้นที่ไปด้วย ก่อนหน้านี้ เขาก็ได้ออกมาเป็นครั้งคราวพร้อมกับเจ้าหญิงหรือบางครั้งก็อาเธน่า ตอนนี้ เรียกได้ว่ามันเป็นครั้งแรกที่เขาออกไปคนเดียวพร้อมกับผู้ช่วย ซึ่งการที่มีมนุษย์เดินอยู่บนถนนอย่างเปิดเผยนั้นดึงดูดความสนใจของมารแทบทุกตน
มารจำนวนมากชี้ไปที่เขาตลอดทางและพูดภาษาแปลก ๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการท้าทายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะกล้าเผชิญหน้ากับการท้าทายได้อย่างมีเกียรติจนได้รับความเคารพส่วนหนึ่งจากเหล่ามาร แต่มารส่วนใหญ่ยังคงรังเกียจชิงชังต่อมนุษย์อยู่
"เฮ้! มนุษย์ เนื้อของแกดูค่อนข้างอร่อยดีนี้" ในที่สุด ก็ได้มีมารที่ดูน่าเกลียดไม่สามารถทนต่อแรงกระตุ้นของตนเองได้
"ฮึ่ม! ช่างโง่เง่ายิ่งนัก "เฉินรุยไม่ใช่มนุษย์ที่อ่อนแออีกแล้ว เขาสังเกตคนโดยรอบด้วยดวงตาวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้กลัวและก็รู้สึกสงบมาก "ให้ข้าบอกอะไรเจ้าหน่อยไหม หลังจากการท้าทายครั้งก่อน ร่างกายของข้าก็ได้กลายพันธุ์ เลือดและเนื้อของข้าเต็มไปด้วยสารพิษ ถ้าเจ้าต้องการที่จะดื่มด่ำกับยาพิษแห่งความตายก็เข้ามาเลย แต่ก่อนหน้านั้น มาลองยาพิษที่ข้าจะให้ก่อนเถอะ "
ในขณะที่เขาพูดจบ นิ้วของเขาภายใต้ผ้าคลุมก็ได้มีเขม่าควันบางอย่างออกมา ด้วยความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ การดีดอะไรก็ตามที่มีขนาดเล็กนั้นมีอานุภาพรุนแรงราวกับปืนใหญ่ จากนั้นตัวมารคนนั้นทั้งตัวก็ได้ถูกปกคลุมไปด้วยผงบางอย่าง เขารู้สึกคันทั่วร่างกายของเขาและก็ได้พยายามเกาไปทั่วร่างของตน จากนั้นก็ได้มีเลือดไหลซิบออกมาจากรอยข่วนที่เขาทำตัวเอง เขากลิ้งไปมาบนพื้นดิน แต่เขาก็ยังไม่หยุดคัน
"เจ้ายังคงต้องการที่จะกินเนื้อของข้าอีกไหม?" เฉินรุยถามอย่างจงใจและมารตนนั้นก็ได้ส่ายหัวอย่างหมดท่า
"แล้วเจ้าต้องการให้ข้าแก้พิษให้ไหม?"
มารตนนั้นพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เฉินรุยโบกมือไปมา จากนั้นก็ได้มีของเหลวหล่นใส่ร่างของมารผู้นั้น จากนั้นมารคนนี้ก็เริ่มรู้สึกว่าอาการคันค่อยๆจางหายไป ขณะที่เขากำลังจะแก้แค้น ร่างกายของเขาก็เริ่มรู้สึกอ่อนแอและไร้เรี่ยวแรง จากนั้น อาการคันก็ได้กลายเป็นความเจ็บปวด ราวกับว่ากล้ามเนื้อทั่วทุกส่วนถูกฉีกขาด เขาร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
"ใครก็ตามที่กล้ามาท้าทายคนจากห้องทดลองของอัลดาซจะต้องตอบแทนอย่างสาสม!" เฉินรุยจงใจยิ้มออกมาและกล่าวออกมาอีกว่า "เจ้าหญิงได้ทรงออกคำสั่งเมื่อไม่นานมานี้ว่าข้าเองก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของเมืองพระจันทร์ดับ ดังนั้นแล้วชายผู้นี้จึงได้กระทำการหมิ่นเกียรติของเจ้าหญิงและอาจารย์อัลดาซ! เมื่อเทียบกับยาพิษที่ทำให้เขาตาย ข้ามั่นใจว่าการฟังเสียงกรีดร้องของเขาน่ารื่นรมย์กว่าเยอะ ให้เขากรีดร้องไปสักสองวันสองคืน และหากเข้ากล้าที่จะมาหาเรื่องข้าอีก ข้าจะทำให้แม้แต่กระดูกของมันไม่เหลือสักชิ้นเดียว!"
สองวันสองคืน! มารหลายตนต่างก็มองหน้ากันและมองมารที่โชคร้ายด้วยความหวาดกลัว มีเพียงมารบางตนเท่านั้นที่คิดบางอย่างขึ้นมาได้ ดูเหมือนว่ามนุษย์ผู้นี้จะเลวทรามเสียยิ่งกว่ามารทั่วไป เขาเป็นคนที่มาจากห้องทดลองของอัลดาซแน่นอน
หลังจากการท้าทายได้จบลง การกระทำที่แสนกล้าหาญอย่างการผสมตดใส่ยาพิษให้แซนโดร จนมันกลายเป็นขี้เถ้าได้ถูกเล่าลือกันไปทั่วในเมืองพระจันทร์ดับ บางคนต่างก็บอกว่า ตดของปรมาจารย์อัลดาซสามารถคร่าชีวิตมังกรได้เลยด้วยซ้ำ
มันช่างตรงข้ามกับความอับอายของอัลดาซซะเหลือเกิน ในตอนนี้ปรมาจารย์ดาร์คเอลฟ์ได้ก้าวข้ามเข้ามาสู่ระดับใหม่และถูกเคารพจากก้นบึ้งหัวใจของมารทุกตน
ซึ่งพิษและถ้อยคำพวกนั้นต่างก็มาจากเฉินรุยนั้นแหละ เขานั้นจงใจหยิบยืมใช้พิษจากอัลดาซในห้องทดลอง เพื่อที่จะใช้พิษของอัลดาซลงโทษผู้อื่นที่กล้ามาหาเรื่องเขา ภายใต้การพูดเกินจริงของเขา รวมถึงภาพลักษณ์ของเด็กฝึกงานที่แสนน่ากลัวและโหดร้าย มันก็คงจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว พอเป็นอย่างนี้แล้ว มันคงจะไม่มีมารตนใดกล้าอยากจะลิ้มรสเนื้อมนุษย์ของเขาแน่นอน ในตอนนี้เฉินรุยถูกจ้องมองจากเหล่ามารมากหน้าหลายตา
พอเห็นว่าเจ้านายของตนทำให้เหล่ามารมากมายตะลึง ตัวแซลลี่ก็รู้สึกภูมิใจ ตามตลอดทาง ตัวมันก็แนะนำเฉินรุยเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองพระจันทร์ดับ
อาณาจักรมารนั้นเคยมีอยู่ทั้งหมดเจ็ดราชวงศ์ หลังจากต่อสู้ได้จบลง คงเหลือเพียงตระกูลราชวงศ์ ลูซิเฟอร์ แมมมอนและแอสโมเดอุส ส่วนที่เหลือนอกจากนี้ก็ได้แต่ยอมจำนน เพื่อรักษาสายเลือดของพวกเขาเอาไว้
เดิมทีดินแดนพระจันทร์ดับเป็นหนึ่งในดินแดนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของจักรวรรดิเทวดาตกสวรรค์ อย่างไรก็ตาม ราชวงศ์เบลเซบับที่หายตัวไปเป็นเวลาหลายปีก็ได้ฟื้นคืนขึ้นมาในเมืองพระจันทร์ดับเมื่อสี่ร้อยปีก่อน นำโดยมารที่ทรงพลังชื่อ กอร์ฟิน เบลเซบับ กอร์ฟิน ได้ถือสิ่งประดิษฐ์ของตระกูลเบลเซบับเอาไว้ "หน้ากากกลืนกินพระเจ้า" พลังของเขานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาได้จัดการผู้คุมดินแดนพระจันทร์ดับและมารที่แข็งแกร่งไปหลายตน เขาได้อควบคุมดินแดนทั้งหมดเมืองพระจันทร์ดับและเริ่มที่จะบุกใกล้ดินแดนวิญญาณสีชาด จากนั้น เขาก็ได้บุกไปทั่วอาณาจักรเทวดาตกสวรรค์
ดวงอาทิตย์เที่ยงคืน ลูซิเฟอร์ ก็ได้นำทัพบุกเข้าตีดินแดนพระจันทร์ดับ ด้วยสิ่งประดิษฐ์ของตระกูลเฟอร์ "ดาบของเทวดาตกสวรรค์" เขาก็ได้เข้าไปดวลเดี่ยวกับกอร์ฟินในสนามประลอง กอร์ฟินที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักก็ได้ใช้พลังของสิ่งประดิษฐ์หลบหนีไป แต่จากนั้นก็มีคนพบที่ซ่อนตัวของเขา ซึ่งแน่นอนว่ากบฏจะต้องชดใช้กับสิ่งที่มันทำ
หลังจากสงครามครั้งนี้ได้จบ ดินแดนพระจันทร์ดับก็ไม่ได้รุ่งเรืองเฉกเช่นเดิม พอเจ้าดวงอาทิตย์เที่ยงคืนได้ตายลงไป อุปราชออบซิเดียนก็ได้ขับไล่หลานชายของเขา กริม ซึ่งเขาเป็นคนที่ควรจะสืบทอดบัลลังก์เจ้าแห่งพระจันทร์ดับต่อ จากนั้น เขาก็ได้ใช้หลายวิธีในการตรวจสอบและควบคุมดินแดนพระจันทร์ดับให้เสื่อมถอยต่อไป แม้ว่าหลังจากที่เจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ เชีย ได้สืบทอดบัลลังก์ต่อ แต่นางก็ต้องแก้ไขและสร้างหลายๆสิ่งขึ้นมาใหม่อย่างมาก ซึ่งนางก็ยังคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้อยู่ดี
โจเซฟ อัลวิน เจ้าหน้าที่การเงินของเมืองพระจันทร์ดับ เขาก็เป็นลูกชายคนโตของเจ้าวิญญาณสีชาด จอร์ช หากมองเผินๆ ตระกูลอัลวินนั้นเพียงแค่รับหน้าที่เติมเต็มคลังของเมืองพระจันทร์ดับ แต่จริงๆแล้วมันเป็นการควบคุมเศรษฐกิจของดินแดนพระจันทร์ดับต่างหาก ในปัจจุบันนี้ หอการค้าเพียงแห่งเดียวและอีกครึ่งหนึ่งของร้านค้าในเมืองพระจันทร์ดับต่างก็ถูกควบคุมโดยโจเซฟ แม้แต่การจัดหาอาหารของเมืองพระจันทร์ดับส่วนใหญ่ก็ได้มาจากตระกูลอัลวินเอง เห็นได้ชัดว่า ออบซิเดียนสามารถควบคุมเมืองพระจันทร์ดับได้โดยผ่านตระกูลอัลวิน
ในแง่ของการทหาร แม้ว่าลูกสาวของนายพลจอร์จ เวลล์ อาเธน่าจะอาศัยอยู่ในเมืองพระจันทณ์ดับ แต่กองทัพของดินแดนก็อยู่ในมือของ อลัน แห่งตระกูลคารอน ในตอนแรก ตระกูลคารอนได้สนับสนุนมกุฎราชกุมาร กริม แต่ภายหลังพวกเขาก็ได้ไปสนับสนุนอุปราชออบซิเดียนแทน อำนาจทางทหารที่แท้จริงที่อยู่ภายใต้อำนาจของ เชีย ก็คือกองกำลังทหารที่ขึ้นตรงกับคากูรอน
มันเป็นสิ่งที่เหลือขององค์มกุฏราชกุมาร กริม แต่สุดท้ายมันก็กลายมาเป็นแบบนี้เพราะสถานการณ์ต่างๆ 2 สิ่งที่สำคัญที่สุดที่สุดตอนนี้ก็คือ: เศรษฐกิจและการทหารกำลังในมือของผู้อื่นอยู่ เชียนั้นไม่สามารถทำอะไรได้เลยจนถึงตอนนี้
อาเธน่าก็ไม่ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก เฉินรุยจึงไม่เข้าใจเลยว่าสถานการณ์ของเชียอันตรายมากกว่าที่เขาคิดมากขนาดไหน เขาเข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ถึงเลือดเย็นและเข็มแข็งขนาดนั้น บางที นี่อาจเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถรับภาระที่เหลืออยู่จากบิดาของตนก็ได้
มีภาระอยู่มากมายที่เหลือทิ้งเอาไว้ บางคนนั้นไม่มีใครอยากจะแบกภาระพวกนี้ไว้หรอก
ถ้าเจ้าดวงอาทิตย์เที่ยงคืนยังคงมีชีวิตอยู่ ถ้ากริมสามารถสืบทอดพระราชบัลลังก์ได้ เชียก็คงไม่ต้องสวมบทบาทหรือใส่หน้ากากอันแสนเย็นชาให้น้องสาวของตนที่แสนอ่อนโยนเห็น ดูเหมือนว่าในตอนนี้หน้ากากจะได้เป็นส่วนหนึ่งกับนางไปแล้ว และคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะลบล้างมันออกไป
เฉินรุยคิดสักพักหนึ่งและก็ได้ถามอิมป์ตัวน้อยว่า "แซลลี่ มีร้านค้าในเมืองที่ขายของแปลกๆไหม? ยกตัวอย่างเช่น วพกวัสดุพิเศษหรือแร่ประมาณนั้นนะ? "
"ร้านค้าที่ขายของแปลก..." แซลลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งและดวงตาของเขาก็ได้สว่างวาบขึ้นมา "ดูเหมือนว่าจะมีอยู่ร้านหนึ่งขอรับ แต่ร้านค้านั้น ... ถ้าเจ้านายต้องการที่จะไปดูแร่ ก็เข้าร้านช่างตีเหล็กข้างหน้าแทนก็ได้ขอรับ"
"ดี งั้นก็ไปที่ร้านช่างตีเหล็กกันก่อน"
ร้านที่พวกเขาเข้าไปเป็นหนึ่งในร้านช่างตีเหล็กที่มีเพียงสองแห่งในเมือง ชื่อของมันดูน่ากลัวเล็กน้อย มันมีชื่อร้านว่า ' กิโยตีน' ซึ่งก็เป็นชื่อที่ดูเหมาะกับมารดี เจ้าของร้านช่างตีเหล็กเป็นเซนทอร์ที่ดูแข็งแกร่ง สามคนในร้านที่เป็นช่างตีเหล็กเองก็เป็นเซนทอร์ นอกจากนี้ ยังมีอิมป์ที่ทำหน้าที่เป็นข้ารับใช้อีก
พลังของเซนทอร์เป็นที่กันดีในหมู่มาร นอกเหนือจากความแข็งแกร่งในการต่อสู้แล้ว เซนทอร์ก็ยังมีความสามารถในการตีเหล็กอีก
พอเห็นว่ามีลูกค้าเข้ามา อิมป์ก็ได้ต้อนรับพวกเขาในทันที เมื่อมันเห็นเฉิน มันก็ลังเลสักพักและก็ได้พูดขึ้นมา "มนุษย์ ... เจ้าเป็นมนุษย์บนเวทีนั่น!"
การท้าทายครั้งนั้นเป็นที่เลื่องลือไปทั่วเมืองพระจันทร์ดับ ดังนั้นเพียงแค่เห็นหน้าเฉินรุยไม่ว่าใครก็จำได้ในทันที
แซลลี่เองก็ภูมิใจที่ได้เห็นคนเผ่าเดียวกับเขาประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ได้แนะนำตัว "นี้คือเจ้านายของข้า เฉินรุย ลูกศิษย์ของปรมาจารย์อัลดาซ "
"เจ้าเป็นข้ารับใช้ของมนุษย์งั้นเหรอ?" อิมป์ประหลาดใจอย่างมาก แต่เขาก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นดูถูกในทันที มารนั้นเห็นดีในความแข็งแกร่ง มีข่าวลือว่ากันว่ามนุษย์ผู้นี้อ่อนแอมาก บางทีอาจจะอ่อนแอกว่าอิมป์ที่อยู่ชั้นล่างสุดของเผ่ามารเลยก็ได้ เขาไม่อาจทำใจเชื่อได้เลยว่าเจ้าโง่เผ่าเดียวกับเขาจะรับมนุษย์มาเป็นเจ้านายของตัวเอง! ถ้าหากเขาเป็นข้ารับใช้ของปรมาจารย์อัลดาซสิถึงจะเป็นที่ยอมรับ
"คาร์คาน เจ้ากำลังทำอะไรอยู่!" จากนั้นเซนทอร์ที่เป็นเจ้านายของเขาก็ได้เดินออกมา เขามีขนาดใหญ่กว่าเฉินรุย พอเห็นตัวเขา เซนทอร์ตนนี้ก็ได้กล่าวอย่างดูถูกว่า "มนุษย์อ่อนแอ แกต้องการอะไรจากร้านช่างตีเหล็กของซัคกัน? เราไม่มีสมุนไพรให้แกหรอกนะ!"
พอผ่านการต่อสู้คืนนั้นก็ได้ทำให้จิตใจของเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจการดูถูกของใครเลย จากนั้นเขาก็ได้กล่าวว่า "ข้าได้รับคำแนะนำจากปรมาจารย์อัลดาซให้มาที่นำแร่พิเศษบางอย่างที่มีสารพิษไป นั่นแหละเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงมาที่นี่"
ชื่อของสุดยอดปรมาจารย์การตดเป็นประโยชน์มาก แม้ว่าซัคจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกี่ยวข้องระหว่างแร่และพิษก็ตาม แต่เขานั้นไม่กล้าที่จะปฏิเสธ พอคิดเช่นนั้น เขาก็ได้พาเฉินรุยไปยังที่ๆมีกองแร่ถมกันเป็นภูเขา
เพราะ 'ดวงตาวิเคราะห์' ไม่สามารถใช้งานกับการเลือกสิ่งของได้ เฉินรุยจึงเปิดใช้งานทักษะ 'แปลงออร่า' โดยเลือกผ่านการสัมผัส 'แปลงออร่า' ใช้ 1 ออร่าต่อ 30 นาที
แม้ว่าเฉินรุยจะมีเวลาเลือกนาน แต่เขาก็หาอะไรดีๆไม่ได้เลย ซัคได้แต่มองดูด้านข้าง ตัวเขานั้นสังเกตเห็นถึงใบหน้าอันแปลกประหลาดของมนุษย์ เฉินรุยคว้าชิ้นส่วนของแร่ที่คริสตัลขึ้นมาและก็ได้ถาม "นี้มันแร่อะไรกัน?"
ซัคดูไม่แยแสเมื่อเห็นมัน "มันคือแร่กึ่งเสีย ถึงมันจะเป็นคริสตัลเหลืองทมิฬ แต่มันก็มีปัญหามาก มันใช้เวลานานในการดึงค่าแร่ออกมา นอกจากนี้ ถ้ามันสกัดไม่ถูก สารตกค้างก็จะมีผลต่อความบริสุทธิ์ของเหล็ก "
แร่เสียงั้นเหรอ? หัวใจของเฉินรุยได้เต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง เมื่อเขาสัมผัสกับแร่เพียง ทักษะก็ได้แสดงให้เขาเห็นว่าเขาสามารถดูดกลืนได้ แต่เขายังไม่รู้ว่ามันสามารถเพิ่มค่าออร่าให้เขาได้มากเท่าไหร่
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและก็ได้พูดขึ้นมาว่า "ข้าจะขอทำการทดลองดูว่าคริสตัลประหลาดชิ้นนี้เป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ต้องการหรือเปล่า ถ้ามันเสียหาย ข้าก็จะชดเชยด้วยเงินให้ท่านเอง"
ซัคก็ได้พยักหน้า ถึงยังไงมันก็เป็นเพียงแร่กึ่งเสีย
เฉินรุยนำผงบางอย่างออกมาพร้อมกับโรยมันบนคริสตัลและใส่มือของเขาเข้าไปข้างในนั้น ซัคเริ่มเห็นว่าคริสตัลค่อยๆหายไปอย่างช้าๆและกลายเป็นผง โดยที่ไม่มีรอยแตกอะไรเกิดขึ้นบนแร่เลย ดวงตาของเขาแทบจะถล่นออกมา ผลึกที่แข็งแกร่งอย่างมากที่แม้แต่ช่างตีเหล็กที่แข็งแกร่งยังทำลายมันได้ยาก มันกลับถูกทำให้ละเอียดโดยมนุษย์ได้เช่นไรกัน? มันไม่เหลือแม้แต่ฝุ่นผงด้วยซ้ำ!
ในสายตาของซัค ความสามารถของนักปรุงยานั้นลึกลับมาก แม้กระทั่งนักปรุงยาฝึกหัดยังมีความสามารถแปลกๆ!
ซึ่งจริงๆแล้วผงที่เฉินรุยใช้เป็นเพียงฉากบังหน้า สิ่งที่ทำงานจริงๆก็คือทักษะ 'แปลงออร่า' สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขไม่ใช่การแปลงแร่ที่มีชื่อว่าของเสียได้ แต่มันคือการที่เขาสามารถดูดกลืนได้ถึง 25 ออร่าต่างหาก!