บทที่ 24: กลืนไม่เข้าคายไม่ออก! เริ่มได้
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 24: กลืนไม่เข้าคายไม่ออก! เริ่มได้
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่จะทำให้เฉินรุยประหลาดใจนิดหน่อย แต่เขาก็ไม่ได้สนเลย เขาพยายามขยับดู จากนั้นเขาก็ได้มาโผล่ที่บัลลังก์ คราวนี้มีหน้าจอแสงปรากฏขึ้นสามจอ ซึ่งเพิ่มจากเดิมหนึ่งหน้าจอ ในขณะเดียวกัน ข้อมูลใหม่จำนวนมากได้ถูกส่งเข้าสู่สมองของเขา
ภายในแผงสถานะของตัวละคร ตัวเฉินรุยโปร่งแสงจนเกือบจะเหมือนกับเมื่อก่อน ยกเว้นส่วนขาหนีบที่มีเปลวไฟสีขาวขนาดเท่ากำปั้น ทั้งยังมีคำว่า “อัลเคียด” ปรากฎภายในเปลวไฟด้วย!
คำอธิบายข้อความที่ด้านข้างก็กลายเป็น:
สมญา: ผู้เก็บสะสมดวงดาว
ระดับวิวัฒนาการ: หนึ่งดาว
ค่าประสบการณ์: 0%
ค่าออร่า: 21
การประเมินความแข็งแกร่ง: E
จากข้อมูลใหม่ในสมอง ร่างกายมนุษย์นั้นมีดวงดาวชีพจรทั้งหมดเจ็ดดวง ซึ่งเป็นดวงดาวพลังงานเจ็ดอย่าง ดวงดาวพลังงานเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่ฝังอยู่ในร่างกายมนุษย์และสอดคล้องกับความลึกลับของจักรวาล ในขณะที่ดวงดาวชีพจรเป็นจุดกำเนิดของดวงดาวพลังงาน
“อัลเคียด” เป็นดาวชีพจรดวงแรกซึ่งเป็นชื่อของจุดเริ่มต้น มันถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติโดยวิวัฒนาการเริ่มต้น แต่มันถูกจำกัดไว้แค่ที่วิวัฒนาการเริ่มต้น ในอนาคต การเปิดใช้งานดวงดาวชีพจรจำเป็นต้องมีการควบคุมสถานะปัจจุบันให้ดีขึ้น จากนั้นจึงจะค่อยพัฒนาภายใต้เงื่อนไขบางประการ ดวงดาวชีพจรที่เปิดใช้งานทุกครั้งจะเพิ่มความแข็งแกร่ง ความสามารถและทักษะอันทรงพลัง
สถานะถัดไปหลังจาก "อัลเคียด" คือ "ไมซาร์" สถานะหลังจากนั้นจะต้องรอจนกว่าเขาจะพัฒนาสถานะให้กลายเป็น“ไมซาร์” เสียก่อนจึงจะรู้
สำหรับ "ค่าประสบการณ์" และ "การประเมินความแข็งแกร่ง" เป็นการบอกกล่าวถึงความแข็งแกร่งที่เขามีอยู่ “ค่าประสบการณ์” หมายถึงความสามารถและการใช้งานสถานะของดวงดาวพลังงานในตอนนี้ การไปถึง 100% สำหรับ "ค่าประสบการณ์" ก็เป็นข้อกำหนดขั้นพื้นฐานที่สุดสำหรับการไปยังสถานะถัดไป
หน้าจอของต้นไม้ทักษะเองก็เปลี่ยนไปด้วย ช่องว่างมันเพิ่มแสงสว่างขึ้น โดยด้านบนเองก็เพิ่มไอคอนใหม่สามไอคอน มันควรจะเป็นความสามารถใหม่ของ ผู้เก็บสะสมดวงดาว
'ร่างดวงดาว' (ความสามารถแสดงผลทันที - ความเร็วในการฟื้นตัวของแผลเพิ่มขึ้น เร่งความแข็งแรงทางกายภาพและการฟื้นฟูจิตวิญญาณ)
'ดวงตาวิเคราะห์' (ทักษะใช้งาน - เข้าใจและวิเคราะห์สถานะของเป้าหมายได้อย่างเต็มที่ ความสามารถเพิ่มขึ้นตามระดับวิวัฒนาการ แต่ละการใช้งานจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเป็นออร่า มีผล 10 นาที
'ยิงแสงสว่าง' (ทักษะใช้งาน โจมตีระยะไกลด้วยพลังดวงดาว ยิ่งมีความเชี่ยวชาญมากเท่าใด ความเสียหายก็จะยิ่งมากขึ้น จำกัดการใช้งานครั้งที่สองทุก 24 ชั่วโมง การใช้งานในปัจจุบันจะหักค่าออร่า - 22 ทุกๆครั้ง)
ในตอนนี้มีห้าทักษะที่แตกต่างกันอยู่ห้าอย่าง: ความสามารถแสดงผลทันทีอย่าง 'กลั้นลมหายใจ' 'ร่างดวงดาว' ทักษะใช้งานอย่าง 'แปลงออร่า' 'ดวงตาวิเคราะห์' และ 'ยิงแสงสว่าง'
ภาพเคลื่อนไหวของ 'ดวงตาวิเคราะห์' คือดวงตาทั้งสองข้างกำลังเปล่งแสงสลัวอยู่ ส่วน “ 'ยิงแสง' จะเป็นการยิ่งแสงออกจากมือที่เปิดอยู่
เขาไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรกับ 'ดวงตาวิเคราะห์' ดี ส่วน 'ร่างดวงดาว' เป็นความสามารถเชิงรับที่ใช้งานได้จริงอย่างแน่นอน ซึ่งทักษะการโจมตีระยะไกลนั้นก็เป็นสิ่งที่เขาอยากลองมากด้วย
เฉินรุยพยายามทำให้ตัวเองสงบลง จากนั้นก็ได้มองไปที่หน้าจอที่สามที่เพิ่งจะเพิ่มเข้ามาใหม่ รูปแบบสิ่งก่อสร้างหลายรูปทรงต่างๆปรากฏต่อหน้าเขา รวมถึง "คลังเก็บของ" "พื้นที่การฝึก" และ "ศูนย์แลกเปลี่ยน" มีหลายอาคารสีเทาที่ไม่มีชื่อหรือคำอธิบาย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกมันยังไม่สามารถใช้ได้ในสถานะนี้
เขาในตอนนี้จึงมุ่งความสนใจไปที่อาคาร “คลังเก็บของ” จากนั้นมันก็อธิบายลักษณะของมัน
ข้อกำหนดการเปิดใช้งาน: 500 ออร่า
ฟังก์ชั่น: เก็บวัตถุไม่มีชีวิตทุกชนิด สามารถฝากและถอนได้ด้วยใจนึก ขนาดของคลังสินค้าจะเติบโตโดยอัตโนมัติตามระดับวิวัฒนาการของเจ้าของ
ข้อกำหนดการเปิดใช้งานของพื้นที่การฝึกคือ 1,000 ออร่า มีพื้นที่ฝึกต่างๆพร้อมเงื่อนไขพิเศษต่างๆโดยต้องซื้อกฎเฉพาะด้วยออร่า
ข้อกำหนดการเปิดใช้งานของศูนย์แลกเปลี่ยนคือ 1,000 ออร่าและสามารถใช้เพื่อแลกเปลี่ยนไอเท็มพิเศษต่างๆด้วยออร่า
หลังจากเสร็จสิ้นการวิวัฒนาการครั้งแรก เฉินรุยก็ตระหนักแล้วว่าออร่าที่เขาเกลียดนักหนาสำคัญ มันเทียบเท่ากับพลังงานของระบบสุดยอดทั้งหมดหรืออาจเรียกว่าสกุลเงินเลยก็ได้
ออร่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเข้าถึงสถานะใหม่ การเปิดใช้งานอาคารใหม่ของอาราม การแลกเปลี่ยนสิ่งของและแม้แต่ทักษะที่ใช้งานในการต่อสู้ยังต้องใช้ออร่า
เฉินรุยอยากจะเปิดใช้งานอาคารทั้งสามนี้จริงๆ แต่ออร่าปัจจุบันของเขามีเพียงแค่ 21 เท่านั้น แม้ว่าอัตราการเติบโตของออร่าจะเร็วเป็นสองเท่าก่อนการวิวัฒนาการ แต่ก็ยังใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการได้รับ 1 แต้ม โดยเขาจะได้เพียง 48 แต้มต่อวัน มันยังช้าจนเกินไป ดูเหมือนว่า <แปลงออร่า> จะเป็นทักษะที่ได้ใช้มากที่สุดในอนาคต แต่เขาไม่รู้ว่าจะหาสิ่งของที่สามาระเพิ่มออร่าดไ้ยังไง
เฉินรุยออกจากระบบสุดยอดและเปิดตาของเขาขึ้น เขารู้สึกว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาคมชัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มีพลังประหลาดที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดในร่างกายของเขา เขากระโดดขึ้นจากเตียงทันที แต่ไม่รู้ว่าเขาใช้กำลังมากเกินไปหรือเปล่า ร่างของเขาทั้งหมดลอยอยู่กลางอากาศและศีรษะของเขากระแทกกับเพดานแล้วก็ "ตู๊มม!" จากนั้นก็ตกลงกับเตียง
เขาพยายามปัดตูดและยืนขึ้นด้วยความตกใจ ระยะห่างระหว่างเตียงและเพดานห้องห่างกัน 3-4 เมตร เขายังไม่ใช้แรงทั้งหมด แต่เขากลับสามารถกระโดดไปถึงเพดานห้องอย่างง่ายดาย ถ้าเขาสามารถกลับไปยังโลกได้ในตอนนี้ เขาคงจะสามารถแข่งขันกีฬาโอลิมปิกชนะทุกคนแน่
เฉินรุยคว้าไม้สักแท่งแล้วลองใช้กำลังของเขาดู ทันใดนั้น ชิ้นไม้แข็งได้ถูกบดแตกเป็นผงทันที จากนั้น เขาก็คว้าแท่งเหล็กหนาสองนิ้วที่มุมประตูและพับมันเข้าหากันอย่างง่ายดาย มีแม้กระทั่งรอยมือของเขาบนแท่งเหล็ก
แข็งแกร่ง! นี่คือความรู้สึกของความแข็งแกร่ง!
ในที่สุด เขาก็ไม่ใช่ขยะที่ใครจะรังแกได้อีกต่อไปแล้ว! เฉินรุยตื่นเต้นมาก เขาดัดเหล็กให้ตรงและบิดเป็นเกลียว หากไม่ใช่เพราะกลัวอัลดาซและแซลลี่ตกใจ เขาคงจะลองกับของทุกอย่างในห้องนี้ เขาไม่แน่ใจว่าระดับของพลังงานที่ได้รับจากการจัดระดับดาว E นั้นสามารถเทียบกับอะไรได้?
แล้วยิ่ง <ยิงแสงสว่าง> มันยิ่งทำให้เขาคันไม้คันมือยิ่งนัก: ไม่ได้แล้ว เขาจะต้องหาที่ลองโดยด่วน!
ยามค่ำคืนได้มาถึง ได้มีชายหนุ่มเสื้อคลุมเขียวเข้มคลุมหัวได้เดินออกมาผ่านตรอกอันมืดมิด ก็เหมือนกับมารตนอื่นๆ การแต่งกายของเขาไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใครเลย
คนๆนี้ก็คือเฉินรุย เดิมทีเขาต้องการออกไปนอกเมืองเพื่อทดสอบพลังของ <ยิงแสงสว่าง> แต่เชียนั้นเข้มงวดเป็นอย่างมาก ความปลอดภัยของประตูเมืองนั้นเข้มงวดยิ่งขึ้นในช่วงเวลากลางคืน ดังนั้นแล้ว เขาจึงได้แต่หาสถานที่ที่เงียบสงบในเมืองและเปิดใช้งาน <ดวงตาวิเคราะห์> เพื่อที่จะทดลองดู
"ต้องมีค่าออร่า 1 จุด มีผล 10 นาที”
จนถึงตอนนี้ เขามีออร่า 22 จุด แต่ละจุดที่ใช้ไปช่างเจ็บปวดเสียจริง
หลังจาก <ดวงตาวิเคราะห์> ได้ถูกเปิดใช้งาน ในสายตาของเขาก็มีสิ่งมีชีวิตต่างๆบริเวณใกล้เคียงสิบเมตรพร้อมกับมีข้อมูลเพิ่มเติมเช่น คนแคระทมิฬ: สิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จัก การประเมินความแข็งแกร่ง- G ร่างกาย - ไม่ทราบ พลังงาน - ไม่ทราบ วิญญาณ - ไม่ทราบ ความว่องไว - ไม่ทราบ
ตอนนี้เฉินรุยเข้าใจว่าทักษะนี้เป็นเหมือนกับเครื่องมือตรวจจับ มันสามารถประเมินระดับของฝ่ายตรงข้ามและวางกลยุทธ์ในการต่อสู้ได้ ซึ่งเป็นทักษะที่มีประโยชน์มาก ยิ่งระดับวิวัฒนาการสูงขึ้น ข้อมูลที่“ไม่รู้จัก” ก็จะโผล่ออกมา
ในขณะนั้น ก็ได้มีเสียงแปลกๆดังมาจากข้างหลัง “อาจารย์ วันนี้ข้าขอกินให้อิ่มเลยได้มั้ย?”
เฉินรุยหันหลังไป แต่เขากลับไม่เห็นใครเลย เขาอดไม่ได้ที่จะตกใจกับ <ดวงตาวิเคราะห์> มันมีประสิทธิภาพมากเกินไปแล้ว
“วู วู กระดูกมันอยู่ไกลเกินไป ข้าเอื้อมไม่ถึง”
เฉินรุยนั้นลองเพ่งพินิจดู เขามองเห็นสุนัขนรกที่ถูกผูกติดกับประตูและกำลังพูด มันสวยมากจนดูเหมือนสุนัขยามหรือสัตว์เลี้ยง
ว่าแต่สัตรอสูรระดับต่ำอย่างสุนัขนรกสามารถพูดภาษากลางของอาณาจักรมารได้ด้วยงั้นเหรอ?
ไม่! หรือว่ามันอาจจะเป็นเพราะ ... <ดวงตาวิเคราะห์> งั้นเหรอ?
เพื่อยืนยันสมมติฐานในใจของเขา เฉินรุยก็พบกระดูกที่สุนัขนรกบอกว่ามันไม่สามารถเอื้อมไปถึง ดังนั้นเขาจึงหยิบมันและโยนให้กับมัน
สุนัขนรกตัวน้อยส่ายหางอย่างมีความสุขและส่งเสียงครวญครางออกมา ในหูของเฉินรุย มันได้พูดขึ้นมาว่า“ขอบคุณ!”
"ไม่ต้องห่วง เจ้าอยากกินอะไรอีกไหม?"
เฉินรุยพยายามถาม แต่เขาไม่ได้รับคำตอบ เมื่อเขาถามในใจ จู่ๆเจ้าสุนัขนรกก็ได้ตอบกลับมา มันนั้นยังคงตอบกลับมาด้วยภาษาอันแสนเรียบง่าย “เนื้อ!”
“ถ้าทำได้ ข้าจะเอาเนื้อให้เจ้ากินอีกในครั้งต่อไป”
เฉินรุยพยายามพูด เมื่อถึงเวลาที่กำหนด <ดวงตาวิเคราะห์> ก็ไม่สามารถใช้ได้ เขาจึงไม่สามารถสื่อสารกับสัตว์อสูรได้ แต่หากมันถูกใช้ เขาก็จะใช้สื่อสารกับสัตว์อสูรได้ ดูเหมือนว่า <ดวงตาวิเคราะห์> จะเป็นทักษะอเนกประสงค์ด้วย!
ในขณะที่เดิน เขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากตรอกด้านหน้า
“เจ้าคนแคระเจ้าเล่ห์กล้าซ่อนเงินงั้นเรอะ!”
"ท่านได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยเถิด วันนี้ข้าไม่ได้รับเหรียญคริสตัลสีขาวสักเหรียญเดียวเลย มันเป็นเงินที่ข้าเก็บไว้สองสามวันก่อนเพื่อซื้ออาหารให้ลูกสาวของข้า ได้โปรดอย่านำมันไปเลย!”
“น่าสมเพชอะไรเช่นนี้ ท่านเดงคินะใจดีมากที่ให้แกยังคงมีชีวิตอยู่ หากแกยังกล้าที่จะทำตัวน่ารำคาญ เราจะพาลูกสาวของแกไปขัดดอกแทน!”
“ก็อบ ไม่ต้องพูดกับมันหรอก แค่ฆ่ามันให้ตายและนำลูกสาวของมันมาก็พอ!”
คนพวกนั้นได้รังแกชายหนุ่มและพาตัวผู้หญิงออกไป มันเป็นการปล้นและดูรุนแรงมาก แต่เหมือนว่าโลกมารแห่งนี้จะเป็นเรื่องที่ปกติ ยังไงก็เถอะ เดงคิงั้นเหรอ? ดูเหมือนเขาจะเจอะกับคนรู้จักเข้าให้แล้ว
เฉินรุยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาแยกชุดของเขา จากนั้นเขาก็ได้หยิบผ้าผืนหนึ่งคลุมหน้าและแอบย่องไปตามที่เสียงนั้นดังมา
ซึ่งก็เป็นไปตามที่คิด เดงคิที่เป็นผู้กล่าวหาเฉินรุยนั้นกำลังข่มขู่พ่อคนแคระทมิฬและลูกสาว
ในเวลานี้ <ดวงตาวิเคราะห์> ของเขาเพิ่งเปิดใช้งาน เฉินรุยพยายามเข้าไปใกล้ๆอย่างระมัดระวังและตรวจพบว่า "การประเมินความแข็งแกร่ง" ของเดงคิคือ F ผู้สมรู้ร่วมคิดอีกสองคนนั้นอยู่ไกลเกินไป แต่จากความจริงที่ว่าพวกเขาถูกนำโดยเดงคิ ความแข็งแกร่งของพวกเขาคงจะต่ำกว่า ถึงกระนั้น F มันก็ต่ำกว่าระดับ E ของเขา
ถ้าเขาไม่มีความสามารถ เขาก็อาจจะเป็นคนงี่เง่ามาก แต่ถ้าเขามีความสามารถ ยังไงเขาก็คงจะสามารถต่อกรกับพวกนี้ได้ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องธรรมดาในอาณาจักรมาร แต่เฉินรุยได้วางแผนที่จะทำการทดลองอยู่ดี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีที่จะสั่งสอนบทเรียนให้แก่เดงคิ
เดงคิกำลังจะจับลูกสาวที่น่าสงสารของคนแคระมา แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงคนตะโกนจากด้านหลังของเขา
"หยุดเดี๋ยวนี้! ภายใต้แสงสว่างในตอนกลางวัน…ไม่ดิ ภายใต้พระจันทร์สองดวงอันแสนสวยงามของอาณาจักรมาร แกกล้าที่จะรังแกผู้อื่นเช่นนั้นหรือ? ไม่ละอายใจบ้างหรือไง?”
กฎการเอาชีวิตรอดของอาณาจักรมารนั้นต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งและผู้อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อเสมอ แล้วพอมีประโยคที่ดูขัดหูขัดตาเช่นนี้ เดงคิและพรรคพวกล้วนแล้วแต่ตกใจ แม้แต่พ่อและลูกสาวที่เป็นเหยื่อเองก็ยังตกใจ
เนื่องจากความสามารถแฝงของ <กลั้นลมหายใจ> คนที่สวมเสื้อคลุมและปกปิดใบหน้าจึงดูไม่มีกำลังเลยต่อหน้าชายทั้งสามคน เซนทอร์ที่ชื่อก็อบจึงเยาะเย้ยแล้วกล่าวว่า "ไอ้โง่นี้มาจากไหน ให้ข้าสั่งสอนเจ้าด้วยกำลังไหมว่าความอ่อนแอมันน่าละอายใจมากกว่าขนาดไหน!”
หลังจากพูดจบ มันก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับกำปั้น ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะ <ดวงตาวิเคราะห์> หรือความแตกต่างของระดับ เมื่อเฉินรุยจดจ่อกับการเคลื่อนไหวของก็อบ ก็ดูเหมือนมันจะช้าลงมาก มันเหมือนกับภาพสโลว์โมชั่นในหนังเลย นี้ยิ่งทำให้เขาหลบง่ายมาก