ตอนที่แล้วบทที่ 20: ตำนาน อัลดาซ โด่งดังเพียงหนึ่งคำท้าทาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 22: ใช้ความผิดพลาดต่อยอดให้กลายเป็นทางที่ดี! สาวงามผู้เข้าใจผิด

บทที่ 21: พยายามที่จะเอาชนะ! เจตนาสังหาร!


กำลังโหลดไฟล์

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 21: พยายามที่จะเอาชนะ! เจตนาสังหาร!

เฉินรุยที่เห็นว่าปรมาจารย์เคมได้เดินไปที่ระเบียงพร้อมแก้วไวน์สองแก้ว เขาก็ได้พูดขึ้นมากับอลิซว่า "ฝ่าบาท มันเป็นความลับของท่านปรมาจารย์อัลดาซ ข้าจะรู้ได้ยังไงทั้งที่ตัวเองเป็นเพียงแค่นักปรุงยาฝึกหัด?”

อลิซเองก็เห็นปรมาจารย์เคมเช่นเดียวกัน เมื่อรู้ว่าเวลาและสถานที่ไม่เหมาะสมสำหรับการพูดเรื่องนี้ อลิซก็ได้ขู่ว่าจะให้เขาลงสัญญาทาสกับนางซะ จากนั้นนางก็เดินไปหาอาเธน่า

ปรมาจารย์เคมได้เดินเข้ามาหาเฉินรุยและยื่นแก้วไวน์ให้กับเขา

“ขอบคุณท่านปรมาจารย์ ข้าไม่สมควรที่จะรับมันมาเลย” เฉินรุยตระหนักทันทีว่าปรมาจารย์เคมคงมีอะไรจะพูด เขาหยิบแก้วมาพร้อมกับทำท่าทางประจบประแจง เขาดื่มมันเข้าไปพร้อมกับมองไปที่เคม

เคมพอใจกับทัศนคติของเฉินรุยและชื่นชมในตัวเขามาก“เฉินรุย ความกล้าหาญของเจ้าในวันนี้ยอดเยี่ยมมาก ถ้าเป็นลูกศิษย์ของข้า มันคงไม่กล้าแม้แต่จะดื่มพิษของแซนโดร”

เฉินรุยตอบกลับไปอย่างสุภาพและรอคอยให้เคมพูดต่อ เป็นอย่างที่คาดไว้เลย ปรมาจารย์ผู้นี้ “ตั้งใจ” ถามคำถามเกี่ยวกับอัลดาซเช่น นิสัย งานอดิเรกของเขา ฯลฯ จากนั้นค่อยๆเปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องการท้าทายในวันนี้

สิ่งที่เรียกว่า “ขจรสิบมาตร” นั้นช่างน่าทึ่งจริงๆ ข้าที่เพียงมองก็เห็นว่ามันเป็นแค่ยากลิ่นตุๆธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ทำไมมันถึงมีพิษที่รุนแรงเช่นนี้? เราทุกคนต่างก็พิเศษ อย่าใช้…ผายลมเป็นข้ออ้าง นั่นคงจะเป็นการโต้กลับของอัลดาซเพื่อสร้างความอัปยศให้แซนโดรสินะ”

เฉินรุยฟังแล้วก็หยิบแก้วไวน์อีกแก้วมาดื่ม เคมคิดอย่างนั้นจริงๆสินะ มันเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะบอกว่ามันฝรั่งลาลาสามารถทำแบบนั้นได้ แม้แต่โลลิตัวน้อยก็ยังไม่ถูกหลอกเลยสักนิด

“ปรมาจารย์เคมช่างเป็นคนที่สายตากว้างไกลเหลือเกิน ในขณะที่คำพูดและพฤติกรรมของแซนโดรนั้นดูหยิ่งทระนง ตัวของปรมาจารย์อัลดาซจึงได้คิดที่จะสั่งสอนเขาดู อันที่จริง น้ำยาที่ฆ่าแซนโดรนั้นไม่เพียงแต่จะมีส่วนผสมของยากลิ่นตุเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสารปรุงแต่งบางส่วนของปรมาจารย์อัลดาซที่ถูกต้มในระดับสูงด้วย”

ทันใดนั้นดวงตาของเคมก็ได้เบิกกว้างขึ้น“สารปรุงแต่ง! เจ้าจำองค์ประกอบของมันได้หรือเปล่า?”

เฉินรุยมองไปที่เคมอย่างระมัดระวัง“ปรมาจารย์อัลดาซบอกว่าสิ่งนี้ไม่สามารถบอกใครได้ แล้วตอนนี้ข้ายังเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงานเท่านั้น ปรมาจารย์ไม่บอกข้าเลยแม้เขาจะเป็นอาจารย์ของข้าก็ตาม ซึ่งข้าก็ยังไม่ต้องการที่จะถูกไล่ออกจากห้องทดลองด้วย”

“ทำไมกันล่ะ?” เคมคิด “เจ้ามีความสามารถที่ยอดเยี่ยม ลูกศิษย์ของข้าทั้งหมดรวมเข้าด้วยกันก็ยังไม่อาจเทียบกับเจ้าได้ อัลดาซกลับไม่ยอมสั่งสอนลูกศิษย์ที่มีฝีมือดีมากขนาดนี้ ช่างน่าเสียดายที่เจ้าไม่ใช่ลูกศิษย์ของข้า ...”

เฉินรุยรู้สึกประหลาดใจ“ความสามารถของข้านั้นดีจริงๆเหรอ? ทำไมท่านปรมาจารย์ถึงบอกว่าข้านั้นโง่เง่าตลอด?”

ไม่ใช่แค่โง่ แต่ยังโคตรจะโง่เลย! เคมคิดว่าเขาจะสามารถทำตามแผนได้สำเร็จ ดังนั้นเขาจึงได้กระซิบขึ้นมาว่า “ถ้าเจ้าต้องการ เจ้าสามารถมาหาข้าที่เมืองหลวงได้ ภายในสิบปี เจ้าจะกลายเป็นผู้ชำนาญด้านการปรุงยาที่ดีที่สุด”

ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งหลอกเคมไป แต่ในคราวนี้เฉินรุยรู้สึกสนใจข้อเสนอนี้จริงๆ สิ่งที่เขาให้ความสำคัญคือไม่ใช่เรื่องการเป็นปรมาจารย์ปรุงยา แต่เป็นอย่างอื่น

เจ้าชายออบซิเดียนได้ส่งคำท้าทายของแซนโดรมาเพื่อทำการขัดขวางเจ้าหญิงเชียอย่างเปิดเผย สถานการณ์ในเมืองพระจันทร์ดับนั้นแย่มากๆ ไม่มีใครรู้เลยว่าสงครามจะเกิดขึ้นเมื่อใด ถ้าเขาสามารถไปที่เมืองหลวงได้ อันตรายก็จะลดลงมาก

สิ่งเดียวที่เขาสามารถใช้ได้ก็คือสูตรยาพิษ ซึ่งนั้นมันก็แค่เรื่องหลอกหลวงเหมือนกับที่เขาสืบทอดความรู้จากปรมาจารย์ แน่นอนว่าเรื่องก็จะแดงออกเมื่อเวลาได้ผ่านไป ยิ่งกว่านั้น เขาได้เซ็นสัญญาชีวิตกับมังกรพิษไปแล้ว มันไม่มีประโยชน์เลยที่เขาจะไปไหนได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าเขาจะช่วยมังกรพิษลบล้างตราผนึกได้

หลังจากคิดแล้ว เฉินรุยก็ตอบอย่างตั้งใจว่า“ปรมาจารย์ได้ใช้สารปรุงแต่งของเขา ดูเหมือนว่ามันจะผสมไปด้วยเมลามีนและซูดานสีแดง ข้ารู้ส่วนผสมเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ข้ายังไม่ต้องการที่จะออกไปจากปรมาจารย์อัลดาซ แม้ว่าข้าจะยังไม่ได้จ่ายค่าเล่าเรียน แต่ข้าก็ยังไม่มีสิทธิ์การเรียกเขาว่า”อาจารย์"

ชื่อของสารเติมแต่งที่แปลกๆทั้งสองทำให้เคมดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากพอสมควร เขายิ้มเยาะอยู่ภายในใจของเขา “ข้าสามารถให้เงินทุนค่าเล่าเรียนของเจ้าได้ แต่ในทางกลับกัน เจ้าจะต้องช่วยค้นหาสูตรที่สมบูรณ์ของสารปรุงแต่งพวกนั้นซะ”

"จริงๆงั้นเหรอครับ?" เฉินรุยประหลาดใจจนเกินบรรยาย

ปรมาจารย์ลิชยังคงเกลี้ยกล่อมลูกศิษย์ต่อไปอีก “ข้าเป็นปรมาจารย์ยา ข้าต้องการศึกษาเกี่ยวกับเมลามีนและซูดานสีแดง ค่าใช้จ่ายในการเป็นนักปรุงยาฝึกหัดค่อนข้างที่จะสูงพอสมควร สำหรับเจ้าแล้ว นี่เป็นโอกาสอันหาได้ยาก มันจะไม่โผล่ออกมาอีกหรอกนะหากเจ้าไม่รับมันเอาไว้”

นี้แกตั้งใจจะเก็บเปรี้ยวไว้กินหวานอย่างงั้นเหรอ? เฉินรุยดูลังเลมากและในที่สุดเขาก็พยักหน้า

เคมตรวจสอบว่ามีใครอยู่ใกล้ๆไหมและก็ได้หยิบกระเป๋าหนังใบเล็กๆออกมา เขามอบให้เฉินรุยและกระซิบว่า "มีเหรียญคริสตัลสีม่วงห้าสิบเหรียญอยู่ในนี้ เจ้ารับพวกนี้ไปก่อน นอกจากนี้ยังมีหินสื่อสารที่มีเวทย์มนต์อยู่ภายใน เจ้าสามารถใช้มันได้มากกว่าสิบครั้ง ข้าจะกลับไปที่เมืองหลวงในทันที หลังจากที่เจ้าได้รับสูตรผสมมา ก็ให้ติดต่อข้ามาด้วย ข้าจะจ่ายให้เจ้ามากที่เจ้าจะพอใจเชียว"

เหรียญคริสตัลสามารถจัดมูลค่าได้เป็น คริสตัลสีดำ คริสตัลสีม่วงและคริสตัลสีขาวตามลำดับของคุณค่า อัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างระดับของเหรียญก็คือ 1 ต่อ 100 ราคาของการเช่าแรดสามเขาคือเหรียญคริสตัลสีขาวยี่สิบเหรียญ คนจากเมืองหลวงผู้นี้ใจดีจริงๆเชียว เหรียญคริสตัลสีม่วงห้าสิบเหรียญ ... อย่างน้อยก็สามารถใช้ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แม้ว่าอาเธน่าจะไม่อยู่ที่นี่ การเดินทางไปยังทะเลสาบสีฟ้าและการทำบาร์บีคิวก็คงจะไม่มีปัญหาอีกต่อไปแล้ว

เฉินรุยรู้สึกเพียงว่า รอยย่นบนใบหน้าของลิชผู้นี้ช่างน่ารักเหมือนพ่อพระใจบุญในโบสถ์ซะเหลือเกิน เขาแกล้งทำเป็นรับกระเป๋าหนังใบเล็กๆมาอย่างกังวลและกอดมันไว้ในอ้อมแขนของเขา จากนั้นเขาก็ได้พูดถึงวัสดุพิษที่หายากหลายอย่างที่เขาเคยเห็นในหนังสือมา เคมจดพวกมันลงไปในกระดาษราวกับว่ามันเป็นขุมสมบัติเลยทีเดียว เฉินรุยเตือนเขาว่าอย่าบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็ได้จากไป

เฉินรุยไม่ได้คิดเรื่องนี้เอามาใส่ใจเท่าไหร่นัก เขาคิดเพียงคิดว่าแผนต่อไปของเขาจะเอาไงต่อดี พอเคมจากไปแล้ว เฉินรุยก็ได้ถือแก้วไวน์ไปและดื่มขณะที่เดินกลับไปที่ห้องโถง เพื่อตามหาอาเธน่าและคนอื่นๆ

เมื่อเห็นอาเธน่าและอลิซที่อยู่ข้างเจ้าหญิงเชีย เฉินรุยก็ลังเลใจว่าจะเดินเข้าไปดีหรือเปล่า เพราะสิ่งแรกที่เขามองเห็นคือสายตาอันแสนเย็นชาของเจ้าหญิงแสนสวย

สายตาที่เย็นชานั้นมองเขาจนทำให้เขาสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บ โชคดีที่เชียมองเขาผ่านๆและมองไปทางอื่น ความงดงามของเจ้าหญิงผู้นี้เทียบได้กับความเย็นชาที่นางแสดงออกมาเลย ลืมมันไปเถอะ ไม่เข้าไปดีกว่า

หลังงานเลี้ยงได้จบลง ผู้เยี่ยมเยือนจากเมืองหลวงก็ไม่คิดที่จะอยู่ต่อ พวกเขาออกไปทันทีตามที่คาดไว้ เมื่อเฉินรุยต้องการกลับไปที่ห้องทดลอง เขาก็ได้ถูกหยุดโดยคากูรอนที่ทางเข้าของห้องโถงชั้นใน โดยบอกว่าเจ้าหญิงต้องการพบเขาเพียงลำพัง

มีรางวัลให้หรือเปล่านะ? ดวงตาของเฉินรุยดูสดใสเป็นอย่างมาก เชียเองจริงๆก็เป็นผู้รู้แผนนี้เช่นเดียวกัน ตอนนี้เขาประสบความสำเร็จเป็นพิเศษอย่างเยี่ยมยอด ด้วยการให้รางวัลและการลงโทษแบบของนาง แน่นอนว่าเฉินรุยจะต้องได้รับอะไรบางอย่างมาแน่นอน

สถานที่ที่เชียเรียกเขาไม่ใช่ห้องประชุม แต่เป็นสวนของลานด้านใน เฉินรุยได้แต่ติดตามคากูรอนไปยังสวนด้านใน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาในย่านที่อยู่อาศัยของลานด้านใน ความปลอดภัยของที่นี่เข้มงวดกว่าลานด้านนอกมาก อย่างไรก็ตาม "สวนจักพรรดิ" เป็นเพียงบ่อน้ำเล็กๆที่เรียบง่าย มีเพียงใบหญ้าและพืชอยู่รอบๆ มันไม่สามารถเทียบได้กับสถานที่พักผ่อนของจักรพรรดิและขุนนางตามที่เขาเคยจินตนาการไว้ได้เลย

เจ้าหญิงเชียยืนอยู่ริมสระน้ำและจ้องมองไปที่ผิวน้ำอย่างเงียบๆ สายลมเบาๆได้พัดผ่านชุดเดรสสีขาวของนาง เพียงแค่ได้ปรายตามอง ก็รับรู้ถึงความสวยงามของนางในทันใด

ภายใต้แสงจันทร์สีม่วงอันเงียบสงบของอาณาจักรมาร มันดูเหมือนศิลปะอันแสนงดงามที่สื่อถึงความโดดเดี่ยวและเงียบเหงา

จากนั้นคากูรอนก็ได้คำนับ “ฝ่าบาท เฉินรุยได้ถูกนำมาแล้ว”

เฉินรุยใส่ใจกับคำพูดของคากูรอนเป็นอย่างมาก อะไรคือ "ถูกนำมา"? ข้าเป็นฮีโร่นะเฟ้ย ไม่ใช่นักโทษซะหน่อย

"คากูรอน เจ้าออกไปก่อนเถอะ"

หลังจากคากูรอนออกไป เชียก็ได้เดินมาที่เฉินรุยอย่างช้าๆ ในเวลานี้ ตัวเฉินรุยอยู่กับเจ้าหญิงเพียงลำพัง หัวใจของเขามันเต้นเร็วมากโดยควบคุมไม่ได้เลยสักนิด เขารู้สึกว่าความงดงามกำลังครอบงำจิตใจของเขา แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงความเย็นชาด้วยเช่นกัน เขาได้แต่คำนับอย่างรวดเร็ว “เรียนมาได้เลยครับท่านเจ้าหญิง”

“วันนี้ในสนาม…แม้ว่าเจ้าจะซุกซนไปบ้าง แต่ข้าก็ประหลาดใจกับความเฉลียวฉลาดและความสามารถในการปรับตัวของเจ้าเหลือเกิน” เชียกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาของนาง “ข้าอยากรู้ว่าทำไมแซนโดรถึงได้ตายเพราะยาพิษในตอนท้าย? จากที่ข้ารู้มา อัลดาซไม่ได้สร้างยาพิษอะไรเลย งั้นนั้นเป็นความรู้ที่เจ้าเรียนรู้มาจากสุดยอดปรมาจารย์อย่างงั้นเหรอ?

ซึ่งเรื่องราวของปรมาจารย์หงอคงนั้นเป็นเพียงเรื่องโกหกเท่านั้น ตัวเฉินรุยเองก็ไม่อยากที่จะใช้เรื่องนี้มากนักเท่าไหร่ ดังนั้นแล้ว เขาจึงไม่คิดที่จะอธิบายให้มากความ "จริงๆแล้ว แซนโดรได้ถูกฆ่าโดยยาพิษของเขาเอง" เมื่อข้าดื่มพิษครั้งสุดท้ายนั้น ข้าได้ใช้วิธีพิเศษเพื่อเก็บไว้ในปากของข้าเป็นการชั่วคราว จากนั้น หลังจากต้มยาพิษเสร็จ ข้าก็ได้คายบางอย่างลงไปในนั้น ในท้ายที่สุด พิษอันแสนน่าหวาดกลัวก็ได้เปลี่ยนให้ร่างของเขากลายเป็นหมอกสีเขียว มันทำให้เขาได้ลิ้มรสยาของตัวเองอย่างแท้จริง"

ในความเป็นจริง เฉินรุยนั้นโกหก สิ่งที่ฆ่าแซนโดรจริงๆก็คือพิษของมังกร มันคือพิษของปากลีโร เขาได้เก็บมันไว้ในขวดที่ไม่ได้เด่นอะไรนัก ในตอนแรก เขาพยายามเก็บงำมันไว้และไม่คิดที่จะใช้มัน แต่พอแซนโดรทำแบบนี้ก็ทำให้ตัวเขามีเจตนาฆ่าขึ้นมา ดังนั้นแล้ว เขาจึงได้ใช้ไพ่ใบสำคัญของเขาพร้อมกับปกปิดว่ามันเป็นพิษของแซนโดรด้วย

นอกเหนือจากระบบสุดยอดของเฉินรุยแล้ว แม้แต่มังกรที่แข็งแกร่งมากก็ยังไม่สามารถต้านทานพิษของปากลีโรได้ แล้วแซนโดรจะทนได้ยังไงกัน

"ให้เขาลิ้มรสยาของเขางั้นเหรอ? พูดได้ดีเลยนี้ เจ้าช่างชาญฉลาดเหลือเกิน" เชียพยักหน้า

เฉินรุยยังกล่าวเสริมอีกว่า“ในความเป็นจริงแล้ว นั้นเป็นความคิดของปรมาจารย์แทบทั้งหมด ข้าแค่ช่วยเสริมเติมแต่งเล็กน้อยเท่านั้นเอง ข้ามิอาจจะกล้าเทียบความชาญฉลาดของท่านเจ้าหญิงได้หรอก”

“ไม่จำเป็นต้องสุภาพก็ได้ ข้ารู้ดีที่สุดเมื่อเป็นความสามารถของอัลดาซ” เชียถอนหายใจ “เจ้าอยู่ในอาณาจักรมารมานานเท่าไหร่แล้ว? หลังจากการต่อสู้ในครั้งนี้ เจ้าก็ได้รับความชื่นชมและความเชื่อใจของอัลดาซอย่างสมบูรณ์ มาตรฐานของอาเธน่านั้นสูงมากเสมอมา แต่นางก็มองว่าเจ้าคือเพื่อนแท้ แม้แต่น้องสาวเจ้าอารมณ์ของข้าก็พูดเรื่องดีๆของเจ้ามากมายให้ข้าฟัง…ข้ายอมรับเลยว่าข้าไม่ได้สนใจสติปัญญาของเจ้าเลยสักนิด”

โลลิตัวน้อยพูดถึงเรื่องดีๆเกี่ยวกับตัวข้าด้วยงั้นเหรอ? เฉินรุยรู้สึกประหลาดใจเสียจริง อย่างน้อยนางก็มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่

“วันนี้ที่งานเลี้ยง ปรมาจารย์เคมพยายามที่จะชักชวนเจ้าหรือเปล่า?” เชียถามอย่างใจเย็นพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าของเฉินรุยด้วยความประหลาดใจ “ด้วยปัญญาของเจ้า เจ้าก็คงรู้แล้วว่าทั้งอาเธน่าและคนอื่นๆในเมืองพระจันทร์ดับกำลังตกอยู่ในอันตราย ข้อเสนอของเคมไม่ใช่โอกาสที่ดีที่สุดงั้นเหรอ?”

เฉินรุยรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกมองเข้าไปในจิตใจของตัวเขาเอง เชียไม่เพียงแต่จะทำสิ่งที่นางคิดไว้ได้สำเร็จเท่านั้น แต่นางยังสามารถวิเคราะห์ทุกอย่างได้ดีมากอีกด้วย นางเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวอย่างแท้จริง!

“ข้าเห็นคุณค่าของความสามารถของเจ้ามาก มันจะดีเหลือเกินถ้าเจ้าใช้ความสามารถแบบของอัลดาซในการทำวิจัย” เชียส่ายหัวและพูดออกมาด้วยความเสียใจ“โชคไม่ดีนัก แค่สติปัญญาและกลวิธีที่เจ้าใช้ออกมาก็ทำให้ข้ารู้สึกว่าตัวข้าไม่สามารถควบคุมอะไรเจ้าได้เลย”

น้ำที่สงบในบ่อน้ำค่อยๆพุ่งขึ้นมา กลีบและใบไม้ที่ร่วงหล่นก็ค่อยๆงอกขึ้นมาภายใต้อิทธิพลของสนามพลังโดยรอบ ศูนย์กลางของสนามพลังก็คือ เชีย ในทันทีนั้นเอง เฉินรุยก็รู้สึกว่าแสงจันทร์ที่ส่องสว่างทั่วสวนทั้งหมดนั้นได้จางหายไปและเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกแทน แค่เพียงเขาจะก้าวเดินก็ยังเป็นเรื่องยากมากแล้ว เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเจ้าหญิงผู้นี้นั้นเหนือยิ่งกว่าอาเธน่า!

เฉินรุยตกใจและได้พูดขึ้นเร็วๆว่า“เจ้าหญิง ได้โปรดเชื่อข้าด้วยเถิด!”

จากนั้นเสียงของเชียก็เริ่มที่จะเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ "เจ้าเป็นมนุษย์ ข้าไม่สามารถนึกถึงเหตุผลใดที่เจ้าจะภักดีต่อตัวข้าได้เลยสักนิดเดียว! ขอโทษด้วยละกัน ข้าต้องการลูกศิษย์ที่ซื่อสัตย์มากเสียยิ่งกว่าผู้ที่จะเป็นปรมาจารย์ในอนาคตและเข้ากับฝ่ายเจ้าชายออบซิเดียนได้ตลอดเวลา!”

เฉินรุยนั้นรู้สึกตื่นตระหนกในทันใด: แม่มัน ทำไมข้าต้องโชคร้ายแบบนี้! ระบบสุดยอดเองก็ยังไม่เปิดใช้งานเลยนะ!

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด