บทที่ 20: ตำนาน อัลดาซ โด่งดังเพียงหนึ่งคำท้าทาย
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 20: ตำนาน อัลดาซ โด่งดังเพียงหนึ่งคำท้าทาย
เสียงระบบในสมองของเฉินรุยเองก็ได้ดังขึ้น“พร้อมที่จะเริ่มระบบสุดยอด จะเสร็จสิ้นในระยะเวลาสิบสองชั่วโมง”
ข้ายังต้องรออีกงั้นเหรอ? หรือมันจะเป็นการบริการที่มีคุณภาพสุดยอดกันนะ!?
ความตื่นเต้นของเขาได้หายไปในทันที เริ่มแรก เขาต้องการแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ของเขาให้สายตาของสาธารณชนเห็น แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะชะงักไปเล็กน้อย ซึ่งก็เพราะว่าเขารอมานานแล้ว ยังไงรออีกหน่อยก็คงไม่เป็นไรนัก สิ่งที่จำเป็นก็คือการจัดการกับเศษสวะนี้ ไม่สิ มารเศษสวะนี้
“รสชาติของยานี้ไม่ดีเลยสักนิดเดียว ทั้งคาวและขม ข้าแนะนำให้เจ้าใส่น้ำส้มสายชูและขิงในครั้งหน้านะ พวกมันสามารถกำจัดกลิ่นคาวออกไปได้” เฉินรุยพูดกับแซนโดรที่ตะลึงอย่างจริงจัง
ทั้งทศวรรษที่จะต้องพยายามอย่างหนักมา ข้าจะต้องเสียสละตำแหน่งปรมาจารย์เพียงเพื่อที่จะพัฒนายาพิษแค่นี้งั้นเหรอ? ร่างกายของแซนโดรเริ่มสั่นเทา การโดนดูถูกจากเด็กฝึกงานไม่สามารถเทียบได้กับความล้มเหลวของเขาเอง
แม้ว่าอัลดาซจะไม่ได้พูดอะไร แต่แซนโดรก็รู้แล้วว่าเขาแพ้
ปรมาจารย์โซล่าและปรมาจารย์เคมก็เข้าใจเช่นกัน ถึงแม้พิษของแซนโดรจะรุนแรง แต่อัลดาซก็สามารถแก้มันได้โดยง่ายดาย เห็นได้ชัดว่าการแก้พิษนั้นยากกว่าการทำพิษ ดังนั้นการโจมตีที่น่ากลัวของปรมาจารย์ดาร์คเอลฟ์คือการเอาชนะโดยไม่สู้ มันเหมือนกับว่าเขาเอาชนะได้แน่นอนอยู่แล้ว
นักปรุงยาอัจฉริยะอันดับ 1 ของจักรวรรดิ ผู้เชี่ยวชาญยาอัจฉริยะในด้านปฏิบัติ ผู้ที่มีทั้งเกียรติยศและศักดิ์ศรีเหนือล้น กลับพ่ายแพ้คนจากสถานที่เล็กๆกระจอกๆแบบนี้! เขาพ่ายแพ้ดาร์คเอลฟ์ที่ไร้ชื่อเสียงแบบนี้จริงๆ!
ซึ่งหากพวกเขาคิดว่าแซนโดรแพ้แค่เด็กฝึกงาน พวกเขาก็คงจะไม่คิดไม่ออกขนาดนี้
“การแข่งขันยังไม่สิ้นสุด! ตอนนั้นอาจารย์อัลดาซบอกว่า เขาสามารถทำให้เจ้าตายได้เพียงแค่เขาตดออกมา!”
เพียงแค่เสียงนั้นดังขึ้น ทุกๆเสียงในลานเงียบลงในทันที ถูกต้องแล้ว อัลดาซรับคำท้าทายจากแซนโดรมาแล้ว คราวนี้ถึงเวลาสู้กลับบ้าง!
อย่างไรก็ตาม พิษจากตดจะสามารถทำให้แซนโดรตายได้เลยงั้นเหรอ? ครู่หนึ่ง ทุกสายตาต่างก็จ้องมองไปที่เขา
ลูกศิษย์มนุษย์ถือขวดยาของอัลดาซด้วยท่าทีที่จริงจัง ใบหน้าของดาร์คเอลฟ์ทั้งมืดมัวและบิดเบี้ยวไปมา มันกลับกลายเป็นว่า "ผายลม" ที่เฉินรุยพูดถึงนั้นเป็นเรื่องจริงและเขาต้องการทำมันจริงๆด้วย!
อย่างไรก็ตาม เขายังคงเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองพระจันทร์ดับ ซึ่งเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านยา เขาจะทำอย่างนั้นจริงๆหรือเปล่านั้นทุกๆคนต่างก็กำลังเฝ้ามองดู ...
นักปรุงยาฝึกหัดมนุษย์ดูหนักแน่นมากและเขาก็ยังพยักหน้าด้วย
อัลดาซอยากที่จะกระโดดและชกหน้าไอ้บ้านี้เหลือเกิน แต่ตอนนี้เขาเป็น“ผู้บาดเจ็บ” ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ เมื่อดาร์คเอลฟ์วางแผนที่จะเปิดเผยตัวเอง ทันใดนั้น เขาก็หวนนึกถึงคำสัญญาของมนุษย์ที่จะฆ่าแซนโดร หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้และหันไปหามนุษย์
เฉินรุยวางขวดเก็บไว้ที่ด้านหลังของดาร์คเอลฟ์อย่างระมัดระวัง เขาหันหน้าไปทางด้านอื่นๆในขณะที่มืออีกข้างกำลังบีบจมูกเพื่อเป็นการป้องกัน ในขณะนั้น เวทีนั้นก็ได้เงียบสนิท ดวงตาทุกดวงจดจ่อไปที่ร่างกายของปรมาจารย์
บ่อยครั้งที่คนเรารู้สึกประหม่า ซึ่งมันก็ทำให้อะไรก็ตามที่ต้องการทำยากที่จะทำได้สำเร็จ เวลาได้ผ่านไปทุกนาทีภายใต้การจ้องมอนแสนประหลาดของเหล่าฝูงผู้ชม แม้แต่คนที่เริ่มเรื่องนี้อย่างเฉินรุยก็รู้สึกฝืดคอเล็กน้อย
ดาร์คเอลฟ์ผู้นี้ใช้เวลาเบ่งนานมาก แม้แต่ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นสีม่วงเข้มด้วย ด้วยเหงื่อที่หน้าผากของเขา ในที่สุดเขาก็ได้บีบเสียงที่ที่ดังออกมาเป็นเซอราวด์เลยทีเดียวเชียว
ทุกคนต่างก็กำลังรอคอยเสียงนี้กันหมด แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้ แต่ใบหน้าของมารจำนวนมากยังคงแปลกใจที่สิ่งนี้เกิดขึ้นจริง โลลิตัวน้อยก็ได้คว้ามือของของอาเธน่าแน่น ใบหน้าของนางแดงมากและนางก็เกือบจะหัวเราะออกมาดังๆแล้วเชียว
ในขณะที่ผู้ตัดสินทั้งสองคนประหลาดใจพร้อมกับขมวดคิ้วอยู่ มนุษย์ผู้นี้ก็ได้ปิดฝาขวดอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเอง เขาก็ได้กลับไปที่โต๊ะและเลือกสารเคมีบางอย่างแบบจริงจังแล้วผสมมันเข้าด้วยกัน ที่จริงแล้ว การกระทำของเขาดูคล้ายคลึงกับที่แซนโดรทำมากพอสมควร ทันใดนั้นก็ได้มีเสียง "ปัง" โชคดีที่ขวดร้าวแต่ไม่ได้แตกอะไร
เฉินรุยคิดว่ามันใกล้มากพอแล้ว เขาไม่กล้าที่จะตอแหลอีกแล้ว เขาเทสารละลายลงในขวดอื่นอย่างระมัดระวังและเขย่าขวดอย่างรังเกียจ จากนั้นเขาก็ปรุงน้ำยาเพิ่มอีกสองสามขวดและในที่สุด เขาก็ได้ใส่ทุกอย่างลงในขวดที่เก็บด้วยก๊าซบางชนิดที่ถูกปล่อยออกมาโดยปรมาจารย์อัลดาซ เขาสั่นอีกรอบและก็เรียบร้อย
ไม่แน่ใจว่าเป็นยาหรือแก๊สของปรมาจารย์ที่ทำให้ยาพิษนี้ทรงพลังมาก โซล่าและแคมได้กลิ่นเหม็นมาก แม้แต่ยามที่อยู่ใกล้เองก็ด้วย
เฉินรุยบีบจมูกแล้วเขย่าขวดไปหาแซนโดรและพูดด้วยเสียงแปลกๆว่า“เจ้ากล้าดื่มหรือเปล่า?”
แซนโดรนั้นมีความเชี่ยวชาญด้านเภสัชศาสตร์ เขาสามารถบอกได้ว่าเฉินรุยใช้เวลาปรุงยานานมาก แต่เขากลับปรุงได้แค่ยากลิ่นตุธรรมดามากที่สุด โดยเขาแค่เพิ่มกลิ่นเหม็นเป็นสองเท่าๆนั้นเอง ยาพิษชนิดนี้อ่อนแอมาก แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ยาแก้อะไรก็คงไม่สามารถฆ่าใครได้ แค่ว่ากลิ่นมันไม่ดีเกินไปเท่านั้น มันมักจะใช้เพื่อขับไล่สัตว์มารบางชนิด
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่อัลดาซได้ผายลมออกมา ตัวมนุษย์ก็ได้พ่นน้ำลายเข้าไปด้วย เห็นได้ชัดว่ามันเป็นความอัปยศที่แสนจะยิ่งใหญ่
เฉินรุยปิดขวดด้วยนิ้วโป้งแล้วพูดว่า“นี่คือยาที่ปรมาจารย์อัลดาซได้ใช้ก๊าซพิษของเขาแล้วเขาก็ได้ฝึกฝนมาหลายปีด้วย เพื่อที่จะสกัดก๊าซพิษเช่นนั้น ปรมาจารย์ไม่ได้อาบน้ำเป็นเวลาสามปี ไม่ได้เปลี่ยนชุดชั้นในของเขาเป็นเวลาห้าปี ไม่ได้เปลี่ยนถุงเท้าเป็นเวลาสิบปี กินมันฝรั่งล๊าล๊าที่ทำขึ้นเป็นพิเศษทุกวัน…เพียงเพื่อสร้างขวดนี้”ขจรสิบมาตร“! พิษของมันแข็งแกร่งมากจนแม้แต่มังกรก็ไม่อาจต้านทานได้ หากเจ้าไม่กล้าที่จะดื่มก็ให้คุกเข่าลงไปหาปรมาจารย์และคำนับเก้าสิบเก้าครั้งเถอะ ทุกครั้งๆที่คำนับ เจ้าจะต้องร้องไห้ออกมาและพูดว่า 'ข้าผิดไปแล้ว' จากนั้นพวกเราก็จะไว้ชีวิตเจ้าในศึกชีวิตและความตายนี้เอง เจ้าว่าเหมาะดีใช่ไหมละ?”
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่แซนโดรจะยอมรับเงื่อนไขดังกล่าว ถ้าเขาทำมันจริงๆ เขาจะไม่สามารถอยู่ในสาขาการปรุงยานี้ได้อีกเลย
อลิซเองก็ไม่สามารถทนได้เมื่อนางได้ยินชื่อยาและวิธีการฝึกของแก๊สพิษนี้ เมื่อนางได้ยินว่ามันอาจส่งกลิ่นที่แม้แต่มังกรยังตายได้ นางก็อดไม่ได้ที่จะกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของอาเธน่าแล้วหัวเราะ แม้แต่น้ำตาก็ยังไหลออกมาด้วย อาเธน่าเองก็เริ่มหัวเราะ พวกนางต่างก็ดูยุ่งเหยิงกันมาก เสียงหัวเราะได้ดังขึ้นกระจายกันไปรอบๆ จากนั้นทั้งลานก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะไปหมด
ตอนนี้อัลดาซอยากที่จะตายเหลือเกิน เขารู้สึกว่าเฉินรุยน่ารังเกียจมากกว่าแซนโดรเสียอีก เนื่องจากเขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เพราะว่าตัวเขาได้รับบาดเจ็บปลอมๆ เขาจึงได้แค่ปิดตาและหูเท่านั้น ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของผู้เยี่ยมเยือนจากเมืองหลวง เสียงหัวเราะนี้เป็นเหมือนกับการหัวเราะให้แซนโดรที่ไม่ยอมรับคำท้าทาย
"ขจรสิบมาตร กรุณาเป็นพยานให้ด้วย" เฉินรุยตั้งใจเอาขวดออกมาและเดินไปที่โซล่าและแคม ปรมาจารย์สองคนที่เห็นขวดกำลังเปิดอยู่พวกเขาก็พยักหน้าอย่างรวดเร็วและพวกเขาก็แทบจะไม่กล้าหายใจเข้าเลย เพราะว่าอัลดาซนั้นแข็งแกร่งมาก แม้ว่ามันจะเป็นกลลวง แต่ก็คงไม่สามารถประมาทได้
เมื่อเผชิญกับ "ขจรสิบเมตร" ที่เฉินรุยมอบให้แล้ว ร่างกายของแซนโดรก็สั่นไหวเล็กน้อย ฟันของเขาแทบจะเลือดไหลออกมาแล้ว ความอัปยศอดสูของวันนี้จะต้องถูกชดใช้เป็นสองเท่าในอนาคต!
อัลดาซ! เด็กฝึกหัดมนุษย์! ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจอย่างแน่นอนที่ได้เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้!
แซนโดรมองไปที่อัลดาซที่หลับตาพักผ่อนดว้ยความเกลียดชัง เพื่อความระมัดระวัง เขาได้ดื่มยาแก้พิษเพียงไม่กี่ตัวเข้าไปก่อน จากนั้นเขาก็หยิบขวด กลั้นหายใจ ทนความขยะแขยงและกระดกมันเข้าไป
ว้าว โคตรเชี้ยเลย! เฉินรุยมองดูแซนโดรด้วยความชื่นชมในขณะที่เขากำลังดื่มยาเหม็นๆนั้นเข้าไป คนๆนี้ช่างจิตใจแน่วแน่เหลือเกิน เขาเป็นคนที่เหี้ยมหาญจริงๆเชียว
กระนั้นเอง การเผชิญกับ “ขจรสิบเมตร” อันทรงพลังก็ได้ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป
แซนโดรได้ดื่มพิษเข้าไปและเริ่มรู้สึกมวนท้องอย่างทุกข์ทรมาน ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากอะไร เขาก็ได้อ้าปากแล้วการแสดงออกของเขาก็ได้เปลี่ยนไป ต่อจากนั้นเอง ร่างกายของเขาก็ได้กลวงโบ๋ เมื่อโน้ตตัวหนึ่งเปล่งออกมาจากลำคอของเขา มันก็ทำให้ร่างกายที่เปราะบางของเขากลายเป็นควันสีเขียวและหายไปในอากาศ
นักปรุงยาอัจฉริยะอันดับ 1 ของอาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์ได้หายไปด้วยยาพิษที่ถูกปรุงด้วย "ตด"
เนื่องจากมีการสัมผัสน้ำยาเป็นเวลานาน นักปรุงยาจึงมีความต้านทานยาในระดับหนึ่ง ความรุนแรงที่ว่ามันสามารถสลายนักปรุงยาระดับปรมาจารย์ในทันทีได้อย่างไร?
มันเป็นการเปลี่ยนแปลงในทันที แม้แต่อัลดาซเองก็ได้เปิดตาของเขาอย่างตะลึงงัน เชียรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและในที่สุด สายตาของนางก็ได้มองไปที่เฉินรุย คนที่มาจากเมืองหลวงก็ไม่เชื่อสายตาตัวเอง โดยเฉพาะปรมาจารย์ทั้งสองคน โซล่าและเคม คนจำนวนมากต่างตกลึงและก็ได้โห่ร้องออกมา
ส่วนปรมาจารย์อัลดาซก็ไม่ได้แสดงความยินดีอะไรนัก เขายังคงดูลึกลับเหมือนเดิมยามที่เขาหลับตาลง เขาถูกพากลับไปที่ห้องทดลองเพื่อพักผ่อนจากการโดนจับจ้องจากทุกๆคน
การท้าทายได้สิ้นสุดลงแล้ว ปรมาจารย์อัลดาซแห่งเมืองพระจันทณ์ดับได้ชนะการต่อสู้โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆเลย ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับเงินจำนวนมากที่เป็นเดิมพันเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อสู้ในตำนานโดยการฆ่าคนด้วยตด ซึ่งมันได้ถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์สู่ลูกหลานยาวนานสืบต่อกันไปเรื่อยๆ
สมาคมนักปรุงยาไม่ได้มีสิทธิอะไรมากนักเกี่ยวกับอาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์ แต่พวกเขาคือนักปรุงยาทั้งหมดในอาณาจักรมาร พอแซนโดรได้เสียชีวิตในการต่อสู้ที่แสนยุติธรรมแล้ว ดังนั้นแม้แต่อุปราชออบซิเดียนก็ไม่สามารถตัดสินอัลดาซหรือเมืองพระจันทร์ดับได้
ผู้คนที่มาจากเมืองหลวงต่างก็รู้สึกเหนื่อยล้า รวมถึงเชลต์ผู้หยาบคายเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาด้วย ส่วนเจ้าหญิงเชียก็ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเขาด้วย แต่ดูยังไงมันก็ดูเหมือนงานบอกลามากกว่า
ซึ่งปรมาจารย์อัลดาซไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยง การกระทำนี้ดูลึกลับมากในสายตาของปรมาจารย์ทั้งสองคนจากเมืองหลวง พิษของอาจารย์ดาร์คเอลฟ์ผู้นี้นั้นน่ากลัวและพฤติกรรมต่ำทรามของเขาก็น่ากลัวพอๆกัน อาจเป็นเพราะ อัจฉริยะที่พวกเขาคิดว่าเขาจะชนะแน่กลับมาพ่ายแพ้ซะอย่างนั้น
ในความเป็นจริง นับตั้งแต่อัลดาซชนะ เขาก็ได้ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะสันโดษและเขาจะไม่ปรากฏตัวในที่สาธารณะเป็นครั้งคราว เหตุผลก็เพราะ มันน่าละอายยังไงละ ความรู้สึกที่ถูกจับจ้องจากผู้คนมากมายมันยากที่จะลืม
ในฐานะที่เป็นหนึ่งที่ทำให้เรื่องนี้สำเร็จได้ เฉินรุยเองก็มาที่งานเลี้ยงด้วย ในเวลานี้ไม่มีใครกล้าเมินเขาแน่ แม้ว่ามนุษย์จะเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมในการต่อสู้ แต่เขาเป็นตัวแทนของปรมาจารย์ลึกลับ ปรมาจารย์สุดยอดที่สามารถปล่อยก๊าซที่ทำให้ทั่วทั้งเมืองพระจันทร์ดับได้แต่ตื่นตะลึง!
เฉินรุยไม่สนใจงานเลี้ยงแบบนี้ ทั้งนี้เขาแทบไม่รู้จักใครเลยด้วยซ้ำ เขาเลยไปที่ระเบียงเพียงลำพังโดยหวังว่าฉากที่น่าเบื่อนี้จะจบลงในไม่ช้านัก
“เฉินรุย” อาเธน่าเดินเข้ามาพร้อมกับอลิซข้างๆ
อาเธน่าสวมใส่ชุดยาวที่มีลวดลายสีแดง มันค่อนข้างเหมาะมาก มันทำให้ผู้คนที่เพียงมองเห็นต่างก็รู้สึกประทับใจ โดยไม่คิดเลยว่านางเป็นนักดาบสาว อลิซอยู่ในชุดเดรสเจ้าหญิงสีฟ้าและสีขาว พร้อมกับโบว์ใหญ่ที่ด้านหน้าของนางเผยให้เห็นความน่ารักของนางอย่างเต็มที่ นางนั้นน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก
อลิซเองก็ได้แต่ขมวดคิ้ว “เฉินรุย เสื้อผ้าของเจ้าน่าเกลียดมาก เจ้าควรสวมชุดที่เป็นทางการสำหรับงานเลี้ยงนะ”
“ข้าไม่มีชุดทางการหรอกและข้าก็ไม่ได้จะไปที่ห้องทดลองด้วย การใส่ชุดนี้ก็ดีแล้วละ” เฉินรุยมองตัวเองแล้วถามขึ้นมาว่า "แล้วเจ้าหญิงน้อยอย่างท่านชอบสวมชุดแบบนี้งั้นเหรอ?"
"ข้าไม่ชอบมันเลยสักนิด ข้าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเลย“อลิซบิดชุดแน่นๆของนางแล้วนางก็ยิ้มอย่างลึกลับ” วันนี้ เจ้าทำได้ดีมากเลยนะ โดยเฉพาะ “ขจรสิบมาตร” สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจคือ ผายลมของปรมาจารย์นั้นทรงพลังจริงๆเหรอ?”
เฉินรุยเองก็พูดอย่างลึกลับขึ้นมาว่า “ก็แบบที่ข้าได้พูดไป ปรมาจารย์ได้กินมันฝรั่งล๊าล๊าสูตรพิเศษทุกๆวันเพื่อสร้างสูตรลับนี้ขึ้นมา แซนโดรก็ตายเพราะสูตรลับนี้แหละ เจ้าหญิงน้อยอยากาจะลองไหม?”
"จริงๆงั้นเหรอ?" โลลิตัวน้อยก็พูดอย่างลึกลับกลับมาด้วยเช่นกัน “งั้นข้าก็จะไปหาปรมาจารย์เพื่อถามถึงมันฝรั่งล๊าล๊าให้เจ้ากิน หากผายลมของเจ้าไม่เหม็น งั้นเจ้าก็กำลังหลอกหลวงเจ้าหญิงผู้นี้”
เฉินรุยได้แต่ส่ายหัว เขาแอบคิดว่าเขาไม่สามารถเทียบเคียงกับโลลิตัวน้อยคนนี้ได้ พอพูดถึงยาพิษที่สามารถฆ่ามังกรได้ อาเธน่าก็อดแต่จะส่ายหัวไปมาและหัวเราะ
อลันมองมาที่เฉินรุยที่กำลังพูดและหัวเราะกับอาเธน่าจากระยะไกล ใบหน้าของเขานั้นดูเศร้าหมองมากยิ่งขึ้นเสียอีก เขาในตอนนี้กำลังนั่งดื่มอยู่คนเดียว ส่วนข้างๆเขานั้น โจเซฟก็กำลังพูดคุยกับเชลต์พร้อมกับยิ้มอยู่