บทที่ 17: การท้าทาย! วิกฤตของอัลดาซ
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 17: การท้าทาย! วิกฤตของอัลดาซ
เมืองแห่งพระจันทร์ดับ ที่ไหนสักแห่งในห้องโถง
อลันฟังรายงานของเดงคิด้วยใบหน้าขาวซีดและถามขึ้นมาว่า“อาเธน่าพูดว่ามนุษย์คนนั้นเป็นเพื่อนของนางจริงๆงั้นเหรอ?”
เดงคิได้แต่ตอบด้วยความกลัวและกังวลใจ“ใช่ครับท่าน! ในตอนนั้น ทหารอีกหลายคนก็เห็นอาเธน่าโจมตีข้าต่อหน้าต่อตา ข้าเกือบจะเสียชีวิตไปแล้ว”
“ไอ้มนุษย์บ้านั้น! ทำไมอาเธน่าถึงชอบเขากัน?” อลันกัดฟันและรู้สึกว่าใบหน้าของตนเป็นสีเขียด้วยความอิจฉา อาเธน่าไม่เคยนับถือเขาในฐานะผู้ตรวจการณ์เลยและนางก็ไม่แม้แต่จะมองมาที่เขาด้วย ตอนนี้นางกลับเรียกมนุษย์ที่เพิ่งรู้จักไม่นานว่าเป็นเพื่อนของนางและยังยืนข้างมันอีก มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้มากที่สุดเลย
"อืม เดงคิ เจ้าไปได้แล้ว" เสียงในห้องโถงอีกเสียงหนึ่งได้ดังขึ้นมา
“ครับ ท่านโจเซฟ” เดงคิเคารพคนๆนี้ไม่น้อยไปกลัวอลันเลย จากนั้นเขาก็โค้งคำนับและเดินออกไป
“เพื่อนของข้า ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้าหลงไหลส่วนใดของผู้หญิงที่ดุร้ายคนนั้นกัน ถ้าหากเจ้าอยากได้ผู้หญิง เจ้าก็สามารถเลือกหยิบได้อย่างง่ายดาย หรือเจ้าอย่างให้ข้าส่งทาสซัคคิวบัสที่เยี่ยมๆให้เจ้าไหมละ?” โจเซฟรินไวน์แล้วก็พูดขึ้นมาอย่างช้าๆ
โจเซฟคนนี้มีรูปลักษณ์เหมือนกับมนุษย์ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นหนึ่งในพวกที่มีสายเลือดกลายพันธุ์ เขาทั้งดูสง่างามและเยือกเย็น แตกต่างจากอลันที่แสนรุนแรงและควบคุมอารมณ์ไม่ได้พอสมควร
"ฮึ่ม ไม่"อลันพ่นลมหายใจออกมาจากทางจมูก "ไม่ใช่ว่าเจ้าเองก็สนใจเจ้าหญิงเชียหรือไง? เจ้าหญิงเชียนั้นสวยงามไปถึงภายใน แต่นางกลับเย็นชาราวภูเขาน้ำแข็ง นางไม่สนุกเลยสักนิด ข้าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเจ้าชอบอะไรในตัวนาง?”
ไอ้โง่เอ้ย ความชอบของข้ากับของแกมันไม่เหมือนกัน! โจเซฟเยาะเย้ยในใจ แต่ใบหน้าของเขายังสงบและไร้อารมณ์“ก็เหมือนกับเจ้า ทุกๆคนล้วนแล้วแต่ชอบในสิ่งที่แตกต่างกัน ข้าเพิ่งจะกลับมาที่เมืองพระจันทร์มืด ข้ายังคงไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับมนุษย์ที่ชื่อเฉินรุย”
“มันก็แค่เศษสวะที่โชคดีมาก!” อลันกัดฟันแล้วพูดขึ้นมา “มนุษย์คนนี้ได้ตกลงมายังอาณาจักรอสูรเมื่อสิบวันก่อน และเขาก็ถูกจับมาโดยพวกทหาร ชื่อของมันคือ อาเธอร์ ดูเหมือนเขาจะเป็นขุนนางไร้อำนาจ ในเวลานั้น ท่านอาจารย์อัลดาซได้ใช้มันไปเป็นหนูทดลอง แต่ในอีกไม่กี่วันให้หลัง มันก็ได้กลายเป็นเด็กฝึกหัดของอัลดาซอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วตัวตนของมันยังได้ถูกยอมรับจากเจ้าหญิงเชียอีก ข้าไม่รู้จริงๆว่าไอ้บ้านี้มีอะไรให้ดึงดูด แม้แต่อาเธน่าและเจ้าหญิงน้อยเองก็ไปหามันแทบทุกวัน”
โจเซฟคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า“ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ผู้สนับสนุนหลักของเขาก็คงจะเป็นท่านอาจารย์ดาร์คเอลฟ์ ข้ารู้จักเจ้าหญิงน้อยเป็นอย่างดี นางแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น ส่วนเจ้าหญิงเองก็คงทำเพื่อได้รับความใกล้ชิดกับอัลดาซเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อัลดาซคงทำอะไรไม่ถูกแล้วในตอนนี้ เพราะอีกไม่นานเขาจะต้องจากเมืองพระจันทร์ดับไป แล้วมนุษย์คนนี้ก็จะเสียสิ่งที่มันมีไป แม้ว่าเจ้าจะต้องการตัดมันเป็นชิ้นๆ เจ้าหญิงใหญ่ก็ไม่คิดที่จะหยุดเจ้าหรอก”
“เมื่อชายคนนั้นกลับมาจากเมืองหลวงแล้ว อัลดาซก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน” อลันหันไปชื่นชมพร้อมกับพยักหน้าและดื่มอวยพรให้กับโจเซฟ“เจ้าพูดถูก มาเถอะ ทานขนมปังกันดีกว่า!”
ในห้องทดลองของอัลดาซภายในลานด้านนอกของวังหลัง ก็เหลือเพียงอัลดาซและเฉินรุยเท่านั้นที่อยู่ในห้องทดลอง ส่วนแซลลี่ที่เห็นอารมณ์ของอาจารย์ตัวเองไม่ดี ตัวมันจึงได้ถอยออก
อัลดาซหยิบหนังสือหนาสองสามเล่มออกมา นั้นก็คือ 'สิ่งสำคัญสำหรับการกลั่น' 'ส่วนผสมยาธรรมดา' 'วัสดุเสริมสำหรับพิษ' ...
“เฉินรุย หนังสือพวกนี้เหมาะสำหรับเจ้า” ดาร์คเอลฟ์ถอนหายใจออกมา “ถ้าไม่มีข้าอยู่ข้างๆเจ้าแล้ว เจ้าควรจะเรียนรู้อย่างหนักขึ้น แม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้สืบทอดของปรมาจารย์ แต่ความรู้นั้นไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นเจ้าก็ไม่ควรที่จะละทิ้งความพยายามไป ตราบใดที่เจ้าพยายามอย่างหนัก สักวันหนึ่ง ความสำเร็จของเจ้าก็จะทำให้ทั่วทั้งอาณาจักรมารตะลึง”
เฉินรุยพูดออกมาด้วยความตกใจ“อาจารย์ เกิดอะไรขึ้นกัน? ท่านกำลังจะไปไหน?”
“ข้ากำลังจะออกไปจากเมืองพระจันทร์ดับ” อัลดาซส่ายหน้าด้วยใบหน้าที่แสนมืดมัวและบอกเหตุผล
อาณาจักรมารสนับสนุนความแข็งแกร่ง ไม่เพียงแต่ในแง่ของความแข็งแกร่งและพลังเท่านั้น วิชาชีพทุกสาขาต่างก็แข่งขันกันอย่างดุเดือด กฎในสาขาด้านปรุงยาเองนั้นก็มีลักษณะเฉพาะตัว ถ้าใครอยากจะเป็นผู้ปรุงยาก็มีอยู่สองหนทาง อย่างแรกก็คือ การไปที่สมาคมผู้ปรุงยาในเมืองหลวงและผ่านการประเมินที่ซับซ้อน รวมถึงการผลิตยาสีขาวระดับสูงสุดภายในเวลาที่กำหนดและต้องได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยสองคน
วิธีที่สองคือ การท้าทายอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโดยตรงภายใต้พยานของสมาคมผู้ปรุงยา หากการท้าทายประสบความสำเร็จ ก็จะมีการเลื่อนระดับไปยังระดับปรมาจารย์โดยตรง ในขณะที่ปรมาจารย์ที่ล้มเหลวจะถูกลิดรอนสถานะของเขาและถูกเนรเทศเป็นเวลาสามปี หลังจากสามปีผ่านไป คนนั้นสามารถท้าทายซ้ำหรือทำการประเมินใหม่ได้ หากผู้ที่ถูกท้าทายปฏิเสธที่จะยอมรับการท้าทาย ก็ถือว่าพ่ายแพ้ในทันที
อย่างไรก็ตาม ผู้ท้าชิงไม่มีความเสี่ยงใดที่ต้องแบกรับเลย เขาหรือนางเพียงแค่ต้องวางเงินจำนวนมากเพื่อวางเดิมพันเท่านั้นเอง หากผู้ท้าทายพ่ายแพ้ เงินจะเป็นของปรมาจารย์และเขาหรือนางจะไม่สามารถท้าทายได้ภายในสามปี
เฉินรุยเองก็เข้าใจสถานการณ์ที่เหมือนกับการวางพนันนี้ จากนั้น อัลดาซก็อธิบายว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับนักปรุงยา เนื่องจากการเล่นแร่แปรธาตุเองก็จำเป็นที่ต้องใช้เงินเช่นเดียวกัน ทั้งการปรุงยาหรือพวกกลศาสตร์ต่างก็จำเป็นต้องการเงินทุนสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการประเมินระดับการเล่นแร่แปรธาตุหรือเรียนรู้จากนักเล่นแร่แปรธาตุคนหนึ่งเองก็ต้องจ่ายเงินราคาแพง ดังนั้นแล้ว นักเล่นแร่แปรธาตุส่วนใหญ่จะขอการสนับสนุนจากใครบางคนที่ร่ำรวยทางการเงินและมีอำนาจพอที่จะคอยช่วยเหลือพวกเขาได้
เฉินรุยคิดในใจของเขา เมื่อเทียบกับการได้เป็นเด็กฝึกหัดแบบฟรีๆนี้ มันเป็นอะไรที่สบายมาก
ซึ่งอัลดาซตอนนี้ต้องแบกรับอะไรหลายๆอย่างไว้ ส่วนหนึ่งก็เพราะปัญหาทางการเงินที่ทำให้เขาเป็นหนี้อยู่นี้ หลังจากวางเดิมพันและล้มเหลวในการเลื่อนขั้นเป็นระดับปรมาจารย์ เขาก็เกือบจะทำลายจุดมุ่งหมายในชีวิตไปแล้ว เมื่อถึงจุดต่ำสุด อัลดาซก็ได้พบกับเจ้าหญิงเชีย ในขณะนั้น เชียมีอายุเพียงสิบหกปีและนางเพิ่งเข้ายึดเมืองพระจันทร์ดับ อย่างไรก็ตาม นางเก่งในการมองเห็นพรสวรรค์มาก ดังนั้นนางจึงมอบเงินทุนให้กับอัลดาซ หลังจากที่อัลดาซได้เป็นปรมาจารย์ เขาก็กลับมาที่นี่ตามประสงค์ของนาง ปฏิเสธข้อเสนอของเมืองหลวงและอยู่ที่เมืองพระจันทร์ดับเพื่อรับใช้เชีย
เฉินรุยตระหนักรู้อย่างฉับพลัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่อาจารย์ดาร์คเอลฟ์ผู้นี้จะเคารพเจ้าหญิงเชียเป็นอย่างมาก
อัลดาซได้แต่ถอนหายใจ“ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ข้าได้รับจดหมายจากท่านโซล่าและท่านเคมจากเมืองหลวง ในจดหมายฉบับนี้ มันได้ชักชวนตัวข้าโดยบอกถึงกำไรมหาศาลโดยเพียงรับใช้อุปราชออบซิเดียน ข้าได้ปฏิเสธไปอย่างเด็ดขาด วันนี้ ที่สมาคมนักปรุงยาได้ส่งหนังสือเวทย์มนต์มาให้ข้าอย่างกระทันหัน นักปรุงยาที่ชื่อ แซนโดร จากเมืองหลวงท้าทายข้าอย่างเป็นทางการ ในขณะนั้น ปรมาจารย์นักปรุงยาสองคนและแซนโดรเองก็กำลังเดินทางมาที่เมืองพระจันทร์ดับ พวกเขาจะมาถึงในอีกสองวัน”
แล้วหากเขาไม่ยอมรับคำท้าทาย เขาก็จะพ่ายแพ้ในทันที
อัลดาซเรียกได้ว่าเป็นข้ารับใช้ของเชียที่มีความสามารถมากมายนัก หากเขาพ่ายแพ้และถูกเนรเทศออกไป ชื่อเสียงของเมืองพระจันทร์ดับและพลังของเชียก็จะลดลงมาก เห็นได้ชัดว่ามันเป็นวิธีการของเจ้าชายออบซิเดียนที่จะใช้ลดขุมพลังของเชียลงไป เมืองหลวงอยู่ห่างจากเมืองพระจันทร์ดับมากโข แม้จะใช้สัตว์ร้ายที่บินเร็วที่สุด มันก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน ดังนั้นแล้ว การที่หนังสือเวทย์มนต์พึ่งจะมาถึงอัลดาซ มันก็เหมือนกับว่าอีกฝ่ายตั้งใจที่จะทำอย่างนี้อย่างมั่นเหมาะแล้ว
“ท่านอาจารย์ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะวางแผนอย่างไร ความแข็งแกร่งก็คือสิ่งที่สำคัญที่สุด” เฉินรุยคิดและพูดขึ้นมา“ตราบใดที่ท่านสามารถเอาชนะแซนโดรได้ ความคิดร้ายของพวกมันก็จะไม่เป็นผลและเงินของพวกมันเองก็เช่นกัน”
“แน่นอน ข้านั้นเข้าใจ แต่ปัญหาก็คือตัวข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแซนโดร” อัลดาซยิ้มอย่างขมขื่น“แซนโดรเป็นนักปรุงยาอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของจักรวรรดิ ยามที่ข้ากำลังจะได้รับการประเมินอยู่ เขาก็เป็นถึงอัจฉริยะนักปรุงยาแล้ว นอกจากนี้ คนๆนี้ยังมีความแข็งแกร่งระดับปรมาจารย์มาเป็นเวลานานแล้ว แม้กระทั่งปรมาจารย์หลายคนก็ยังเคารพเขา ข่าวลือบอกว่า ครั้งหนึ่งเขาสาบานว่าถ้าเขาไม่ได้ทำยาพิษที่แข็งแกร่งที่สุด เขาจะไม่เข้าร่วมในการประเมินปรมจารย์ปรุงยา ตอนนี้เขามาท้าทายข้า หากเป็นแบบหนึ่งก็คือ เขาได้รับคำสั่งมาจากอุปราช ในทางกลับกัน บางทีเขาคงจะสามารถสร้างยาพิษใหม่ได้สำเร็จและเขาวางแผนที่จะให้ตัวข้าเสียสละเพื่อเป็นเส้นทางก้าวเดินของปรมาจารย์ ข้าเพิ่งไปพูดคุยกับเจ้าหญิงในห้องประชุมสภาเป็นเวลานาน แต่เราไม่สามารถหาทางป้องกันใดได้เลย”
เฉินรุยจึงได้พูดขึ้นมาว่า ท่านอาจารย์ ถ้าท่านติดต่อกับแซนโดรทันทีและบอกว่าท่านเต็มใจรับใช้เจ้าชายออบซิเดียน ท่านจะสามารถหลีกเลี่ยงจากคำท้าทายนี้ได้หรือไม่?”
อัลดาซส่ายหัว“ตั้งแต่ข้าปฏิเสธคำเชิญของเจ้าชายออบซิเดียน ข้าก็ตัดสินใจอย่างมั่นเหมาะแล้วว่าข้าไม่มีทางที่จะยอมรับ แม้ว่าพวกเรา ดาร์คเอลฟ์จะเป็นพวกไม่ตรงไปตรงมา แต่เราก็จดจำความมีน้ำใจของผู้อื่นที่มีต่อเราเสมอมา ข้าไม่อาจทรยศต่อเจ้าหญิงเชียได้ แม้ว่าข้าจะถูกเนรเทศเป็นเวลาสามปี ข้าก็จะพยายามที่จะกลับมาเป็นปรมาจารย์และมารับใช้ท่านเจ้าหญิงต่อ”
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเจ้าชายออบซิเดียนจะหาทางจัดการเชียอยู่เสมอ ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตของอัลดาซในระหว่างถูกเนรเทศจะเป็นยังไงบ้าง แม้ว่าดาร์คเอลฟ์ผู้นี้จะสามารถเอาชีวิตรอดและฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ได้ในฐานะปรมาจารย์ เมืองพระจันทร์ดับจะสามารถเอาตัวรอดในมือของเชียได้ในระหว่างนั้นงั้นเหรอ?
แม้แต่เฉินรุยเองก็ยังสามารถเข้าใจถึงจุดนี้ได้ แต่อัลดาซต้องระวังมากกว่าเสียอีก
อัลดาซนั้นไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเลย เขายังคงทำความสะอาดน้ำยาและหนังสือของเขา ดูเหมือนว่าเขาพร้อมจะออกไปแทบจะทุกเวลาเลย
เฉินรุยไม่ได้ช่วยอัลดาซทำความสะอาดและได้แต่ขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ อัลดาซนั้นแสนจะเข้มงวดมาก แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ชอบหลอกหลวงด้วยความที่เป็นดาร์คเอลฟ์ แต่เขาก็ไม่ได้หมกเม็ดและสอนเฉินรุยแทบทุกอย่างที่รู้ ไม่ได้เลือกปฏิบัติอะไรทั้งสิ้น ในขณะเดียวกัน ปรมาจารย์ผู้นี้ยังเหมือนกับผู้ปกป้องที่ดีที่สุดของเฉินรุยจากโลกภายนอกอีก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อเขาหรืออัลดาซเอง เฉินรุยก็พยายามจะช่วยเขาให้จงได้
นอกจากนี้ กระบวนการบูตของระบบสุดยอดก็ได้หยุดนิ่งไปนานแล้ว พิษใหม่ของแซนโดรอาจเป็นจุดเปลี่ยนก็ได้ ...
พอเริ่มคิดมากขึ้นเรื่อยๆ แผนการใหม่ก็เริ่มปรากฏขึ้นมาในหัวของเฉินรุย
“อาจารย์ รอประเดี๋ยว! อย่ามองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป เราอาจจะไม่แพ้เลย หากแผนของข้าสำเร็จ ...” หลังจากเฉินรุยคิดอย่างรอบคอบ เขาก็ได้ยิ้มแล้วพูดขึ้นมา“บางที เรามาพูดคุยเรื่องการแบ่งเงินดีกว่า”
คำพูดเหล่านั้นทำให้อัลดาซตกใจเล็กน้อยและดวงตาของเขาที่มืดมนแต่เดิมนั้นก็ได้เบิกกว้างขึ้น
ในเวลานี้ ภายในเมืองพระจันทร์ดับ ก็ได้มีข่าวลือว่าผู้มีชื่อเสียงจากเมืองหลวงกำลังมาท้าทายปรมาจารย์อัลดาซในอีกสองวัน มันกลายเป็นหัวข้อการพูดคุยที่ร้อนแรงที่สุดในเมืองพระจันทร์ดับ
สองวันได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันก็เป็นเวลาที่ผู้เยี่ยมเยือนจากเมืองหลวงจะมาถึงเมืองพระจันทร์ดับ