ตอนที่ 105 ลูกพี่ได้โปรดรับผมเป็นลูกน้องด้วยเถอะ
ตอนที่ 105 ลูกพี่ได้โปรดรับผมเป็นลูกน้องด้วยเถอะ
หลังจากเงินทั้ง 10 ล้านบิทถูกโอนเข้าสู้บันชีกาย กายก็คิดจะทำการตรวจสอบของชิ้นต่อไป นั้นคือของรางวัลจากโบนัสพิเศษ
แต่พอมองไปรอบ ๆ ก็ดูเหมือนว่าจุดที่กายยืนอยู่นั้นจะเป็นจุดจนใจเกินไป กายจึงเก็บของขวัญชิ้นนี้ไปก่อนและทำการล็อกเอาท์ออกจากแดนสงครามทิ้งความปั่นป่วนจากการหายไปของห้องเกม 100 ในแดนแห้งแล้งไว้เบื้องหลัง
ผู้เล่นหลายคนพอเห็นว่ากายไม่ยอมเปิดของรางวัลดูและเลือกจะล็อกเอาท์ออกไปก็พากันผิดหวัง แยกย้ายกันไปเล่นเกมยังแดนอื่น ๆ ในทันที
หลายคนเริ่มคิดถึงการเคลียร์แดนสงครามแล้วเช่นกัน
ตอนนี้มีคนจำนวนมากตั้งข้อสันนิษฐานว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าแดนสงครามหายไปจนหมด แต่พอมาคิดว่าแดนสงครามมีจำนวนจำกัด ก็ต้องหมายความว่าเหรียญตราแห่งผู้ชนะมีจำกัดด้วยเช่นกัน
และนั้นทำให้ทุกคนเริ่มบ้าคลั่งในการเคลียร์แดนสงครามเข้าไปอีก
หลายคนคิดว่าพอรวบรวมเหรียญตราได้จำนวนหนึ่งจะทำให้ได้บางสิ่งมา แต่ไม่มีใครรู้เบื้องหลังของภารกิจลับนี้
ถึงจะเป็นเช่นนั้นผู้เล่นก็ยังคิดจะไขว่คว้าเหรียญตราแห่งผู้ชนะอยู่ดี เพราะการที่ไม่รู้อะไรทำให้มนุษย์แบบพวกเขาสนใจจะใคร่รู้ให้ได้
...
ภายในห้องเกมส่วนตัวกายลืมตาขึ้นมา ทุกอย่างคงปกติ แสงสีใสห้องดูมืดเล็กน้อย เพื่อให้เหมาะกับการเล่นเกม
ฟู่...จบไปอีกหนึ่งเกม
กายยิ้มออกมา แต่แล้วเขารู้สึกว่ามีใครจ้องมองหน้าอยู่ พอเอียงหัวหันไปดูก็เห็นซาเรียที่ยืนข้าง ๆ กำลังก้มหน้าลงมาใกล้ห่างจากหน้าของกายไม่ถึงคืบ สายตาของซาเรียจ้องมาที่กายอย่างสงสัย
ส่วนสายตาของกายนั้นแทบมันมองไปตามสัญชาตญาณจับจ้องไปที่หน้าอกขาวอวบคู่นั้นของซาเรียอย่างไม่รู้ตัว ด้วยความที่ซาเรียนั้นมักใส่เสื้อกล้าม บวกกับความสวยของผู้ใหญ่ก็ทำให้กายถึงกับเสียอาการไป
กว่าเขาจะถอนสายตากลับมาได้ซาเรียก็รู้ว่ากายมองอะไรแล้ว
“อะแฮ่ม...เจ้...เจ้ซาเรียมีอะไรหรือเปล่าครับ” กายแกล้งไอกลบความเขินอายถามกลับไป
“ไม่มีอะไร ฉันแค่สงสัยว่านายเป็นคนหรือเปล่า” ซาเรียกลับไปยืนตามปกติ ไม่ได้กล้มมองกายอีก
ส่วนกายนั้นเขารีบลุกขึ้นนั่งเพราะกลัวซาเรียจะเป็นท่อนล่างที่น่าอายของเขา
“แน่นอนผมเป็นคนนี่แหละ จริงสิ!ผมจะโอนเงินให้กับเจ้ซาเรียก่อน”
ซาเรียพยักหน้าอย่างไม่มีปัญหาอะไร เพราะทุอย่างอยู่ในข้อตกลงของทั้งสอง กายจัดการโอนเงินจำนวน 5 ล้านบิทไปอย่างไม่เสียดาย
ส่วนอีก 5 ล้านนั้นเข้าบัญชีของตนเอง
ตอนนี้ในบัญชีของกายมีเงินอยู่ราว ๆ เจ็ดล้านหนึ่งแสนเหรียญแล้ว เงินขนาดนี้กายสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง
เขาสามารถใช้มันเป็นค่าตั๋วและขึ้นไปยังโอเอซิสได้แล้ว แต่ก็ยังไม่พอสำหรับค่าอยู่อาศัยบนนั้นอยู่ดี กายข่มใจไว้ก่อน บางครั้งคิดจะทำการใหญ่ก็ต้องรู้จักหักห้ามใจ
เมื่อกายโอนเงินให้กับซาเรียเสร็จเรียบร้อย ซาเรียก็ทำการปิดเครื่องแคปซูล ส่วนกายนั้นเขาเดินออกจากห้องมาหาอะไรที่ร้านกินมื้อกลางวันก่อน
แต่อยู่ ๆ ตอนนั้นเองออสตินก็พุ่งเข้ามาหากาย
“เฮ้ย” กายตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเบี่ยงตัวหลบและคิดจะประทานเข่าเข้าไปให้ออสตินกิน แต่แล้วอยู่ ๆ ออสตินก็คุกเข่าลงกอดขาของกายไว้แน่น
“ลูกพี่ได้โปรดรับผมเป็นลูกน้องด้วยเถอะ”
“ลูกพี่ ผมขอโทษที่เสียมารยาทกับลูกพี่”
“ลูกพี่รู้ไหม คุณคือไอดอลของผมเลย ผมติดตามงานของลูกพี่มาตั้งแต่เริ่มเกมเลย โดยเฉพาะฉากต่อสู้กับโคเวิร์ตกะโหลกคลั่งและกุหลาบสีดำ ลูกลอร์ดเจ็บ..อุ๊บ อื่อออ...”
ก่อนที่ออสตินจะพูดออกไป กายก็ปิดปากของออสตินลากไปหลังร้าน ก่อนจะโยนชายปากสว่างคนนี้ลงกับพื้นดังอัก!
“นายต้องการอะไร สู้ฉันก็สู้แล้ว ดังนั้นตามสัญญาห้ามมายุ่งกันอีก” กายพูดด้วยความลำคาน เขารู้สึกตกใจมากที่อยู่ ๆ ก็มีไอ้บ้าแบบออสตินมาเรียกเขาว่าลูกพี่ท่ามกลางสายตาของคนในร้าน
“ไม่ ๆ ใช่ลูกพี่ลอร์ดเจ็ดโลหะ คือ โดยโปรดรับผมเป็นลูกน้องด้วย” ออสตินลุกขึ้นมา ก่อนจะก้มหัวพูดขอร้องอย่างจริงจัง
“เฮ้ยเป็นบ้าอะไรหรือเปล่าทำไมฉันต้องรับนายเป็นลูกน้องด้วย อีกอย่างเราอายุก็ไม่ต่างกันมากนัก”
“ไม่เกี่ยวกับอายุ ลูกพี่ลอร์ดเจ็ดโลหะ คุณคือชายที่แข็งแกร่งมาก ดังนั้นได้โปรดรับผมเป็นลูกน้องด้วย” ออสตินพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจังไม่ห่วงความหล่อของตนเองแม้แต่น้อย
“เอาจริงดิ ฉันคือคนที่นายเกลียดขี้หน้านะ”
“ผมเป็นคนมีตาแต่มีแววไม่ ผมผิดเอง”
“แต่ฉันคือคนที่ฆ่านายตายในเกมเมื่อกี้นี้”
“ถือเป็นเกียรติที่ได้ตายในน้ำมือของลูกพี่”
เชี่ย!กายถึงกลับสบถในใจ เขารีบคิดหาทางออก
“ถ้านายเป็นลูกน้องฉันจะไม่มีทางได้ห้องเกมส่วนตัวนะ”
“โอ้เรื่องนั้นไม่เป็นไร พอดีเครื่องแคปซูลผมมาแล้วเมื่อวันก่อน แต่ที่ถ้าลูกพี่เพราะต้องการตบลูกพี่สั่งสอน” ออสตินพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
กายได้ยินก็ถึงกับปากกระตุกคิดอย่างจะเตะเข้าไปที่รอยยิ้มของออสตินสักที
“ถ้าลูกพี่รับผมเป็นลูกเดี๋ยวผมยกเครื่องแคปซูลมาให้ลูกพี่เล่นเลย แล้วก็ในโลกราชันผมจะเป็นมือเป็นเท้าบุกตะลุยไปกับลูกพี่ลอร์ดเจ็ดโลหะอย่างไม่กลัวตาย”
กายถึงกับอึ้งไปไม่ถูก ใครจะไปคิดว่าออสตินนอกจากจะเป็นพวกขี้โม้แล้วยังเป็นพวกคลั่งอะไรแบบนี้ด้วย พอรู้ว่าตัวเขาคือลอร์ดเจ็ดโลหะที่หลอกตนเองไปตบ
“หยุด ฉันไม่ต้องการลูกน้อง แต่เราสามารถเป็นเพื่อนกันได้ แล้วก็หยุดเรียกว่าลอร์ดเจ็ดโลหะซักที”
“จริงนะ”
“แน่นอน แต่ฉันขอ อย่าบอกใครเรื่องลอร์ดเจ็ดโลหะ ถ้าตกลงเราเป็นเพื่อนกันได้”
“ไม่มีปัญหา ผมแนะนำตัวอีกทีลูกพี่กาย ผมคือออสติน”
“ฉันรู้แล้ว เรียกแค่กายก็พอ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอฉันไปหาอะไรกินหน่อยได้ไหม พอดีไม่กินข้าวกลางวัน”
“แน่นอน” ออสตินพูดด้วยรอยยิ้ม
กายเลิกสนใจคนบ้า ๆ แบบออสติน เขาไปหาอาหารแห้งในร้านก่อนจะนำไปอุ่นและกินอาหารกลางวันอย่างรวดเร็ว
ในขณะนั้นเองเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นอันยา
“ว่ายังไง ได้ของมาแล้วใช่ไหม”
“ใช่ นายให้ฉันเอาของไปให้ที่ไหน”
“ไปที่บ้านฉันก็ได้ เจอกันอีก 20 นาที” กายกล่าวจบก็รีบเก็บของก่อนจะไปจ่ายเงิน แต่ซาเรียกลับบอกว่าไม่ต้อง มื้อนี้เธอเลี้ยงเอง
กายพยักหน้าขอบคุณก่อนจะรีบออกจากร้านไป
ส่วนออสตินนั้นกลับไปเล่นเกมราชันสงครามออนไลน์ต่อ
...
กายมาถึงบ้านก็เป็นจังหวะเดียวกับที่อันยามาถึงพอดี
“ข้าวของในห้องของนายฉันเอามาให้ตามที่บอกแล้ว” อันยาชี้ไปที่คอมเครื่องเก่าและกล่องใบเล็ก ๆ ซึ่งคอมเครื่องเก่าเป็นของแม่ของเขา ส่วนกล่องใบเล็ก ๆ นั้นมีพวกรูปในวัยเด็กกับรูปพ่อแม่ของเขาอยู่
“ขอบใจนะ” กายขอบคุณจากในจริง เขาหยิบของทั้งหมดและกำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน
“เออ..เดี๋ยวก่อน” อันยากล่าวอย่างลังเลเรียกกายให้หยุด
กายหันมามองเธอที่อั้มอึ้งอยู่ ไม่รู้จะพูดออกมาหรือไม่
“พูดมาเถอะ เธอช่วยฉันครั้งหนึ่ง ถ้ามีเรื่องอะไรฉันจะช่วยเธอเท่าที่ทำได้”
“นายไปที่ร้านเกม...ร้านเกมเสมือนจริงหมายเลข 8 คือว่านายสนิทกับเจ้าของร้านไหม”
“หมายความว่ายังไง” กายขมวดคิ้วมองอันยาในทันที เขาไม่เข้าใจว่าเธอจะถามเรื่องนี้ทำไม
“นายอย่าพึ่งเข้าใจผิด ฉันรู้ว่าตัวเองนั้นเรียนไม่เก่ง ดังนั้นที่ผ่านมาฉันอยากจะทำงานหาเงินมากกว่าเรียน นายช่วยฝากฉันเข้าทำงานที่ร้านเกมได้ไหม” อันยากล่าวอย่างขอร้อง เธอไม่รู้ว่ากายจะช่วยหรือเปล่าเพราะที่ผ่านมาเธอและครอบครัวทำไม่ดีกับกายไว้เยอะ
ถึงแบบนั้นเธอก็คาดหวังอยากให้กายช่วย
กายมองไปที่อันยาก่อนจะส่ายหัว อันยาเห็นแบบนั้นก็หน้าซีดเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะฝืนยิ้มออกมา “เออถ้าอย่างนั้นฉันไม่รบกวนนายแล้วโชคดีนะ”
“เฮ้!เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ที่เธอขอนะฉันคงช่วยไม่ได้ เพราะเจ้ซาเรียคงไม่รับใครเข้ามาทำงานหรอก ฉันพอจะถามหางานให้เธอได้อยู่แต่นั่นก็ขึ้นอยู่ว่าเธอจะทำหรือเปล่า”
“แน่นอน ฉันทำงานหนักฉันก็ทำไหว”
“ไว้ฉันจะติดต่อกลับไปก็แล้ว”
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นอะไร เธอช่วยฉันเอาของพวกนี้ออกมา ถือว่าเราหายกัน” กายตบไปตามตรง เขาไม่ต้องการติดหนี้บุญคุณใครมากนัก ยกเว้นเจ้ซาเรียกับไทเลอร์
อันยาได้แต่ยิ้มเจือน ๆ เท่านั้น เพราะเธอก็เข้าใจสิ่งที่กายพูด
“กาย นายจะกลับไปที่บ้านหรือเปล่า พอดีพ่อฉันเห็นตอนเอาของออกมา พ่อจึงถามถึงนาย”
“ไม่ ฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางนั้นอีก ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อน” กายพูดตัดบทด้วยน้ำเสียงที่เฉยชา เขาเคยบอกแล้วว่าจะไม่เข้าไปยุ่งกับทางบ้านนั้นอีก
ตอนนี้กายหลุดพ้นออกมาแล้ว ต่างคนต่างอยู่จึงดีที่สุด
อันยาเห็นกายเดินเข้าบ้านไปเธอก็ได้แต่ถอนหายใจกับสิ่งที่เปิดขึ้น ตั้งแต่เรื่องวันนั้นที่เกือบทำให้เธอต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เธอก็โตขึ้นมากและเข้าใจว่าเรื่องที่ผ่านมามันเลวร้ายแค่ไหน
“ตอนนี้ฉันก็ต้องหัดพึ่งตัวเองบ้างแล้ว” อันยาพึมพำ ก่อนจะเดินกลับไป
กายเข้ามาในบ้าน เขาเอาคอมพิวเตอร์ไปวางไว้ยังมุมหนึ่งก่อน ส่วนรูปในกล่องและของเล็ก ๆ น้อย ๆ กายนำมันมาเช็ดทำความสะอาดก่อนจะวางไว้ที่โต๊ะข้างหัวนอน
กายมองไปที่รูปพ่อกับแม่ มันทำให้เขาหายคิดถึงทั้งสองคน
...