WS บทที่ 274 เสื้อคลุมขอบทอง
ในห้องโถงสีทองที่ดูอลังการ มีพ่อมดเสื้อคลุมเทาจำนวนมากรออยู่ หัวหน้าของพวกเขาคือพ่อมดเสื้อคลุมเทาตรงกลางที่ดูเป็นมิตรและใจดี แม้ว่าเขาต้องรอเป็นเวลานาน เขาก็ไม่ได้เปิดเผยท่าทางหงุดหงิดใด ๆ ออกมาเลย
ไม่นาน เมอร์ลินก็มาถึงห้องโถง ตามด้วยพ่อมดวอลเลอร์ วาแด็คและเบลล่า พวกเขาต่างต้องการเป็นสักขีพยานในการประเมินครั้งนั้ด้วย
“พ่อมดศักวารา ผมต้องขออภัยที่ทำให้ท่านต้องรอ!”
เมอร์ลินคำนับพ่อมดศักวาราเล็กน้อย ในฐานะนักเวทย์ระดับห้า พ่อมดศักวาราสมควรได้รับการโค้งคำนับจากเมอร์ลิน
อย่างไรก็ตาม พ่อมดศักวราเป็นคนอัธยาศัยดี เขายิ้มเล็กน้อยขณะพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันยังทำให้คุณรอเพราะฉันปรุงยาก่อนหน้านี้เลย พ่อมดเมอร์ลิน มาเริ่มกันเถอะ ฉันต้องการจะดูว่าอะไรที่ทำให้คุณที่เป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งถึงสามารถมาท้าทายฉันได้”
เมอร์ลินพยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็เข้าไปในห้องโปร่งแสงซึ่งมีอักษรรูนอยู่ทั่วทุกแห่ง ในสถานที่นี้ การโจมตีจากนักเวทย์ระดับเจ็ดและต่ำกว่าจะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับห้องได้
เมอร์ลินและพ่อมดศักวาราชำเลืองมองกันและคนหลังก็เตือนเมอร์ลินว่า “พ่อมดเมอร์ลิน ฉันได้ยินมาว่าคุณมีพลังปีศาจแพนโดร่าใช่มั้ย? อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคุณจะมีมัน คุณก็สามารถฝึกฝนมันได้เพียงเล็กน้อย โดยพื้นฐานแล้วพลังของมันใกล้เคียงกับคาถาระดับสี่ นอกจากนี้ ฉันเองยังก็มีพลังปีศาจแพนโดร่าอีกด้วย อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการทดสอบว่าคุณมีความสามารถใกล้เทียบเท่านักเวทย์ระดับห้าจริง ๆ หรือไม่ ดังนั้นฉันจะไม่ใช้พลังปีศาจแพนโดร่า”
พ่อมดศักวราได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าพลังปีศาจแพนโดร่าของเมอร์ลินจะไม่มีผลกับเวทมนตร์ป้องกันระดับห้าของเขา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่เมอร์ลินจะเอาชนะเขาด้วยพลังปีศาจแพนโดร่า
นอกจากนี้ พ่อมดศักวารายังมีพลังปีศาจแพนโดร่า ดังนั้นเมอร์ลินจึงไม่ควรพยายามเอาชนะเขาแต่เป็นการทำให้พ่อมดศักวราเห็นว่าตัวมีพลังอะไรบ้าง
เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยักหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาท้าทายนักเวทย์ระดับห้า เมอร์ลินรู้สภาพของตัวเองดีที่สุด
แม้ว่าเพลิงวินาศกับดัชนีเยือกแข็งจะทรงพลังทั้งคู่แต่ก็เทียบได้กับคาถาระดับสี่ พลังปีศาจแพนโดร่าที่แข็งแกร่งกว่านั้นมีพลังมากกว่าพลังปีศาจแพนโดร่าทั้งสอง
แต่มันไม่ใช่กับ ดวงใจแห่งความมืดกับผสานผืนพิภพ พลังของมันจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามคาถาที่สร้างขึ้น ยิ่งมีคาถาระดับสูงมากเท่าไหร่ พลังของมันจะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายพลังของคาถาจะไปถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัว
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมพลังปีศาจแพนโดร่าที่สามารถรวมเข้ากับคาถาได้ ถือเป็นความสามารถอันล้ำค่าในยุคของจักรวรรดิมอลต้าซึ่งเป็นยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ของเหล่านักเวทย์
เมอร์ลินยังไม่ได้วางแผนที่จะท้าทายพ่อมดศักวาราด้วยดัชนีเยือกแข็งและเพลิงวินาศ จุดแข็งของเขาไม่ใช่สองพลังนี้แต่เป็นคาถาธาตุมืดระดับสองของเขา สายธารแห่งความมืดที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
สายธารแห่งความมืดที่เสริมพลังด้วยดวงใจแห่งความมืด มันสามารถทำให้นักเวทย์ระดับสี่ไปสู่ภาพลวงตาของเขาได้อย่างง่ายดาย จนถึงตอนนี้ เมอร์ลินยังไม่เคยร่ายสายธารแห่งความมืดแบบเสริมพลังเลยแม้แต่ครั้งเดียว
หากสารธารแห่งความมืดแบบเสริมพลังที่อยู่ภายใต้การเพิ่มพลังของดวงใจแห่งความมืด มันสามารถทำให้นักเวทย์ระดับห้าตกอยู่ภายใต้ภาพลวงตาของเขาหรือส่งผลกระทบได้เพียงเล็กน้อย เมอร์ลินจะประสบความสำเร็จในการท้าทายของเขา มิฉะนั้น เขาแทบจะไม่มีโอกาสสู้กับนักเวทย์ระดับห้าเลย
“พ่อมดศักวรา ฉันพร้อมแล้ว!” เมอร์ลินพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
"เริ่มเลยและพยายามให้ดีที่สุด มิฉะนั้น คุณจะไม่มีโอกาสทำเช่นนี้อีก!” ศักวราตอบอย่างใจเย็น
ในขณะเดียวกัน ผู้ร่ายเวทย์ทุกคนก็จ้องมองเมอร์ลินกับศักวราในห้องโถงอย่างใกล้ชิด สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“สายธารแห่งความมืด!”
ในที่สุดเมอร์ลินก็เคลื่อนไหว เขาโบกมือและทั้งห้องโปร่งแสงก็เปลี่ยนเป็นมืดมิดทันที สถานการณ์ในห้องไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก
ฝูงชนรับรู้ได้เพียงว่ามีพลังธาตุมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดกำลังรวมตัวกันไปที่ห้องอย่างดุเดือด
“คาถาระดับสอง? แม้ว่าสายธารแห่งความมืดจะทรงพลังจริง ๆ และสามารถทำให้นักเวทย์ระดับสามตกอยู่ในภาพลวงตาได้ แต่เขาจะสามารถยืนหยัดต่อสู้กับพ่อมดศักวราด้วยสารธารแห่งความมืดได้หรือไม่?”
นักเวทย์หลายคนสงสัย แม้แต่ผู้นักเวทย์เสื้อคลุมเทาก็ยังเต็มไปด้วยคำถาม มีเพียงพ่อมดวอลเลอร์ซึ่งเป็นพ่อมดชุดสีเทาขั้นกลางเท่านั้นที่มองไปข้างหน้าอย่างจริงจัง
นักเวทย์เกือบทั้งหมดในห้องโถงไม่ทราบว่าเมอร์ลินได้ร่ายสายธารแห่งความมืดถึงสามครั้ง จากนั้นเขาก็ร่ายสารธารแห่งความมืดแบบเสริมพลังถึงสองขั้น
นี่คือความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของเมอร์ลินในขณะนี้ การเสริมพลังถึงสองขั้นแม้แต่เมอร์ลินเองก็ไม่รู้ว่ามันจะแข็งแกร่งขึ้นถึงขนาดไหน
ดังนั้น หลังจากที่เขาร่ายสายธารแห่งความมืดไป เขาก็เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของพ่อมดศักวราอย่างใกล้ชิด
ท่าทางของพ่อมดศักวรายังคงสงบแต่เขาลืมตาขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อเมอร์ลินใช้สายธารแห่งความืดแบบเสริมพลังสองขั้น พลังจิตอันยิ่งใหญ่ของเขาพุ่งขึ้นทันที
“ไม่เลว พ่อมดเมอร์ลิน ถ้าฉันเดาไม่ผิด คุณก็มีพลังปีศาจแพนโดร่าที่รวมเข้ากับคาถาของคุณได้ ในการเสริมพลังเวทย์ธาตุมืดนั้น ฉันไม่สามารถนึกถึงพลังปีศาจแพนโดร่าอันไหนเลย นอกจากดวงใจแห่งความมืด นั่นถือเป็นพลังที่แข็งแกร่งของพลังปีศาจแพนโดร่าในช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดของเหล่านักเวทย์ในตำนาน การมีดวงใจแห่งความมืด นั่นหมายความว่าคุณเป็นคนที่เหล่าธาตุมืดโปรดปราน…”
ณ จุดนี้ พ่อมดศักวารายังคงพูดได้ชัดเจนมากซึ่งบ่งชี้ว่าเมอร์ลินล้มเหลวในการใช้สายธารแห่งความมืดแบบเสริมพลังสองขั้น แม้จะใช้ดวงใจแห่งความมืดควบคู่ไปด้วย แต่ก็ไม่สามารถทำให้นักเวทย์ระดับห้าตกไปอยู่ในภาพลวงตาได้
หลังจากหยุดครู่หนึ่ง พ่อมดศักวาราก็จ้องมองเมอร์ลิน เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น่าเสียดาย หากคุณเป็นนักเวทย์คาถาระดับสี่ พลังที่แท้จริงของดวงใจแห่งความมืดจะแสดงออกมาอย่างสมบูรณ์…เป็นเวลาหลายปีแล้ว ฉันยังไม่เห็นใครที่สามารถปลูกฝังดวงใจแห่งความมืดได้ คุณเป็นคนแรกในรอบหลายปีนี้ นอกจากนี้ คุณมีโอกาสสูงที่จะเป็นนักเวทย์ระดับสี่และนำพลังที่แท้จริงของดวงใจแห่งความมืดออกมา!”
เมอร์ลินพยักหน้าแต่เขายังคงรู้สึกเสียใจที่ดวงใจแห่งความมืดไม่ได้ถูกรวมเข้ากับคาถาของเขาอย่างสมบูรณ์เนื่องจากนี่ไม่ใช่รูปแบบดวงใจแห่งความมืดที่แข็งแกร่งที่สุด
*หวู่ม…*
เมอร์ลินสลายสายธารแห่งความมืดออกไปทันที และห้องก็กลับสู่สภาพเดิมอย่างช้า ๆ ผู้ร่ายคาถาด้านนอกมองเห็นสถานการณ์ในห้องอีกครั้ง
ต่อจากนั้น เมอร์ลินก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดอย่างใจเย็นว่า “ฉันแพ้แล้ว!”
ประตูห้องเปิดออกกว้าง เมอร์ลินคำนับพ่อมดศักวาราและเดินออกจากห้องไป เหล่านักเวทย์ในห้องโถงจ้องมองกันและกันเต็มไปด้วยคำถาม เนื่องจากห้องนั้นเต็มไปด้วยพลังธาตุมืดพวกเขาจึงไม่สามารถมองเห็นเมอร์ลินต่อสู้กับพ่อมดศักวราได้เลย ในท้ายที่สุด เมอร์ลินก็เพียงแค่ประกาศยอมแพ้ซึ่งทำให้พวกเขางุนงง
พ่อมดศักวราก็เดินออกจากห้องไปด้วย เขากวาดตามองนักเวทย์เสื้อคลุมเทารอบ ๆ ตัวเขา แล้วพูดว่า “ฉันยืนยันความสามารถของพ่อมดเมอร์ลินแล้ว แม้ว่าเขาจะล้มเหลวในการท้าทายแต่ความสามารถของเขานั้นใกล้เคียงกับความสามารถของนักเวทย์ระดับห้าอย่างไม่มีขอบเขต ความสามารถดังกล่าวสมควรที่จะได้รับเสื้อคลุมเทาขอบทองโดยสวมทับกับเสื้อคลุมเทาฝึกหัด!”
“เสื้อคลุมเทาขอบทอง? พ่อมดศักวารา พ่อมดเมอร์ลินแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือ?”
พ่อมดเสื้อคลุมเทาคนอื่น ๆ ไม่เชื่อเรื่องนี้ แม้ว่าพวกเขาจะสวมเสื้อคลุมเทาแต่เสื้อคลุมของพวกเขาก็ไม่ได้คลิปด้วยทอง ทุกคนในป้อมอูดอนเข้าใจถึงความสำคัญของการได้ขอบทอง
“มันเป็นความตั้งใจของฉันที่จะทำเช่นนั้น ฉันจะอธิบายสถานการณ์ให้พ่อมดระดับเจ็ดฟังเอง!”
พ่อมดศักวราพูดกับเมอร์ลินอีกครั้งว่า “พ่อมดเมอร์ลิน โปรดให้เวลาฉัน ฉันเชื่อว่ามันจะไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณที่จะได้เสื้อคลุมขอบทอง”
หลังจากนั้น พ่อมดศักวราก็ออกจากห้องโถงไป โดยทิ้งเหล่านักเวทย์เสื้อคลุมเทาไว้ พวกเขาทั้งหมดหันมามองดูเมอร์ลินอย่างอิจฉาริษยา
“เสื้อคลุมขอบทอง? ดูเหมือนว่าพ่อมดศักวราจะสวมเสื้อคลุมขอบทองด้วย”
เมอร์ลินพยายามรื้อฟื้นความทรงจำของเขา เขาตระหนักว่าเสื้อคลุมเทาของพ่อมดศักวราเป็นผ้าสีทอง มันแตกต่างอย่างมากจากพ่อมดวอลเลอร์ที่เป็นพ่อมดเสื้อคลุมเทาขั้นกลาง
เสื้อคลุมขอบทองนี้ดูเหมือนจะมีความหมายพิเศษบางอย่าง
“ยินดีด้วย พ่อมดเมอร์ลิน พ่อมดศักวราขอเสื้อคลุมขอบทองแทนคุณ ฉันเชื่อว่าคุณจะได้เสื้อคลุมขอบทองในเวลาไม่นาน”
“พวกเราแค่อิจฉาเพราะเราไม่มีโอกาสได้มันมาตลอดชีวิต”
นักเวทย์เสื้อคลุมเทาแสดงความยินดีกับเมอร์ลิน มีเพียงเมอร์ลินเท่านั้นที่สับสนเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าเสื้อคลุมขอบทองหมายถึงอะไร
ดังนั้น เมอร์ลินจึงอดไม่ได้ที่จะถามพ่อมดวอลเลอร์ว่า “พ่อมดวอลเลอร์ เสื้อคลุมขอบทองมีประโยชน์อย่างไร? พ่อมดศักวรายังสวมเสื้อคลุมขอบทองด้วย พวกคุณทั้งคู่เป็นพ่อมดเสื้อคลุมเทาขั้นกลาง ทำไมท่านไม่สวมเสื้อคลุมขอบทอง”
พ่อมดวอลเลอร์ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันจะเปรียบเทียบตัวเองกับพ่อมดศักวราได้อย่างไร? แม้ว่าฉันจะกลายเป็นนักเวทย์ระดับหก ฉันก็ยังไม่สามารถหาเสื้อคลุมขอบทองได้ พ่อมดเมอร์ลิน คุณคงไม่รู้ถึงความสำคัญของการได้เสื้อคลุมขอบทองเพราะมันแสดงถึงความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อคลุมดำที่มีขอบทองหรือสีเทาขอบทองก็ตาม ใครก็ตามที่สวมเสื้อคลุมที่มีสีทองถือเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาระดับของพวกเขา คนเหล่านี้ถือว่าเป็นผู้ไร้เทียมทาย!
พ่อมดเมอร์ลิน ถ้าคุณได้รับเสื้อคลุมเทาขอบทอง แม้จะเป็นพ่อมดเสื้อคลุมฝึกหัดก็หมายความว่าคุณอยู่อยู่เหนือกว่าบรรดานักเวทย์ระดับสี่ ไม่มีใครในระดับสี่สามารถต้านทานคุณได้! เป็นการยากมากที่จะได้เสื้อคลุมที่มีขอบทองมาครอง มันดีกว่าการเป็นพ่อมดเสื้อคลุมเทาขั้นกลางหรือพ่อมดเสื้อคลุมเทาขั้นสูง การมีขอบสีทองทำให้เกิดประโยชน์มากมายที่คุณนึกไม่ถึงในป้อมอูดอน”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของวอลเลอร์ เมอร์ลินก็เข้าใจเพียงว่าเสื้อคลุมขอบทองเป็นสัญลักษณ์ของอัจฉริยะที่แท้จริง อัจฉริยะอย่างแท้จริงซึ่งมีศักยภาพไม่รู้จบ ป้อมอูดอนเน้นอุปถัมภ์คนเหล่านี้
ในขณะเดียวกัน พ่อมดศักวราอาจตระหนักถึงศักยภาพของเมอร์ลิน ดังนั้นเขาจึงยินดีช่วยเมอร์ลินในการขอเสื้อคลุมขอบทอง แม้ว่าเมอร์ลินอาจโดดเด่นมากเกินไปในเรื่องนี้แต่ผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับก็มหาศาลเช่นกัน
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมอร์ลินยังคงตัดสินใจอดทนรอพ่อมดศักวราเพื่อรับเสื้อคลุมขอบทอง จากนั้นเขาจะดูด้วยตัวเองว่ามันจะมีประโยชน์แบบไหนเมื่อรับมันมา