259 - ข้าจะกลับมาเอาคืนในอนาคต
259 - ข้าจะกลับมาเอาคืนในอนาคต
“น้องชายที่มีความสามารถคนในอาชีพของเราต้องซื่อสัตย์…”
ตู้เฟยหลบหนีออกจากสนามรบแล้วมายืนอยู่ด้านข้างของเย่ฟ่านด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงไม่ได้ไล่ตามเขา ตอนนี้ใครๆก็สามารถบอกได้ว่าร่างอันทรงพลังของปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงและผู้อาวุโสคนอื่นๆอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย
พวกเขาถูกปราบปรามโดยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ และพวกเขากำลังตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกฆ่าเมื่อใดก็ได้
ดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงอาจมีต้นกำเนิดสำรองที่ลึกซึ้ง แต่น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ได้ มันสายเกินไปแล้วที่แดนศักดิ์สิทธิ์จะส่งใครมาช่วยเหลือ
ปัง!
ท้องฟ้าอันไกลโพ้นสั่นไหวและเสียงคำรามดังขึ้น เรือรบขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าคลื่นพลังอันมากมายมหาศาลซัดออกสู่ภายนอก ที่หัวเรือปักธงขนาดใหญ่ที่มีอักษรสีแดงฉานคำว่า
เจียง!
ตระกูลเจียงเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของภาคเหนือ พลังของพวกเขาหากว่ากันตามตรงยังยิ่งใหญ่กว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงด้วยซ้ำ
“สหายของดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วง ตระกูลเจียงของข้ามาช่วยแล้ว!”
นักรบหลายร้อยคนพุ่งเข้าใส่ พร้อมกับร่างทรงพลังหลายคนที่มุ่งหน้าเข้ามาอย่างกระหายเลือด ความปรารถนาในการต่อสู้พุ่งสูงขึ้น และอากาศที่เย็นเยียบก็พัดผ่านราวกับกระแสน้ำทำให้กระดูกของทุกคนเย็นลง
“บัดซบ ช่างโชคร้ายมารดามันจริงๆ!” ตู้เฟยสาปแช่งด้วยความโกรธแค้น
บนท้องฟ้าราชานกยูง ราชามังกรเขียว ตู้เทียนและคนอื่นๆต่างก็ใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง เมื่อตระกูลเจียงที่ทรงพลังเข้ามาช่วยเหลือ ความพยายามของพวกเขาก็ถือว่าล้มเหลวแล้ว
ในทางกลับกันผู้บ่มเพาะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ
ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตในตอนนี้ และพวกเขากำลังจะตายทั้งหมด แต่ตอนนี้กลับมีบางคนมาช่วยเหลือทำให้พวกเขามีความสุขเป็นอย่างมาก
“น้องชายที่มีพรสวรรค์-” ตู้เฟยหันกลับมาและพบว่าเย่ฟ่านหนีไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว เขาตะลึงและตะโกนว่า
“น้องชายคนเก่ง คนอย่างพวกเราไม่ซื่อสัตย์ได้อย่างไร!”
เย่ฟ่านไม่กล้าที่จะรอ เขารู้ว่าน้ำหนักของเขามีแค่ไหน เมื่อกลุ่มโจรผู้ยิ่งใหญ่ต่อสู้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แม้แต่รัศมีพลังของยอดฝีมือพ่อเพียงพอที่จะฆ่าเขาได้หลายร้อยครั้งแล้ว
คนเหล่านี้เป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังมานับพันปี ผู้คนที่มีฐานการฝึกฝนอ่อนแอกว่าล้วนเสียชีวิตไปจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นผู้ที่เหลืออยู่ไม่ใช่ผู้ที่เขาสามารถต่อต้านได้อย่างแน่นอน
ปัง!
แรงสั่นสะเทือนสาดเข้ามาจากด้านหลัง การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ราชามังกรเขียวและตู้เทียนเริ่มบ้าคลั่งพวกเขาไม่ลังเลที่จะทุ่มเทความพยายามในการสังหารยอดฝีมือของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง
สายตาของราชานกยูงก็ดูเคร่งขรึมเช่นกัน เจตนาฆ่าสั่นคลอนไปทุกทิศทุกทางในขณะที่เขากลายเป็นนกยูงห้าสีที่ฉีกสวรรค์และปัฐพีออกจากกัน
ข้างหลังเขาโลกดูเหมือนจะลุกเป็นไฟ ท้องฟ้าและแผ่นดินดูราวกับว่าพวกมันกำลังจะถูกทำลาย
เย่ฟ่านเร็วราวกับสายฟ้า ขณะที่เขาหนีเขาใช้ฝีเท้าลึกลับจนถึงจุดสูงสุดและในทันทีที่ร่องรอยของเขาก็หายไปจากสนามรบ
“ข้าจะกลับมาเอาคืนในอนาคต…” เขาหายตัวไปในดินแดนที่ไร้ขอบเขต แน่นอนว่าคำพูดของเขาไม่สามารถถือเป็นจริงเป็นจังได้
เขาต้องหาที่ฝึกฝนอย่างเหมาะสมและเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง การต่อสู้เช่นนี้ทางที่ดีอย่าได้พบเจออีกตลอดกาล
——
ตรงหน้าของเย่ฟ่านเป็นดินแดนสีน้ำตาลแดงไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีต้นไม้ ไม่มีน้ำ มีแต่ความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่
เจ็ดหรือแปดวันผ่านไปและเย่ฟ่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาหนีไปได้กี่ลี้ นับแล้ว นับประสาอะไรกับหยดน้ำสักหยดกลางทะเลทราย ในเวลานี้แม้แต่ต้นหญ้าสักใบก็ยังไม่มี
หลังจากห่างเหินจากพื้นที่ทำเหมืองนั้นเย่ฟ่านก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้เขาเป็นปลาที่กระโจนลงไปในทะเลอันกว้างใหญ่ เป็นนกที่บินอยู่บนท้องฟ้า เป็นอิสระเสรีโดยไม่มีข้อผูกมัด
รากฐานของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงนั้นอยู่ทางภาคใต้ และแม้ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงจะรู้ว่าเขาอยู่ทางตอนเหนือ แต่นางก็ไม่สามารถรวบรวมผู้คนได้มากพอที่จะไล่ตามเขา
โจรผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิบสามคนเป็นศัตรูที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขา เพื่อปกป้องเหมืองต้นกำเนิด พวกเขาต้องใช้พลังงานจำนวนมาก และเป็นการยากที่จะแยกความสนใจได้
“ข้าต้องการหาทักษะการบ่มเพาะของอาณาจักรลึกลับตำหนักเต๋า…” เย่ฟ่านพึมพำ
นี่คือเหตุผลหลักว่าทำไมเขาถึงมาที่ภาคเหนือ เขาได้ไปถึงอาณาจักรปารมิตาแล้ว เวลาไม่ได้รอคอยผู้คน เขาต้องการทักษะหลักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกอย่างเร่งด่วน
เมื่อคิดเกี่ยวกับปัญหานี้ทำให้เขาปวดหัวอย่างมาก นี่เป็นปัญหาที่ยากอย่างแน่นอน ฝันถึงมันเป็นเรื่องปกติ แต่การจะทำมันยากมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้มันมา
“วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการจับเทพธิดาที่อยู่ในอาณาจักรตำหนักเต๋าคงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกและบีบบังคับเอาญาณวิเศษของพวกนาง”
อย่างไรก็ตามผลของสิ่งนี้จะร้ายแรงมาก เพียงแค่เรียนรู้ญาณวิเศษสุดยอดอย่างหนึ่งของตระกูลจี้และไม่ได้ฝึกคัมภีร์โบราณของตระกูลจี้จริงๆเขาก็ไม่สามารถอยู่ภาคใต้ได้แล้ว
ในอดีตไม่ใช่ว่าไม่มีใครอื่นที่ได้ฝึกฝนคัมภีร์โบราณเหล่านั้นจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็ถูกทำลายล้างลงไปแม้แต่ลูกหลานก็ไม่เหลือรอด
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และตระกูลขุนนางถือว่าคัมภีร์โบราณของพวกเขาเป็นสมบัติที่สำคัญที่สุด
ถ้ามีคนเรียนรู้พวกเขาไม่ว่าเขาจะเป็นใคร พวกเขาจะใช้กำลังทั้งหมดเพื่อทำลายคนคนนั้นต่อให้แลกด้วยการที่สำนักของตัวเองจะล่มจมก็ตาม
“ข้าสร้างปัญหาใหญ่ให้ตัวเองจริงๆ…” เย่ฟ่านถูขมับของเขาเบา ๆ ถ้าเขามีทางเลือกเขาก็ไม่อยากท้าทายแบบนั้น
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกสามารถแต่งงานได้ แต่มีคนบอกว่าข้อกำหนดนั้นเข้มงวดมาก…” เขาพึมพำและจำคำพูดของผู้อาวุโสอู๋ชิงเฟิงได้
สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกที่สูงและห่างไกลจะสามารถแต่งงานกับผู้บ่มเพาะตัวเล็กเช่นเขาได้อย่างไร
แต่เวลาไม่คอยท่าเขาแล้ว เขาจำเป็นต้องตัดสินใจที่จะตีสนิทกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกให้ได้
“หรือว่าข้าต้องเป็นคนชั่วร้ายด้วยการจับตัวนางมาเป็นภรรยา” เย่ฟ่านรู้สึกว่าปัญหานี้เป็นเรื่องที่อยากจะทำได้สำเร็จ
เขาไม่ต้องการที่จะเป็นศัตรูกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยก แต่เขาปรารถนาทักษะบ่มเพาะนี้มากจริงๆ
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกต้องการสามีแบบไหนกันแน่…” เย่ฟ่านปล่อยให้จินตนาการของเขาโลดแล่น
“บางทีเวลาอาจไม่เร่งรีบจริงๆ”
เขาจำสิ่งที่ผู้อาวุโสอู๋ชิงเฟิงพูดได้ว่าในสมัยโบราณ มีจักรพรรดิหลายคนที่ฝึกฝนอาณาจักรลับเพียงแห่งเดียว และยังสามารถสร้างรากฐานของพวกเขาจนถึงระดับสูงสุดได้
“กงล้อแห่งทะเลมีความลับอีกมากมายที่ข้ายังไม่เคยพบ บางทีข้าอาจจะสามารถฝึกฝนมันได้อีกครั้ง หากเวลามีมากพอข้าค่อยไปจับตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกมาเป็นภรรยา”
เย่ฟ่านรู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้คือการเพิ่มความแข็งแกร่ง ดังนั้นเขาจึงต้องตัดทางเลือกที่เป็นไปได้น้อยที่สุดออกไป
จนกว่าเขาจะหมดทางเลือกอื่นๆทั้งหมด เขาไม่ต้องการที่จะกลายเป็นมารร้ายที่บังคับผู้หญิงให้มาเป็นภรรยาของตัวเอง
เขาไตร่ตรองอย่างรอบคอบโดยรู้สึกว่ามีการเตรียมการสองอย่างที่เขาสามารถทำได้ แต่ในทั้งสองกรณี เขาต้องมีความแข็งแกร่งที่สามารถเอาชนะสตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกให้ได้เสียก่อน
เย่ฟ่านไม่ต้องการฝึกฝนในพื้นที่ที่เขาอยู่ในปัจจุบัน มันยังไม่ไกลพอ เขาจึงหนีต่อไปอีกหลายวัน เขาจะหยุดพักระหว่างทางเป็นครั้งคราวในขณะเดียวกันเขาก็ออกค้นหาต้นกำเนิดไปด้วย
แต่การเก็บเกี่ยวของเขานั้นสั้นมาก ตลอดการเดินทางของเขา เขาสามารถหาได้เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น และพวกมันก็ไม่ดีเท่ากับที่เขาพบในเหมือง
——
สิบวันต่อมา ในที่สุดเย่ฟ่านก็สังเกตเห็นพื้นที่สีเขียวและเห็นสัญญาณของอารยธรรมมนุษย์
“ข้าใช้ศาสตร์ลับสุดยอดในการหลบหนีตลอดเวลา แม้ว่าข้าจะหยุดไปสองสามครั้ง แต่ตอนนี้ข้าน่าจะห่างออกไปอย่างน้อยสี่หมื่นลี้ ข้าต้องเดินทางไกลขนาดนี้ก่อนที่จะเห็นมนุษย์คนอื่น…”
หากเป็นที่โลกใบเดิมของเขานี่แทบจะเป็นการเดินทางรอบโลกไปแล้ว