ตอนที่แล้วWS บทที่ 271 ไร้ที่พึ่งและคับแค้นใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 273 อิทธิพลของป้อมอูดอน PART 2

WS บทที่ 272 อิทธิพลของป้อมอูดอน PART 1


*แคร่ก*

พ่อมดวาแด็คกับแม่มดเบลล่าได้หลับตาลงแล้วยอมรับการตายของพวกเขาแต่ทว่าเปลวไฟที่ร้อนแรงมาไม่ถึงพวกเขา ตรงกันข้าม พวกเขารู้สึกหนาวสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า

ทั้งสองได้ลืมตาขึ้นและพบว่ามีลมหนาวกรรโชกแรงปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา ทำให้ลำแสงเพลิงของโดนาห์แข็งตัวทันที ตอนนี้พวกเขารอดแล้ว!

“ฮ่าฮ่าฮ่า พันธมิตรปีกเทาเริ่มจะปีกกล้าขาแข็งมากขึ้นทุกวัน ถึงขนาดกล้ามายุ่งย่ามกับสมาชิกของป้อมอูดอนของฉันหรือ?”

จากนั้นนักเวทย์ที่ดูมีอายุก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากฝูงชน เขามองแม่มดเบลล่าและพ่อมดวาแด็ค ขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“หืม นี่แกมาจากป้อมอูดอนอย่างงั้นเหรอ?”

เมื่อมองไปที่พ่อมดผู้สูงวัยผู้นี้ นักเวทย์ที่เป็นปฏิปักษ์จากพันธมิตรปีกเทารู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างยุ่งยาก

ที่หมู่เกาะเคิร์ดมันสลา ถึงพันธมิตรปีกเทาจะมีพลังมหาศาล อย่างไรก็ตาม หากมีสิ่งใดที่พันธมิตรปีกเทาก็คงจะหนีไม่พ้นคนจากป้อมอูดอน

การจัดการกับผู้คนจากป้อมอูดอนนั้นเป็นเรื่องยากเพราะการต่อสู้กับหนึ่งในนั้นจะทำให้นักเวทย์คนอื่น ๆ ของป้อมอูดอนไม่พอใจและจะไม่ยอมหยุดในการตอบโต้ของพวกเขา

นี่คือลักษณะเด่นที่สุดของป้อมอูดอน พวกเขามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างมากด้วยจุดจึงทำให้พันธมิตรปีกเทาไม่กล้าที่จะยั่วยุพวกเขา

“พวกเขายังไม่ได้เป็นนักเวทย์แห่งป้อมอูดอนสักหน่อย!” โดนาห์ทักท้วงออกมาด้วยใบหน้าที่มืดมน

พ่อมดผู้สูงวัยยังคงสงบและพูดอย่างเย็นชาว่า “เนื่องจากพวกเขาได้ตัดสินใจเข้าร่วมป้อมอูดอนแล้ว พวกเขาจึงเป็นนักเวทย์แห่งป้อมอูดอน! อะไรนะ? หรือว่าตอนนี้คนกจากป้อมอูดอนกล้าที่จะโจมตีพวกเรานักเวทย์จากป้อมอูดอนบนเกาะนี้อย่างเปิดเผย?”

ทันทีที่เขาพูด นักเวทย์บางคนก็พุ่งออกมาจากด้านหลัง พวกเขาสวมชุดคลุมสีดำเหมือนกับพ่อมดผู้สูงวัย มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่มีสัญลักษณ์ระบุยศของพวกเขา พวกเขาเป็นนักเวทย์เสื้อคลุมดำขั้นสูงที่เป็นนักเวทย์ระดับสาม!

“บอร์กโดซ์ พวกคุณทุกคนจากป้อมอูดอนก็ต้องไม่ไร้เหตุผลเช่นกัน สองคนนี้ไม่ได้อยู่ในป้อมอูดอน ถ้าคุณยังไม่หยุดยุ่งย่ามในเรื่องนี้ล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”

จากด้านหลังโดนาห์ นักเวทย์ร่างตัวสูงที่มีเคราขดตัวซึ่งมีบรรยากาศที่อันตรายรอบตัวเขาได้ก้าวเดินออกมา

“วาลาร์?”

สีหน้าของพ่อมดผู้สูงวัย ซึ่งมีชื่อว่าบอร์กโดซ์ เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นนักเวทย์ที่มีเครา เขารู้ว่านักเวทย์ที่ดูอันตรายคนนี้มีชื่อว่า วลาร์ เขาเป็นนักเวทย์ระดับสี่ในพันธมิตรปีกเทา

ฝ่ายตรงข้ามเป็นนักเวทย์ระดับสี่ แม้ว่าพ่อมดบอร์กโดซ์กับพวกจะรวมพัลงกัน พวกเขาก็อาจไม่สู้เขาได้ อย่างไรก็ตาม พ่อมดบอร์โดซ์ยังคงกัดฟันและหัวเราะอย่างเย็นชา

“พ่อมดวาลาร์ คุณไม่รู้เหรอว่าว่าป้อมอูดอนนั้นเป็นอย่างไร ถ้าเราดูเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร แล้วอนาคตจะเหลืออะไรให้ป้อมอูดอนอีกบ้าง? พวกเราไม่เคยทอดทิ้งเพื่อนสหาย!”

คำพูดที่สร้างแรงบันดาลใจของพ่อมดบอร์โดซ์ทำให้ใจของเมอร์ลินสั่นไหวเล็กน้อย แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินว่านักเวทย์แห่งป้อมอูดอนมีความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างมากแต่เขาไม่เคยเห็นความสามัคคีในชีวิตจริงว่าเป็นอย่างไร

ปัจจุบันบอร์โดซ์กับนักเวทย์คนอื่น ๆ กำลังแสดงสิ่งนี้ออกมาให้เห็น แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าพวกเขาจะไม่ชนะ พวกเขาก็ยังไม่ละทิ้งสหายของพวกเขา ในโลกของนักเวทย์ ‘สหาย’ นั้นหายากมาก

ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีของโดนาห์กับและพ่อมดยาเลน คนหลังได้ให้ความช่วยเหลือโดนาห์ทั้งยังช่วยสอนเขาในศาสตร์ของนักเวทย์

อย่างไรก็ตามโดนาห์ได้ฆ่าพ่อมดยาเลนในท้ายที่สุด ในโลกของนักเวทย์ นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและพบเห็นได้บ่อยมาก ในทางตรงกันข้าม ความสามัคคีของป้อมอูดอนที่ช่วยดูแลสหายกับไม่ค่อยมีใครพบเห็น

“บอร์กโดซ์ ฉันสงสัยว่าวันนี้คุณจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร? จงรับไป! ผูกมัด!!!”

พ่อมดวาลาร์หัวเราะอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ หลังจากนั้น เขาได้ร่ายคาถาธาตุลม ผูกมัดเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของบอร์โดซ์และนักเวทย์คนอื่น ๆ ในพริบตา

แม้ว่าพ่อมดวาลาร์จะโกรธจัดแต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะฆ่าบอร์โดซ์และพ่อมดคนอื่น ๆ จากป้อมอูดอน อย่างไรก็ตาม เบลล่าและวาแด็คนั้นต่างกันเนื่องจากไม่ใช่นักเวทย์ของป้อมอูดอนอย่างเป็นทางการ ดังนั้น พ่อมดวาลาร์จึงจ้องมองพวกเขา ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างเลือดเย็น

“โดนาห์ จัดการพวกมันซะ!!!”

เมื่อเห็นว่าพ่อมดวาลาร์ได้ร่ายคาถาควบคุมใส่บอร์โดซ์กับนักเวทย์คนอื่น ๆ โดนาห์ก็ค่อย ๆ รู้สึกผ่อนคลาย เมื่อเขามองไปทางเบลล่าและวาแด็คอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา

“วาแด็ค เบลล่า เลิกดิ้นรนและยอมตายซะดี ๆ!”

โดนาห์โจมตีอีกครั้ง เขาร่ายลำแสงเพลิงสองสามครั้งติดต่อกัน เปลวไฟแผดเผาในอากาศและพุ่งเข้าหาพ่อมดทั้งสอง โดนาห์ได้เรียนรู้จากการโจมตีครั้งสุดท้ายของเขาและไม่ปล่อยให้ทั้งสองรอดไปได้ เรื่องบาดหมางระหว่างพวกเขา มันจะต้องจบลงตรงนี้!

วาแด็คกับเบลล่าจ้องมองโดนาห์อย่างเจ็บแค้นแต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะทำอะไรได้ พวกเขาเห็นว่าแม้แต่นักเวทย์แห่งป้อมอูดอนก็ถูกขวางไว้และไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้เลย

“ดูเหมือนว่าคราวนี้จะไม่มีความหวังจริง ๆ เบลล่า ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง ไม่สามารถล้างแค้นให้กับพ่อมดยาเลนและไม่สามารถปกป้องเธอได้…”

วาแด็คส่ายหัวและมองไปทางเบลล่าด้วยท่าทางที่ลึกซึ้ง จากนั้นก็หันหน้าไปทางเปลวเพลิงที่โกรธจัดซึ่งปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า…

“ม่านธรณี!”

ตามคำสั่งของเสียงที่เยือกเย็น เปลวเพลิงในวงกว้างก็พุ่งเข้าใส่เบลล่าและวาแด็ค อย่างไรก็ตาม ร่างกายของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเหลืองหม่น

ภายใต้การคุ้มครองของม่านแสงนี้ ไม่ว่าเปลวเพลิงจะลุกโชนเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้

"ใครที่ทำแบบนี้?"

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ฆ่าเบลล่ากับวาแด็ค ใบหน้าของโดนาห์ก็มืดลงยิ่งขึ้นไปอีกในขณะที่เขากวาดตามองไปยังฝูงชน

ไม่ใช่แค่โดนาห์แต่แม้แต่วาแด็คกับเบลล่าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันแต่ละคนรู้สึกยินดีที่พบว่าตัวเองยังไม่ตาย

“ใครกันที่ช่วยเราไว้”

เบลล่าและวาแด็คกำลังค้นหาบุคคลนั้น พวกเขาหลับตาลงก่อนหน้านี้ขณะรอความตาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เห็นว่าใครเป็นคนร่ายมนตร์และช่วยชีวิตพวกเขา

“คุณเป็นมนุษย์ที่น่ารังเกียจ แม้แต่ฉันเองก็เริ่มที่จะรับมันไม่ได้…” ร่างในชุดดำเดินออกมาจากฝูงชนอย่างสบายๆ

“พ่อมดเมอร์ลิน? เขาเป็นคนที่ช่วยเรา!

“พ่อมดเมอร์ลิน เขาเป็นนักเวทย์ระดับสองงั้นเหรอ? ม่านธรณี มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้าง พ่อมดยาเลนเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ม่านธรณีเป็นคาถาที่ซับซ้อนมากและใครก็ตามที่สามารถสร้างมันได้จะต้องเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลัง!”

หลังจากที่เห็นว่าเป็นเมอร์ลิน เบลล่าและวาแด็คก็ตกตะลึง ก่อนหน้านี้ พวกเขาคิดว่าเมอร์ลินก็เหมือนกับพวกเขา เป็นเพียงนักเวทย์ระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าตอนนี้เมอร์ลินจะไม่เหมือนอย่างที่พวกเขาคิด เขาต้องมีพลังจิตที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอนเพื่อที่จะสร้างสร้างคาถาระดับสองที่ซับซ้อนอย่างม่านธรณีได้

"คุณคือใคร?" โดนาห์จ้องมองไปที่เมอร์ลินด้วยแววตาที่ค่อนข้างวิตก ในขณะที่เขาถาม

เมอร์ลินเพียงส่ายหัวเบา ๆ เป็นการตอบกลับ ในขั้นต้น เรื่องบาดหมางระหว่างนักเวทย์ มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา สิ่งที่เกิดขึ้นกับเบลล่าและวาแด็คนั้นเขาไม่อาจเข้าไปยุ่งได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่โดนาห์ได้ทำทำให้เขารู้สึกเกลียดขึ้นมา พ่อมดยาเลนถือได้ว่าเป็น ‘อาจารย์’ ของเขาแต่เขากลับลอบทำร้ายและฆ่าพ่อมดยาเลน

การกระทำเช่นนี้ทำให้เมอร์ลินรู้สึกรังเกียจและความปรารถนาที่จะฆ่าก็ถือกำเนิดขึ้นในตัวเขา

“เขตแดนแสงดำ!”

เมอร์ลินไม่สนใจที่จะพูดพล่ามกับโดนาห์และเขาร่ายคาถาธาตุมืดระดับหนึ่ง ทันใดนั้น แสงก็เริ่มหักเหและสภาพแวดล้อมของโดนาห์ก็กลายเป็นความมืดดำสนิท เขาหลงทางในภาพลวงตาของเขตแดนแสงดำ

“น้ำค้างเยือกแข็ง!”

เมอร์ลินไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าโดนาห์ ที่หมู่เกาะเคิร์ดมันสลา พันธมิตรปีกเทาเป็นกองกำลังที่ทรงพลัง ดังนั้นเขาจึงแค่สอนบทเรียนให้กับโดนาห์เท่านั้น

ดังนั้น เมอร์ลินจึงไม่ต้องการสร้างปัญหาและใช้น้ำค้างแข็งเยือกแข็งเพื่อแช่แข็งแขนข้างหนึ่งของโดนาห์ พิษน้ำแข็งของน้ำค้างเยือกแข็งแทรกซึมเข้าไปในเนื้ออย่างรวดเร็วและแขนข้างหนึ่งของเขาไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว

“แขนของฉัน แก…แกทำให้แขนฉันใช้การไม่ได้!?”

เมอร์ลินสลายเขตแดนแสงดำออกไป และหลังจากนั้นโดนาห์ก็ฟื้นคืนสติได้ เขาค้นพบทันทีว่าแขนข้างหนึ่งของเขาไม่มีความรู้สึกอีกต่อไปแล้ว

แขนข้างหนึ่งสำหรับนักเวทย์ไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนัก ท้ายที่สุดแล้วนักเวทย์ใช้คาถาโดยอาศัยพลังจิตในการใช้งานโครงสร้างคาถา แม้จะไม่มีแขนทั้งสองข้างก็ยังสามารถร่ายเวทย์ได้ตามปกติ

ดังนั้นการสูญเสียแขนจะคล้ายกับความอัปยศอดสูมากกว่า มันจะทำให้การปรุงยาและการเล่นแร่แปรธาตุจะค่อนข้างไม่สะดวก

แม้ว่าโดนาห์จะโกรธจัดแต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีที่หุนหันพลันแล่น เขายังไม่สูญเสียสติของเขา เนื่องจากเมอร์ลินได้ร่ายเขตแดนแสงดำ มันทำเขารู้ว่าเขาไม่มีทางสู้เมอร์ลินได้เลย

เขตแดนแสงดำเป็นคาถาที่ซับซ้อนมากในหมู่คาถาธาตุมืดและมีพลังที่จะท้าทายผู้ที่เกินระดับของมัน หลังจากร่ายเขตแดนแสงดำ เมอร์ลินสามารถฆ่าโดนาห์ได้อย่างง่ายดาย แต่เขาไม่ได้ทำ แสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับโดนาห์ที่เป็นนักเวทย์จากพันธมิตรปีกเทา

ดังนั้น โดนาห์จึงทำได้เพียงกัดฟันในขณะที่จ้องมองเมอร์ลินแต่ไม่กล้าโจมตีเขา

นอกจากโดนาห์แล้ว นักเวทย์ระดับสี่ พ่อมดวาลาร์ก็หรี่ตาลงจ้องมองเมอร์ลินอย่างสนใจ

“คุณไม่ใช่นักเวทย์จากป้อมอูดอน คุณเป็นใครกันแน่” ใบหน้าของพ่อมดวาลาร์มืดมน ขณะที่เขาถามอย่างเย็นชา

เมอร์ลินชำเลืองมองที่เบลล่าและวาแด็คและยิ้มที่มุมริมฝีปากของเขา เขาพูดอย่างใจเย็น “ฉันเป็นเหมือนพวกเขา คนที่กำลังจะเป็นสมาชิกของป้อมอูดอน!”

“หมายความว่าไง คุณยังไม่ได้เป็นสมาชิกของป้อมอูดอนใช่ไหม?”

พ่อมดวาลาร์กวาดตามองและมีแสงเย็นเยียบในดวงตาของเขา เขาพูดอย่างเย็นชา “พ่อมดพเนจรไม่มีใครกล้าโจมตีนักเวทย์จากพันธมิตรปีกเทา ฮึ่ม!! จริงอยู่ว่าฉันฆ่าบอร์กโดซ์ไม่ได้แต่ใช่ว่าฉันจะฆ่าแกไม่ได้”

ด้วยเหตุนี้ ความผันผวนของธาตุไฟที่รุนแรงจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วรอบ ๆ ตัวของพ่อมดวาลาร์

“ไม่นะ พ่อมดเมอร์ลิน หนีไปเร็ว! วาลาร์ แกกล้าเหรอ? พวกเขากำลังจะกลายเป็นนักเวทย์แห่งป้อมอูดอนของฉัน หากแกกล้าที่จะฆ่าพวกเขา ต่อให้แกซ่อนตัวอยู่ในพันธมิตรปีกเทา ป้อมอูดอนจะทำให้แกต้องชดใช้อย่างสาสม!”

พ่อมดบอร์กโดซ์ยังคงถูกคาถาควบคุมไว้ เมื่อเห็นว่าวาลาร์กำลังจะโจมตีเมอร์ลิน เขาก็คำรามออกมาทันที

“ฮึ่ม!! ป้อมอูดอนของแกจะสนใจนักเวทย์ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกไปทำไม  ฮ่าฮ่า!! บอร์กโดซ์ ถึงฉันจะฆ่าพวกเขา คนในป้อมอูดอนก็คงไม่สนใจหรอก”

พ่อมดวาลาร์หัวเราะและร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำทันที ต่อจากนั้น เปลวไฟก็ตกลงมาจากท้องฟ้าราวกับพายุที่รุนแรง พวกมันกำลังพุ่งตรงไปทางเมอร์ลิน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด