WS บทที่ 270 สามกลุ่มใหญ่
ขั้นตอนการจำลองคาถาโดยใช้พลังจิตนั้นค่อนข้างช้า เมอร์ลินใช้เวลาสองวันเต็มก่อนที่เขาจะได้จำลองคาถาม่านธรณีในจิตใต้สำนึกสำเร็จ
*บูม!*
ทันทีที่คาถาถูกจำลองขึ้นในจิตใต้สำนึกของเมอร์ลิน เขาก็รู้สึกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในใจ พลังธาตุดินจำนวนมากรวมตัวกันในจิตใต้สำนึกของเขาและถูกเปลี่ยนเป็นพลังเวทย์อย่างรวดเร็ว
“สำเร็จแล้ว!”
เมอร์ลินถอนหายใจยาว ด้วยเดอะเมทริกซ์ เขาประสบความสำเร็จอย่างมากในการสร้างโครงสร้างคาถา ยิ่งไปกว่านั้น ตราบใดที่พลังจิตของเขาเพียงพอ การสร้างคาถาของเขาก็ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์
ตอนนี้ เมอร์ลินมีคาถาระดับสอง สองคาถา หลังจากเวลาผ่านไป ขณะที่พลังจิตที่ทำซ้ำภายในเบลล์สเปซเพิ่มพลังจิตของเขาอย่างต่อเนื่อง เมอร์ลินหวังว่าจะสร้างคาถาระดับสองอื่น ๆ ได้อย่างต่อเนื่องภายในเวลาไม่กี่เดือนและในที่สุดก็กลายเป็นนักเวทย์ระดับสองในที่สุด
อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดด ท้ายที่สุดแล้ว เมอร์ลินได้กลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อเทียบกับผู้ที่ต้องใช้เวลาสี่หรือห้าปีในการเป็นนักเวทย์ระดับสอง ถือว่าเป็นความเร็วที่น่ากลัวมากจริง ๆ
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเดอะเมทริกซ์ มันช่วยเมอร์ลินในการสร้างโครงสร้างเวทมนต์ที่เสถียร มันสามารถย่นระยะเวลาของเขาได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ
ตอนนี้เมอร์ลินสร้างคาถาม่านธรณีสำเร็จแล้วแต่เขาไม่ได้ออกจากห้องแต่เขากลับอยู่ข้างใน เขายังคงต้องใช้หินธาตุเพื่อเพิ่มพลังเวทย์ของโครงสร้างเวทมนต์ม่านธรณี
…
“บ้าเอ๊ย!! โดนาห์ มันได้เข้าร่วมกับพันธมิตรปีกเทาไปแล้ว ตอนนี้มันยากสำหรับเราที่จะฆ่าเขา” พ่อมดผู้มีผมสีน้ำตาลยาวพาดบ่าพูดอย่างโกรธจัด
แม่มดอีกคนที่มีรูปร่างสูงและลักษณะละเอียดอ่อนก็ขมวดคิ้วเช่นกัน “ถ้าโดนาห์ได้เข้าร่วมพันธมิตรปีกเทา งั้นเรามาเข้าร่วมป้อมอูดอนกันเถอะ ฉันได้ยินมาว่าป้อมอูดอนคือกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่เกาะเคิร์ดมันสลา! ถ้าเราอยู่ที่นี่ เราก็จะมีโอกาสฆ่าโดนาห์!” แม่มดกล่าวพร้อมแสดงสีหน้าเยือกเย็น เธอกัดฟันขณะพูด
พวกเขาเพิ่งเข้ามาที่บ้านพักจากภายนอกและกำลังเดินสนทนากันอยู่
เมื่อได้ยินสิ่งที่แม่มดพูด ก็เกิดความลังเลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพ่อมดราวกับว่าเขาต้องการจะพูดอะไรแต่ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจไม่พูด
“มันคงไม่ง่ายอย่างนั้น? แม้ว่าป้อมอูดอนจะเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่เกาะเคิร์ดมันสลาแต่พวกเขาก็เทียบกับหอคอยนักเวทย์กับพันธมิตรปีกเทาในแง่ของทรัพยากรไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าโดนาท์จะน่ารังเกียจยังไงแต่เขาก็ทรงพลัง ถ้าเขาเข้าร่วมกับพันธมิตรปีกเทาเป็นเวลานาน ฉันเกรงว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าเรา เมื่อถึงจุดนั้น มันจะยากสำหรับเราที่จะฆ่าเขา…”
ในท้ายที่สุด พ่อมดชายก็แสดงความหวาดหวั่นออกมา หลังจากที่แม่มดได้ยินสิ่งที่เขาพูด เธอก็ชะลอฝีเท้าและหยุดลง โดยก้มศีรษะลงอย่างเงียบ ๆ
“มันไม่มีทางจริง ๆ เหรอ?”
“มีวิธีอื่นใดอีก? เราทำได้แค่รอ เราไม่สามารถเข้าร่วมพันธมิตรปีกเทาได้เพราะเราต้องการฆ่าโดนาห์และเขาก็ต้องการฆ่าพวกเรา ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเข้าร่วมที่นั่นได้ ส่วนป้อมอูดอน ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาสามัคคีมาก ตราบใดที่คน ๆ หนึ่งกลายเป็นนักเวทย์แห่งป้อมอูดอน ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะตกอยู่ในอันตรายบนหมู่เกาะเคิร์ดมันสลา ฉันว่าเราควรเข้าร่วมกับป้อมอูดอนกันก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร”
ดูเหมือนพ่อมดจะตัดสินใจเรื่องนี้มานานแล้ว
“ดูเหมือนว่านั่นคือทั้งหมดที่เราสามารถทำได้…”
ใบหน้าของแม่มดหญิงดูหม่นหมองขณะที่เธอดูทำอะไรไม่ถูก ขณะที่พวกเขากำลังจะเลือกห้อง ดูเหมือนพวกเขาจะค้นพบอะไรบางอย่าง และใบหน้าของพวกเขาก็เผยให้เห็นความตกใจเล็กน้อย
“มีคนอยู่ในห้องนี้ด้วยเหรอ? ไม่ใช่ว่าช่วงหลังๆ นี้ไม่มีใครอยากเข้าป้อมอูดอนหรอกเหรอ? ทำไมถึงมีคนอยู่ที่นี่?”
ทั้งคู่เคยถามถึงสถานการณ์ในป้อมอูดอนตอนที่พวกเขาอยู่ข้างนอก ดังนั้นโดยทั่วไปพวกเขาจึงแน่ใจว่าไม่มีใครเข้าร่วมป้อมอูดอนในช่วงนี้ ดังนั้นจึงควรมีเพียงสองคนที่นี่
*เอี๊ยด*
ขณะที่พวกเขาถูกแช่แข็งด้วยความงุนงง ประตูห้องก็เปิดออกอย่างช้า ๆ และนักเวทย์หนุ่มสวมชุดคลุมพ่อมดสีดำก็ออกมา
“พวกคุณก็จะมาเข้าร่วมป้อมอูดอนด้วยเหรอ?” นักเวทย์หนุ่มมองไปทางนักเวทย์ชายหญิงและถามด้วยรอยยิ้ม
"อืม? ฉันขอถามหน่อยได้ไหมว่าคุณเป็นใคร” พ่อมดจ้องเขม็งไปที่นักเวทย์หนุ่มที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
“เรียกฉันว่าเมอร์ลินก็ได้ เช่นเดียวกับคุณ ฉันเป็นนักเวทย์ที่ต้องการเข้าร่วมกับป้อมอูดอน!”
นักเวทย์หนุ่มคนนี้คือเมอร์ลิน หลังจากที่เขาสร้างเวทมนตร์ระดับสองได้สำเร็จ เขาได้ใช้หินธาตุเพื่อเพิ่มความเร็วในเพิ่มพลังเวทย์ของโครงสร้างคาถาม่านธรณี จนตอนนี้เขามีพลังเวทย์ที่เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว
เมอร์ลินได้ยินการสนทนาระหว่างนักเวทย์สองคนโดยไม่พลาดสักคำ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาอาจจะเปิดประตูและออกมา ความตั้งใจของเขาคือการขอข้อมูลเกี่ยวกับพันธมิตรปีกเทากับหอคอยนักเวทย์
เมอร์ลินเคยได้ยินเพียงเกี่ยวกับสองกลุ่มนี้จากพ่อมดเกอร์สันที่เป็นสมาชิกของป้อมอูดอนเท่านั้น เขาจึงอยากจะฟังมุมมองของคนอื่นที่เป็นคนนอกเกี่ยวสองกลุ่มนี้
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่านักเวทย์สองคนนี้ดูเหมือนจะรู้เกี่ยวกับป้อมอูดอน, พันธมิตรปีกเทาละหอคอยนักเวทย์มากกว่าที่เขาคิด ดังนั้นเมอร์ลินจึงคิดว่าจะเข้าใจทั้งสามกลุ่มนี้ผ่านพวกเขา
“ยินดีที่ได้รู้จัก พ่อมดเมอร์ลิน ฉันชื่อวาแด็คและนี่คือแม่มดเบลล่า เราทั้งคู่วางแผนที่จะเป็นนักเวทย์เสื้อคลุมดำของป้อมอูดอน อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย ดังนั้นเราจึงมาปรึกษากันที่นี่ก่อน”
พ่อมดวาแด็คถอนหายใจเล็กน้อย แต่หลังจากครุ่นคิด เขาก็ตระหนักว่าไม่น่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นในป้อมอูดอน ก่อนหน้านี้เขาคงระมัดระวังมากเกินไป
เมอร์ลินสามารถบอกได้ว่าพวกเขาเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการของป้อมอูดอนได้ เว้นแต่ว่าพวกเขาอยากจะเข้าป้อมอูดอนจริง ๆ
“พ่อมดวาแด็ค แม่มดเบลล่า ดูเหมือนคุณจะคุ้นเคยกับหมู่เกาะเคิร์ดมันสลาเป็นอย่างดีใช่ไหม?”
“อันที่จริงพวกเราไม่คุ้นเคยขนาดนั้น พวกเรามาจากที่ห่างไกลและได้ยินนักเวทย์บางคนพูดถึงหมู่เกาะเคิร์ดมันสลา เราจึงพอจะรู้จักที่นี่บ้าง นี่เป็นครั้งแรกของเราที่หมู่เกาะเคิร์ดมันสลาเช่นกัน” คราวนี้เป็นเบลล่าเป็นฝ่ายพูด
เมอร์ลินรู้สึกกระปรี้กระเปร่า เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งดูห่างไกลจากความมืดมิดมาก เขาจึงถามเสียงเบาว่า “ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่คุณมาที่หมู่เกาะเคิร์ดมันสลาเช่นกัน ทำไมเราสามคนไม่ไปเดินเล่นรอบ ๆ เกาะดูล่ะ? ฉันอยู่ที่นี่มาสองสามวันแล้วแต่ยังไม่ได้ออกจากป้อมอูดอนเลย”
“เราก็อยากไปดูรอบ ๆ เหมือนกัน เราได้ยินมาว่าหมู่เกาะเคิร์ดมันสลามีความเจริญรุ่งเรืองมากเพียงใดแต่ไม่เคยมีโอกาสไปดูเลย ตอนนี้เรามาถึงแล้ว คงจะดีที่จะได้เห็นมันด้วยตัวเราเอง”
พ่อมดวาแด็คและแม่มดเบลล่าไม่คัดค้านเรื่องนี้ พวกเขาต้องการตรวจสอบเกาะด้วย ดังนั้น ทั้งสามคนจึงออกจากป้อมอูดอนไปอย่างรวดเร็ว
“เกาะนี้ใหญ่มาก เกือบจะเทียบได้กับผืนดินขนาดเล็กและใหญ่กว่าเมืองที่เราพักอยู่หลายเท่า!”
เบลล่าและวาแด็คเดินไปบนเกาะและรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นขนาดของเกาะ
หมู่เกาะเคิร์ดมันสลาประกอบด้วยเกาะเล็กและใหญ่หลายหมื่นเกาะ เกาะที่พวกเขาอยู่ในปัจจุบันคือเกาะหลักของหมู่เกาะเคิร์ดมันสลา ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด
เกาะขนาดมหึมานี้ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาและกว้างใหญ่ไพศาล ไม่ต่างจากผืนดินเล็ก ๆ มากนัก นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ป้อมอูดอน, พันธมิตรปีกเทาและหอคอยนักเวทย์มาประจำการบนเกาะนี้
นอกจากขนาดของเกาะแล้ว เกาะนี้เต็มไปด้วยนักเวทย์ที่ขายน้ำยา วัสดุการเล่นแร่แปรธาตุหรือแม้แต่คาถา
พวกพ่อค้าแม้ค้าพยายามวางขายของได้อย่างสบายใจไม่ต้องกังวลเรื่องขโมย ถึงแม้ว่าของเหล่านี้บางส่วนมีค่ามาก มันมีมูลค่ากว่าหมื่นหินธาตุ แต่ก็ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหา เนื่องจากพันธมิตรปีกเทา หอคอยนักเวทย์และป้อมอูดอนได้ตั้งกฎไว้ร่วมกัน ตราบใดที่พวกเขาอยู่บนหมู่เกาะเคิร์ดมันสลา เราจะได้รับการคุ้มครองจากทั้งสามกลุ่มและไม่อนุญาตให้มีการต่อสู้
หากพวกเขาพบว่ามีคนแหกกฎนี้ ทั้งสามกลุ่มใหญ่ก็จะรวมพลังกันเพื่อไล่ล่าบุคคลนั้น ครั้งหนึ่ง มีนักเวทย์ระดับเจ็ดที่ทรงพลังซึ่งไม่สนใจกฎของทั้งสามกลุ่มนี้โดยสิ้นเชิงและฆ่านักเวทย์บนเกาะ ในท้ายที่สุดนักเวทย์คนนั้นถูกต้อนจนมุมและถูกสังหารโดยหัวหน้าจากทั้งสามกลุ่ม
ดังนั้นจึงรับประกันความปลอดภัยบนเกาะ นอกจากนี้ยังมีวัสดุล้ำค่าที่ลึกลับและล้ำค่ามากมายที่มาจากมหาสมุทร รวมถึงวัสดุที่สามารถหาได้จากซากสัตว์ทะเลเท่านั้น ดังนั้น หมู่เกาะเคิร์ดมันสลาจึงสามารถดึงดูดนักเวทย์จำนวนมากได้ แม้จะอยู่ห่างไกลออกไป ทำให้ทั้งสถานที่มีความเจริญรุ่งเรือง
“โอ้ จริงสิ พ่อมดวาแด็ค คุณรู้สถานการณ์ของพันธมิตรปีกเทากับหอคอยนักเวทย์หรือไม่?” เมอร์ลินค่อย ๆ เดินช้าลงและถามเสียงต่ำ
พ่อมดวาแด็คมองตรงไปยังเมอร์ลิน สายตาของเขาดูหม่นหมองก่อนที่เขาจะเริ่มพูดช้า ๆ
“พ่อมดเมอร์ลินมีคนจำนวนมากในพันธมิตรปีกเทาและยังอุดมไปด้วยทรัพยากรที่ใช้ฝึกฝนมากมายหลากหลาย ถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว
สำหรับหอคอยนักเวทย์มีจำนวนคนไม่มาก มีไม่ถึงห้าสิบคน อย่างไรก็ตาม หอคอยนักเวทย์จะรับเฉพาะนักเวทย์ระดับสี่หรือสูงกว่าเท่านั้น ว่ากันว่าทุกคนที่เข้าร่วมหอคอยนักเวทย์จะได้รับแม้แต่พลังปีศาจแพนโดร่าในตำนาน! ผู้ก่อตั้งหอคอยนักเวทย์เป็นคนลึกลับ และมีเพียงไม่กี่คนที่รู้เกี่ยวกับสถานะที่แท้จริงของผู้ก่อตั้งลึกลับคนนั้นและพลังปีศาจแพโดร่าส่วนใหญ่ก็มาจากมาจากผู้ก่อตั้งลึกลับคนนั้น
สำหรับป้อมอูดอนนั้นมีจำนวนคนไม่มากนักแถมไม่ได้อุดมไปด้วยทรัพยากรและไม่มีคาถาชั้นยอดหรือแม้แต่พลังปีศาจแพนโดร่าในตำนาน อย่างไรก็ตาม ป้อมอูดอนนั้นสมควรได้รับการขนานนามให้เป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับหนึ่งของหมู่เกาะเคิร์ดมันสลา ด้วยเหตุผลนั่น ฉันเชื่อว่าพ่อมดเมอร์ลินน่าจะรู้แล้ว นั่นคือความสามัคคี! นักเวทย์แห่งป้อมอูดอนมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างหาที่เปรียบมิได้และการเข้าร่วมกลุ่มนี้ก็เหมือนกับการรวมกันเป็นครอบครัวใหญ่
ก่อนหน้านี้ นักเวทย์ที่ชื่อ พ่อมดยาเลนได้อธิบายสถานการณ์ของหมู่เกาะเคิร์ดมันสลาให้เราฟังอย่างละเอียด เขาอาศัยอยู่บนเกาะนี้มาหลายสิบปีแล้วและสิ่งที่เขาพูดถึงคือสิ่งที่เขาประสบมาด้วยตัวเอง”
เมื่อกล่าวถึง ‘พ่อมดยาเลน’ สีหน้าของพ่อมดวาแด็คกับแม่มดเบลล่าก็เปลี่ยนไปทันที สีหน้าของพวกเขาบ่งบอกให้รู้ถึงความเศร้าโศก