825-826
3/10
Ep.825
ต่อให้เป็นฉีมู่เฟิงก็ยังไม่ไหว แม้เขาจะอยู่ในระดับเทวะ แต่ก็ไม่อาจต้านทานการรุกรานของปราณชั่วร้ายได้ เลยจำเป็นต้องมีสมบัติป้องกันพกติดตัว
อย่างไรก็ตาม มีสมบัติน้อยชิ้นมากที่สามารถป้องกันปราณชั่วร้ายได้ แล้วเขาจะไปหาซื้อมันจากที่ไหน?
" … หรือเมืองเยว่กวงจะมีสมบัติชิ้นนี้?" ซูเฉินยิงคำถาม
ฉีมู่เฟิงพยักหน้า "ในงานประมูลของเมืองเยว่กวงครั้งนี้ มีกระจกฮ่าวเทียนถูกส่งเข้าประมูล สมบัติชิ้นนี้มีพลังในการยับยั้งปีศาจ อสูร และสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง"
"เข้าใจแล้ว งั้นพวกเราจะช่วยกันประมูลให้ได้มันมา" ซูเฉินกล่าว
มีกระจกฮ่าวเทียนอยู่ในมือ ก็เท่ากับว่าฉีมู่เฟิงสามารถป้องกันภัยคุกคามได้ ยามเข้าสู่เขตแดนลับ จะได้มีความมั่นใจมากขึ้น
หลังจากนั้น ทั้งสองก็พูดคุยกันเรื่องอื่นต่อ
…
สามวันต่อมา ในวันเปิดประมูลเมืองเยว่กวง ซูเฉินและคนอื่นๆได้เดินทางกลับมาอีกครั้ง
เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมประมูลเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นผู้แข็งแกร่งจากต่างเผ่า พอคำนึงถึงเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น ซูเฉินจึงรวบคนอื่นๆเข้าไปใน [มิติสันโดษ] เหลือไว้แต่ผู้แข็งแกร่งขั้น 10 ขึ้นไปอย่างพวกอู๋หยาจื่อไว้ภายนอก
หลังจากซื้อตั๋วห้องส่วนตัว ซูเฉินและคนที่เหลือก้าวเข้าสู่ภายในงานประมูลอย่างราบรื่นไม่มีติดขัดใดๆ
สถานที่จัดงานประมูลของเมืองเยว่กวง มีขนาดใหญ่เท่าสนามฟุตบอล จุผู้คนได้นับหมื่น
ซูเฉินเคยเข้าร่วมประมูลมาก็หลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเห็นงานอลังการขนาดนี้
"พี่ฉี นอกจากหัวใจจักรกลกับกระจกฮ่าวเทียนแล้ว ในงานประมูลครั้งนี้ คงมีสมบัติล้ำค่าชิ้นอื่นถูกส่งเข้าประมูลด้วยถูกไหม?" ซูเฉินถาม
สามารถดึงดูดผู้แข็งแกร่งมากมายเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าหัวใจจักรกลไม่น่าจะทำได้ เขาเลยเกิดความคิดขึ้นมา ว่าอาจมีสมบัติล้ำค่าชิ้นอื่นอีก
"นอกจากหัวใจจักรกลแล้ว ยังมีหุ่นเชิดระดับเทวะ และสมบัติเทวะที่ช่วยให้บินได้" ฉีมู่เฟิงกล่าวตามตรง
การแสดงออกทางสีหน้าของซูเฉินแปรเปลี่ยนไป เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า "เป็นหุ่นเชิดระดับเทวะประเภทไหน?"
เขาไม่สนใจหุ่นเชิดระดับเทวะธรรมดา แต่หากมันมาจากเผ่าจักรกล เขาจะต้องคว้ามันมาให้ได้
"ดูเหมือนว่าจะคล้ายกับหุ่นที่อยู่ในมือเจ้า" ฉีมู่งเฟิงตอบอย่างไม่มั่นใจนัก
"ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้สูง" ซูเฉินหรี่ตาลงพลางครุ่นคิด พึมพำออกมา
ตราบใดที่แน่ใจว่ามาจากเผ่าจักรกล ไม่ว่าจะต้องเสียหินพลังงานไปมากแค่ไหน มันก็คุ้มค่า
นอกจากนี้ซูเฉินยังเชื่อมั่น ว่าด้วยอำนาจทางการเงินของเขา จะไม่มีใครสามารถแย่งชิงกับเขาได้
ซูเฉินสลายความคิดฟุ้งซ่านในหัว มองไปยังใจกลางเวทีของสถานที่จัดงาน
ณ ขณะนี้สาวงามเผ่าเอลฟ์กำลังก้าวขึ้นบนเวที ตอนแรกซูเฉินไม่ใส่ใจ เพราะพิธีกรงานประมูล ปกติแล้วมักให้สาวสวยมาทำหน้าที่
กระนั้น พอเห็นใบหน้าของสาวงามเผ่าเอลฟ์ชัดๆ เปลือกตาของซูเฉินยกขึ้นทันใด อุทานออกมา "เยว่หลิง!"
ครั้งก่อนตอนอยู่บนเกาะชงซวี่ เขาเคยแลกเปลี่ยนกับเยว่หลิง จึงมีความประทับใจต่อเธออยู่บ้าง เลยจดจำได้ในทันที
ทว่าเยว่หลิงไม่ใช่เจ้าหญิงเผ่าเอลฟ์หรอกหรือ? ไหงจู่ๆมารับหน้าที่พิธีกรงานประมูลไปได้?
"ซูเฉิน นี่เจ้ารู้จักเธอ?" ฉีมู่เฟิงถาม
ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ตอบว่า "เธอคือเจ้าหญิงเผ่าเอลฟ์"
ว่ายังไงนะ?
ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆตกใจเป็นอย่างยิ่ง เจ้าหญิงแห่งทวีปเอลฟ์ผู้สง่างาม กลับมารับบทบาทพิธีกร มันออกจะน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยไหม?
ซูเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นอกจากนี้เขายังพบว่าท่าทางของเยว่หลิงค่อนข้างผิดปกติ
แม้บนใบหน้าเยว่หลิงจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่คล้ายห่างไกลจากตัวเธอยามปกติค่อนข้างมาก
หรือว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น?
ซูเฉินคาดเดา ตั้งใจว่ารอจนงานประมูลสิ้นสุดลง จะเข้าไปสอบถามเธอ
4/10
Ep.826
“งานประมูลเมืองเยว่กวงได้เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว สินค้ารายการแรกคือปีกเวหา เป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะสำหรับใช้เหาะเหินเดินอากาศ!”
ในเวลานั้นเอง เยว่หลิงได้ประกาศเริ่มงานประมูล อีกทั้งรายการชิ้นแรกที่นำมา ยังเป็นถึงสิ่งประดิษฐ์เทวะ ทันใดนั้นห้วงอารมณ์ของผู้คนทั่วทั้งงานประมูลกลายเป็นเดือดพล่าน
“คุณค่าของสิ่งประดิษฐ์เทวะชัดเจนในตัวมันเอง อีกทั้งยังเป็นสมบัติที่ช่วยให้บินได้ เรียกว่าหากใช้ถูกที่ถูกเวลา จะเหมือนมีชีวิตเพิ่มมาอีกหนึ่ง ข้าเชื่อว่าทุกท่านตระหนักถึงเรื่องนี้ดี ดังนั้นราคาเปิดประมูลของปีกเวหาคือ 10,000 หินพลังงาน และเสนอราคาเพิ่มแต่ละครั้งต้องไม่น้อยกว่า 1,000 หินพลังงาน”
เยว่หลิงงแนะนำสั้นๆ ดำเนินการเริ่มประมูล ทันใดนั้นตลอดทั้งงานประมูลเต็มไปด้วยความคึกคัก
สิ่งประดิษฐ์เทวะที่ช่วยในการบิน ดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้มากมาย ไม่ช้าราคาก็ทะลุเพดาน 50,000 หินพลังงาน
แต่ซูเฉินไม่สนใจมันซักนิด [รถศึกอัจฉริยะ] ของเขามีฟังก์ชั่นการบินอยู่แล้ว กล่าวในเชิงเทคนิคถือว่ามันมีความสามารถเทียบเท่ากับสิ่งประดิษฐ์เทวะปีกเวหา
นอกจากนี้ ตัวเขายังมี [ก้าวเมฆามรกต] เดินเหินในอากาศได้เหมือนกับบนพื้นราบ ไม่จำเป็นต้องพึ่งวัตถุช่วยบินเลย ดังนั้น เขาจึงไม่เสนอราคา
อย่างไรก็ตาม คนที่ไม่ต้องการสิ่งประดิษฐ์เทวะที่ช่วยในการบินมีน้อยนัก การแย่งชิงจึงเป็นไปอย่างดุเดือด
แม้ราคาทะลุหลัก 100,00 ก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะชะลอตัวลง จนสุดท้ายถูกประมูลไปโดยห้องส่วนตัวหมายเลข 1 ในราคา 180,000 หินพลังงาน
ราคานี้นับว่าสูงมาก กระทั่งซูเฉินซึ่งเป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวยยังถึงกับพูดไม่ออก
งานประมูลปีกเวหาเสร็จสิ้น เยว่หลิงก็ประกาศรายการชิ้นที่สองต่อทันที
กระนั้น สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจก็คือ รายการที่สองไม่ใช่ของชิ้นเดียว แต่เป็นถึงสองชิ้นควบคู่กัน และหนึ่งในนั้นคือหุ่นเชิดระดับเทวะ อีกอย่างคือหัวใจจักรกลซึ่งเป็นตัวชูโรงของงานประมูลในครั้งนี้
นี่มันบ้าอะไรกัน? เหตุใดการดำเนินงานประมูลถึงดูไม่เป็นระเบียบเช่นนี้? ผู้คนต่างสับสนงงงวย
เพราะหัวใจจักรกล ต่อให้ถูกนำขึ้นประมูลแยกเพียงชิ้นเดียว มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดความโกลาหล แล้วทำไมถึงต้องมัดรวมกันสองชิ้นด้วย?
แถมปกติแล้วของดีเช่นนี้ มันควรจะปล่อยเป็นรายการสุดท้ายไม่ใช่รึไง?
นี่งานประมูลเพิ่งเริ่มต้น ทางเผ่าเอลฟ์ก็เสนอสมบัติที่มีค่าที่สุดทั้งสามอย่างออกมาแล้ว สรุปมันยังไงกันแน่?
ซูเฉินยิ่งนานยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่พบว่ามันคืออะไร
เยว่หลิงไม่ปล่อยให้ฝูงชนรอนาน ค่อยๆพูดว่า “เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป ว่าหุ่นเชิดระดับเทวะจำเป็นต้องติดตั้งหัวใจจักรกลเพื่อใช้งาน ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของทุกท่าน ทางเราเลยจับมัดมันลงประมูลพร้อมกัน”
สิ้นเสียงเยว่หลิง ตลอดทั้งงานประมูลเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงสนทนา
ซูเฉินขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด พึมพำกับตัวเอง
มันก็จริงที่คำพูดของเยว่หลิงนั้นมีเหตุใด แต่เขาไม่เห็นด้วย เพราะวัตถุประสงค์ของงานประมูล เดิมจัดขึ้นเพื่อแสวงผลกำไร แต่การนำของสองชิ้นเข้าประมูลพร้อมกัน ไม่มีทางกอบโกยได้คุ้มค่ากว่าการแยกกันประมูลทีละชิ้นแน่นอน ดำเนินงานแบบนี้จะดีจริงๆน่ะหรอ?
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ ซูเฉินก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องราวในตอนนี้มันไม่ง่ายดายเช่นนั้น
“ทุกท่านโปรดสงบใจก่อน การประมูลชิ้นนี้ไม่เหมือนครั้งแรก หัวใจจักรกลและหุ่นเชิดระดับเทวะจะไม่ถูกเสนอราคาโดยหินพลังงาน แต่ทางเราขอให้เสนอราคาเป็นการแลกเปลี่ยนสมบัติ และมีเพียงวัตถุวิญญาณที่มีพลังชีวิตเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าร่วมประมูลได้”
เยว่หลิงกวาดสายตาไปรอบๆ พร้อมอธิบาย
ก่อนเปิดงานประมูล ทุกคนต่างรู้เรื่องนี้ดี จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจู่ๆก็มีหุ่นเชิดระดับเทวะถูกมัดรวมเข้าประมูลด้วย ดังนั้นมูลค่าของมันคงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
“ซูเฉิน หากเจ้ามีน้ำยาแก่นชีวิตเพียงขวดเดียว ข้าเกรงว่าคงยากที่จะประมูลสมบัติชิ้นนี้มาครอง” ฉีมู่เฟิงเตือน
ซูเฉินเองก็ทราบดีเช่นกัน ว่าน้ำยาแก่นชีวิตขวดเดียว มันเพียงพอแค่หัวใจจักรกลชิ้นเดียว แต่หากแลกเป็นสอง ไม่น่าเป็นไปได้
ยังไงก็ตาม เขาไม่ได้กังวลมากจนเกินไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขามีผลอายุวัฒนะถึง 8 ลูกอยู่กับตัว อีกทั้งยังมีแก่นผลึกที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต หากจับจ่ายมันออกไปซักนิดซักหน่อย ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร
สรุปก็คือ ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นไปในทิศทางไหน สุดท้ายเขาก็จะต้องหัวใจจักรกลและหุ่นเชิดระดับเทวะมาครอบครอง