ตอนที่ 10 บุตรชายผู้ทรงพลัง
ตอนที่ 10 บุตรชายผู้ทรงพลัง
ติดตามข่าวสาร/พูดคุยเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่เพจผู้แปล FB: ND Translate นิยายแปลไทย
ในระหว่างการต่อสู้ของวัตสันและเวสลีย์
ภายในห้องนอนของเอ็ดเวิร์ดที่อยู่บนชั้น 3 บนนั้นมีหน้าต่างที่จะทำให้มองเห็นฟาร์มไก่อยู่ เอ็ดเวิร์ดและแคทเธอรีนต่างก็จับขอบหน้าต่างก่อนที่จะมองมายังที่ไกลแสนไกล ทั้งคู่กำลังมองดูเปลวเพลิงอยู่นั่นเอง
“ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าลูกคนที่แปดของเราจะแข็งแกร่งขนาดนี้ มันเป็นความจริงที่เขาสามารถเอาชนะนักรบระดับเหล็กได้ นอกเหนือไปกว่านั้นวัตสันยังไม่ได้ใช้พลังต่อสู้เลยซะด้วยซ้ำ! ถ้าหากฉันคิดไม่ผิดล่ะก็ ความแข็งแกร่งที่วัตสันมีจะต้องเกินกว่าระดับทองแดงไปแล้วแน่ วัตสันจะต้องเป็นผู้ที่โชคดีที่สุดในหมู่พี่น้อง”
เอ็ดเวิร์ดที่พูดเสร็จส่ายหัวก่อนที่จะถอนหายใจ
แคทเธอรีนที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาพยักหน้าเห็นด้วย “แต่น่าเสียดายที่ลูกของเราไม่ได้ถูกฝึกเพื่อกลายเป็นนักรบ วัตสันได้เรียนรู้การใช้เวทมนตร์แล้ว ยังไงซะหนทางการเป็นนักเวทย์ก็ย่อมที่จะดีกว่าการเป็นนักรบอยู่ดี”
“การเป็นนักเวทย์มันไม่ได้ขัดอะไรกับการเป็นนักรบหรอกนะ ยังมีวิธีการฝึกฝนทั้งสองอย่างควบคู่กันอยู่”
“เอ็ดเวิร์ด นี่มันฟังไม่เหมือนกับสิ่งที่คุณจะพูดเลยนะ ทำไมคุณถึงไม่ชี้แนะวัตสันเองล่ะ? คุณเองก็เคยเป็นนักรบระดับทองมาก่อน แม้ว่าพลังการต่อสู้ของคุณจะหายไปก็เพราะคุณออกมาจากตระกูลแซงต์โลรองซ์มาแล้วก็ตาม...” แคทเธอรีนที่พูดถึงอดีตมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“เรื่องมันผ่านมาแล้วน่ะ พูดถึงไปมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
เอ็ดเวิร์ดลูบผมผู้เป็นภรรยา ในตอนนั้นเองสายตาของเขาก็เปลี่ยนไป “ตาแก่ที่บ้านคอยห้ามทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ ฉันที่ไม่สามารถรับได้ก็มีแต่จะต้องหนีออกมาเท่านั้น แม้ว่าชีวิตจะยากลำบากบ้างแต่มันก็ยังดีกว่าตอนนั้นมาก ในตอนนี้มีทั้งคุณและลูกๆ ในบ้านหลังนี้ นี่แหละถือเป็นการใช้ชีวิตที่แท้จริง”
เอ็ดเวิร์ดที่ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออกได้พูดต่อ “เดิมทีลูกคนโตและลูกคนที่สองเป็นลูกที่ฉันคาดหวังไว้มาก ฉันน่ะไม่คิดเลยว่าวัตสันเองก็จะมีความสามารถที่โดดเด่น ไข่หลากสีที่ถูกเอาออกมามีไว้เพื่อทดสอบเจ้าพวกนั้น ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะถูกวัตสันหยุดไว้ได้”
“คุณยังจะพูดแบบนั้นอีกนะ”
แคทเธอรีนเม้มฝีปากอมชมชมพูก่อนที่จะพูดต่อ “ยังไงซะคุณก็ยังเป็นพ่อ คุณยอมให้ลูกตกอยู่ในอันตรายได้ยังไงกัน มันไม่คุ้มหรอกนะที่ต้องการพิสูจน์เรื่องแค่นั้นน่ะ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับวัตสันฉันนี่แหละจะจัดการคุณ”
“แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็ออกมาดีนิ?”
เอ็ดเวิร์ดยิ้มอย่างเขินอายก่อนที่จะพูดต่อ “เธอเชื่อวัตสันรึเปล่าล่ะ? วัตสันบอกเอาไว้ว่าไก่ทั้งหมดได้หนีออกจากบ้านไปก็เพราะไก่หอมหวนห้าสี แต่ฉันน่ะเดินตรวจตราดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว ไม่มีร่องรอยของไก่นับพันที่หายไปแล้ว และละแวกใกล้เคียงเองก็ยังไม่มีใครพบเห็นไก่ของเรา นอกจากนี้วัตสันเองก็ไม่ใช่ผู้มีพรสวรรค์ที่จะใช้เวทมนตร์ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ใช้เวทมนตร์ได้ วัตสันจะต้องปกปิดความลับอะไรเอาไว้แน่”
“ใครในโลกไม่มีความลับบ้างล่ะ? ยังไงซะวัตสันก็คือลูกของพวกเรา ตราบใดที่เขามีความสุข เรื่องอื่นมันจะไปสำคัญอะไรหรอก”
“เธอพูดถูกแล้วล่ะภรรยาผู้น่ารักของฉัน วัตสันอาจจะมีความสามารถก็เพราะพรจากผู้เป็นเทพก็ได้! ยังไงซะนี่ก็ถือเป็นสิ่งที่ดี มัวแต่สงสัยไปก็คงไม่ได้อะไร บางทีพวกเราอาจจะต้องทำงานหนักให้มากกว่านี้ และบางทีลูกคนต่อไปของพวกเราอาจจะมีความสามารถโดดเด่นกว่าวัตสันก็ได้นะ” เอ็ดเวิร์ดหัวเราะก่อนที่จะเอื้อมมือไปกอดแคทเธอรีน
“นี่มันกลางวันแสกๆ อยู่ไม่ใช่เหรอ? คุณไม่คิดจะพักหน่อยเหรอไงกัน? ห้องใต้หลังคาก็ยังไม่ถูกซ่อมแซมด้วย”
“พวกเราจะหาเวลาซ่อมมันเมื่อไหร่ก็ได้ ชีวิตของคนเรามันสั้น พวกเราควรจะใช้เวลาที่มีร่วมกันมากกว่านะ นอกจากนี้วัตสันเองก็อาจจะได้สัมผัสกับความสุขในฐานะพี่ชายก็ได้”
“คุณก็แค่มีความต้องการก็แค่นั้นแหละ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิแคทเธอรีน...”
ในไม่ช้าเสียงแผ่นไม้ที่ถูกโยกเยกก็ได้ดังขึ้น
...
วัตสันที่ต่อสู้เสร็จได้เก็บปีกฟินิกซ์ที่มีไปที่ด้านหลัง ทันทีที่ปีกแนบชิดหลังปีกคู่ก็ได้หายไปในทันที นอกจากเสื้อผ้าที่เสียหายไม่มีอะไรที่ดูผิดสังเกตอีกต่อไป วัตสันที่เก็บปีกได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โชคยังดีที่ปีกคู่ยังสามารถหดกลับและงอกออกมาได้ใหม่ ถ้าหากตัวเขาไม่สามารถเก็บปีกได้ วัตสันก็คงจะดูเป็นนักรบระดับเงินไปตลอดกาล
“วัตสัน นาย...”
มือของวินเซนต์สั่นเครือเล็กน้อย
สิ่งที่วินเซนต์เห็นเป็นเรื่องจริง วัตสันเพิ่งจะเปลี่ยนพลังการต่อสู้ที่มีให้กลายเป็นปีกก่อนที่จะเอาชนะผู้เป็นหัวหน้าของเขาอย่างเวสลีย์ไปได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากผู้ที่สามารถกลายเป็นนักรบระดับทองแดงได้ถูกเรียกว่าอัจฉริยะแล้ว แล้วน้องชายของเขาคนนี้ควรจะถูกเรียกว่าอะไรกัน? ปีศาจอย่างงั้นเหรอ?
“พี่ใหญ่ พี่เป็นอะไรรึเปล่า?” วัตสันหันกลับมา
“วัตสัน นายเรียนรู้การใช้พลังการต่อสู้จนสามารถสร้างปีกได้ นายกลายเป็นนักรบระดับเงินไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทำไมพี่ถึงไม่รู้เรื่องนี้เลยล่ะ?” วินเซนต์ไม่อาจเก็บซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ได้อีก “พ่อไม่เคยบอกพี่เรื่องนี้ซะด้วยซ้ำ”
แม้ว่าจะต้องออกไปทำงานไกลบ้านแต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลเลยที่จะทำให้วินเซนต์ไม่รู้เรื่องสำคัญแบบนี้ จะมีเด็ก 10 ขวบสักกี่คนที่สามารถกลายเป็นนักรบระดับเงินได้ ในอนาคตน้องชายคนนี้จะต้องกลายเป็นนักรบระดับทองและนักรบระดับแพลตตินัมได้แน่ ที่อาณาจักรมังกรศักดิ์สิทธิ์ ว่ากันว่าจะมีสุดยอดอัจฉริยะเกิดขึ้นในทุกๆ 10 ปี บางทีวัตสันอาจจะเป็นคนคนนั้นก็ได้
วัตสันที่มีพลังการต่อสู้ที่เหลือล้นจะต้องเป็นเด็กมหัศจรรย์ไม่ผิดแน่ ในตอนนี้มันไม่จำเป็นที่วินเซนต์จะต้องแต่งงานเพื่อครอบครัวอีกต่อไป
“ผมเพิ่งจะใช้มันได้น่ะครับ ท่านพ่อเองก็ไม่รู้เหมือนกัน! ที่สำคัญไปกว่านั้นตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องนั้นนะครับ พวกเราจะทำยังไงกับโจรพวกนี้ดี?” วัตสันยิ้มอย่างเขินอายก่อนที่จะเหลือบมองวินเซนต์
วินเซนต์กลับมามีสติอีกครั้ง เมื่อรวบรวมสติได้ตัวเขาก็ได้ปักดาบใหญ่ลงบนพื้น วินเซนต์กวาดตามองไปที่เวสลีย์และพรรคพวกด้วยสายตาอันซับซ้อน
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นอดีตเพื่อนร่วมงานของวินเซนต์ แม้ว่าจะต้องเกิดเรื่องขัดแย้งกัน แต่วินเซนต์ก็ไม่สามารถฆ่าทุกคนเพื่อระบายความโกรธได้อยู่ดี ท้ายที่สุดแล้วผู้คุ้มกันทั้งหมดย่อมรู้ดี เวสลีย์และพรรคพวกได้ออกเดินทางตามวินเซนต์กลับมา ถ้าหากทุกคนตายไป ความผิดก็จะตกอยู่ที่วินเซนต์แต่เพียงผู้เดียว นอกจากนี้ตัวเขาก็ไม่คิดที่จะกลับไปทำงานที่เดิมอีกต่อไป
แล้ววินเซนต์ควรจะทำยังไง?
เมื่อเห็นวินเซนต์เงียบไป ผู้คุ้มกันทั้งสี่ที่ยังคงมีสติอยู่ต่างก็ตื่นตระหนก ทุกคนคิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะฆ่าทุกคนเพื่อปิดปากเรื่องนี้ ทุกคนที่คิดแบบนั้นจึงเลือกที่จะคุกเข่าอ้อนวอน
“วินเซนต์เพื่อนยาก ยังไงซะพวกเราก็เคยกินข้าวหม้อเดียวกันมา อย่าฆ่าพวกเราเลย เรื่องทั้งหมดเป็นความคิดของหัวหน้าเวสลีย์ เจ้านั่นคิดโลภอยากได้ไก่ของนายเอง พวกเราน่ะขัดคำสั่งของเขาไม่ได้หรอก”
“ใช่แล้ว เมียของฉันกำลังจะคลอดในอีกไม่นาน เธอจะต้องรอฉันกลับไปอุ้มลูกอยู่แน่! ฉันจะยอมทำทุกอย่างถ้าหากนายยอมไว้ชีวิตฉัน”
ทุกคนเริ่มเกลียดชังเวสลีย์มากขึ้นกว่าเดิม ครอบครัวตระกูลแกรี่ใจดีพอจนยอมที่จะเลี้ยงอาหารอันมีค่าให้กับทุกคน แล้วทำไมทุกคนถึงยังจะกล้าเนรคุณแบบนี้ด้วย?
ทุกคนเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะมองไปยังวัตสัน เมื่อสบตากับเด็กหนุ่มทุกคนก็ได้แต่ก้มหน้าลง
ในตอนนี้ความหวังทั้งหมดตกอยู่ที่เด็กหนุ่มผู้แข็งแกร่ง
“วัตสัน คนพวกนี้ไม่ได้ทำผิดร้ายแรงอะไร ปล่อยพวกเขากลับไปเถอะ ให้พวกเขาไปอธิบายเรื่องทุกอย่างเอง” วินเซนต์ตัดสินใจอย่างลังเล
“ครับ ผมเชื่อพี่”
“ทำไมพวกแกยังไม่กลับไปอีก? กลับไปบอกนายท่านถึงสิ่งที่พวกแกทำซะ บอกเขาว่าเวสลีย์ไม่มีเหตุผลและคิดที่จะปล้นทรัพย์สินจากครอบครัวคนอื่น เขาน่ะสมควรที่จะถูกน้องฉันลงโทษแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปฉันขอไม่กลับไปที่ฟาร์มอีก ความห่วงใยที่นายท่านให้ฉัน ฉันจะขอจดจำตลอดไป”
วินเซนต์หันหน้ากลับไปก่อนที่จะทำใจให้สงบ ผู้คุ้มกันทั้งสี่ที่ได้รับการให้อภัยต่างก็อุ้มเวสลีย์ก่อนจะเตรียมจากไปในทันที
“ช้าก่อน”
ในตอนนั้นเองวัตสันก็ได้หยุดทุกคนเอาไว้ ผู้คุ้มกันทั้งหมดใกล้จะน้ำตาคลอ “พวกเราจะต้องทำอะไรอีก?”
“โทษตายละเว้นได้ก็จริง แต่มันก็ต้องมีค่าชดใช้ ทิ้งเกราะ ดาบ และของมีค่าเอาไว้ซะ”
วัตสันโบกมือให้กับผู้คุ้มกันทั้งสี่ ไม่ว่าอยากจะขัดขืนแค่ไหนแต่ก็ไม่มีใครต่อกรกับนักรบระดับเงินได้ ทุกคนยอมถอดของมีค่าทุกอย่างจนเหลือแต่กางเกงใน ทั้งชุดเกราะ ดาบ เงิน แม้แต่เวสลีย์เองก็ถูกถอดทุกอย่าง
“วัตสัน นี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ? ทำไมไม่เหลือเสื้อผ้าให้พวกเขาซะล่ะ ถ้าหากทุกคนโกรธจนกลับมาแก้แค้นจะทำยังไง?” วินเซนต์กังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างอันเปลือยเปล่าของทุกคน
วินเซนต์เหลือบมองดูวัตสันอย่างประหลาดใจ เมื่อมองเห็นว่าผู้เป็นน้องชายไม่ได้บาดเจ็บอะไรวินเซนต์จึงเอื้อมมือไปกอด “นายยังเด็ก แต่ถึงแบบนั้นก็ยังฉลาดหลักแหลม ที่ผ่านมานายคงจะต้องทุกข์ทรมาน เรื่องทั้งหมดนี้เป็นความผิดของพี่เอง พี่ไม่ได้ดูแลครอบครัวให้ดี แต่ไม่ต้องห่วง พี่จะไม่ยอมปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับพี่ใหญ่...”
“อย่าหลอกพี่เลย ผู้ที่ผ่านความทุกข์ยากมาจะเติบโตเร็วกว่าคนทั่วไป นายคงจะต้องพบกับเรื่องเลวร้ายมากจนเติบโตได้ถึงขนาดนี้ พี่จะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อชดเชยให้นายได้สบายเอง”
วัตสันแทบจะขาดอากาศหายใจจากการกอด ตัวเขามองดูผู้เป็นพี่ใหญ่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ในที่สุดตัวเขาก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของผู้เป็นพี่ชายได้ วัตสันเอามือโอบไหล่ผู้เป็นพี่ไว้ “ผมเข้าใจแล้วครับพี่ พวกแกทุกคนไปได้แล้ว ไปซะและอย่ากลับมาอีก!”
ติดตามข่าวสาร/พูดคุยเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่เพจผู้แปล FB: ND Translate นิยายแปลไทย