WS บทที่ 265 ทารกสองหัว
ท้องทะเลทอดยาวไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดูเหมือนไร้ซึ่งพรมแดน มันเป็นครั้งแรกในโลกนี้ที่เมอร์ลินได้เห็นท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล มันดูงดงามยิ่งกว่าทุ่งหญ้า ภูเขา หรือผืนป่าใด ๆ ที่เขาเคยเห็นตลอดการเดินทาง
เมอร์ลินค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ชายหาด ความร้อนที่แผดเผาของดวงอาทิตย์ทำให้เขารู้สึกร้อนอบอ้าว สายลมพัดมาที่เขา กระพือเสื้อคลุมพ่อมดสีดำของเขาเบา ๆ ในอากาศ
อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของเขาบนชายหาด นอกเหนือจากทะเลที่ทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว เมอร์ลินไม่เห็นเกาะใด ๆ เลย แม้แต่หมู่เกาะเคิร์ดมันสลาซึ่งเป็นกลุ่มเกาะขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยเกาะเล็ก ๆ หลายพันเกาะที่มีขนาดแตกต่างกันออกไป มันใหญ่มากจนใคร ๆ ก็มองเห็นได้ในพริบตา
“เป็นไปได้ไหมว่าฉันมาผิดที่? หมู่เกาะเคิร์ดมันสลาไม่ได้อยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”
เมอร์ลินขมวดคิ้วและตรวจสอบสภาพแวดล้อมของเขาต่อไป เขาไม่พบรอยเท้าใด ๆ บนชายหาดซึ่งบ่งชี้ว่าไม่ค่อยมีคนมาที่ชายหาดแห่งนี้
เห็นได้ชัดว่าเมอร์ลินสามารถระบุตำแหน่งทะเลได้สำเร็จแต่เขาไม่พบหมู่เกาะเคิร์ดมันสลา
เมอร์ลินจึงเลือกทิศทางและเดินไปตามชายหาดต่อไป
“อุแว้…”
ลมทะเลพัดมาแต่ไกล จากนั้น เมอร์ลินก็เปล่งเสียงคร่ำครวญราวกับทารกกำลังร้องไห้
“ทารกร้องไห้? มีใครอยู่ข้างหน้างั้นหรือ?”
ความหนาวเหน็บไหลลงมาตามกระดูกสันหลังของเขา เมื่ออยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย เมอร์ลินจึงไม่กล้าประมาท แถมเสียงร้องของทารกออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ซึ่งทำให้มันดูแปลกมาก เขาระวังตัวทันที
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาต้องการตรวจสอบเสียงร้องของทารก เมอร์ลินก็เดินไปที่แหล่งกำเนิดเสียงอย่างเงียบ ๆ
...
ด้านหลังหินก้อนใหญ่บนชายหาดมีนักเวทย์สองคนกำลังซ่อนตัวอยู่ เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง พวกเขาดูตื่นตระหนก ความกลัวปรากฏเด่นชัดบนใบหน้าของพวกเขา
“ทำไมที่นี่ถึงมีทารกสองหัว?”
“มีข่าวลือว่าสถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในเขตที่อันตรายที่สุดรอบหมู่เกาะเคิร์ดมันสลา ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความจริง เนื่องจากเราได้พบกับทารกสองหัวที่นี่ แม้ว่าเราจะเพิ่งเข้าไปในเขตรอบนอกของภูมิภาคนี้เท่านั้นแต่ฉันไม่คิดว่าจะเจอมัน โธ่เอ๊ย!! ดูเหมือนว่าพวกเราคงมาได้เท่านี้!”
แม้ว่าทั้งคู่เป็นนักเวทย์ระดับสองแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหวาดกลัวกับ ‘ทารกสองหัว’ ราวกับว่าพวกเขาไม่มั่นใจในการป้องกันตัวเองจากมัน
ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เกินขึ้นเท่านั้น
“อุแว้…”
เสียงร้องของทารกเป็นระยะ ๆ ค่อย ๆ ดังขึ้นและชัดเจนขึ้น นักเวทย์สองคนตกใจกลัวสุดขีดเมื่อได้ยินเสียงคร่ำครวญ เมื่อตกเป็นเป้าหมายของทารกสองหัว ความตายของคน ๆ หนึ่งก็ใกล้เข้ามาและนั่นก็เป็นความตายที่น่าสยดสยองมาก
“เดี๋ยวก่อน ถ้ามีคนเดินผ่านที่นี่ บางทีทารกสองหัวอาจจะเปลี่ยนความสนใจไปที่คนเดินผ่านมา มันจะทำให้เรารอดตาย” นักเวทย์ผู้ชายพูดขึ้นมา
“คุณคิดว่าเราจะโชคดีขนาดนี้เลยเหรอ? สถานที่แห่งนี้ถูกระบุว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ปกติแล้วนักเวทย์จะไม่เสี่ยงมาที่นี่ อะไรทำให้คุณคิดว่ามีใครบางคนโผล่มาที่นี่และดึงความสนใจของทารกสองหัวออกไป”
แม้แต่เสียงของนักเวทย์ผู้หญิงก็สั่นเล็กน้อย ทารกสองหัวเป็นสัตว์ทะเลธาตุมืดซึ่งเชี่ยวชาญในการโจมตีด้วยพลังจิต ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยพลังจิตอันมหาศาลของมัน มันสามารถหลอกล่อและควบคุมสัตว์ทะเลอื่น ๆ หรือแม้แต่นักเวทย์ได้
ด้วยเหตุนี้ นักเวทย์หลายคนไม่อยากเจอทารกสองหัวเพราะมันสร้างความรำคาญมากเกินไป หากปราศจากพลังจิตที่เพียงพอ แม้แต่นักเวทย์ระดับสามหรือสี่ก็ยังถูกควบคุมโดยทารกสองหัว จากนั้นพวกเขาจะสูญเสียความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอย่างช้า ๆ และในที่สุดก็ตายอย่างน่าสยดสยองและเป็นฉากที่น่าสยดสยองที่จะเห็นแต่ไม่สามารถทำอะไรได้
นักเวทย์สองคนนี้เคยเห็นนักเวทย์ถูกควบคุมโดยทารกสองหัวจากนั้นก็ผ่าร่างของเขาเองอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ตัดชิ้นเนื้อทีละชิ้นและป้อนเนื้อของเขาเองให้กับสัตว์ทะเลที่โหดร้ายเหล่านั้น
แค่นึกถึงฉากนั้นก็ทำให้พวกเขาสั่นเทาด้วยความกลัว พวกเขาไม่ต้องการพบจุดจบแบบนั้น ถ้าหากพวกเขาถูกควบคุมโดยทารกสองหัว สิ่งที่จะเกิดหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร พวกเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการ
“เอ๊ะ? มีคนมาทางนี้จริงๆ!”
ทันใดนั้นนักเวทย์ผู้ชายก็ชำเลืองมองไปยังจุดหนึ่งบนชายหาดซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล เขาเห็นร่างหนึ่งเดินเข้ามาใกล้พวกเขาด้วยความเร็วสูง
“หวังว่าสิ่งนี้จะดึงดูดความสนใจของทารกสองหัวได้นะ ทันทีที่มันสังเกตเห็นนักเวทย์คนนั้นที่กำลังเข้ามา เราจะออกจากที่นี่ทันทีและวิ่งไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะเป็นการดีที่สุดถ้าเราสามารถกลับไปที่หมู่เกาะเคิร์ดมันสลาได้!”
ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนักเวทย์ผู้ชาย ขณะที่เขามองดูร่างนั้นเข้าใกล้
…
“อุแว้…”
เมอร์ลินวิ่งอย่างดุเดือดไปตามชายหาด ความผันผวนขององค์ประกอบลมที่รุนแรงฉายออกมาจากร่างกายของเขา ในที่สุดเขาก็พบ ‘คน’ ที่เปล่งเสียงร้องของทารกเหล่านั้น
บางทีสิ่งนั้นไม่ควรเรียกว่า ‘คน’ เพราะเสียงร้องของทารกมาจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีสองหัวที่มีใบหน้าเหมือนทารกสองคน
ใบหน้าทั้งสองนั้นน่าเกลียดและสยดสยอง ใบหน้าหนึ่งมีดวงตาสีต่างกัน สีแดงและสีน้ำเงินตามลำดับซึ่งดูเหมือนจะมีเลือดออกขณะที่เลือดสดหยดลงบนพื้นอย่างช้าๆ ใบหน้าอีกข้างหนึ่งมีหลุมเล็ก ๆ ทำให้ดูเหมือนตะแกรงซึ่งดูน่ากลัวและน่าสยดสยอง
ภาพของสัตว์ประหลาดตัวนี้น่ากลัวกว่าพ่อมดลีโอ แม้เขาพอจะคุ้นชินกับอะไรแบบนี้แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะขนลุก หลังจากพบว่าสิ่งมีชีวิตนี้มีลักษณะอย่างไร เขาก็หายใจออกอย่างรวดเร็วเกินไปและถอยหลังไปสองสามก้าวทันที
“นี่เป็นสัตว์ประหลาดชนิดใด? อาจจะเป็นสัตว์ทะเลก็ได้?”
เมอร์ลินพึมพำเบา ๆ ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในดินแดนมนต์ดำ เขาเคยได้ยินเพียงการมีอยู่ของสัตว์ทะเลที่ทรงพลังมากมายที่หมู่เกาะเคิร์ดมันสลาและพวกมันมาในรูปร่างที่แปลกประหลาดมากมาย นอกจากนี้ พวกมันยังทรงพลังอย่างมากและมีความแตกต่างจากอสูรธาตุหรือภูตธาตุอย่างชัดเจน เนื่องจากพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษที่เกิดจากทะเลอันกว้างใหญ่เท่านั้น
“อุแว้…”
ตอนที่เมอร์ลินยังคงตรวจสอบสัตว์ประหลาดสองหน้าอยู่นั้น เสียงร้องของมันก็ดังขึ้นและดังก้องในทันใด ในขณะนั้นเอง เมอร์ลินรู้สึกว่าสมาธิของเขาหลุดโฟกัสไป ร่องรอยแห่งธาตุมืดอันน่าสะพรึงกลัวตามมาด้วยคลื่นพลังจิตขนาดมหึมาและมันก็เริ่มสร้างภาพลวงตาที่ชัดเจนรอบตัวเขา
“สัตว์ประหลาดธาตุมืด?”
เมื่อเมอร์ลินสัมผัสได้ถึงภาพลวงตา เขาก็รู้สึกผ่อนคลาย หากสัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งกว่า เขาอาจต้องระแวดระวัง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันเป็นสัตว์ประหลาดธาตุมืด เขาจึงไม่กลัว
เมอร์ลินได้พัฒนาดวงใจแห่งความมืดอย่างสมบูรณ์และนั่นทำให้เขามีพลังต้านทานเวทมนตร์ธาตุมืดส่วนใหญ่
ทำไมเขาต้องกังวลเกี่ยวกับภาพลวงตาของสัตว์ประหลาดตัวนี้กัน?
นอกจากนี้ เขาเคยประสบกับภาพลวงตานับไม่ถ้วนในช่องว่างทมิฬทำไมเขาถึงกลัวสัตว์ประหลาดตัวนี้ด้วยสองหัวยักษ์และใบหน้าที่น่ากลัวด้วย?
"น่าสนใจ นี่เป็นครั้งแรกของฉันที่นี่และฉันได้พบกับสัตว์ทะเลที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้แล้วแต่ขอโทษที่ต้องพูดว่า แกหาเรื่องผิดคนแล้ว ภาพลวงตาไม่มีประโยชน์กับฉัน สลาย!”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเมอร์ลิน ด้วยเหตุนี้ พลังแห่งความมืดที่ล้อมรอบร่างกายของเขาจึงสั่นเล็กน้อย ดวงใจแห่งความมืดของเขามีผลและภาพลวงตารอบตัวเขาหายไปในทันที
เมื่อทำลายภาพลวงตาของสัตว์ประหลาดสองหัวเสร็จแล้ว เมอร์ลินก็ขยับเล็กน้อย ธาตุลมที่รุนแรงโผล่ออกมาจากร่างกายของเขา ซึ่งพุ่งทะยานอย่างฉับพลัน ไปถึงสัตว์ประหลาดสองหัวในทันที
เมอร์ลินกางฝ่ามือและพึมพำ “พลังปีศาจแพนโดร่า ดัชนีเยือกแข็ง!”
*แคร่ก!!*
ความหนาวเย็นพุ่งเข้าหาสัตว์ประหลาดสองหัวในทันที มันตระหนักถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาเช่นกัน มันจึงเริ่มส่งเสียงที่สูงมากทันที
เสียงแหลมสูงเหล่านี้ทะลุผ่านเมฆ และแม้แต่เมอร์ลินก็สะดุ้งเมื่อเสียงนั้นมาถึงหูของเขา
“อ๊บ!!”
เสียงแหลมสูงดูเหมือนพลังอะไรบางอย่าง จู่ ๆ ก็มีสัตว์ประหลาดที่เหมือนกบก็กระโดดออกจากฝั่งและร่างกายของมันก็ขยายตัวอย่างรวดเร็วราวกับบอลลูน มันขยายขนาดประมาณสามหรือสี่เท่าของขนาดดั้งเดิมของมัน
ร่างกายขนาดมหึมาของมันปกป้องสัตว์ประหลาดสองหัว อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่ลังเลใจและความเย็นจากดัชนีเยือกแข็งก็ปกคลุมร่างของสัตว์ประหลาดกบทันที
*แคร่ก!*
ดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดกบจะไม่มีพลังมากนักเพราะหลังจากถูกลมหนาวเกาะร่างกาย ร่างกายขนาดมหึมาของมันก็สลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจำนวนนับไม่ถ้วนในทันทีและกระจัดกระจายไปตามชายหาด
คราวนี้มันทำให้สัตว์ประหลาดสองหัวกลัวอย่างแท้จริง เมื่ออาการประหม่าเริ่มแสดงบนใบหน้าของมัน มันตะกายกลับลงทะเลเพื่อความปลอดภัย
“คิดจะหนีตอนนี้? โทษทีนะมันสายไปแล้ว!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินได้พบกับสัตว์ทะเลและสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็กระตุ้นความสนใจของเขา ดังนั้นเขาจึงต้องการจับสัตว์ประหลาดสองหัวที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อศึกษามันอย่างใกล้ชิด
ดังนั้นเขาจึงเตรียมถอนคาถาเพื่อฆ่าสัตว์ประหลาดสองหัวก่อน แม้แต่คาถาระดับหนึ่งก็ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกับสัตว์ร้ายสองหัว นอกจากพลังจิตที่ยอดเยี่ยมของมันและความสามารถในการสร้างภาพลวงตา สัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่มีพลังอื่น ๆ เพื่อป้องกันตัวเลย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมอร์ลินจึงค่อนข้างมั่นใจที่จะจับมันทั้งเป็น
ทันใดนั้น ขณะที่สัตว์ประหลาดสองหัวกำลังหนีไปยังแนวชายฝั่ง หัวทั้งสองของมันก็ส่งเสียงแหลมอันดังออกมาพร้อม ๆ กัน เสียงดังทำให้คนที่ได้รับต้องถึงกับมึนงง
*ซู่มซู่ม*
พร้อมกับเสียงโหยหวนที่ดัง เมอร์ลินรู้สึกเหมือนกับว่าทั้งชายหาดกำลังสั่นสะเทือน เสาน้ำขนาดใหญ่ได้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าจากใต้ทะเลและสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาก็โผล่ออกมา มุ่งหน้าไปยังชายหาดอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน สิ่งมีชีวิตคล้ายนกนางนวลขนาดยักษ์บางตัวก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเบื้องบนและพวกมันก็ส่งเสียงแหลมยาวเช่นกัน หลังจากนั้นพวกมันก็พุ่งลงมา
นั่นคือปฏิกิริยาของทะเลและท้องฟ้าและตอนนี้ก็เป็นชายหาดมีสิ่งมีชีวิตคล้ายหนูที่มีขนสีดำวาวพุ่งออกมาจากทรายหนาทึบ ปล่อยเสียง ‘จี๊ด-จี๊ด-จี๊ด’ ออกมา ดวงตาเล็ก ๆ ของพวกเขาเปล่งประกายด้วยแสงสีเลือด
“พวกมันทั้งหมดถูกเรียกมาเพราะสัตว์ประหลาดสองหัวงั้นเหรอ?”
เมอร์ลินอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าอย่างแรงอย่างตกตะลึง สัตว์ประหลาดสองหัวที่เขาคิดว่าไม่มีอันตรายทำให้เขาประหลาดใจด้วยการเรียกสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวออกมามากมาย
…
“บัดซบเอ็ย!! นักเวทย์คนนั้นงี่เง่าอะไรอย่างนี้? เขาทำให้ทารกสองหัวโกรธได้อย่างไร? เขาตั้งใจจะขุดหลุมศพและตายไปพร้อมกับพวกเรารึไง?”
นักเวทย์สองคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังหินก้อนใหญ่อดไม่ได้ที่จะจ้องมองด้วยความสยดสยองเมื่อพวกเขาเห็นเหตุการณ์ที่อยู่ไม่ไกลนัก นักเวทย์ผู้ชายที่เห็นอย่างนั้นก็หัวเสียทันที
นั่นคือสิ่งที่ทำให้ทารกสองหัวทรงพลังอย่างแท้จริง มันสามารถควบคุมสัตว์ทะเลจำนวนมากได้ แม้แต่นักเวทย์ระดับสี่ส่วนใหญ่ก็ยังหนีไปได้ไกลที่สุดทันที หลังจากเห็นทารกสองหัว
อย่างไรก็ตาม มีใครบางคนกล้าพยายามจับทารกสองหัวแบบเป็น ๆ การทำเช่นนี้จะทำให้มันโกรธ เมื่อมันโกรธมันจะเรียกสัตว์ทะเลจำนวนมากที่อยู่ใต้การควบคุมออกมา
ภายใต้ความโกลาหลครั้งใหญ่เช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะหลบหนีออกจากชายหาด
“แล้วเราจะทำยังไงต่อล่ะ”
เมื่อนักเวทย์ผู้หญิงเห็นฝูงสัตว์ทะเลบนชายหาด สีหน้าของเธอก็ซีดเผือด เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็จนปัญญาเหมือนกัน
“จะทำอะไรอีก? เราทำได้แค่รอเท่านั้น เราไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในตอนนี้ เพราะหากทารกสองหัวและสัตว์ทะเลเหล่านั้นเห็นเรา เราเสร็จแน่ ต้องโทษนักเวทย์งี่เง่าคนนั้น เขาเป็นคนที่ทำให้ทารกสองหัวโกรธ…”
นักเวทย์ผู้ชายสาปแช่งขณะที่เขาเหลือบมองไปยังชายหาดที่อยู่ไกลออกไป มองดูร่างนั้นที่สวมเสื้อคลุมพ่อมดสีดำ
...
กลับมาที่ชายหาด เมอร์ลินจ้องมองสัตว์ทะเลมากมายที่อยู่รายล้อมเขาด้วย สีหน้าจริงจัง สัตว์ทะเลเหล่านี้ได้รวมตัวกันรอบตัวเขาจากทุกทิศทุกทาง ในขณะเดียวกัน ทารกสองหัวก็นั่งอยู่บนหลังสัตว์ทะเลอีกตัว วางตำแหน่งตัวเองเหมือนแม่ทัพสงครามที่สั่งการสัตว์ทะเลที่เหลือ
ในที่สุดเมอร์ลินก็เข้าใจอย่างชัดเจนว่าสัตว์ทะเลเหล่านี้ล้วนถูกเรียกโดยสัตว์ประหลาดสองหัว
ภาพของเมอร์ลินที่ยืนอยู่ในกลางสัตว์ทะเลจำนวนมาก ตรงหน้ามีสัตว์ทะเลขนาดมหึมาที่เพิ่งถูกพัดขึ้นฝั่ง ทั้งตัวของมันเหมือนกับเนินเขาและขนาดที่ใหญ่โตของมันเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่กวาดทุกอย่างให้หายไปในพริบตา
นักเวทย์ปกติจะรู้สึกหมดหนทางเมื่อเห็นมัน
แต่สำหรับเมอร์ลินนั้น เขาเพียงแค่ตื่นเต้นเล็กน้อยเท่านั้น สัตว์ทะเลเหล่านี้อาจมีจำนวนมากแต่เขาก็ไม่กลัวเลย จากพลังงานที่แผ่ออกมาจากร่างของสัตว์ทะเลเหล่านี้ เขาได้อนุมานว่าพลังของพวกมันนั้นเทียบเท่ากับพลังเวทย์ระดับสี่เท่านั้น
มีเพียงสัตว์ทะเลขนาดมหึมาเท่านั้นที่สามารถยับยั้งเมอร์ลินได้เล็กน้อย สัตว์ทะเลอื่น ๆ อาจมีจำนวนมากแต่สำหรับเมอร์ลิน พวกมันทั้งหมดสามารถเอาชนะได้ง่าย
“สารธารแห่งความมืด!”
เมอร์ลินไม่ลังเลเลยสักนิดในขณะที่เขาบุกโจมตี เขาใช้คาถาที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ สายธารแห่งความมืด เปิดการโจมตีใส่พวกมันทันที
ในขณะนั้น ชายหาดที่มีแสงแดดจ้าแต่เดิมก็จมดิ่งลงไปในความมืดมิด รังสีของแสงได้หักเหและธาตุมืดที่เข้มข้นควบแน่นอย่างรวดเร็ว ความมืดมหึมาปกคลุมสัตว์ทะเลจำนวนมากรอบตัวเขาแทบจะในทันที
สายธารแห่งความมืดเป็นคาถาธาตุมืดระดับสอง ด้วยการเสริมประสิทธิภาพจากดวงใจแห่งความมืด แม้ว่าเมอร์ลินจะไม่ได้ปลดปล่อยมันในรูปแบบเสริมพลัง เขาก็ยังสามารถทำให้นักเวทย์ระดับสี่ตกอยู่ในภาพลวงตาได้
สำหรับสัตว์ทะเลจำนวนมาก พวกมันล้วนเป็นสัตว์ประหลาดที่มีพลังจิตอ่อนแอ ข้อยกเว้นเพียงสัตว์ประหลาดสองหัวเนื่องจากเป็นสัตว์ประหลาดธาตุมืด ดังนั้นมันอาจจะไม่ได้รับผลกระทบจากสารธารแห่งความมืด สำหรับสัตว์ทะเลที่มันเรียกมานั้น พวกมันไม่มีโอกาสต่อต้านภาพลวงตาของเขาได้เลย
ในเวลาที่ความมืดได้มาเยือน ตัวประหลาดทั้งหมดก็เงียบไป ขณะที่พวกมันทั้งหมดถูกผลักเข้าสู่ดินแดนแห่งมายา
"ฆ่า!"
ในขณะนั้น สัตว์ทะเลเหล่านี้ได้พุ่งเข้ามาหมายจะฆ่าเมอร์ลิน แต่ทว่าเมอร์ลินกลับไม่เป็นอะไรเลย เขาเดินอย่างอิสระในความมืดราวกับปลาในแม่น้ำ
แม้ว่าจะมีพวกมันจำนวนมากแต่มันก็ทำอะไรเขาไม่ได้เลย เนื่องจากพวกมันถูกลวงตาทำให้ฆ่ากันเอง พวกมันตายตกลงไปทีละตัว
สายธารแห่งความมืดที่จับคู่กับดวงใจแห่งความมืด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้งานมัน พลังของมันยิ่งใหญ่มากและความจริงที่น่ากลัวก็คือว่านี่เป็นเพียงคาถาธาตุมืดระดับสองเท่านั้น
หากเป็นคาถาระดับสามหรือระดับสี่พลังของมันจะยิ่งน่ากลัวกว่านี้ แล้วอีกอย่างดวงใจแห่งความมืดสามารถหลอมรวมเข้ากับคาถาธาตุมืดระดับสี่ได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น พลังของคาถาธาตุมืดจะยิ่งใหญ่มาก มันจะเปิดเผยพลังที่แท้จริงของพลังปีศาจแพนโดร่า ดวงใจแห่งความมืด
*แคร่ก*
เมอร์ลินกำลังร่ายคาถาประเภทน้ำแข็ง สังหารสัตว์ประหลาดจำนวนมาก หลังจากนั้น เมอร์ลินก็ใช้พลังเวทย์มนตร์ของเขาและพุ่งเข้าหาสัตว์ทะเลด้วยร่างกายที่แข็งแรงของเขา
มันค่อนข้างน่าเสียดายเพราะช่วงเวลาที่เมอร์ลินปลดปล่อยสายธารแห่งความมืดออกมา ดูเหมือนว่าจะทำให้เกิดความกลัวในสัตว์ประหลาดสองหัวและมันไม่ได้รับผลกระทบจากคาถา มันจึงหนีออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว มันกระโดดลงไปในทะเลที่ทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด
“น่าเสียดายจริง ๆ ฉันจับสัตว์ประหลาดสองหัวไม่ได้”
เมอร์ลินกำลังหอบ เขาเพิ่งใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาเพื่อฆ่าสัตว์ประหลาดและตอนนี้ความเหนื่อยล้าก็ไล่ตามเขามา
เมื่อภัยคุกคามไปจากเขาไปแล้ว เขาจึงสลายสายธารแห่งความมืด จากนั้นความมืดค่อยๆ จางลง แสงแดดส่องกลับมาที่ชายหาด ทันใดนั้น ฉากที่น่าสยดสยองก็ปรากฏขึ้น
บนชายหาดอันกว้างใหญ่มีซากสัตว์ประหลาดฉีกขาดจำนวนนับไม่ถ้วนที่เป็นของสัตว์ทะเลที่ถูกฆ่า มันเป็นฉากที่น่าสะพรึงกลัว
...
“นี่…เป็นไปได้ยังไงกัน? นักเวทย์คนนี้เป็นใครกันแน่?”
เมื่อมองดูซากสัตว์ทะเลจำนวนมากที่หนาแน่นบนชายหาด นักเวทย์สองคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังหินดูประหลาดใจ อารมณ์ของพวกเขาปั่นป่วนและไม่สามารถสงบลงได้แม้หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง
แม้แต่ทารกสองหัวก็ยังหลบหนี เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่านักเวทย์ที่สูงถึงระดับสี่จะระมัดระวังเมื่อเห็นทารกสองหัว ถึงขนาดที่พวกเขาจะไม่ลังเลใจเมื่อมีโอกาสหลบหนีเพียงเล็กน้อย
อันที่จริง พวกเขาไม่เคยได้ยินใครที่สามารถบังคับทารกสองหัวให้หนีไปได้ บางทีมีเพียงพ่อมดระดับห้าขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถทำอย่างนั้นได้
เป็นไปได้ไหมที่นักเวทย์ผู้นี้ซึ่งดูหนุ่มมาก แท้จริงแล้วเป็นนักเวทย์ระดับที่ห้าหรือหก?
*ชิ้ง*
ร่างที่สวมชุดพ่อมดดำบนชายหาดที่อยู่ห่างไกลออกไป ดูเหมือนจะสังเกตเห็นบางสิ่ง เขาหันสายตาของเขาไปยังจุดที่พวกเขาซ่อนตัวทันที
นักเวทย์สองคนนี้รู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาเต้นระรัว ขณะที่พวกเขาหมอบอยู่หลังก้อนหิน พวกเขาไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย