821-822
Ep.821
“ซูเฉิน ข้าขอเตือนเจ้า กระบวนท่านี้ทรงพลังมาก อีกทั้งเมื่อใช้แล้วไม่สามารถหยุดกลางคันได้ ขอเจ้าจงเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม!” ฉีมู่เฟิงกล่าวอย่างจริงจัง
“เข้าใจแล้ว” ซูเฉินพยักหน้า แต่ท่าทางที่แสดงออกมายังคงดูไม่สนใจ
เห็นแบบนั้น ฉีมู่เฟิงก็ไม่คิดพล่ามยืดเยื้ออีก กระบี่ฟ้าเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือเขา เจ้าตัวโยนมันขึ้นเหนือหัว กระบี่ฟ้าลอยล่องกลางอากาศ เริ่มสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนขยายขนาดขึ้นเป็นสิบจั้ง เจตจำนงกระบี่อันแรงกล้าแพร่กระจายไปทั่วในคราเดียว
ในเวลาเดียวกัน ในอากาศที่ว่างเปล่าคล้ายเกิดเสียงสะท้อนดังไปมาจากรอบทิศทาง ได้ยินเพียงเสียงพายุฟ้าคะนอง สายฟ้านับหมื่นเส้นปรากฏขึ้นกลางอากาศอย่างไม่อาจหาคำอธิบาย
สายฟ้าแปลบปลาบนี้ ฟาดเปรี้ยงดึงก้องสนั่นหูทุกผู้คน
“ดูไปก็น่ากลัวอยู่หน่อยๆแฮะ”
ซูเฉินเฝ้ามองด้วยความประหลาดใจ มองไปยังสายฟ้านับหมื่นที่ผ่าลงกระบี่ฟ้าอย่างพร้อมเพรียง วินาทีถัดมา กระบี่ฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนรูปทรง แปลงกายเป็นมังกรยักษ์ที่ทอแสงเปรี๊ยะๆของสายฟ้าได้อย่างน่าตื่นตะลึง
ด้วยเสียงคำรามของมังกร ชั้นอากาศโดยรอบสั่นสะเทือน
“กระบวนท่ากระบี่มังกร : วิชากระบี่หมื่นอัสนี!”
ในช่วงเวลาเดียวกัน เมื่อมังกรฟ้าปรากฏกายขึ้น ฉีมู่เฟิงเอ่ยกระบวนท่า พร้อมกระโจนขึ้นไปในอากาศ ไม่ช้าก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับมังกรฟ้า
แทบจะในทันที แรงกดดันรุนแรงกวาดกระจายไปทั่วสารทิศ ทุกหนแห่งที่มันพัดผ่าน แม้แต่พืชพรรณบนพื้นดินก็ยังสั่นสะเทือน
“ช่างเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้!”
สีหน้าของอู๋หยาจื่อและคนอื่นๆ เริ่มซีดเผือด ช่วงจังหวะที่แรงกดดันกระทบพวกเขา ทั้งหมดสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบแทรกผ่านร่างกาย
“พี่สองฝึกวิชากระบี่หมื่นอัสนีได้แล้วหรือนี่!”
ฉีมู่เสวี่ยและฉีมู่อวี้ตื่นเต้นจนอธิบายไม่ถูก กระบวนท่ากระบี่มังกร คือหนึ่งในเคล็ดวิชาที่ทรงพลังที่สุดของตระกูลฉี และวิชากระบี่หมื่นอัสนีคือวิชาที่ฝึกฝนได้ยากที่สุดจากในบรรดาวิชาทั้งหมด
อัจฉริยะในตระกูลฉีมีมากมาย แต่ผู้ที่สามารถฝึกฝนพลังศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ได้ มีเพียงบรรพชนของพวกเธอเท่านั้น ไม่คาดคิดเลย ว่าบัดนี้ ฉีมู่เฟิงฝึกฝนมันจนบรรลุแล้ว
“พี่สองต้องชนะแน่!” ฉีมู่เสวี่ยตะโกนด้วยความตื่นเต้น อานุภาพของวิชากระบี่หมื่นอัสนีไร้ที่สิ้นสุด ยามเปิดใช้งาน ก็มากพอแล้วที่จะสังหารผู้แข็งแกร่งที่เหนือกว่าตนเองหนึ่งระดับ
ในความคิดเธอ ไม่ว่าอย่างไรซูเฉินก็ไม่มีทางต้านทานได้
ใช้เจตต์กระบี่จำแลงกาย?
นี่มันท่ากระบี่รวมเป็นหนึ่งไม่ใช่หรอ!
ซูเฉินพึมพำกับตัวเอง กระบวนท่านี้ของฉีมู่เฟิงค่อนข้างคล้ายกับกระบี่รวมเป็นหนึ่งอยู่หลายส่วน อย่างไรก็ตาม มันประณีตและละเอียดอ่อนกว่ากระบี่รวมเป็นหนึ่งมากนัก
ซูเฉินไม่ได้เผชิญหน้ากับกระบวนท่าสังหารอันรุนแรงเช่นนี้เป็นเวลานานแล้ว ทันใดนั้นเจตนารมณ์แห่งการต่อสู้ลุกโชนขึ้น!
“ซูเฉิน คิดยอมแพ้ตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว!”
ภายในตัวมังกรฟ้า จู่ๆก็มีเสียงอันน่าเกรงขามของฉีมู่เฟิงดังขึ้น
“รีบๆลงมือซักทีเถอะ ฉันรอดูจนเบื่อแล้ว!” ซูเฉินไม่สะทกสะท้าน
ฉีมู่เฟิงมีกระบวนท่าสังหาร เขาเองก็มีเหมือนกัน อยากจะเห็นจริงๆ ว่าจะเป็นวิชากระบี่หมื่นอัสนีของฉีมู่เฟิง หรือ [ทักษะต่อสู้หมื่นแสงสิบเงาสะท้อน] ของเขาที่ทรงพลังกว่ากัน
“ช่างไม่รู้จักประมาณตน!”
เห็นซูเฉินยังกล้าเอ่ยวาจาใหญ่โต ฉีมู่เสวี่ยแค่นเสียงเย็นชา
“งั้นก็จงเบิกตาดูให้เต็มที่เถอะ!” ฉีมู่เฟิงร้องคำราม ระเบิดการโจมตีทันใด
เห็นแค่เพียงมังกรฟ้าคดเคี้ยวในอากาศ อ้าปากถลาลงจากฟากฟ้า
ซูเฉินเปิดใช้งาน [ทักษะต่อสู้หมื่นแสงสิบเงาสะท้อน] จากหนึ่งแยกเป็นสอง จากสองแยกเป็นสี่ … พริบตาเดียวภูติเงาที่เหมือนกันกับเขาปรากฏขึ้นรอบด้าน
“นี่มันพลังศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน?” ฉีมู่อวี้และฉีมู่เสวี่ยตะลึงลาน
ฉางไช่หลี่กับคนอื่นๆก็ตกใจเป็นอย่างมากเช่นกัน ในบรรดาผู้ชม ณ ที่นี้ มีเพียงอู๋หยาจื่อและหลีกุยหยางเท่านั้นที่เคยเห็นซูเฉินใช้งาน [ทักษะต่อสู้หมื่นแสงสิบเงาสะท้อน] ดังนั้นเลยยังคงสงบอยู่
“ผลการต่อสู้ในครั้งนี้ ถูกตัดสินแล้ว” อู๋หยาจื่อถอนหายใจจากใจจริง
สำหรับพลังของ [ทักษะต่อสู้หมื่นแสงสิบเงาสะท้อน] เขาเคยประสบกับตัวเองมาแล้ว
เมื่อครั้งซูเฉินอยู่ในขั้น 9 อีกฝ่ายก็ใช้กระบวนท่านี้กับเขาเช่นกัน ซึ่งเวลานั้นเขาอยู่ในสภาวะระดับเสมือนเทวะยังแทบรับมือไม่ไหว แต่ตอนนี้ซูเฉินก้าวขึ้นเป็นขั้น 10 แล้ว อำนาจของมันย่อมรุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อน–
–แล้วแบบนี้ ฉีมู่เฟิงที่ถูกสะกดพลังอยู่แค่ขั้น 10 จะสามารถรับมือกับมันได้อย่างไร?
Ep.822
ทันทีที่มังกรฟ้าถลาลงมา มันก็ถูกซูเฉินทั้ง 11 ร่างล้อมเอาไว้แล้ว
เห็นแค่เพียงซูเฉิน 5 คนร่วมมือกันปลดปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณ สะกดการเคลื่อนไหวของมังกรฟ้าเอาไว้ อีก 4 คนระเบิดเวทมนต์คาถาถล่มเข้าใส่
เงาตนสุดท้ายกุม [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] ทุบลงบนลำตัวมังกรฟ้าอย่างแรง
บังเกิดเสียงปัง! ดังกึกก้อง ร่างของมังกรฟ้าถูกน้ำหนักนับแสนจินฟาดลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง จนดินเบื้องล่างยุบตัวเป็นหลุมลึก
ร่างจริงของซูเฉินกุม [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] ลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายมิได้ฟาดฟันออกไป
วิชากระบี่หมื่นอัสนีของฉีมู่เฟิง ในแง่อำนาจการโจมตีมันอาจเหนือกว่าด้วงเขมือบทองคำระดับเทวะ กระนั้น พลังในด้านการป้องกันมันห่างชั้นกันไกลลิบ
คราก่อน [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] ฟาดฟันลงไป กระทั่งด้วงเขมือบทองคำระดับเทวะก็ยังไม่สามารถต้านทานได้ ฉะนั้นไม่ต้องกล่าวถึงฉีมู่เฟิง
ซูเฉินค่อนข้างประทับใจในตัวฉีมู่เฟิง อีกทั้งยังไม่ได้มีความเกลียดชังอย่างลึกล้ำ เลยเป็นธรรมดาที่จะไม่ฆ่าเขา
ตอนนี้ฉีมู่เฟิงถูกบดขยี้แทบเท้าแล้ว ผลแพ้ชนะปรากฏชัดเจน
ซูเฉินเก็บ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] และ[กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] ภูติเงาทั้งสิบก็เลือนหายไปเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าซูเฉินไม่ลงมือต่อ ฉีมู่อวี้และฉีมู่เสวี่ยถอนหายใจโล่งอก ทว่าแววตายามมองมาที่ซูเฉิน มันเต็มไปด้วยความยำเกรงอย่างยิ่งยวด
จวบจนกระทั่งบัดนี้ พวกเธอถึงค่อยได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของซูเฉิน ถึงขั้นจินตนาการเลยเถิด ว่าต่อให้คู่ต่อสู้ของเขาคือระดับเทวะขั้น 1 ในมิติภายนอก ซูเฉินก็ยังคงเอาชนะได้
“ที่แท้ซูเฉินก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!” น่านหลีชวนอดทอดถอนหายใจไม่ได้
ก่อนหน้านี้ที่เขาเคยประมือกับซูเฉิน ถูกซูเฉินไล่บี้ตลอดการต่อสู้ เขายังหลงคิดว่าซูเฉินอาศัยความได้เปรียบในฐานะผู้ฝึกตนทุกอาชีพ ในใจยังไม่ยอมรับอยู่เล็กน้อย
แต่หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของซูเฉินในวันนี้ ถึงค่อยเข้าใจว่าตอนต่อสู้กัน ปรากฏว่าซูเฉินไม่ได้เอาจริงสักนิด เป็นแค่การละเล่นเท่านั้น
“พี่ฉี คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” ซูเฉินถอนหายใจ เลิกอคติกับอีกฝ่าย ตะโกนลงไปในหลุมลึก
“ข้าสบายดี!” โดนซูเฉินอัดซะยับ ฉีมู่เฟิงกลับคืนร่างเดิม ค่อยๆคลานขึ้นมาจากหลุม
สภาพของฉีมู่เฟิงในเวลานี้ราวกับผ้าขี้ริ้ว แต่ลมหายใจค่อนข้างสม่ำเสมอแสดงว่าไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
“ซูเฉิน เจ้าชนะแล้ว”
สีหน้าของฉีมู่เฟิงดูเศร้าสร้อย ถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นกล่าวว่า “ตามสัญญา ข้าจะบอกเจ้าถึงที่ตั้งของเขตแดนลับทั้งสองแห่ง ส่วนเรื่องหินพลังงานขั้น 10 จำนวนยี่สิบก้อน ข้าจะหาทางมอบให้เจ้าโดยเร็วที่สุด”
ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าเขาแม้ดูสงบ แต่อันที่จริงในหัวใจกำลังลิงโลด
เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่เพียงได้ทราบข้อมูลของสองเขตแดนลับ แต่ยังกอบโกยหินพลังงานขั้น 10 ได้อีกยี่สิบก้อน เรียกได้ว่าฟันกำไรมหาศาล
“ซูเฉิน ก่อนที่ข้าจะบอกเขตแดนลับทั้งสองแห่ง ข้า … มีอีกคำขอหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะยินยอมรึเปล่า”
ฉีมู่เฟิงกระแอมเบาๆ กล่าวด้วยท่าทีเก้กังเล็กน้อย
“พี่ฉีพูดมาเถอะ” ซูเฉินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ความแข็งแกร่งของน้องซูได้เปิดหูเปิดตาข้านัก นับเป็นครั้งแรกในชีวิต แม้ตัวข้ายังไม่ได้รู้จักกับน้องซูมากนัก แต่อยากจะขอสาบานเป็นพี่น้องกัน!” ฉีมู่เฟิงสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวด้วยท่าทีจริงจัง
“พี่สองบ้าไปแล้ว!” ปากของฉีมู่เสวี่ยเผยอกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เธอไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีต่อซูเฉิน หากซูเฉินตอบตกลงจริงๆ เช่นนั้นนับจากนี้เธอต้องวางตัวอย่างไร?
ฉีมู่อวี้เองก็ประหลาดใจเช่นกัน แต่หลังจากได้สติ ข้างในใจกลับรู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยพรสวรรค์และความแข็งแกร่งของซูเฉิน มันได้รับการพิสูจน์ด้วยตาเธอเองแล้ว เรื่องการเลื่อนขั้นสู้ระดับเทวะ เรียกได้ว่าแทบตอกตะปูฝาโลง
ซึ่งหากซูเฉินก้าวสู่ระดับเทวะเมื่อไหร่ กำลังรบของเขาต้องพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน แม้ในมิติภายนอกก็ยังมีสถานที่ให้ยืน
การที่ตระกูลฉีได้ผูกสัมพันธ์อันดีกับบุคคลที่มีความสามารถเช่นนี้ สำหรับทางตระกูลแล้ว นับว่ามีประโยชน์และคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับตัวเธอ เธอสนับสนุนให้ฉีมู่เฟิงกับซูเฉินสาบานเป็นพี่น้องกัน ทั้งยังเฝ้ารอให้ซูเฉินตอบตกลงอย่างใจจดใจจ่อ