249 - พลังของสัตว์อสูรทั้งแปด
249 - พลังของสัตว์อสูรทั้งแปด
ธงสีเลือดทั้งสิบสี่ผืนนั้นสั่นสะท้านและเติบโตปกคลุมท้องฟ้าอย่างสมบูรณ์ราวกับเสาค้ำฟ้า
ผู้อาวุโสสองคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงพยายามบุกโจมตี แต่พวกเขาไม่สามารถทำได้สำเร็จ และธงพวกนั้นก็ยังทะยานสู่ชั้นฟ้า
“เจียงไห่ด้วยฐานการบ่มเพาะของเจ้าที่มาถึงขอบเขตนี้ มีเพียงต้นกำเนิดสวรรค์เท่านั้นที่จะมีประโยชน์สำหรับเจ้า การขโมยต้นกำเนิดธรรมดาจำนวนมากจากดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงของข้าไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับเจ้า”
ผู้อาวุโสใหญ่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเพิ่งกล่าวจบทันใดนั้นคมกระบี่ก็ถูกยิงออกมาจากตัวธงและตัดแขนเสื้อของเขาข้างหนึ่งจนขาดออก
“เจ้า…” ท่าทางของเขาดูไม่น่ามอง
“ข้าสามารถใช้พวกมันเป็นสกุลเงินเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของได้” เสียงของเจียงยี่สงบมากในขณะที่เขานั่งบนหลังสัตว์อสูรของเขา มือของเขาค่อยๆขยับ
ธงสีเลือดสิบสี่ผืนเป็นเหมือนกระแสน้ำเชี่ยวกรากที่สั่นไหวอย่างรุนแรงและเปลี่ยนตำแหน่ง
มือของเจียงยี่ดูเหมือนจะมีพลังอสูรที่ไม่มีที่สิ้นสุด แม้ว่าการเคลื่อนไหวของเขาจะช้า แต่ก็ทำให้เกิดความน่ากลัวเมื่อป้ายสีเลือดทั้งสิบสี่อันเริ่มสั่นคลอนพร้อมกัน
ปัง!
มิติเกิดระเบิดเสียงดังก้องไปในอากาศ ใบหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสองเปลี่ยนไป
แม้จะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าแหนแหนในท้องทะเลอันเกรี้ยวกราด พวกเขาสั่นไหวในท้องฟ้าไม่สามารถป้องกันไม่ให้ถูกพัดไปรอบๆได้
ธงสีเลือดทั้งสิบสี่อันสั่นไหวอย่างรุนแรงเมื่อพลังงานที่ประเมินค่าไม่ได้ปรากฏขึ้น
“เขาใช้กำลังแปดอสูรศักดิ์สิทธิ์!” ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสองตกใจ
การเคลื่อนไหวของมือของเจียงยี่เริ่มช้าลงและช้าลง แต่พลังงานที่ปล่อยออกมาก็น่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
มือทั้งสองของเขานั้นมีพลังปีศาจที่ทำให้ท้องฟ้าสั่นสะท้าน และความว่างปล่าวระเบิดอย่างต่อเนื่องเมื่อธงสิบสี่ดวงเริ่มสั่นไหวราวกับเทพโลหิตสิบสี่องค์
ปัง!
หนึ่งในผู้อาวุโสใหญ่เสื้อผ้าขาดวิ่นจากการโจมตีอย่างรุนแรงของธงโลหิต ใบหน้าของเขาซีดเผือดและร่างกายของเขาแกว่งไปแกว่งมา
“เจ้าสามารถใช้พลังของสัตว์อสูรทั้งแปดของตระกูลเจียงได้จนถึงระดับนี้แล้ว”
ความแข็งแกร่งนี้อยู่ไกลจากความคาดหวังของผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสองคน
ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรทั้งแปดสามารถเทียบเท่ากับผู้ที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งมากที่สุด เมื่อบ่มเพาะจนถึงจุดสูงสุดแล้ว ไม่มีอะไรมาทำลายหรือหยุดมันได้
ญาณวิเศษสุดยอดประเภทนี้อยู่ในคัมภีร์โบราณของตระกูลเจียงและอยู่ในระดับเดียวกับคัมภีร์แห่งความว่างเปล่าของตระกูลจี้ มันเป็นญาณวิเศษระดับสูงสุดของคัมภีร์โบราณ
มือของเจียงยี่เคลื่อนไหวอย่างช้าๆในท้ายที่สุดก็หยุดลง แต่สิ่งนี้น่ากลัวยิ่งกว่าคือตอนนี้ภาพธรรมของอสูรผู้ยิ่งใหญ่ทั้งแปดได้ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
ธงขนาดใหญ่ทั้งสิบผืนมีแสงสีเลือดพุ่งออกมาจากพวกมัน เมื่อลมโบกพัดม่านแสงสีแดงก็ถูกปลดปล่อยออกมาปกคลุมพื้นที่สนามรบทั้งหมด
ปัง!
เมื่อมือของเจียงยี่ที่เกือบจะหยุดลงแล้วก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง
ทันใดนั้นพื้นที่ที่อยู่ตรงกลางสนามรบก็แตกออกอย่างสมบูรณ์เมื่อธงสงครามทั้งสิบสี่อันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังของสัตว์อสูรทั้งแปดถูกใช้งานอย่างเต็มที่และคลื่นพลังนั้นก็ซัดเข้าหาผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสออย่างหนักหน่วง
"เจ้า…"
ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสองเปิดเผยท่าทีประหลาดใจในขณะที่พวกเขาต่อต้านจนสุดกำลัง
“ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรทั้งแปดช่างน่ากลัวเหลือเกิน แต่ถึงเจ้าจะแข็งแกร่งอย่างแท้จริงก็ใช่ว่าจะสามารถทำอันตรายต่อพวกเราได้ และหลังจากนี้จะเป็นการตอบโต้ของพวกเราแล้ว!”
ใบหน้าทั้งสองของพวกเขาเย็นชาและคำพูดของพวกเขาก็อัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร เมื่อมองไปที่เจียงยี่พวกเขาโกรธแค้นถึงขีดสุด
“เจ้าต้องการที่จะฆ่าข้า? มาลองดูสิ!”
เจียงยี่ไม่ได้เคลื่อนไหวเลยในขณะที่เขานั่งอยู่บนสัตว์อสูรของเขา มือของเขาก็ไม่ขยับอีกต่อไป
ในเวลาเดียวกันผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสองก็ลงมือ คนหนึ่งหยิบน้ำเต้าสีม่วงออกมาในขณะที่อีกคนก็มีระฆังทองแดงขนาดเล็กอยู่ในมือ
วัตถุทั้งสองถูกแขวนขึ้นไปบนศีรษะของพวกเขาและมันปลดปล่อยม่านแสงออกมาปกคลุมร่างกายของพวกเขาทั้งหมด
แสงกระบี่ของธงทั้งสิบสี่ดวงอาจพร่างพราย แต่พวกมันไม่สามารถเข้าใกล้ร่างกายของผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสองได้อีกต่อไป
การต่อสู้ของยอดฝีมือสามคนทำให้ท้องฟ้าระเบิด คลื่นพลังงานมากมายมหาศาลบดขยี้เข้าหาดินแดนแห่งนี้ราวกับพายุคลั่ง
สำหรับคนที่อยู่บนพื้น พวกเขาคงได้รับผลกระทบและถูกสังหาร ไปแล้วหากไม่ใช่เพราะธงของเจียงยี่ที่ปลดปล่อยแสงเลือดออกมาปกคลุมบริเวณที่พวกเขาอยู่
แม้ว่าเจียงยี่จะทำตัวเป็นโจรแต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจิตใจของเขานั้นไม่ได้บิดเบี้ยวและเลวร้าย เขาไม่ต้องการให้การต่อสู้ของเขาส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนธรรมดา
“แปดอสูรศักดิ์สิทธิ์…”
เย่ฟ่านแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า เขานึกถึงหนังสือโบราณที่เขาอ่านเจอจากตอนที่เขาศึกษาอยู่ในหลิงซู่ตงเทียน
“แปดอสูรศักดิ์สิทธิ์ข้าขอถวายท้องฟ้าที่ปกคลุมดินแดนแห่งนี้เป็นเครื่องบูชา ขอสังเวยภูเขาและแม่น้ำของดินแดนแห่งนี้เป็นเครื่องบรรณาการ…ขอพวกท่านจงมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้ข้าใช้มันบดขยี้ศัตรู!”
เจียงยี่คำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า ไม่นานหลังจากนั้นเสียงคำรามของสัตว์ร้ายก็ดังขึ้นในขณะที่เจียงยี่โจมตีเข้าใส่ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสองของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงอีกครั้ง!
ในขณะเดียวกันโจรร้ายคนที่มีหน้าที่รวบรวมต้นกำเนิดก็กลับมาอย่างรวดเร็ว
"ไปกันเถอะ!"
เจียงยี่ที่เห็นพรรคพวกของเขาลงมือประสบผลก็ไม่รอช้า หลังจากผลักผู้อาวุโสใหญ่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงทั้งสองออกไป
เขาและคนอื่นๆก็ทะยานเข้าสู่ประตูมิติที่อยู่ด้านบนก่อนที่ธงทั้งสิบสี่ผืนจะบินตามเข้าไปในประตูมิตินั้นและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสองพยายามไล่ตามพวกเขา ในเวลาเดียวกัน เสียงตะโกนสังหารก็ดังมาจากขอบฟ้าเมื่อกำลังเสริมของดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงมาถึง
น่าเสียดายที่เจียงยี่ได้เตรียมการมานานแล้วและหลังจากหลบหนีเข้าสู่ประตูมิติมันก็เป็นเรื่องยากที่ผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงจะสามารถไล่ตามพวกเขาได้
ในท้ายที่สุดผู้อาวุโสใหญ่แสงโชติช่วงก็กลับมาด้วยใบหน้าที่มืดครึ้ม
เย่ฟ่านพูดไม่ออก โจรที่ทรงพลังทั้งสิบสามคนนั้นดื้อรั้นมาก พวกเขาถึงกับกล้าต่อสู้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงโดยตรง
อันที่จริงโจรทั้งสิบสามคนต่างก็มีต้นกำเนิดที่แปลกประหลาด บางคนมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนรกร้างทตะวันออก บางคนมาจากภาคกลางและยังมีหลายคนที่มาจากทะเลทรายทางเหนือ
ความปั่นป่วนนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วและมนุษย์ที่มาใหม่ก็ถูกแยกออกไปให้ทำงานในส่วนต่างๆของเหมืองโบราณ
แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งมาถึง แต่ดินแดนแห่งนี้ก็น่าเบื่อเกินไปและไม่มีอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับมัน พื้นที่ทั้งหมดถูกล้อมรอบด้วยค่ายกลทรงพลังและไม่มีทางที่ทุกคนจะออกไปได้!
บ้านหินหลังสั้นถูกสร้างขึ้นบนดินสีน้ำตาล บริเวณรอบข้างทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นทะเลทรายนอกจากมนุษย์ที่ทำหน้าที่ขุดเหมืองแล้วก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่อยู่ภายในรัศมีร้อยลี้เลย
ในระยะไกลคนงานเหมืองเก่าที่ทำหน้าที่ขุดหาเริ่มต้นกำเนิดล้วนมีใบหน้าที่แข็งทื่อ พวกเขาหมดอะไรตายอยากในชีวิตและสิ่งที่พวกเขาต้องทำก็มีเพียงการขุดต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
พวกเขามีสีหน้ามึนงงและไม่มีปฏิกิริยาต่อคนใหม่อย่างเช่นพวกเย่ฟ่านที่เพิ่งมาถึง ราวกับว่าพวกเขาสูญเสียจิตวิญญาณไปหมดแล้ว
หลายคนสั่นสะท้าน นี่เป็นอนาคตของพวกเขาหรือไม่? ภายใต้การทำงานที่น่าเบื่อหน่ายวันแล้ววันเล่า พวกเขาจะกลายเป็นศพเดินได้เช่นนี้หรือเปล่า?