ตอนที่ 18 : คนที่แข็งแกร่งที่สุดในแฟรี่เทล
“ฉันว่าเอลซ่าน่าจะได้ยินนะเควิน…” เกรย์มองชายที่อยู่ข้างๆตัวเขาซึ่งเป็นคนขี้รำคาญ
เมื่อได้ยินคำพูดของเกรย์ เควินก็เงยหน้าขึ้นมาราวกับกลัวว่า ‘มันจะมาอีกแล้วงั้นเหรอ?’ แต่แล้วเขาก็พบว่าเอลซ่าไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย เธอกำลังหงุดหงิดกับตัวเองที่ถูกสะกดได้อย่างง่ายดาย
“นายอยากตายรึไงเกรย์?” เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกหลอกเขาก็หันไปพูดกับเกรย์ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“....ใจเย็นนะ…”
ลูซี่หันไปมองคนข้างๆสองคนพร้อมถอนหายใจออกมา “ทำไมคนเก่งๆในกิลด์ถึงได้เป็นแบบนี้กันหมดละเนี่ย?”
“แต่จะว่าไป มิสกันที่นายพูดถึงเมื่อกี้คือใครงั้นเหรอเกรย์?” ลูซี่หันหน้าไปถามเกรย์ด้วยความสงสัย
“เป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดของแฟรี่เทลน่ะ” เมื่อได้ยินเสียงของผู้หญิงโลกิก็ตอบคำถามออกมาราวกับเป็นสัญชาตญาณ แต่เมื่อรู้ตัวว่าคนที่ถามคำถามของเขานั้นคือลูซี่จอมเวทย์แห่งดวงดาว เหงื่อของเขาก็ไหลท่วมตัวราวกับตัวเขานั้นไม่ใช่คาสโนว่าหนุ่มรูปงาม
“แต่ไม่รู้เพราะอะไร แต่ดูเหมือนเขาจะไม่อยากให้ใครเห็นหน้าเขา ดังนั้นทุกครั้งที่เขามาเลือกภารกิจ เขาจะทำให้ทุกคนหลับไหล” เกรย์อธิบายต่อจากโลกิ
“นั่นมันบ้าสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไง?” ถึงมันจะผิดมนุษมนาไปสักหน่อย แต่เธอก็ต้องทำใจกับมันเพราะเธอเองก็เป็นหนึ่งในจอมเวทย์ของแฟรี่เทลเช่นกัน
“ก็นั่นแหละเลยมีแค่มาสเตอร์เท่านั้นที่เคยเห็นหน้าเขา” เกรย์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของลูซี่
“แต่ฉันเคยเห็นนะ” *2
เสียงสองเสียงดังขึ้นมาอย่างพร้อมเพียง โดยเสียงหนึ่งนั้นดังขึ้นจากชั้นบน น้ำเสียงของผู้พูดเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและอวดดี ส่วนอีกเสียงหนึ่งเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่ายซึ่งผู้พูดก็คือเควิน
“ลัคซัส!”
“หายากนะที่จะได้เจอนายอยู่ที่กิลด์แบบนี้!” เหล่าสมาชิกแฟรี่เทลต่างรู้สึกประหลาดใจกับเสียงนั้น
“หมอนั่นเป็นอีกคนที่แข็งแกร่งที่สุดในแฟรี่เทล” เกรย์หันไปพูดอธิบายกับลูซี่
“หมอนี่เหมือนจะไม่พุ่งเข้ามาหาเรื่องฉันทันที เจ้านี่ใจเย็นกว่าที่คิดไว้เยอะเลย…” เมื่อได้ยินเสียงของลัคซัส เดิมทีเควินคิดจะรีบปลีกตัวออกไปทันที แต่เมื่อเห็นว่าลัคซัสไม่ได้ใส่ใจตัวเขามากนักและไม่ได้ผูกใจเจ็บกับสถานการณ์ครั้งล่าสุด เควินก็เงยหน้าพร้อมยิ้มให้ลัคซัส
ทว่าทันทีที่ลัคซัสเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเควิน ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นบึ้งตึงทันที
“ดูเหมือนว่า...หมอนั่นยังไม่หายโกรธแฮะ…” เควินที่ขี้เกียจสู้กับลัคซัสรีบเบนสายตาหนีทันที
——
“เหมือนเมื่อกี้ลัคซัสจ้องเควินอยู่เลย...” ลูซี่แอบหันไปกระซิบกับมิร่าเบาๆ
“ไม่นานมานี้ทั้งสองได้สู้กัน แต่ด้วยความขี้รำคาญของเควิน เขาเลยหนีออกมาก่อนจะรู้ผลผู้แพ้ชนะ เพราะแบบนั้นลัคซัสเลยโกรธมาก” คาน่าที่กำลังโอบถังไวน์เอาไว้ในอ้อมแขนโผล่งออกมา
“เอ๊ะ! พวกนั้นแอบไปสู้กันตอนไหน?” เมื่อได้ยินคำพูดของคาน่า เหล่าคนในแฟรี่เทลต่างถามกันออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ที่พวกเขาร่วมมือทำภารกิจกันในครั้งล่าสุดยังไงล่ะ…” เมื่อเห็นสายตาของคนรอบข้าง คาน่าก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะเล่ามันออกมาทั้งหมด
“สุดท้าย เควินก็ขังลัคซัสเอาไว้สามชั่วโมง และหนีกลับมาก่อน”
“ก็เลยยังไม่รู้ผลแพ้ชนะสินะ? โถ่เอ้ยเกือบจะรู้แล้วเชียวว่าใครแข็งแกร่งที่สุดในแฟรี่เทล”
นัตสึกับเกรย์พูดขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะหันไปจ้องเขม็งใส่กัน
“จะว่าไปเควินนี่ใช้เวทย์แบบไหนกันเหรอ? ฉันเคยเห็นเขาควบคุมสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับมังกรตอนต่อสู้กับพวกไอเซนวอลด์ แถมเขายังสามารถสลายเวทย์ของศัตรูได้อีกด้วย” ลูซี่ถามขึ้น
“ลูซี่ ยังไม่รู้งั้นเหรอ” มิร่าที่อยู่ข้างๆหันมามองลูซี่ด้วยความประหลาดใจ
“ฉันเคยเห็นว่าแค่ว่าเควินใช้การ์ด แต่เวทย์ของเขาก็ไม่ได้ดูเหมือนเมจิคการ์ดสักเท่าไหร่” ลูซี่เอียงหัวเล็กน้อยด้วยความงุนงง
“เวทย์ของเขาคือเวทย์การ์ดอัญเชิญ เธอจะไม่รู้จักก็ไม่แปลกหรอก เพราะเขาเป็นคนเดียวบนโลกใบนี้ที่สามารถใช้เวทย์นั่นได้” คาน่าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย และเริ่มหวนคิดถึงตัวเธอเอง สาเหตุหนึ่งที่เธอเริ่มเรียนเมจิคการ์ดนั้นเป็นเพราะต้องการทำนายว่าพ่อที่ยุ่งอยู่ตลอดเวลาของเธอนั้นจะกลับมาเมื่อไหร่ ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งนั้นมาจากเควิน
“การ์ดอัญเชิญของเขา นอกจากจะสามารถเรียกสัตว์อสูรออกมาได้ทุกชนิด มันยังมีการ์ดเวทมนตร์และการ์ดอุปกรณ์เวทมนตร์อีกด้วย เขาเป็นหนึ่งในคนที่ชำนาญในเวทมนตร์ทุกแขนง” พูดจบคาน่าก็กระดกไวน์ไปอีกหนึ่งอึก
“แอบคล้ายเวทย์อัญเชิญเทพแห่งดวงดาวของฉันเหมือนกันนะเนี่ย” ลูซี่พูดด้วยความชื่นชม
“ฉันแอบคิดนะว่าเหมือนเควินเขาไม่เคยเอาจริงมาก่อนเลย เขาเอาแต่อัญเชิญสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับศัตรูของเขาออกมาเท่านั้น” เกรย์ลูบคางพร้อมพึมพำออกมา
“สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดที่ฉันเคยเห็นคือ ‘อัศวินมังกรไกอา’ ในตอนนั้นเควินอัญเชิญมันออกมาเพื่อสู้กับเอลซ่า” มิร่าที่เริ่มสนใจ ได้เข้าร่วมการสนทนาในครั้งนี้ด้วย
“ในบรรดาสัตว์อสูรทั้งหมดของเควิน อัศวินมังกรไกอาเป็นอสูรระดับเจ็ดดาว แต่ตัวเขาเองก็มีการ์ดอสูรระดับเจ็ดดาวอยู่หลายใบ แต่การ์ดที่ทรงพลังมากที่สุดน่าจะเป็นอัศวินมังกรไกอานั่นแหละ” เอลซ่าที่ประลองกับเควินอยู่บ่อยครั้งเข้าร่วมการสนทนาในครั้งนี้ด้วย
“ถ้านับกันแค่ความแข็งแกร่ง อัศวินมังกรไกอานั้นแข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมันเป็นการ์ดเจ็ดดาวใบแรกที่เขาสร้างขึ้น แต่ ‘อัศวินดำไกอา’ หรือ ‘ดาร์คเมจิคเชี่ยน’ ที่เขาสร้างขึ้นหลังจากนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าอัศวินมังกรไกอาสักเท่าไหร่ ถึงพลังต่อสู้โดยตรงอาจจะอ่อนแอกว่า แต่ทั้งเอฟเฟกต์และความสามารถอื่นๆของพวกมันก็ทำให้เควินสามารถเอาชนะศัตรูได้ทุกประเภท…” ถ้าหากถามว่าใครที่คุ้นเคยกับเควินมากที่สุด คำตอบก็คงไม่พ้นคาน่า ทุกครั้งที่เควินสร้างการ์ดใบใหม่ขึ้นมาจะคาน่าจะเป็นคนแรกที่รู้ก่อนเสมอ
“ฉันเคยได้ยินมาว่าเควินสามารถอัญเชิญสัตว์อสูรพร้อมกันได้มากสุดสามตัว ลองนึกภาพดูสิการ์ดระดับเจ็ดดาวสามใบ...แถมแต่ละใบมีความสามารถเทียบเท่ากับจอมเวทย์ระดับ S” ริมฝีปากของเกรย์กระตุกขึ้นด้วยความกลัวเล็กน้อย
ขณะที่บทสนทนาที่เกี่ยวข้องกับเควินกำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ นัตสึผู้ที่มักจะกระตือรือร้นมากที่สุดกลับนอนซมด้วยความหดหู่
“แฮปปี้ เควินแข็งแกร่งมาก”
“ไอซ์! อันที่จริงเควินแข็งแกร่งกว่านายเป็นร้อยเท่าเลยแหละนัตสึ ความแข็งแกร่งของนายเทียบได้กับสัตว์อสูรระดับหกดาวของเควินเท่านั้นแหละ”
“โว๊ย! ฉันไม่อยากโดนนายดูถูกหรอกนะ แฮปปี้! พวกเราไปทำภารกิจระดับ S กันเถอะ!” คำพูดของแฮปปี้ได้จุดประกายบางอย่างในตัวเขาออกมา
“ไม่ใช่ว่ากิลด์กำหนดไว้ว่า…”
“รางวัลของภารกิจระดับ S มันมหาศาลมากเลยนะ! ถ้าได้รางวัลขนาดนั้นมาฉันจะซื้อปลาให้นายมากเท่าที่นายต้องการเลย!”
“ไอซ์ เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปคว้าใบภารกิจมาให้เอง!”