Kill the Dragons ตอนที่ 56 : หน่วยวิสกี้ (4) (ฟรี)
เอลูนักรบสองตัวกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังที่ใดสักแห่ง พวกมันส่งเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ ที่เหมือนกับเสียงไฮยีน่าผสมกับภาษาที่ฟังไม่ออก
"คิคิคิ"
– จัดการเลยไหม
ไซเลนซ์หันมาถาม ครูฝึกเรดหันมองอีฮันต่ออีกทอด
“คิดว่าไง” ครูฝึกเรดกระซิบเสียงแผ่วเบา
“ผมว่าเราควรตามพวกมันไป”
“เพราะอะไร?”
“พวกมันน่าจะเป็นหน่วยสอดแนมที่เพิ่งเสร็จภารกิจ อาจจะนำทางเราไปหาเอลูนักเวทย์ได้”
ครูฝึกเรดพยักหน้า ยอมรับในการสังเกตที่ชาญฉลาดของอีฮัน
เอลูนักรบทั้งสองตัวดูผ่อนคลายราวกับเดินเล่นกินบรรยากาศกันอยู่ ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังจะกลับไปที่รอยแยกมิติ
นักเรียนคนอื่นอาจเลือกปลิดชีพเอลูนักรบทั้งสองตัวตรงหน้าทิ้งไปแล้วด้วยความคิดว่ามันเป็นอุปสรรคต่อปฏิบัติการลับของพวกเขา ไซเลนซ์เองก็เป็นหนึ่งในคนที่คิดเช่นนั้น แต่อีฮันใช้เวลาอันสั้นสังเกตรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ประกอบการตัดสินใจ แม้พวกเขาจะเห็นเหตุการณ์เดียวกัน แต่ประสบการณ์ที่ต่างกันทำให้การตัดสินใจ กระบวนการคิด และมุมมองของพวกเขาแตกต่างกันไปด้วย
“ไซเลนซ์ ตามสองตัวนั้นไป พวกเราที่เหลือจะรักษาระยะห่างแล้วตามไป”
ไซเลนซ์พยักหน้า เขาเคลื่อนที่ผ่านแมกไม้อย่างรวดเร็วราวกับเสือดำ ฝีเท้าเงียบกริบเหมือนไม่มีแรงโน้มถ่วง
เขาสูญเสียความสามารถในการพูดไปจากอุบัติเหตุ แต่ได้รับปฏิกิริยาตอบสนอง ประสาทสัมผัส และความแข็งแกร่งเกินขีดจำกัดของมนุษย์กลับมาแทน
พรึ่บ
ไซเลนซ์เทเลพอร์ตเข้าใกล้พวกมัน แล้วหลบอยู่หลังต้นไม้
“ก๊าา?”
เอลูนักรบหยุดฝีเท้า หันมองด้านหลัง
พลังเทเลพอร์ตนั้นมีประโยชน์ในการต่อสู้และลอบสังหาร แต่ไม่ใช่กับการไล่ตามเผ่าเอลู พวกมันไวต่อพลังจิตและรับรู้ตำแหน่งได้ถ้าไซเลนซ์ใช้พลัง
‘ใกล้จะถึงรอยแยกมิติแล้ว’
ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้นที่บริเวณรอยแยกมิติมากว่าสิบปีแล้ว เคยมีกองกำลังทหารประจำการอยู่ที่บริเวณนี้ในช่วงห้าปีแรก แต่เมื่อไม่มีอันตรายเกิดขึ้น พวกเขาก็หยุดผลาญเงินไปกับการจ้างทหารมาดูแลอย่างเปล่าประโยชน์
การที่ลูกสมุนโผล่มารอบรอยแยกมิติเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปกติ
‘จากที่ครูฝึกบอก เจ้าหน้าที่ระดับสูงสันนิษฐานอยู่สองทาง ถ้าไม่ใช่ว่าพวกมันมารวมตัวกันเพื่อเป้าหมายอะไรบางอย่าง ก็อาจจะเพิ่งเดินทางผ่านรอยแยกออกมา แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้แล้ว สมมติฐานหลังไม่น่าเป็นไปได้’
ถ้ารอยแยกมิติเปิดออกเป็นประตูจะต้องสังเกตเห็นได้แล้ว
‘ครูฝึกบอกว่าแถวนี้มีแค่เอลู หรือว่าเราจะฆ่ามนุษย์หมาป่าไปหมดแล้วตั้งแต่ตอนนั้น?’
ถ้ายังมีมนุษย์หมาป่าหลงเหลืออยู่คงแทรกซึมเข้าไปได้ยากกว่านี้ แต่ตอนนี้ไม่มีมนุษย์หมาป่าหรือเอลูนักล่าหลงเหลืออยู่เลย พวกมันอาจถูกทำลายล้างไปหมดตั้งแต่คืนที่นักเรียนปีสองได้รับการช่วยเหลือ
วิ้งงง
ยิ่งเข้าใกล้รอยแยกมิติเท่าไหร่ อาการปวดหัวก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ไซเลนซ์รู้สึกเหมือนสมองถูกบีบรัด รอยแยกมิติอยู่ใกล้จนมองเห็นด้วยตาเปล่า ท้องฟ้ารอบ ๆ ราวกับต้องมนต์ แสงสีรุ้งลอดทะลุรอยแตกยาวกว่าหนึ่งกิโลเมตร
‘รอยแยกมิติ’
ไซเลนซ์เข้าอาร์คมานานและเห็นรอยแยกมิติมานับครั้งไม่ถ้วน เขามองลงไปที่พื้นใกล้รอยแยกมิติ พวกสมุนรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น เผ่าเอลูกำลังทำอะไรสักอย่างที่เหมือนกับการสวดภาวนา ร่างกายของพวกมันสั่นเป็นจังหวะ แล้วโค้งคำนับราวกับกำลังบูชาแสงสีรุ้ง
‘เอลูนักเวทย์’
เอลูนักเวทย์เป็นเหมือนกับผู้นำที่คอยสั่งการบรรดาเอลูตัวอื่น ๆ มันไม่มีอาวุธ มีเพียงไม้เท้าที่ดูไม่ต่างจากไม้เท้าธรรมดาทั่วไป ยกเว้นคริสตัลสีน้ำเงินที่ติดอยู่ปลายไม้เท้า พลังจิตที่แข็งแกร่งเปล่งออกมาจากคริสตัลจนรู้สึกได้
‘คริสตัลพลังจิตที่เราเคยได้แค่อ่านหรือได้ยินมาเท่านั้น’
ครัสตัลพลังจิตเป็นแร่ที่สามารถกักเก็บพลังจิตไว้ได้ เอลูนักเวทย์มักเก็บพลังจิตส่วนใหญ่ไว้ในคริสตัล และใช้มันเป็นแหล่งพลังในการโจมตี ถ้าได้จับมัน แม้แต่คนธรรมดาก็ควบคุมไซโคเฟรมได้ แต่ครัสตัลพลังจิตไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่ายแม้ในหมู่เอลูนักเวทย์เองก็ตาม
“อู!”
เหล่าเอลูนักเวทย์เหมือนกำลังเตรียมพิธีอะไรบางอย่าง พวกมันสร้างแท่นบูชาขึ้นจากหินและไม้คล้ายกับที่หมอผีวูดูใช้กัน ไซเลนซ์ส่งข้อความรายงานสมาชิกในทีม
– ศัตรูเจ็ดตัว นักรบหก กับนักเวทย์หนึ่ง
– ถ่ายวิดีโอแล้วส่งกลับมา
ไซเลนซ์บันทึกภาพเตรียมไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขารีบกลับไปหาทีมแล้วส่งให้ทุกคนดูผ่านกำไลข้อมือ ภาพปรากฏขึ้นผ่านอินเตอร์เฟสในหมวกนิรภัย
“พวกมันกำลังทำอะไรบางอย่างกันอยู่” อีฮันบอก
พวกเขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าเหล่าเอลูกำลังทำอะไรกันอยู่ ข้อมูลที่มีน้อยเกินกว่าที่จะสรุปได้
“ประเด็นอยู่ที่พวกมันไม่หนีแต่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ตั้งแต่สงครามจบลงเอลูนักเวทย์ไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้ามนุษย์อีกเลย พวกมันระวังตัวมาก โดยเฉพาะเมื่อเราพยายามเข้าใกล้ ทั้งที่หนีมาตลอดเป็นสิบปี แต่ตอนนี้พวกมันกลับยังอยู่ที่นี่ไม่หนีไป ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าพวกเราจะต้องกลับมา”
อีฮันและไซมอนตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดแล้วมองหน้ากันและกัน
"มีอะไรสำคัญกว่าชีวิตของพวกมันหรอ? เช่น.."
“พวกมันอาจจะพยายามเปิดประตูมิติ หรืออัญเชิญอะไรบางอย่างมาที่นี่ก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ เราจะต้องหยุดพวกมันให้ได้ เราจะเปลี่ยนเป้าหมายของปฏิบัติการครั้งนี้ เป้าหมายสูงสุดคือการจับตัวเอลูนักเวทย์กลับมาทั้งที่ยังมีชีวิตเหมือนเดิม แต่ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ให้หยุดพวกมันด้วยพลังทั้งหมดที่มี แม้จะต้องฆ่ามันก็ตาม”
สถานการณ์เลวร้ายที่สุดคือการอัญเชิญมังกร พวกเขาไม่อยากแม้แต่จะจินตนาการถึงมัน ถ้ามังกรปรากฏตัวขึ้นจริง หน่วยวิสกี้คงถูกกำจัดไปอย่างไร้ร่องรอย พวกเขาไม่มีอุปกรณ์ที่จะใช้ต่อสู้กับมังกรได้
ครูฝึกเรดดูภาพบันทึกจนจบ แล้วซูมเข้าไปที่จุดหนึ่งในวิดีโอ
“นี่คริสตัลพลังจิตหรอ?”
ไซมอนถาม ครูฝึกเรดพยักหน้า มันคือคริสตัลที่ติดอยู่ปลายไม้เท้าของเอลูนักเวทย์
“จำพลังที่ระเบิดเครื่องบินได้ใช่ไหม เอลูนักเวทย์นี่แหละที่เป็นตัวการ พวกมันใช้เวลายาวนานกักเก็บพลังจิตไว้ในคริสตัลเพื่อใช้ในยามจำเป็น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการโจมตีของมันถึงได้ทรงพลังพอ ๆ กับมังกร แต่ดูแล้วตอนนี้พวกมันน่าจะใช้พลังแบบนั้นได้อีกแค่ครั้งหนึ่ง”
“ครูรู้เรื่องนี้ได้ยังไงครับ” อีฮันถาม
ครูฝึกเรดชี้ไปที่คริสตัล
“ตอนนี้คริสตัลเป็นสีฟ้าจาง ๆ แปลว่าเหลือพลังจิตอยู่ไม่มากแล้ว ถ้าใช้พลังจนหมด คริสตัลจะกลายเป็นสีขาว ถ้าลองสังเกตขนาดและสีของมันก็จะประมาณพลังจิตที่เหลืออยู่ได้”
ครูฝึกเรดมีประสบการณ์ต่อสู้มามากมาย เขาต้องสู้กับมังกรและสมุนมานับไม่ถ้วน
เอลูนักเวทย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตรายไม่แพ้มังกร และครูฝึกเรดก็ตระหนักถึงความน่ากลัวของมันดี เพื่อนร่วมรบของเขาจำนวนมากต้องเสียสละชีพเพื่อข้อมูลที่จะเอามาใช้ต่อกรกับพวกมัน
'หน้าที่ของฉันคือสอนทุกสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเสียสละของพวกเขาให้กับเด็กเหล่านี้'
หน่วยทางการที่อาร์คส่งออกมามักจะมีไซเกอร์รุ่นแรกอยู่อย่างน้อยหนึ่งคน หน้าที่สำคัญที่สุดของพวกเขาคือรักษาชีวิตของนักเรียน ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใด แต่ชีวิตของนักเรียนต้องมาก่อน แม้จะต้องตายแทนก็ต้องช่วยนักเรียนให้ได้
“ปฏิบัติการจับแม่มดกำลังจะเริ่มแล้ว สิ่งสำคัญคัญที่สุดคือความเร็ว เราต้องปราบเอลูนักเวทย์ให้ได้ก่อนที่มันจะโจมตีกลับ ไซเลนซ์รับผิดชอบการโจมตีหลัก ส่วนอีฮันจะเป็นตัวสำรองในกรณีที่มีอะไรผิดแผน อีฮัน เธอจะต้องจะไปเผชิญหน้ากับเอลูนักเวทย์แทน ไม่สิ ถ้าถึงจุดนั้นจริง ๆ ก็ฆ่ามันซะ”
ครูฝึกเรดวางแผนกลยุทธ์ตามข้อมูลที่รวบรวมมาได้ เราจะพยายามปราบเอลูนักเวทย์ด้วยการซุ่มโจมตี แล้วจัดการนักรบหลังจากนั้น
– เคลื่อนตัว ระยะทางแปดเมตร
อีฮันตั้งสติไว้มั่น ในเวลานี้จะต้องไม่มีสิ่งใดที่ผิดพลาด
“ฮู่วว”
เขาหายใจเข้าออก นึกถึงตอนที่พยายามขโมยอาหารจากรถบรรทุกอาหารทหาร อีฮันแอบย่องผ่านทหารที่กำลังสูบบุหรี่อยู่แล้วแอบเข้าไปที่หลังรถ ไม่อาจรู้ได้ว่าทหารจะกลับมาเมื่อไหร่ เขาต้องปลอบประโลมจิตใจที่หวาดกลัวไม่ต่างจากตอนนี้
– ถึงระยะสังเกตการณ์แล้ว
อีฮันมองตามเผ่าเอลู
‘พวกมันกำลังทำอะไรอยู่’
พวกเอลูกำลังวางอะไรบางอย่างบนแท่นบูชา เขามองเห็นชิ้นส่วนเสื้อผ้าที่คุ้นเคย มันคือชุดฝึกของอาร์ค
ตุ้บ ตุ้บ
หัวใจของอีฮันเต้นแรง ไม่ได้ยินเสียงใดนอกจากเสียงหัวใจที่ดังก้องอยู่ในหู
ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ
‘ต้องไม่ใช่สิ’
เผ่าเอลูเสียบไม้แหลมเข้ากับอะไรบางอย่าง ก่อนจะยกมันขึ้นวางบนแท่น เลือดสีแดงฉานไหลเป็นทางบนแท่งไม้
กึด!
อีฮันกัดฟันแน่น พวกมันเสียบร่างไร้ชีวิตของนักเรียนที่ตายไป เพื่อใช้เป็นเครื่องบูชายัญ
แม้แต่ความตายก็ไม่อาจคืนความสงบสุขกลับไปให้พวกเขาได้
-- ใจเย็นไว้ อีฮัน
เสียงของครูฝึกเรดฟังดูห่างไกลเหลือเกิน อีฮันสูดหายใจเข้าลึก พยายามประคองสติเอาไว้สุดความสามารถ ในขณะที่ความโกรธเดือดพล่านอยู่ภายในอก
"อาา"
อีฮันส่งเสียงครางออกมาเมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่ตกเป็นเครื่องบูชายัญ ในนั้นมีสมาชิกหน่วย 13 สองคนที่หายตัวไป
‘สมาชิกหน่วยเรา โดมิงโก.. กอซิม..’
สมาชิกหน่วยของเขากลายเป็นศพเย็นชืด และกำลังถูกพวกเอลูเยาะเย้ย
‘ฉันทำใจไว้แล้วว่าพวกเขาอาจจะตาย แต่ถึงกับโดนทำให้อยู่ในสภาพแบบนี้มัน…’
อีฮันพยายามสุดชีวิตที่จะทำใจให้สงบ แต่หัวใจของเขากลับเต้นรัวราวกับสัตว์ป่าที่คลุ้มคลั่ง อกของเขาเริ่มปวดจนทนแทบไม่ไหว
กูวววว
แสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา จิตสังหารแผ่ออกเป็นวงกว้าง
– ไม่นะ! อีฮัน!