ตอนที่แล้วKill the Dragons ตอนที่ 54 : หน่วยวิสกี้ (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปKill the Dragons ตอนที่ 56 : หน่วยวิสกี้ (4) (ฟรี)

Kill the Dragons ตอนที่ 55 : หน่วยวิสกี้ (3) (ฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

แต๊ก ๆ

ครูฝึกเรดเคาะหมวกส่งสัญญาณสองครั้ง สมาชิกหน่วยที่ซ่อนตัวอยู่ค่อย ๆ ออกมารวมกัน ก่อนจะเริ่มเคลื่อนตัว

ไซเลนซ์และครูฝึกเรดมีประสบการณ์ในสนามรบจริงอยู่แล้ว ส่วนไซมอนยังดูเก้ ๆ กัง ๆ อีฮันมองสำรวจจากด้านหลังแล้วเร่งฝีเท้าตามไป

‘ทักษะการต่อสู้และการเคลื่อนไหวของไซเลนซ์ดีที่สุดจึงได้เป็นคนเดินนำทัพ ส่วนครูฝึกเรดอยู่คนที่สองเพื่อที่จะได้สั่งการไซเลนซ์ได้ทันที รวมถึงส่งสัญญาณให้คนด้านหลังได้ด้วยพร้อม ๆ กัน ไซมอนลำดับที่สามเพราะมีความสามารถรอบด้านดีที่สุดอยู่ และเราอยู่ปิดท้ายขบวนเพื่อที่จะมองเห็นทุกคนและวิเคราะห์สภาพของทีมได้’

ทุกรายละเอียดของปฏิบัติการในครั้งนี้ได้รับการพิจารณามาอย่างดีตามความเหมาะสมของสมาชิกในหน่วย

‘ถ้าเป็นเราก็คงจัดลำดับแบบเดียวกับครูฝึกเรด’

อีฮันคงสมาธิไว้ตลอดเวลา เขารับบทบาทเป็นหัวหน้าหน่วยที่ต้องสั่งการและคิดเรื่องต่าง ๆ ในหัวมาตลอด แต่ในครั้งนี้แตกต่างออกไป อีฮันไม่ใช่หัวหน้าหน่วย แต่เป็นเพียงสมาชิกหน่วยคนหนึ่งที่ต้องโยนรายละเอียดเล็กน้อยในหัวทิ้งไป แล้วให้ความสนใจเฉพาะสิ่งที่ครูฝึกเรดสั่งเท่านั้น

เหลือระยะทางอีกแปดกิโลเมตรก่อนจะถึงจุดหมายปลายทางของปฏิบัติการในครั้งนี้ พวกเขาเลือกเดินเท้าเข้าไปเพื่อเลี่ยงความสนใจจากเอลูนักเวทย์ และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ระเบิดเครื่องบินแบบก่อนหน้านี้

พวกเอลูนักเวทย์มีไหวพริบสูงและระมัดระวังตัวอย่างดี หากพวกมันประเมินสถานการณ์ว่าเป็นอันตรายก็จะหนีไปทันทีไม่รีรอ ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงหลุดพ้นจากการเป็นเป้าหมายของอาร์คมาได้ตลอดสิบสองปีที่ผ่านมา

ระยะทางแปดกิโลเมตรไม่ได้ไกลจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้ใกล้เช่นกัน การเคลื่อนตัวผ่านป่าหนาทึบพร้อมกับอุปกรณ์เต็มตัวไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อมองเห็นแต่ภาพเดิม ๆ ของต้นไม้ตลอดทาง

“หาวว~”

ไซมอนหลุดหาวออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เขารีบหุบปาก ครูฝึกเรดเหลือบมองแล้วเดินไปตรวจสอบบริเวณโดยรอบ ก่อนจะเคาะหมวกอีกครั้ง

“เราจะพักกินข้าวกันตรงนี้ แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ฉันกับไซมอนจะคอยเฝ้าระวังให้ก่อน จากนั้นค่อยสลับกัน”

ครูฝึกเรดและไซมอนเดินหาจุดปลอดภัยแล้วเริ่มสอดส่องสายตาไปทั่ว ส่วนอีฮันและไซเลนซ์หยิบเสบียงอาหารของตัวเองขึ้นมา มีเพียงบิสกิตและเครื่องดื่มอยู่ด้านใน

‘ไซเลนซ์จะกินอาหารยังไงนะ’ อีฮันนึกแล้วหันไปมองไซเลนซ์

ไซเลนซ์เปิดหน้ากากส่วนล่างออกแล้วค่อย ๆ งับบิสกิตเข้าไปละเลียดในปาก

“ตอนกินก็ไม่ถอดหมวกหรอ ไม่อึดอัดแย่หรอแบบนั้นน่ะ”

– ไม่เลย!

ไซเลนซ์รีบจิ้มกำไลข้อมือ ข้อความสีน้ำเงินบนหมวกเลื่อนออกมา

อีฮันเลิกคิ้ว พยักหน้าตอบ ก่อนจะถอดหมวกออกมาระบายความร้อน แม้ว่ามันจะสร้างจากวัสดุคุณภาพสูงที่ระบายอากาศได้ดี แต่พอใช้จริงก็กลายเป็นถังรองเหงื่อดี ๆ นี่เอง

“ฮู้วว สดชื่นอย่างกับเกิดใหม่”

เหงื่อไหลตามเส้นผมแล้วหยดลงพื้น ลมเย็นพัดผ่านใบหน้า พาเอาความชื้นจากเหงื่อให้จางหายไป อีฮันหยิบอาหารขึ้นมานั่งกินบ้าง

‘ไซเลนซ์ก็น่าจะเหงื่อท่วมตัวเหมือนกัน... หรือว่าเขามีแผลเป็นน่ากลัวบนหน้าตามข่าวลือจริง ๆ’

อีฮันไม่กล้าเอ่ยปากถาม มันดูเสียมารยาทที่จะถามเรื่องละเอียดอ่อนเช่นนี้ แถมไซเลนซ์ยังดูเหมือนจะไม่พอใจเขาเรื่องการต่อสู้ระหว่างหน่วยที่ผ่านมาด้วย ถึงได้ทำตัวเย็นชาใส่มาตลอด

ไซเลนซ์กระพือหมวกขึ้น ๆ ลง ๆ ให้ลมเย็นพัดเข้าไปด้านใน เป็นภาพที่ดูน่าขันจนอีฮันเกือบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เขารู้สึกเหมือนได้เห็นตัวตนของไซเลนซ์เพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อยในวันนี้

“ถอดหมวกพักหน่อยก็ได้ เดี๋ยวฉันหันไปทางอื่นให้”

ไซเลนซ์สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบพิมพ์บางอย่างลงในกำไลข้อมือ

– ฉันไม่ร้อน หุบปากซะ!

‘เขาดูถือตัวในเรื่องแปลก ๆ แฮะ’

ไซเลนซ์ยืนกรานจนถึงที่สุดว่าไม่รู้สึกร้อนเลยสักนิด อีฮันก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อหลังจากนั้น ไม่นานช่วงพักอันแสนสั้นก็จบลง อีฮันสวมหมวกกลับเข้าไปอีกครั้ง ส่วนไซเลนซ์ก็หยิบปืนแล้วลุกขึ้นยืน

ถึงตาครูฝึกเรดและไซมอนพักผ่อนบ้างแล้ว อีฮันและไซเลนซ์สลับมาเฝ้าระวังแทน

ในป่าช่างเงียบสงบราวกับไม่เคยมีเหตุการณ์สะเทือนขวัญเกิดขึ้นในนี้ ไม่มีวี่แววของศัตรู มีเพียงสัตว์ป่าที่กระโดดผ่านไปมาเป็นระยะ พื้นที่ตรงนี้เป็นอาณาเขตของเกาหลี แต่กลับให้ความรู้สึกราวกับเป็นประเทศอื่น จากในป่ารกร้างสามารถมองเห็นแสงจากเมืองใหญ่ส่องวิบวับอยู่ไกล ๆ

แซ่ก แซ่ก

อีฮันหรี่ตาลง มีเสียงดังมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล มันขยับไปในทิศตรงกันข้ามกับกระแสลม ก่อนจะเคลื่อนที่กระจัดกระจายไปคนละทิศทาง

– เผ่าเอลู หน่วยสอดแนมสองตัว

ข้อความสั้น ๆ ปรากฏขึ้นบนจอมอนิเตอร์ของหมวกไซเลนซ์ ศัตรูกำลังมุ่งหน้าตรงมาทางพวกเขา

หน่วยสอดแนมมีร่างกายใหญ่โตกว่าเผ่าเอลูทั่วไป พวกมันมีอาวุธและเครื่องป้องกันครบครัน ทั้งดาบ โล่ และเกาะหนัง

‘เอลูนักรบ’

อีฮันกลั้นหายใจแล้วเล็งปืนไปที่พวกมัน รู้ดีแก่ใจว่าถ้าใช้ปืน เสียงจะต้องดังสนั่นไปทั่วทั้งป่า แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็จำเป็นต้องเปิดโจมตีก่อน

– อย่ายิง

ไซเลนซ์ส่งสัญญาณมือให้อีฮัน เขาหยิบดาบคู่ของตัวเองออกมา แสงสีฟ้าสว่างวาบจากภายในหมวก

พรึ่บ

ไซเลนซ์หายวับไปในพริบตา ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบนกิ่งไม้ใกล้ศัตรู วินาทีก่อนที่มันจะหักโค่นลงมา เขาก็หายตัวไปอีกครั้ง

พรึ่บ

ครั้งที่สอง ไซเลนซ์ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของเอลูนักรบ ดาบคู่เคลื่อนไหวเร็วจนมองแทบไม่ทัน ก่อนที่หัวของศัตรูจะตกลงพื้นดัง ตุ้บ

-- สถานการณ์คลี่คลายแล้ว

ข้อความเลื่อนบนหมวกของไซเลนซ์ เขาหมุนดาบ สะบัดเลือดที่ไหลอาบให้กระเด็นออกไป

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ไซเลนซ์ดูราวกับนักฆ่ามือฉกาจที่ชำนาญในการปลิดชีพ

‘นี่คือไซเลนซ์’

อีฮันรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันใด

พลังเทเลพอร์ตเป็นยิ่งกว่ากลโกงในสงคราม ไซเลนซ์มีทั้งพลังเทเลพอร์ตและทักษะการต่อสู้ที่เหนือชั้น ทำให้เขาเหนือกว่าใครทั้งปวง จะมีสักกี่คนที่จะสกัดกั้นการโจมตีในพริบตาของเขาได้ พลังของเขาแทบจะเรียกได้ว่าเป็นอมตะ

‘สุดยอดเลยจริง ๆ’

ไซเลนซ์มองมาทางอีฮันด้วยท่าทีโอ้อวด

ครูฝึกเรดยืนยันสถานการณ์ ก่อนจะสั่งให้ทีมเคลื่อนไหวต่อ ไซมอนดูไม่พอใจนักที่ยังไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ แต่ก็ทำตามแต่โดยดี

ซ่าา–

ยิ่งเข้าใกล้รอยแยกมิติ สัญญาณแทรกซ้อนของกำไลข้อมือและอุปกรณ์สื่อสารก็ยิ่งมากขึ้น แต่คราวนี้พวกเขาเตรียมตัวรับมือกับปัญหานี้มาแล้ว

“เปลี่ยนไปใช้เครือข่ายท้องถิ่น”

จีพีเอสดับลง แผนที่ออฟไลน์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้าปรากฏขึ้นแทน เสียงแทรกซ้อนดับหายไปพร้อมกับสัญญาณวิทยุที่ใช้สื่อสารกับอาร์ค

‘เราตัดขาดการติดต่อกับอาร์คโดยสมบูรณ์แล้ว’

อาร์คไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่าหน่วยวิสกี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรต่อจากนี้ พวกเขาอาจจะถูกกำจัดทิ้งโดยไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ขอความช่วยเหลือใด ๆ

บริเวณโดยรอบรอยแยกมิติให้ความรู้สึกแปลกประหลาด เป็นความรู้สึกกดดันแบบที่มีเพียงไซเกอร์เท่านั้นที่รู้สึกได้ ครูฝึกเรดเป็นเพียงไซเกอร์ที่ได้รับพลังจิตจึงไม่ได้รับรู้ถึงความกดดันมากนัก ในขณะที่เหล่านักเรียนที่เป็นไซเกอร์โดยกำเนิดแทบจะขาดอากาศหายใจ หัวใจของพวกเขาเต้นเร็วเป็นสองเท่าจากตอนปกติ

‘พวกเขาจะผ่านไปได้ด้วยดี’

ครูฝึกเรดสังเกตอาการของคนในทีม โดยเฉพาะอีฮันที่เพิ่งเผชิญกับเหตุการณ์สะเทือนใจเมื่อไม่นานมานี้

นักเรียนปีสองส่วนใหญ่ยังคงรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บอยู่ แต่อีฮันกลับออกมาร่วมรบได้ทันทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไซมอนก็เพิ่งเคยออกมาเผชิญสนามรบจริงเป็นครั้งแรก แต่ไม่แสดงท่าทีกระวนกระวายใจเลยแม้แต่น้อย

‘เด็กปีสองที่พร้อมออกรบได้ทันทีมีแค่ไม่กี่คน รวมกับเด็กพวกนี้ด้วยก็น่าจะมีแค่ประมาณสี่หรือห้าคนเท่านั้น’

อาร์คมักขาดแคลนกำลังคนอยู่เสมอ พวกเขาต้องการไซเกอร์มากขึ้นทุกวัน แต่กลับมีนักเรียนเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่จะสามารถออกไปต่อสู้จริงได้ทันที ขั้นตอนและกระบวนการฝึกของไซเกอร์ซับซ้อนเกินกว่าจะเร่งกระบวนการฝึกได้ แม้ว่าอาร์คจะต้องการกำลังคนเพียงใด แต่การฝึกฝนให้พร้อมก็ยังสำคัญกว่า

‘ถ้าเด็กพวกนี้สู้ไม่ได้มนุษยชาติก็จะสูญสิ้น เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว แค่สามปีเท่านั้น’

ครูฝึกเรดตั้งใจทำตัวโหดเหี้ยมกับนักเรียนปีหนึ่งในระดับที่ทหารผู้ใหญ่ก็อาจรับมือไม่ไหว แต่ถ้าเด็ก ๆ ไม่สามารถรับมือกับการฝึกของเขาได้ก็คงไม่อาจเข้าร่วมสนามรบได้เช่นกัน อาร์คทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ และเปลี่ยนสิ่งที่ปกติให้ผิดปกติ

พวกเขาไม่ต้องการนักเรียนที่ผลการเรียนเลิศเลอ แต่ต้องการคนที่จะรับมือกับสถานการณ์กดดันทุกแบบได้ แทนที่จะหาทหารธรรมดาเป็นร้อยคน ทหารมือฉกาจเพียงคนเดียวยังมีค่ามากกว่า

‘ไม่ว่าจะทำได้ดีแค่ไหนภายใต้ความปลอดภัยของอาร์ค แต่ถ้าพวกเขาไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้จริง ทุกอย่างก็สูญเปล่า ไม่มีโอกาสครั้งที่สองเมื่อต้องเผชิญหน้ามังกร สิ่งที่อีฮันและไซมอนต้องการที่สุดในตอนนี้คือประสบการณ์ต่อสู้ที่แท้จริง’

ขณะที่ครูฝึกเรดครุ่นคิดอยู่นั้น ไซเลนซ์ก็หยุดฝีเท้าลง

แซ่ก แซ่ก

เสียงดังลอดออกมาจากในป่า ไซเลนซ์ที่เดินนำอยู่ยกมือขึ้น ทุกคนหยุดฝีเท้าและทำตัวเงียบเชียบที่สุด

"คิคิคิ"

เอลูนักรบสองตัวส่งเสียงหัวเราะน่าขนลุกอยู่ตรงหน้าพวกเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด