บทที่ 9 ผู้หญิงสำส่อน
บทที่ 9 ผู้หญิงสำส่อน
หลินถงซูไตร่ตรองอยู่สักพักก่อนจะตอบกลับว่า
“เก็บภาพจากกล้องวงจรปิดระหว่างทางให้มากที่สุดเพื่อดูว่าใครเจอกับเธอบ้าง”
เฉินฉีอธิบาย “เข้าท่านี่ แต่ที่เกิดเหตุคือแถวสะพานอันฟูที่ไม่มีกล้องวงจรปิดเลยแม้แต่ตัวเดียว เพราะฉะนั้นผมไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์อะไรมากนักหรอก อีกอย่างตอนนั้นมันมืดมาก คุณภาพของกล้องวงจรปิดทั่วไปที่คุณภาพไม่ได้สูงนักต่อให้ได้วิดีโอมาก็คงเห็นอะไรไม่ชัดอยู่ดี”
หลินถงซูถามขึ้นมาว่า “แล้วคุณจำรูปร่างหน้าตาเธอได้ไหม?”
แทนการตอบคำถามเฉินฉียิ้มก่อนจะถามว่า “เหตุเกิดมากี่วันแล้วนะ?”
“สี่วัน”
“คุณคิดว่าคนขับรถอย่างผมต้องเจอผู้คนกี่คนกันในวันเดียว? คุณเคยได้ยินเรื่องภาวะความทรงจำเป็นพิษไหม? ต่อให้ผมพยายามนึกก็กลัวว่าจะเป็นแค่การเข้าใจผิดเปล่า ๆ”
เฉินฉีดีดนิ้ว “ไปกันเถอะ!”
“ไปที่ไหน?”
“ไปหาเฉินจุน”
หลินถงซูโทรถามเจ้าหน้าที่ในทีมก่อนจะได้รู้ว่าเฉินจุนทำงานอยู่ที่บริษัทต่างชาติที่หนึ่งและเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนร่วมงานสองสามคน เมื่อทั้งคู่ไปถึงก็มีชายคนหนึ่งท่าทางดูเรียบร้อยเปิดประตูออกมา ดวงตาของเขาแดงก่ำ
เขาถามขึ้นว่า “มาหาใครครับ?”
หลินถงซูแสดงตราตำรวจของเธอขึ้นมาและถามว่า “คุณคือเฉินจุนใช่ไหม? ฉันอยากคุยอะไรด้วยนิดหน่อย”
“เข้ามาเลยครับ”
ข้าวของภายในบ้านค่อนข้างเละเทะตามประสาที่มีผู้ชายอาศัยอยู่หลายคน ชายที่ทั้งสองคิดว่าเป็นเฉินจุนเดินนำพวกเขาเข้าไปในห้องของเขาที่ดูสะอาดมาก เฉินฉีถามคำถามสองสามข้ออย่างชำนาญ และเฉินจุนก็ค่อย ๆ ตอบคำถามทีละข้อ
เขาอ้างว่าเขาคบหาอยู่กับกู้เหมิงซิงมาเป็นเวลาสามปีแล้ว พวกเขาเจอกันในเกมออนไลน์แล้วพบว่าทั้งสองอยู่ที่เมืองเดียวกันจึงได้ทำการนัดเจอกัน เมื่อรู้ว่าต่างฝ่ายต่างชอบกันจึงได้เริ่มคบหาดูใจกัน
กู้เหมิงซิงทำงานอยู่ในบริษัทด้านเภสัชกรรม ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอุปนิสัยเลยเพียงแค่หน้าตาของเธอก็สวยมากแล้ว ทำให้เฉินจุนรู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่ได้อยู่กับเธอ แน่นอนว่าเขารักเธอมากจนอยากจะแต่งงานกับเธอในสักวันหนึ่ง
“ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น? ไอ้คนขับอูเบอร์ชาติชั่วนั่น!” เฉินจุนพูดเสียงสะอื้น
เฉินฉีไม่สนใจความเจ็บปวดของเฉินจุนและถามอย่างใจเย็นว่า
“ความสัมพันธ์ของแฟนคุณกับคนอื่นเป็นยังไงบ้าง? คุณมีเพื่อนร่วมกันบ้างไหม?”
เฉินจุนนึกแล้วเริ่มพูดชื่อให้เฉินฉีฟังในขณะที่เขากำลังจดรายชื่อเหล่านั้นลงในสมุดโน้ตของหลินถงซู เธอมองดูสิ่งที่เขาจดและสังเกตว่าลายมือของเขาเป็นระเบียบมากราวกับว่าเคยฝึกคัดลายมือมาก่อน
หลังจากจดบันทึกครบทุกชื่อแล้วเฉินฉีก็เหลือบดูรายชื่อก่อนจะถามว่า
“นี่คือทั้งหมดแล้วเหรอ? เธอมีเพื่อนสนิทบ้างไหม?”
“มีครับ แต่ผมไม่รู้จักพวกเขา คุณจะถามไปทำไม?”
“ก็เป็นปกติอยู่แล้วที่ตำรวจจะต้องการรายละเอียดตอนกำลังสืบคดี ผมหิวน้ำ ขอน้ำสักแก้วหน่อยได้ไหม?”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้”
ทันทีที่เฉินจุนเดินไป เฉินฉีก็เริ่มค้นข้าวของอย่างสบายใจ ส่วนหลินถงซูกระซิบ
“นี่! คุณกำลังทำอะไรน่ะ? นี่ไม่ได้อยู่ในระเบียบการทำงานนะ!”
“ผมไม่ใช่ตำรวจสักหน่อย” เฉินฉีเจอกล่องยาสองสามกล่องอยู่ในลิ้นชักแล้วเขาก็โยนมันลงบนโต๊ะ เสียงเท้าเดินใกล้เข้ามาหลินถงซูถาม “ทำไมคุณไม่เอาทุกอย่างเก็บไว้ที่เดิมล่ะ?”
เฉินฉีทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดเฉินจุนเดินเข้ามาพร้อมชาก่อนที่เฉินฉีจะพูดขอโทษ
“ขอโทษนะ ผมตรวจดูลิ้นชักชองคุณไปนิดหน่อยน่ะ”
เห็นได้ชัดว่าเฉินจุนไม่ชอบใจนักแต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ยาพวกนี้ถ้าผมจำไม่ผิดมันเอาไว้รักษาโรคหนองในนี่ คุณมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกเราหรือเปล่า?”
“นะ... หนองในเหรอ?” หลินถงซูมองดูเด็กหนุ่มคนนี้ที่ดูไม่เหมือนคนที่หมกมุ่นในเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย
“นะ... นี่...” เฉินจุนกัดริมฝีปากแล้วพูดตะกุกตะกัก
“ผมหวังว่าคุณจะไม่โกหกเรานะ ไม่ต้องห่วงหรอกผมจะไม่เอาไปพูดต่อให้คนอื่นฟังแน่นอน”
“ผม...ผมเป็นหนองในครับ!” เฉินจุนสารภาพ
“คุณติดเชื้อจากที่ไหน?”
“มันเป็น... งานสังสรรค์ประจำปี... บริษัทแจกโบนัสให้เพื่อนผมเลยลากผมไปที่อย่างว่า... พอกลับมาแล้ว... ผมก็รู้สึกคันแล้วก็เจ็บตรงนั้น...” เฉินจุนถูจมูก
“คุณยังบอกไม่หมด สีหน้ากับการกระทำมันบ่งบอกว่าคุณกำลังโกหกอยู่ ผมอยากให้คุณเลิกปิดบังผมสักที!”
เฉินจุนหน้าแดงขึ้นทันที “มันเกี่ยวอะไรกับคดีฆาตกรรมล่ะ? นี่มันเรื่องส่วนตัวของผม มันชัดอยู่แล้วว่าคืนนั้น
เหมิงซิงถูกไอ้คนขับรถนั่นฆ่า ทำไมคุณไม่ไปสอบสวนเขาแทนที่จะเป็นผม?”
“จะสำคัญไหมนั่นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพวกเราไม่ใช่คุณ! คุณไม่อยากจะบอกความจริงเหรอ? งั้นผมจะช่วยให้คุณพูดออกมาก็แล้วกัน คุณรักแฟนคุณมากก็เลยพยายามปกป้องเธอโดยไม่รู้ตัวคุณเชื้อหนองในติดจากเธอใช่ไหม?
เฉินจุนเกาหัวอย่างหงุดหงิดเฉินฉีพูดต่อ “คุณมีแก้วคู่กับรูปแฟนอยู่บนโต๊ะ ทุกครั้งที่ผมพูดถึงเธอแววตาของคุณจะเปลี่ยนไป เป็นข้อบ่งบอกได้อย่างดีว่าคุณมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อเธอ เพราะฉะนั้นคุณเลยไม่อยากให้เธอเสื่อมเสียทั้งที่รู้ว่าชีวิตลับ ๆ ของเธอไร้ระเบียบแถมยังแพร่เชื้อโรคให้คุณ”
“พอได้แล้ว!” เฉินจุนโยนแก้วทิ้งไป “ผมไม่อยากให้คุณพูดถึงเธอแบบนั้น!”
หลินถงซูสั่นกลัวแต่เฉินฉีจุดบุหรี่อย่างใจเย็นและยิ้ม “โกรธเหรอ? เหมือนว่าผมจะพูดจี้จุดล่ะสิ!”
เฉินจุนเปิดประตู “ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณแล้ว ออกไป!”
“อย่าลากฉันไปเกี่ยวด้วยนะ!” หลินถงซูกระซิบด้วยความกังวล เฉินฉีเพิ่งทำให้พยานคนสำคัญหัวเสียแบบสุด ๆ เธอก็หน้าบางเกินที่จะทนไหวทำให้หน้าของเธอแดงไปหมด
เฉินฉีส่ายหัว “หญิงสาวอายุยี่สิบห้าปีที่ยังไม่แต่งงานได้ใกล้ชิดกับชายหลายคน เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของเธอกับคนอื่น ๆ ซับซ้อนกว่าที่คุณคิด การตายของเธอดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับยาที่คุณใช้ ถ้าทั้งสองอย่างเชื่อมโยงกันจริงแล้วเราออกไปตอนนี้ คราวหน้าคุณจะเห็นตำรวจอีกคนมาบอกกับคุณว่า ‘ขอโทษด้วยครับ เรายังปิดคดีนี้ไม่ได้ โปรดมารับร่างของแฟนคุณด้วย!’ ถ้าคุณอยากให้มันจบแบบนั้นก็บอกมาเลยแล้วพวกเราจะไป เพราะนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเราอยู่แล้ว แค่กังวลว่าจะได้โบนัสรึเปล่า งั้นเรามีอะไรจะเสียล่ะ? แต่สำหรับคุณ กู้เหมิงซิงจะแค้นเคืองคุณในโลกหลังความตายและฆาตกรก็จะไม่ถูกลงโทษ บางทีเร็ว ๆ นี้อาจจะมีเหยื่อแบบเธออีกสองสามคน ทั้งหมดนี่เกิดเพราะคุณไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจเพราะกลัวเสียชื่อเสียงไร้สาระนั่น! ใช้สมองได้แล้ว!”
ระหว่างที่เฉินฉีกำลังพูดได้ครึ่งทางหลินถงซูก็ทำปากบอกเขาว่า ‘อย่าพูดแบบนั้นนะ!’ แต่เขาก็ทำเป็นเหมือนว่าไม่เห็นท่าทางของเธอ
เฉินจุนรู้สึกราวกับว่าเขาถูกตบเข้าที่หน้าจนชา เขากำมือแน่นจนสั่นทันใดนั้นเขาก็ปิดประตูดังปังแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใกล้ ๆ เขาหยิกแล้วดึงผมของตัวเองอย่างเจ็บปวดก่อนจะพูดว่า “ผมขอปฏิเสธ... ผมจะพูด... เธอ... เธอสวมเขาผมอีกแล้ว ไม่ใช่แค่ครั้งแรกหรอก...”
“คุณรู้ได้ยังไง?” เฉินฉีถาม
“มีครั้งหนึ่งเพื่อนร่วมงานของผมบอกว่าเขาเห็นเธอกับชายแก่คนหนึ่งที่โรงแรม ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ผมเก็บมาคิดซ้ำ ๆ ทั้งวันทั้งคืนจนนอนไม่หลับ ทุกครั้งที่ผมนึกภาพเธอเปลือยกายอยู่กับชายคนอื่นผมก็ทนไม่ไหว ผมเลยแอบเอาเครื่องติดตามใส่ไว้ในเคสโทรศัพท์ของเธอแล้วผมก็จับได้คาหนังคาเขา เรื่องตลกก็คือผู้ชายคนนั้นเป็นคนละคนกับครั้งแรกที่ผมรู้”
“เมื่อเธอกลับมาผมกับเธอก็ทะเลาะกัน ผมเลยจะขอเลิกกับเธอซะ แต่พอเห็นน้ำตาเธอผมก็ใจอ่อน หลังจากครั้งนั้นเธอก็ยังไม่เลิกหลับนอนกับผู้ชายคนอื่น ผมจำไม่ได้กว่าเราทะเลาะกันไปกี่รอบกับเรื่องนี้ จนหลัง ๆ มาแทนที่เธอจะร้องไห้แต่เธอกลับใช้ตรรกะไร้สาระมาอธิบายเหตุผลของตัวเอง เธอพูดย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าแม้ร่างกายเธอจะไม่ซื่อสัตย์ แต่ใจเธอเป็นของผมตลอด คำพูดพวกนี้ถูกพูดออกมาจากปากของเธอ ถึงแม้ว่าผมจะไม่เชื่อแต่ผมก็รักเธอมากเกินกว่าที่จะทิ้งเธอไป หลังจากนั้น...”
เฉินจุนยิ้มแล้วส่ายหัว “เธอก็ติดเชื้อสกปรกนี่แล้วก็แพร่มันให้ผม!”