ตอนที่ 17 : มิสกัน
ในตอนแรกคาน่าคิดว่าเควินจะช่วยคิดแผนการช่วยเหลือนัตสึกับเอลซ่า ทว่าเควินกลับหลับไปโดยไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
ตึ้ง!
“เธอทำอะไรของเธอเนี่ย!” เควินตะโกนใส่คาน่าด้วยสีหน้าหงุดหงิด เมื่อจู่ๆคาน่าก็เขกเข้ามาที่หัวของเขา
“นายไม่สนใจเอลซ่ากับนัตสึบ้างเลยรึไง!” ทว่าแทนที่จะสลดคาน่ากลับตะคอกเควินกลับอย่างเดือดดาล
“ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่ไม่จำเป็นต้องสนใจต่างหาก” เควินพยายามอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง
“ต่อให้นัตสึทำอะไรเกินเลยไปบ้าง อย่างมากสภาก็แค่ลงโทษสองคนนั้นนิดหน่อยแหละน่า พรุ่งนี้ก็กลับกันมาเองนั่นแหละ”
“ทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้ล่ะ ฉันจะได้ไม่ต้องเข้าใจผิด!” ความโกรธของคาน่าลดน้อยลงทว่าเธอน้ำเสียงของเธอก็ยังเต็มไปด้วยความกังวล
เธอรู้มาตลอดว่าเควินมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับเอลซ่าและนัตสึนัก เธอคิดว่าเควินจะไม่ช่วยเหลือสองคนนั้นเพราะเหตุผลนี้ ยิ่งเธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งหงุดหงิด เธอหยิบไวน์ออกมาขวดหนึ่งก่อนจะกระดกใส่ปากจนหมดทันที
“ยัยนี่เวลาหงุดหงิดทีไรก็เอาแต่ดื่มทุกที” เควินถอนหายใจออกมา
“กิลดาสจะรู้ตัวบ้างไหมเนี่ยว่าลูกสาวของเขาสร้างปัญหาให้ฉันขนาดไหน”
เมื่อเมาหนักคาน่าก็ผล็อยหลับไป เควินพาคาน่าไปนอนในห้อง ส่วนเขาก็เลือกที่จะนอนบนโซฟา
“ปวดหัวจริงๆ” คาน่านวดขมับตัวเองเบาๆเมื่อเธอตื่นขึ้นมา
หลังจากลุกออกจากเตียงคาน่าก็เดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างคุ้นเคย เสื้อในและกางเกงในถูกโยนทิ้งไปทีละตัว ไม่นานนักเสียงน้ำไหลก็ดังขึ้น
เควินตื่นนอนพร้อมกับอาการปวดเมื่อยร่างกาย
เควินบิดตัวไล่ความปวดเมื่อยออกจากร่างอย่างรุนแรง
“ยัยนี่ไม่กลัวฉันแอบทำมิดีมิร้ายเธอในตอนดึกรึไงกัน? สักวันต้องจัดให้ยัยนี่สักหน่อยแล้ว” เควินพูดพึมพำกับตัวเอง ตอนนั้นเองหญิงสาวที่นุ่งผ้าขนหนูเพียงตัวเดียวก็เดินออกมาจากห้องน้ำ
“เมื่อกี้ฉันได้ยินนะเควิน” คาน่ายิ้มมุมปากพร้อมขยิบตาให้เควิน
“ฉันไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย” เควินตอบปฎิเสธอย่างรวดเร็ว ทว่าเขากลับนั่งเอนตัวมาด้านหน้าอย่างผิดสังเกตุ
ในฐานะชายหนุ่มวัยเจริญพันธุ์เป็นธรรมดาที่ภาพตรงหน้าจะทำให้ร่างกายของเขาเกิดปฎิกิริยาตอบสนอง
ถึงเขาจะเห็นร่างกายของคาน่ามาตั้งแต่ยังเด็ก แต่เขาก็ยังไม่ชินสักที
“ฉันได้ยินนะ จะจัดหนักอะไรกัน?” คาน่าในผ้าขนหนูเพียงตัวเดียวเดินเอนกายมาพิงร่างของเควิน
“กินข้าวเสร็จก็ออกไปซะ” เควินที่สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่นุ่มนิ่มมากระทบกับแผ่นหลังของเขาแสร้งพูดออกไปอย่างใจเย็น
“น่าเบื่อเป็นบ้า” เมื่อเห็นว่าเควินไม่เล่นด้วย คาน่าก็เดาะลิ้นพร้อม หยิบเสื้อผ้ามาสวมและออกจากบ้านของเควินไปด้วยท่าทางหงุดหงิด
“ในที่สุดยัยนั่นก็ไปสักที...ดูเหมือนหน้าอกยัยนั่นจะใหญ่ขึ้นอีกแล้วสินะ…”
——
การเดินไปบนถนนภายในแมกโนเลียในทุกเช้าทำให้เควินรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด
ขณะเดินเข้าไปภายในกิลด์ เควินก็พบคนที่เขาคุ้นเคย
อีกฝ่ายสวมชุดคลุมดำ สวมผ้าโพกหัวและมีผ้าที่ช่วยอำพรางใบหน้าทำให้โดยรวมแล้วเขาดูเป็นชายที่ลึกลับเป็นอย่างมาก ทว่ากลับไม่มีใครเลยบนถนนที่สังเกตุเห็นเขา ราวกับว่าเขาเป็นเพียงแค่ภูติผี
“ไม่เจอกันนานเลยนะมิสกัน” เคิวนเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมทักทายด้วยความร่าเริง
“ไม่เจอกันนาน” ชายที่ชื่อมิสกันตอบกลับเสียงเรียบเฉย
“เอาแต่ใช้เวทมนตร์อำพลางไม่เหนื่อยบ้างรึไง?” เควินถามขึ้นขณะเดินไปพร้อมกับอีกฝ่าย
“นายก็รู้ดีว่าฉันไม่สามารถปรากฎตัวท่ามกลางฝูงชนได้” มิสกันเหลือบมองเควิน ราวกับจะถามว่านายก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้วนายจะถามเพื่อ?
“ก็จริง นายบนโลกนี้เป็นคนดังนี่นา” เควินเมินสายตาของมิสกันที่จ้องมองมาทางเขา
“จะว่าไปถ้าไม่ใช่เพราะชื่อเสียงที่แย่ของแฟรี่เทล นายก็คงขึ้นเป็นหนึ่งในสิบจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้สบายๆแล้ว” มิสกันที่ไม่อยากพูดเรื่องของตัวเองสักเท่าไหร่ รีบเปลี่ยนเรื่องพูดทันที
“คนที่แกร่งที่สุดในแฟรี่เทลคือกิลดาสต่างหากล่ะ หากจะต้องเลือกใครสักคน เขาน่าเหมาะที่สุดแล่ว” เควินยิ้มด้วยแววตาที่ราวกับกำลังจะบอกมิสกันว่า ‘ฉันรู้นะว่านายพยายามเปลี่ยนเรื่อง’ ถึงแม้ว่ามิสกันจะปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิด ทว่าเควินก็พอรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยสบายใจนักเมื่อถูกจ้องมอง
“แต่ก็อย่างว่าแหละ นิสัยของเขามันไม่ได้เรื่องเลย”
“หมอนั่นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีลูกสาวแล้ว”
“ลูกสาว?!”
“โอ๊ะ ลืมไปว่านั่นมันความลับสุดยอด เอาเป็นว่าเมื่อกี้นายไม่ได้ยินอะไรละกัน”
มิสกันเริ่มใจเต้นแรงเพราะกลัววันหนึ่งเควินจะเผลอหลุดความลับของเขาออกไปแบบเดียวกับที่เขาทำตอนนี้
ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาหยุดอยู่ที่หน้ากิลด์แฟรี่เทล
“เสียงดังมาก นัตสึกับเอลซ่ากลับมาแล้วงั้นเหรอ” เควินเดาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงที่อยู่ด้านใน
“หลบไปก่อน ฉันจะใช้เวทมนตร์” เมื่อมิสกันพูดจบ เควินก็เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมาทันที ซึ่งเควินที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้วก็ใช้พลังเวทย์ของตัวเองขจัดผลของเวทย์มิสกันทิ้งไป
“ทำไมนายต้องทำให้พวกนั้นหลับด้วยล่ะ” เควินหรี่ตาลงพร้อมมองไปที่มิสกันด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ข้างในมันเอะอะกันเกินไป ฉันกลัวว่าจะมีใครมาเผลอดึงผ้าปิดหน้าของฉันออก แม้จะเป็นไปได้ยากแต่ระวังเอาไว้ก่อนดีกว่า”
“สมกับเป็นแฟรี่เทลจริงๆ ถึงได้รู้นิสัยของคนภายในกิลด์ดีขนาดนี้” เควินหัวเราะพร้อมนั่งลงบนโต๊ะที่มีเกรย์นั่งอยู่
มิสกันเดินไปที่กระดานภารกิจ จากนั้นก็หยิบออกมาแผ่นหนึ่งและมอบให้มาคารอฟ
เขาเป็นเหมือนดั่งวิญญาณร้ายในแฟรี่เทล ที่ทุกคนรู้ว่ามีเขาอยู่ แต่น้อยคนนักที่เคยเจอเขา
เมื่อมิสกันเดินออกไปเวทย์หลับไหลก็หมดฤทธิ์ลง ทุกคนต่างตื่นกันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“มิสกันมาที่นี่งั้นเหรอ? นี่นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเควิน?” เมื่อผลของเวทย์หลับไหลหมดลง เกรย์ก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความงุนงง
“เอลซ่ายังหลัยอยู่ไหม? หวังว่าเธอจะไม่พุ่งเข้ามาท้าฉันสู้นะ…” เควินไม่สนใจเกรย์เลยแม้แต่น้อย เอาแต่จ้องมองเอลซ่าที่อยู่ห่างออกไปพร้อมพึมพำกับตัวเอง
***
มิสกัน