243 - หยอกเย้าหญิงงาม
243 - หยอกเย้าหญิงงาม
ในเวลานี้ร่างกายของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงมีแสงสว่างจ้า พลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของนางถูกระเบิดออกมาในครั้งเดียว
เย่ฟ่านก็มีความเด็ดขาดเช่นกัน กำปั้นของเขากระแทกเข้าใส่ร่างกายของหญิงสาวอย่างรุนแรงโดยหมายจะบดขยี้ให้นางเสียชีวิตก่อนที่จะมีโอกาสระเบิดทะเลแห่งความทุกข์ได้
ปัง!
แม้แต่ร่างกายที่แข็งแรงอย่างเขาก็ยังไร้ผลเหมือนครั้งก่อน เขาไม่สามารถทำลายร่างเซียนของเหยาซีได้ หมัดที่อยู่ยงคงกระพันของเขาถูกแสงปิดกั้นไว้ด้านนอก
ปังปัง!
หมัดของเขาที่สามารถบดขยี้สมบัติวิญญาณไม่สามารถโจมตีคู่ต่อสู้คนนี้ได้ ข้างหน้าร่างของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงมีแผนผังรูปดาวจางๆที่ขวางเขาไว้
นี่เป็นฉากที่แปลกมาก แผนภาพดวงดาวนั้นฉายแสงอย่างเจิดจ้า และในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกลึกซึ้งว่ามันเป็นทุ่งดาวที่ปกคลุมร่างกายของเหยาซี
"เกิดอะไรขึ้น?" เย่ฟ่านถามด้วยความสงสัย
เขาต่อยนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาไม่สามารถทำลายมันได้ แผนภาพดวงดาวเป็นเหมือนชุดเกราะของเทพ หมอกและกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ปิดกั้นพลังแห่งหมัดของเขาอย่างสมบูรณ์
“เย่ฟ่านเราควรนั่งคุยกันดีๆได้ไหม” สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงกล่าวเบาๆ
เย่ฟ่านไม่สนใจนาง เขากำจัดสายใยแห่งสำผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางโดยตรงทำให้นางเพียงสามารถสนทนาได้แต่ไม่อนุญาตให้ขยับตัว
“นี่คือชุดเกราะของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงของข้า เจ้าจะไม่มีวันทำลายมันได้”
“ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์… ข้าไม่จำเป็นต้องทำลายมัน ตราบใดที่ข้าถอดเสื้อผ้าอีกชั้นหนึ่งออกก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว” เย่ฟ่านเริ่มถอดแขนเสื้อของนางออกก่อน
“เจ้า…”
สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงรู้สึกหวาดกลัวมากในขณะเดียวกันความโกรธแค้นก็เข้าจู่โจมหัวใจของนาง
“เจ้าจะอายอะไร ต่อให้ข้าถอดเสื้อผ้าเจ้าออกหมดเจ้าก็ยังมีชุดเกราะสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงของเจ้าอยู่” การเคลื่อนไหวของเย่ฟ่านนั้นเบามาก แต่ก็มุ่งมั่นจริงจังเช่นกัน
แขนเสื้ออีกข้างของสตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกฉีกออก เย่ฟ่านโยนเศษผ้านั้นออกไปด้านนอกศาลาราวกับเศษขยะ
เย่ฟ่านจับมือนางไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่มืออีกข้างเคลื่อนไหวไปมาอย่างหยาบคายโดยทำเหมือนว่ากำลังเตรียมที่จะเปิดกล่องอัญมณีล้ำค่า
“เจ้า…” สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงสั่นสะท้านด้วยความกลัวนางละล่ำละลักว่า
“หยุดก่อน ขอร้อง!”
แขนเสื้อของนางเลื่อนลงเผยให้เห็นแขนที่เปลือยเปล่าของนางซึ่งมีสีขาวสดใสราวกับดอกบัวที่โผล่พ้นกจากน้ำ เส้นโค้งที่สวยงามของนางเป็นเหมือนหยกสีขาวอบอุ่น นี่เป็นหญิงงามที่ไร้ข้อตำหนิอย่างสิ้นเชิง
“เจ้าเป็นหญิงงามจริงๆ…” เย่ฟ่านยกย่องนาง น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนเป็นอย่างมาก
แต่เมื่อสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงได้ยินคำพูดนั้นมันเป็นเหมือนใบมีดที่กรีดลงบนหัวใจของนาง อารมณ์ของนางเหวี่ยงอย่างรุนแรง นี่คือสิ่งที่นางไม่เคยแม้แต่จะกล้าจินตนาว่ามันจะเกิดขึ้น
“เย่ฟ่านรู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่” นางพยายามให้เสียงของนางสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้
“โดยธรรมชาติข้ารู้ ข้าชื่นชมแขนที่เปลือยเปล่าของหญิงงามเสมอมา น่าเสียดายที่ไม่มีสุราหรืออาหารดีๆเลย ไม่อย่างนั้นคืนวิวาห์ของพวกเราคงจะสมบูรณ์แบบ”
“เจ้า…”
เมื่อเห็นเขาแสดงท่าทางพอใจกับตัวเอง สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็ยิ่งขุ่นเคืองมากขึ้น
เย่ฟ่านเอื้อมมือของเขาออกและเลื่อนมันเบาๆบนแขนของนาง เขาสัมผัสได้ถึงผิวที่อ่อนนุ่มนั้นและพูดว่า
“นี่เป็นอาหารตาชั้นยอด ไม่จำเป็นต้องมีสุราหรืออาหารขอเพียงได้ชื่นชมสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็เพียงพอแล้ว”
“เจ้า…ล้อเล่นเกินไปแล้ว!”
ใบหน้าของนางประหม่า รูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์และเย้ายวนก่อนหน้านี้จางหายไปหมด ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกลัวอย่างถึงที่สุด
“ไม่ต้องห่วง ข้าทะนุถนอมหญิงงามเสมอมา” เย่ฟ่านยิ้มและเสริมว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าจริงจังมากแค่ไหน?”
เมื่อพูดเช่นนี้เขามองดูนางอย่างจริงจังและระมัดระวัง จากนั้นด้วยเสียงที่ฉีกขาดแขนเสื้อที่ห่อหุ้มหัวไหล่ของนางก็ถูกฉีกออกมาเผยให้เห็นสัดส่วนที่ขาวผ่องมากยิ่งขึ้น
“เย่ฟ่าน!”
“ข้าบอกแล้วว่าข้าจะทำมันอย่างจริงจัง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” เขาหยุดแล้วพูดว่า
“ไม่น่าแปลกใจที่คนพูดว่าแม้ภูเขาและแม่น้ำจะงดงามแต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับหญิงสาว ด้วยร่างกายที่ไม่มีอะไรเทียบได้ตรงหน้าข้านี้ ต่อให้เป็นดินแดนเซียนที่งดงามมากที่สุดก็ไม่มีทางเทียบได้”
“ไอ้สาระเลวน้อย!” นางกลายเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ
ในเวลานี้แขนทั้งสองของนางเปลือยเปล่าและนางนั่งบนตักของเย่ฟ่าน ร่างกายที่อ่อนนุ่มของนางถูกพัวพันด้วยความความสนิทสนมกับเขา
นางสามารถสัมผัสได้ถึงความร้อนในร่างกายของเย่ฟ่านที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ทำให้นางโกรธแค้นเป็นอย่างมากและเห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กน้อยนี่ไม่ได้ล้อเล่น!
เย่ฟ่านจับเอวบางของนางไว้ นิ้วของเขาค่อยๆลากผ่านผิวหนังที่อ่อนนุ่มของหญิงสาว เสื้อผ้าที่ขาดของนางเป็นเหมือนดอกไม้ที่ลอยลงสู่พื้นอย่างสง่างาม
แขนสีขาวบริสุทธิ์ของนางสว่างไสวเมื่อผิวที่บอบบางของนางถูกเปิดเผยออกมา ขณะที่เย่ฟ่านสัมผัสมันกลิ่นหอมจากธรรมชาติก็ลอยเข้าสู่จมูกของเขา
ปกติแล้วสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงมักเป็นเหมือนนางมารร้าย แต่เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ นางไม่สามารถหยุดตัวเองจากความรู้สึกอับอายได้
“เย่ฟ่าน…เจ้า!” เสียงของนางสั่นสะท้าน
แม้ว่านางจะร้องไห้ออกมาแต่เศษเสื้อผ้าของนางยังคงหล่นลงพื้นอย่างต่อเนื่องในเวลานี้แผ่นหลังอันเรียบลื่นของนางเปิดเผยออกมาทั้งหมดแล้วโชคยังดีที่ร่างกายส่วนหน้าของนางยังคงมีเสื้อผ้าปกคลุมอยู่
“เจ้าควรจะรู้ว่าข้าคือสตรีศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียวในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง ถ้าเจ้า… ถ้าเจ้าทำมากกว่านี้ เจ้าจะไม่สามารถได้รับการอภัยได้…”
นางหันหลังให้กับเย่ฟ่านขณะที่นางยังคงนั่งบนตักของเขา ผิวของนางสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่ถูกระบายออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ข้ามีแต่จะเดินไปข้างหน้าเท่านั้น ต่อให้ข้าปล่อยเจ้าไปตอนนี้มีหรือที่เจ้าจะอภัยให้ข้า” จากนั้นเย่ฟ่านก็หัวเราะและพูดว่า “ข้าจำสำนวนที่บ้านเกิดของข้าได้ บางอย่างที่เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน?”
“เจ้าประพฤติตัวผิดศีลธรรมมากกว่าสัตว์เดรัจฉานอย่างแน่นอน!” นางโจมตีเขาด้วยคำพูดแต่เสียงของนางยังสั่นอยู่บ้าง
“ถ้าข้าไม่ทำอะไรเลยนั่นต่างหากที่โง่เง่ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน แต่ถ้าข้าทำอย่างมากก็เทียบเท่าได้กับสัตว์เดรัจฉานเท่านั้น” เย่ฟ่านส่ายหัวด้วยสีหน้ายียวนและกล่าวว่า
“ดูเหมือนว่าทั้งสองทางจะไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่”
"เจ้า…"
“อย่ากังวลไปเลย ข้ามีประสบการณ์เรื่องนี้อยู่ไม่น้อย” นัยน์ตาของเขาชัดเจนอย่างสมบูรณ์โดยปราศจากความมึนเมาแม้แต่น้อย ในขณะที่นิ้วของเขาลูบไล้ร่างกายของนางอย่างอ่อนโยน
“หากเจ้าไม่ทำตามคำพูดของข้าเจ้าจะได้รู้ว่าเลวร้ายยิ่งกว่าเดรัจฉานหมายความว่าอะไร”
นิ้วของเขาหยุดตามร่างกายของนาง สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่น่าหลงใหลอย่างชัดเจน แต่เขาก็ยังมีสติสัมปชัญญะไม่ได้เกิดความมึนเมาไปกับราคะ
เมื่อเห็นว่านางไม่ตอบรับเย่ฟ่านจึงฉีดเสื้อผ้าที่ปิดบังหน้าอกของนางออก มือที่สั่นเทาของเขาโยนมันขึ้นไปบนฟ้าจากนั้นมืออีกข้างของเขาก็ลูบไล้ที่หน้าอกของนางอย่างแผ่วเบา ในเวลานี้ดวงตาของเขาดูเหมือนจะเริ่มมึนเมาไปบ้าง!
แต่ทันใดนั้นจิตสังหารไร้รูปร่างก็ปรากฏขึ้น!
ในเวลานี้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงไม่วิตกกังวลหรือตัวสั่นอีกต่อไป นางเย็นชาและสงบอย่างสมบูรณ์และแสงศักดิ์สิทธิ์มากมายมหาศาลก็ทะลักออกมาจากหว่างคิ้วของนาง
“ข้ากำลังรอให้เจ้าออกมานานแล้ว!”
ทะเลสาบสีทองเล็กๆระหว่างคิ้วของเขากลายเป็นคลื่นขนาดใหญ่ที่จู่โจมเข้าหาวิญญาณของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง
“ข้ารู้ว่าเจ้าแค่แสดงละคร แต่ไม่มีทางที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงจะได้รับความอัปยศไปมากกว่านี้!” นางกรีดร้องใส่เขา
“ข้าคิดว่าเจ้าจะรอจนถึงลมหายใจสุดท้าย ใครจะคิดว่าแค่นี้เจ้าก็ทนไม่ได้แล้ว” สัมผัสอันศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านกลายเป็นกระบี่สวรรค์สีทองที่ฟาดลงมาอย่างรุนแรง