บทที่ 8 ฆาตกรเป็นผู้หญิง
บทที่ 8 ฆาตกรเป็นผู้หญิง
หลินถงซูตกใจจนหน้าซีดเผือด
“ไม่ใช่คนเดียวกันงั้นเหรอ? ไม่มีทาง...ข้อมูลจากแอปในโทรศัพท์ของเธอบอกว่าเธออยู่บนรถของคุณ อย่ามาโกหกกันดีกว่า!”
เฉินฉีส่ายหัวด้วยความเหนื่อยหน่าย
“ถ้าคุณยังคิดว่าผมเป็นฆาตกรอยู่เราก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ คุณรู้ได้ยังไงว่าโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นของผู้ตาย?”
“คุณกำลังจะบอกว่าผู้หญิงอีกคนที่อยู่บนรถคุณเป็นคนฆ่าอย่างงั้นเหรอ!?”
“ผมว่าผมบอกชัดแล้วนะว่าการข่มขืนมันถูกจัดฉาก!”
“ฆาตกรเป็นผู้หญิงเหรอ? คุณจำหน้าได้ไหม?”
เฉินฉีส่งสัญญาณให้หลินถงซูนั่งหลง “อย่าเพิ่งด่วนสรุปจากการสัณนิษฐานอย่างเดียวสิ ผู้หญิงคนนั้นอาจจะไม่ได้เป็นคนฆ่าก็ได้ เรามาค่อย ๆ คิดกันทีละขั้นตอนดีกว่า”
เฉินฉีเลื่อนดูรูปในโทรศัพท์ของหลินถงซูก่อนจะพบรายละเอียดเล็ก ๆ มือขวาของผู้ตายมีลวดลายคล้ายวงกลมอยู่ แต่มันดูจางและเบลอมาก
เฉินฉีถามขึ้น “ในที่เกิดเหตุเจอของอะไรที่ผู้ตายถืออยู่มั้ย?”
“ไม่มี เราหากันอย่างละเอียดแล้วแต่ก็ไม่เจออะไรแบบนั้นเลย”
“ถ้าคุณพาผมไปดูแถวนั้นได้ก็คงดี”
“มีเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบอยู่ ฉันคงพาคุณไปแถวนั้นตอนนี้ไม่ได้”
“ผมแค่พูดว่าถ้าได้ก็คงดี แต่เอาเถอะ คุณสังเกตไหมว่าที่เกิดเหตุมีหินที่ถูกน้ำพัดมาเต็มไปหมด? แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่โดนพวกมันขูดจนร่างกายเกิดรอยขีดข่วน เสื้อผ้าของผู้ตายบางมากและมีรอยฉีกหลายจุดถ้าถูกข่มขืนจริงน่าจะมีรอยช้ำตามร่างกายด้วยแต่กลับไม่มีเลยนอกเสียจากว่า…”
“นอกจากอะไร?”
เฉินฉียิ้มออกมา “นอกเสียจากว่าฆาตกรจับเธอแขวนคอไว้ก่อนจะข่มขืนและฆ่าเธอ”
“สารเลว!” หลินถงซูสาดน้ำชาในถ้วยใส่เขา
“โอ๊ย คุณทำอะไรเนี่ย!?” เฉินฉีร้องโอดโอยไปพลางใช้กระดาษชำระเช็ดเสื้อไปพลาง
เฉินฉีดูรูปในโทรศัพท์ต่อ หลินถงซูถามต่อ “คุณเจออะไรเพิ่มอีกไหม?”
“ตอนนี้ผมคงบอกได้แค่เท่านี้แหละนอกเสียจากว่าผมจะได้เห็นศพ”
“ฮึ! เดี๋ยวพอคุณเจอเพิ่มก็พูดอีกอยู่ดีแหละ”
“คิดว่าผมจะเป็นเหมือนคุณรึไง!?”
เฉินฉีส่งแฟ้มกับโทรศัพท์คืนให้หลินถงซู เขาได้วิเคราะห์ทุกอย่างและสร้างสมมติฐานทั้งหมดอย่างสมบูรณ์แบบจากรายละเอียดที่มีอยู่จนหลินถงซูอดถามไม่ได้ “จริงๆแล้วคุณเป็นใครกันแน่?”
“ก็แค่ผู้ชายคนนึงที่ชอบดูหนังอาชญากรรมของฮ่องกงและไต้หวันไง ตอบแบบนี้พอใจคุณหรือยัง?” เฉินฉีหัวเราะเบาๆ
“อย่ามาไร้สาระ! ฉันไม่เชื่อหรอก!” หลินถงซูจ้องลึกเข้าไปในตาของเขา
เฉินฉีจุดบุหรี่ขึ้นสูบ “แล้วคุณยังอยากจะร่วมมือกับผมอยู่ไหม?”
“คุณต้องตอบคำถามของฉันก่อน ฉันไม่ทำงานร่วมกับคนที่ฉันไม่รู้จักหรอกนะ”
“ผมคงบอกคุณไม่ได้หรอก แกล้งทำเป็นว่าผมเป็นคนธรรมดาที่พอมีฝีมืออยู่บ้างโอเคไหม? เอาไว้ตอนที่เราสนิทกันแล้วผมจะบอกหมดเปลือกเลย!” เฉินฉียกคิ้วขึ้นอย่างโรคจิต
“ใครอยากจะไปสนิทกับคุณกัน? อย่ามาเอาเปรียบกันสิ!” หลินถงซูยกมือขึ้นมาหมายจะตีเขา
“อย่านะ อย่าตีผมเลย!” เฉินฉีแกล้งทำเป็นอ้อนวอนขอความเมตตาจนหลินถงซูเอามือลง ก่อนจะเสนอว่า
“เรามาตั้งกฎในการร่วมมือกันดีกว่า!”
“ฉันฟังอยู่!”
“อย่างแรกเลยห้ามถามว่าผมเป็นใครเพราะผมต้องการความเป็นส่วนตัว อย่างที่สองเรื่องนี้จะต้องเก็บเป็นความลับ ผมจะช่วยคุณคุณทำการสืบคดีแบบลับ ๆ ถ้าสำเร็จความดีความชอบทั้งหมดเป็นของคุณ และหากคุณต้องการตอบแทนผมก็แล้วแต่คุณเลย ส่วนข้อสุดท้าย… ผมต้องการให้คุณไว้ใจผม”
หลินถงซูไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะดีขนาดนี้ คนธรรมดาที่มีความสามารถเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญจะช่วยเธอไขคดีโดยที่ไม่เอาความดีความชอบอะไรเลย เธอรู้สึกระแวงขึ้นมาจึงถามว่า “ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ล่ะ?”
“เพราะว่าผมชอบน่ะ!”
หน้าของหลินถงซูแดงก่ำ “คุณพูดเรื่องอะไรกัน?”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมจะตามสืบคดี อีกอย่างผมเห็นพี่ชายของคุณกำลังสืบเรื่องนี้ไปผิดทางจนผมทนไม่ได้ ผมเป็นชายผู้มีความยุติธรรม ผมก็ต้องแก้ไขในสิ่งที่ผมรู้ว่ามันผิดสิ”
“คุณมีคุณธรรมขนาดนั้นเลยเหรอ?” ใบหน้าของหลินถงซูแสดงออกว่าเธอไม่เชื่อเขาเลยสักนิดเดียว
“ผมบอกคุณไปก่อนหน้านี้แล้วไง ว่าการมีคุณธรรมกับการเสียสละมันไม่เหมือนกัน ผมพูดเรื่องที่ต้องพูดไปหมดแล้ว ผมจะขอรางวัลแล้วนะคุณต้องพาผมไปกินข้าวเย็น!”
หลินถงซูกัดริมฝีปากตัวเอง หมอนี่คาดเดาไม่ได้และเธอก็มองเขาไม่ออกเลยแม้แต่น้อย บางทีเธออาจจะยอมเชื่อเขาแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเพราะดูเหมือนเขาจะมีความสามารถมากพอที่จะไขคดีนี้ได้
หลังจากนั้นเธอก็จะได้รับความดีความชอบมากกว่าคนอื่น เธอต้องการให้คนเหล่านั้นตะลึงที่ได้เห็นเธอเฉิดฉาย
“ตกลง!”
เฉินฉียื่นมือของเขาออกมาก่อนที่หลินถงซูจะถามว่า “ทำอะไรน่ะ?”
“สัญลักษณ์ว่าเราร่วมมือกันไง!”
“จำเป็นต้องทำด้วยเหรอ?”
“แน่นอนว่าจำเป็นสิ!”
หลินถงซูยื่นมือไปจับมือของเฉินฉี มือของเขาอ่อนนุ่มและอุ่นไม่หยาบกระด้างเหมือนกับมือของคนขับรถแม้แต่น้อย
เมื่อทั้งสองเข้ามาในโรงแรงเฝิงจื้อหลิน เฉินฉีก็เข้าไปพูดคุยกับพนักงานต้อนรับอย่างคล่องแคล่ว
“ผมบอกไปแล้วว่าผมลืมเอาตรามาแต่ไม่มีใครเชื่อผมเลย ตอนนี้ผมพาตำรวจจริง ๆ มาแล้วเพราะฉะนั้นเชื่อผมได้แล้ว!”
เฉินฉีมองไปที่หลินถงซูเพื่อให้แสดงตราของเธอ “เรากำลังสืบคดีอยู่ หวังว่าทางโรงแรมจะให้ความร่วมมือกับพวกเรา”
พนักงานต้อนรับเหลือบมองเฉินฉีอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะถามว่า “พวกคุณต้องการใช้อะไรในการสืบสวนบ้างล่ะ?”
“เราอยากจะดูบันทึกการเข้าใช้โรงแรมระหว่างวันที่ 10 ถึงวันที่ 11 กันยายน” เฉินฉีระบุรายละเอียด
พนักงานโหลดข้อมูลในคอมพิวเตอร์เฉินฉีที่กำลังเหลือบมองรายชื่อถามหลินถงซูว่า “แฟนของกู้เหมิงซิงชื่ออะไรนะ?”
“เฉินจุน!”
“เห็นได้ชัดว่าวันนั้นเขาไม่ได้เข้ามาโรงแรมนี้คุณได้ไปหาเขาแล้วหรือยัง?”
“อืม… ยังหรอก”
“คุณยังไม่ได้ไปพบคนใกล้ชิดผู้ตายแต่กลับพุ่งเป้ามาที่ผมเลยอย่างนั้นเหรอหืม?” เฉินฉีถามพนักงาน “ที่นี่มีที่จอดรถไหม?”
“มีสิอยู่ข้าง ๆ นี่ไง”
เฉินฉีมองไปแล้วเห็นว่ารถจอดอยู่เต็มไปหมดเขาถามว่า “ที่จอดรถมีกล้องวงจรปิดไหม?”
“มีสิ!”
ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องกล้องวงจรปิดแล้วดูวิดีโอของวันนั้น เฉินฉีเร่งความเร็วไปแปดเท่าและจ้องไปที่จอตาไม่กระพริบ เมื่อหน้าจอแสดงเวลาตีสองที่มุมบนของจอจู่ ๆ เขาก็หยุดวิดีโอแล้วชี้ไปที่ด้านขวาของจอที่มีแสงไฟสว่างออกมาก่อนที่จะพูดว่า “นั่นไงรถของผม!”
“คุณแน่ใจเหรอ?” หลินถงซูไม่ค่อยอยากจะเชื่อเขาสักเท่าไหร่
“มันเป็นรถที่ผมรักที่สุด ผมมองไม่ผิดแน่ วันนั้นผู้โดยสารขอให้ผมจอดที่นี่”
พวกเขาดูวิดีโอต่อไปเรื่อย ๆ หลังจากที่เฉินฉีขับรถออกไปผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสวมกระโปรงทรงเอก็เดินเข้าไปยังที่จอดรถ เนื่องจากเธอเดินอย่างรวดเร็วประกอบกับที่แสงส่องไปไม่ถึงจึงทำให้ไม่สามารถเห็นใบหน้าของเธอได้ถนัดนัก
“ไม่ได้ขับรถมาแต่ก็เดินเข้าไปในที่จอดรถเนี่ยนะ?” เฉินฉีพึมพำกับตัวเอง
ทั้งคู่ยังคงดูวิดีโอนั้นต่อเพื่อดูว่าเมื่อไหร่ที่หญิงคนนั้นออกไปแต่ทว่าทั้งหมดที่เห็นมีเพียงแต่รถหลายคันถูกขับออกไป หลินถงซูดูไปพลางจดทะเบียนรถไปพลาง
“ไม่จำเป็นต้องจดหรอก เธอไม่ได้อยู่ในรถพวกนั้น!” เฉินฉีกล่าว
“คุณรู้ได้ยังไง?”
เฉินฉีย้อนวิดีโอกลับไปและกดเล่นทีละฉากจนกระทั่งมีรถครอบครัวสีดำคันหนึ่งปรากฎขึ้นเขาหยุดอยู่ที่ฉากหนึ่งและชี้ไปที่ใต้ท้องรถที่มีรองเท้าส้นสูงโผล่ออกมา
“เธอใช้รถเล่นกลหายตัวไปจากสายตาของพวกเรา!” เฉินฉียิ้ม “ดูเหมือนว่าเธอจะรู้นะว่ามีกล้องอยู่ตอนที่เธอออกมาเลยตั้งใจที่จะหลบเพื่อไม่ให้ถูกถ่ายไว้ได้อีก!”
“ชัดเลยว่านี่มันน่าสงสัยมาก!” ในที่สุดหลินถงซูก็เชื่อเขาว่าฆาตกรไม่ใช่เขาแต่เป็นคนอื่น
“ให้ผมได้ทดสอบฝีมือคุณหน่อยสิ จากตรงนี้คุณจะสืบคดีต่อยังไง?”