ตอนที่ 14 : ถูกกักขัง
เมื่อเห็นสีหน้าตลกๆของเกรย์เควินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ใจเย็นก่อน มาสเตอร์แค่กลัวว่าพวกนายจะทำลายเมืองเลยสั่งให้ฉันตามพวกนายมาก็เท่านั้นเอง” เมื่อเห็นสีหน้าของเกรย์เริ่มเปลี่ยนไปเควินก็รีบอธิบายออกมา
“มาสเตอร์กังวลเกินไปแล้ว!” เกรย์พูดกับเควินด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะหันไปพูดกับเอลซ่า “ไหนๆเควินก็อยู่ที่นี่แล้วให้เขาช่วยเถอะนะเอลซ่า”
“เคิวนนายเร็วที่สุด นายรีบมุ่งหน้าไปก่อนเลย ฝากนัตสึด้วย ตอนนี้นัตสึกำลังสู้อยู่กับเอริกอร์จากไอเซนวอลด์อยู่!” เอลซ่าผ่อนคลายลงมากแม้ว่าใบหน้าของเธอจะยังคงซีดเซียวอยู่ก็ตาม
“ไปกันหมดนี่นั่นแหละ!” เควินถอนหายใจและเลือกที่จะไม่เถียงกับเอลซ่า การ์ดในมือของเขาส่องแสงออกมาเผยให้เห็นร่างของมังกรค้างคาว
“เข้าไปนั่งด้านใน ระวังกันด้วยล่ะ!” เควินกระโดดไปบนตัวของมังกรค้างคาวก่อนจะให้มังกรค้างคาวใช้กรงเล็บที่แหลมคมของมันจับรถเวทย์เอาไว้และบินขึ้นสู่อากาศ
“นี่มัน...มังกรงั้นเหรอ?!!!” ลูซี่ตื่นกลัว เธอไม่เคยเห็นสัตว์ร้ายแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ขนาดสมาชิกของไอเซนวอลด์ที่ถูกจับมาด้วยกันก็ทำที่หน้าหวาดกลัวออกมา
“นี่สัตว์อัญเชิญตัวใหม่ของนายเหรอ? นายสร้างมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…” เกรย์พึมพำกับตัวเองพร้อมมองดูสัตว์ร้ายด้วยความตื่นตระหนก
“ไม่ต้องห่วงลูซี่ นั่นคือเวทมนตร์ของเควิน มันไม่ทำอะไรเราหรอก” เอลซ่าที่นั่งอยู่หน้าสุดหันไปพูดปลอบลูซี่
“เจอตัวนัตสึแล้ว นัตสึกับเอริกอร์กำลังสู้กันอยู่ด้านหน้า” เควินใช้มือปิดหน้าเพื่อระวังเปลวเพลิงที่ลอยเข้ามาใกล้
“อ่อนชะมัด นานขนาดนี้แล้วยังจัดการไม่เสร็จอีก” ใจจริงแล้วเกรย์เองก็โล่งใจไม่น้อยที่นัตสึยังคงปลอดภัยดี
‘หมอนี่พูดว่าเป็นห่วงนัตสึตรงๆไม่เป็นรึไง’ ลูซี่คิดกับตัวเองแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่พูดออกไปเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายเอาไว้
“ก็จริง แค่หัวหน้ากิลด์เล็กๆแบบนั้นถ้าพวกนายร่วมมือกันจัดการป่านนี้คงจัดการได้เรียบร้อยแล้ว” เควินกระโดดเข้ามาในรถเวทย์และพยักหน้าให้กับความเห็นของเกรย์
“แกประเมินพวกเราไอเซนวอลด์ต่ำเกินไปแล้ว” อย่างไรก็ตามคำพูดของเควินได้ทำให้คนบนรถคนหนึ่งโกรธ จอมเวทย์เงาที่ถูกเกรย์จัดการพูดออกมา แม้ว่าเขาอาจจะไม่สามารถเอาชนะใครในรถนี้ได้เลยก็ตาม แต่เขาไม่มีทางยอมฟังกิลด์ตัวเองโดนดูถูกอยู่เฉยๆเป็นอันขาด
“ฉันไม่ได้ดูถูกพวกนาย ฉันพูดความจริงต่างหาก ถ้าแค่นัตสึยังเอาชนะไม่ได้กิลด์ของพวกนายมันก็กิลด์กากๆกิลด์นึงนั่งแหละ” แววตาของเควินเต็มไปด้วยความดุดันเมื่อหันไปพูดกับชายที่อยู่บนรถ ‘คาเงยามะ’
“เกรย์ ทำไมเควินถึงพูดเหมือนว่านัตสึอ่อนแอกันละ?” ลูซี่แอบกระซิบถามเกรย์เบาๆ
“อันที่จริงหมอนั่นก็ไม่ได้อ่อนแอหรอก แต่หมอนั่นก็ยังอยู่คนละระดับกับเควินอยู่ดี…” เกรย์พูดด้วยสีหน้าไม่อยากจะยอมรับ เป็นที่รู้กันดีว่าเขาและนัตสึแข็งแกร่งอยู่ในระดับเดียวกัน การยอมรับว่านัตสึอ่อนแอกว่าเควินมาก ก็เหมือนกับว่าเป็นการยอมรับว่าตัวเองก็อ่อนแอกว่าเควินเช่นเดียวกัน ถึงมันจะเป็นความจริง แต่เกรย์ก็ไม่อยากจะยอมรับมันสักเท่าไหร่
“เควินเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ? ทั้งๆที่วันๆเขาเอาแต่ดื่มเหล้าและทะเลาะกับมาคาโอะเนี่ยนะ?” ลูซี่ถามด้วยความสงสัย ในตอนแรกเธอคิดว่าเควินนั้นอ่อนแอกว่านัตสึเล็กน้อย แต่เมื่อได้รู้ความจริงก็ยิ่งเป็นการกระตุกต่อมเผือกของเธอเข้าไปใหญ่
“ถึงนิสัยของเควินจะเหมือนตาลุงก็เถอะ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในแฟรี่เทล” เกรย์หันไปกระซิบบอกลูซี่
“ดูถูกกันจริงๆนะพวกแก แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าเจ้าเด็กนั่นจะต้องตายอย่างแน่นอน จอมเวทย์เพลิงไม่มีทางเอาชนะคุณเอริกอร์ได้อย่างแน่นอน!” คาเงยามะที่ถูกเควินพูดดูถูกมาตลอดทางตะโกนออกมาด้วยความมั่นใจ
“น่าเสียดายนะที่ผลลัพธ์ไม่ได้เป็นไปตามที่นายคาดเอาไว้” เควินหัวเราะออกมาเบาๆ
“อย่าด่วนสรุปไป การต่อสู้มันยังไม่จบสักหน่อย…”
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่ ตอนนี้พวกเขาก็มาถึงจุดที่นัตสึและเอริกอร์ต่อสู้กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เควินได้ออกคำสั่งให้มังกรค้างคาวปล่อยรถเวทย์ลง จากนั้นทุกคนก็เริ่มทยอยออกจากรถ
นัตสึกำลังต่อสู้กับเอริกอร์ที่มีลมพายุอยู่รอบตัว ทั้งคู่หันไปมองมังกรค้างคาวที่บินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“พวกแกหนีออกจากกำแพงลมมาได้ยังไงกัน! คาเงยามะ แกหักหลังฉันงั้นเหรอ!”
“พวกนายอย่าเข้ามายุ่ง ฉันจะจัดการหมอนี่เอง!”
คำพูดแรกเป็นของเอริกอร์ ส่วนอีกอันหนึ่งเป็นคำพูดที่นัตสึหันไปพูดกับพวกเควิน
“ไม่ใช่นะคุณเอริกอร์ เจ้าพวกนี้มันขุดอุโมงค์เพื่อหนีออกมา!” เมื่อเห็นว่าเอริกอร์เข้าใจเขาผิดไปเขาก็รีบอธิบายออกมา
“นัตสึต่อให้นายแพ้ก็ไม่ต้องห่วงไป พวกเราจะรับช่วงต่อจากนายเอง สนุกให้เต็มที่ล่ะ” เควินยิ้มพร้อมหันไปพูดกับนัตสึ
“โธ่เว้ยยย! จะดูถูกกันเกินไปแล้วนะ!!!” เมื่อได้ยินคำดูถูกของเควิน ความโกรธของนัตสึก็พุ่งสูงขึ้น เช่นเดียวกับเปลวเพลิงของเขาที่อุณหภูมิพุ่งขึ้นสูง
‘ไททาเนียงั้นเหรอ? ไหนจะมังกรนั่นอีก ต่อให้ฉันจะจัดการเจ้านี่ได้ แต่ฉันไม่มีทางเอาชนะเจ้าพวกนี้ได้แน่’ ใบหน้าของเอริกอร์หมองคล้ำไปด้วยความโกรธ
“เอานี่ไปกินซะ! เอริกอร์!” ขณะที่เอริกอร์กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะเอายังไงดี นัตสึที่อารมณ์ร้อนก็พุ่งเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว
“เจ้าหมอนี่น่ารำคาญจริงๆ” เอริกอร์หลบหมัดของนัตสึ ก่อนจะปล่อยใบมีดลมออกไปจัดการกับอีกฝ่าย
ตอนนี้เอริกอร์ไม่กล้าตั้งสมาธิทั้งหมดไปกับการต่อสู้กับนัตสึ เนื่องจากกลัวว่าพวกเควินจะลอบโจมตีเขา ทำให้ตอนนี้เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
คาเงยามะกำหมัดแน่นเมื่อเห็นสถานการณ์หัวหน้าของตนตกเป็นรอง
“ไม่! ฉันจะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตฉันก็จะต้องช่วยหัวหน้าเอาไว้ให้ได้!”
“หัวหน้าไม่ต้องสนใจเจ้าพวกนี้! คุณรีบตรงไปจัดการเจ้าพวกตาแก่นั่นเลย!” คาเงยามะตะโกนออกมา ตอนนั้นเองเงาดำจำนวนมากก็ผุดขึ้นมาล้อมรอบพวกเขาทุกคนเอาไว้ มีเพียงเอริกอร์คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ถูกกักขังเอาไว้
“คาเงยามะ ฉันจะไม่ลืมการเสียสละของนายเป็นอันขาด” เอริกอร์รีบบินหนีไปพร้อมกับลัลลาบาย
“แกเอาชนะพวกเราไม่ได้หรอก” เควินหันไปมองเอริกอร์ และพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหงุดหงิด
“จริงอยู่ที่ฉันเอาชนะพวกแกไม่ได้ แต่แค่หยุดพวกแกให้ได้สักสิบนาทีแค่นั้นก็มีเวลามากพอจะให้คุณเอริกอร์ฆ่าพวกตาแก่นั่นได้แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!” ทั่วทั้งร่างของคาเงยามะผุดอสรพิษเงาขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
***
เอริกอร์ หัวหน้ากิลด์ไอเซนวอลด์
คาเงยามะ จอมเวทย์เงา