242 - ห้องหอ
242 - ห้องหอ
วังจันทราถูกตรึงไว้ระหว่างคิ้วของเหยาซีและภายในเวลาเกือบจะหยุดนิ่ง เมื่อถึงเวลาที่เย่ฟ่านพุ่งออกไปโลกภายนอกก็ผ่านไปเพียงเสี้ยวลมหายใจเท่านั้น
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เส้นนั้นกลับไปยังหน้าผากของร่างกายของเขา ทำให้เขาฟื้นสติได้ ในเวลานี้เขายังคงกัดหูที่สวยงามนั้นขณะที่กลิ่นหอมของดอกไม้ยังคงรมจมูกเขาอยู่
ไม่ไกลนักเทพธิดายังคงยืนอยู่ที่เดิม
เย่ฟ่านรีบกระโดดออกไปพร้อมกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง การเคลื่อนไหวของเทพเจ้านั้นเชื่องช้ามาก แต่ก็ยังมีพลังมหาศาล มันอาจจะทำอันตรายเขาได้ทุกเมื่อ
ในเวลานี้เขาได้ระงับสำผัสศักดิ์สิทธิ์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงที่หน้าผากของนางจนหมด ดังนั้นวิญญาณของนางจึงไม่สามารถควบคุมร่างกายได้
ในเวลานี้ร่างกายหอมกรุ่นที่อ่อนนุ่มของนางอาจมีพลังศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้น แต่นางไม่สามารถเป็นภัยคุกคามต่อเขาได้อีก
“สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง หากเจ้ายังไม่ออกมาเราจะต้องเข้าห้องหอกันแล้ว” เย่ฟ่านหัวเราะ
พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาอาจถูกผนึก แต่ร่างกายของเขายังคงมีพลังมาก เขาวิ่งหนีไปเหมือนสายลมและเทพธิดาตนนั้นไม่มีทางตามทัน
ปัง
เย่ฟ่านเหวี่ยงหมัดของเขาอย่างรุนแรงและกระแทกเข้าที่หน้าอกของเทพธิดาโดยต้องการจะสังหารนางทิ้งทันที แต่เขาไม่สามารถทำได้สำเร็จ
เย่ฟ่านตกใจมากและรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
ปัง!
หน้าผากของเหยาซีปล่อยแสงจ้า นางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะออกมาในช่วงเวลาที่เย่ฟ่านเผลอ แต่จิตวิญญาณของเขายังเตรียมที่จะควบคุมนางอีกครั้ง
แม้ว่าความรู้สึกอันศักดิ์สิทธิ์ของนางจะออกไปไม่ได้ แต่นางก็สามารถสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก พลังสัมผัสศักดิ์สิทธิ์จำนวนเล็กน้อยเข้าสู่ร่างกายของนางและนางก็ตะโกนด้วยความกลัวทันทีว่า
“เจ้าวางแผนจะทำอะไร!
“ข้าแค่ช่วยเจ้าทำการวัดร่างกายเท่านั้น” เย่ฟ่านหัวเราะ
“เจ้าเล่ห์!”
เย่ฟ่านยังคงอุ้มสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงขณะหลบหนี การเคลื่อนไหวของเทพธิดานั้นช้าลงและถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็ว
ด้วยแขนข้างหนึ่งเขาจับเอวเล็กๆของเหยาซีเบาๆและสัมผัสได้ถึงความละเอียดอ่อนของนาง ขณะที่อีกมือเคลื่อนไหวไปทั่วร่างกายของหญิงสาวพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ชั่วร้ายของเขาก็ดังขึ้น
“ร่างกายของเจ้าภายนอกดูเหมือนจะผอมเพียว แต่แท้ที่จริงแล้วกลับมีสัดส่วนที่งดงามเป็นอย่างมาก…”
"เจ้า…!" สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงแทบจะเป็นลม
“ที่ที่ควรโค้งก็โค้ง ส่วนที่ที่ควรเรียวก็เรียว มันทำให้ผู้คนอดถอนหายใจด้วยความชื่นชมไม่ได้ ถ้าข้าโยนเจ้าเข้าไปในหมู่ผู้ชายมากมายรับรองว่าพวกเขาจะต้องคุ้มครองอย่างแน่นอน”
เย่ฟ่านกัดหูของนางและพูดว่า “ข้าต้องเตรียมการบางอย่างเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนของข้า”
ร่างกายหยกของเหยาซีมีความงดงามน่าหลงใหล นางอ่อนโยนเต็มไปด้วยเสน่ห์วัยสาว กลิ่นหอมหวานของร่างกายนางราวกับกล้วยไม้
คอที่งามของนางราวกับหยกที่มีแสงแวววาว ผมนุ่มยาวของนางพลิ้วไหวบนใบหน้าของเย่ฟ่านทำให้เขารู้สึกเหมือนกับวิ่งอยู่ท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ผลิ
“ข้าจะฆ่าเจ้า เย่ฟ่าน!”
“ข้าจะให้สองทางเลือกแก่เจ้า หนึ่งให้ข้าผนึกสำผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า หรือสองเราไปห้องเจ้าสาวเดี๋ยวนี้”
มือของเย่ฟ่านโอบรอบเอวเล็กๆของนางในขณะที่มืออีกข้างขยับไปรอบๆพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ชั่วร้าย
“ตัดสินใจซะ”
สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเป็นเทพธิดาผู้งดงาม นางมีความงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ และถึงแม้นางจะมีเสน่ห์มากแค่ไหนแต่ปกตินางจะซ่อนใบหน้าของตัวเองไว้ใต้ผ้าคลุมผืนหนึ่ง
ความงามของนางสามารถทำให้บุปผาเกิดความอับอาย เมื่อสิ่งนี้ถูกเพิ่มเข้าไปในกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของนางจึงทำให้นางกลายเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของดินแดนภาคใต้อย่างไม่ต้องสงสัย
“ข้าไม่เลือกสักอย่าง!”
ดวงตาสีเข้มของเหยาซียิงแสงจ้าสองดวงออกมาในช่วงเวลาสำคัญ ระดับบ่มเพาะของนางสูง 2 อย่างหาที่เปรียบไม่ได้และถึงแม้จะมีสำผัสศักดิ์สิทธิ์เพียงสองสามเส้นที่พุ่งออกมาแต่มันก็สามารถคุกคามถึงชีวิตของเย่ฟ่าน
เย่ฟ่านมีรอยยิ้มที่เย็นชาจางๆบนใบหน้าของเขา ทะเลสาบสีทองเล็กๆหว่างคิ้วของเขาฉายแสงแห่งสำผัสศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าหาเหยาซีอีกครั้ง สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่นางยิงออกมาถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
“เว้นแต่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจะคงอยู่ภายในวังจันทราชั่วนิรันดร์ ต่อให้เจ้าส่งออกมามากเท่าไหร่มันก็จะถูกข้าทำลายมากขึ้นเท่านั้น!”
ในเวลาเดียวกันมือของเย่ฟ่านก็รัดแน่นและกดร่างกายที่อ่อนนุ่มของนางไว้ แรงต้านสุดท้ายของหญิงสาวหายไปในทันที ในเวลานี้วิญญาณของนางรีบกลับเข้าสู่วังจันทราอย่างรวดเร็ว
“ในเมื่อออกมาแล้วจะกลับไปทำไม!” เย่ฟ่านตะโกน รัศมีสีทองสว่างจ้าอย่างหาที่เปรียบมิได้กวาดไปทั่ว
สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเปล่งเสียงตะโกนด้วยความตกใจเมื่อสัมผัสศักดิ์สิทธิ์หลายเส้นของนางถูกผนึกและสลายไป
“เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้า เย่ฟ่าน…”
น้ำเสียงของนางเย็นเยียบอย่างหาที่เปรียบมิได้ และจุดแห่งสำผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ผันผวนมาจากหน้าผากของนางก็ริบหรี่ลง
“ข้าจะถามอีกครั้ง เจ้าตัดสินใจอย่างไร” เย่ฟ่านกอดนางไว้แน่น พวกเขาเดินทางข้ามสะพานโค้งมาถึงศาลาแห่งหนึ่ง
“เจ้าไม่กลัวข้าจะทำลายทะเลจิตสำนึกของตัวเองเพื่อตายไปพร้อมกับเจ้าหรือ” นางถาม.
“ทั้งหมดที่ข้ารู้ก็คือถ้าข้าไม่ควบคุมเจ้าข้าจะต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้นเจ้าน่าจะเข้าใจว่าข้าจะเลือกอย่างไร” เย่ฟ่านยืนอยู่บนก้อนหินภายในศาลาโดยโอบเอวเรียวของนางไว้แน่น
“เราสามารถตกลงกันอย่างอื่นได้…”
สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงกำลังกลัวจริงๆ โดยปกติทุกอย่างจะอยู่ในอิทธิพลของนางทำให้นางสามารถควบคุมสิ่งต่างๆได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้หัวใจของนางเป็นกังวลอย่างแท้จริง
“ข้อตกลงอะไร? ข้าควรจะปล่อยศัตรูหลบหนีโดยทิ้งอันตรายนี้ให้มาจัดการตัวเองในอนาคตหรือ?” เย่ฟ่านหัวเราะอย่างเย็นชา
“ข้ายังฆ่าผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลจี้ไปแล้วหากข้าจะสังหารสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงอีกคนก็ไม่เห็นว่าจะเป็นไปไม่ได้?”
“เจ้าตั้งใจจะกำจัดข้าหรือ” สำผัสศักดิ์สิทธิ์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเริ่มผันผวน
“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ให้ข้าผนึกสำผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าและพวกเราค่อยปรึกษากันว่าควรจะเอาอย่างไรดี” เย่ฟ่านใช้แรงเล็กน้อยทำให้ร่างอันงดงามของหญิงสาวนั่งบนตักของเขา
สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงร้องเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างแท้จริงว่า
“เย่ฟ่านอย่ามากเกินไป! ถ้าข้ายอมให้เจ้าผนึกสำผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้า ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะรักษาคำพูด!”
รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา “ข้าจะไม่กลับคำ ข้าแค่อยากจะอยู่รอด ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเจ้าบังคับข้าเอง”
เขาเอื้อมมือออกไปและลูบไล้ร่างกายของนางปลุกเร้าเสียงร้องที่น่ากลัวอีกครั้งในทันที
“เย่ฟ่านเจ้า… หยุด!”
สายใยแห่งสำผัสศักดิ์สิทธิ์ของเหยาซีเข้าสู่ร่างกายของนางอีกครั้ง และนางสามารถสัมผัสทุกสิ่งได้อย่างชัดเจน
หลังจากที่มือข้างนั้นเคลื่อนไปทั่วร่างกายของนางมันทำให้ใบหน้าของนางเป็นสีแดงก่ำ
“เงื่อนไขของเจ้ารุนแรงเกินไป”
“ถ้ามันไม่รุนแรงข้าจะอยู่รอดได้อย่างไร…” เย่ฟ่านยกมือขึ้นแตะคางของเหยาซีก่อนจะหัวเราะแล้วพูดว่า
“เจ้าบอบบางราวกับดอกไม้ น่าเสียดายจริงๆที่ข้าทำได้แค่ดูเฉยๆ… ถ้าเจ้ายังไม่ตัดสินใจ ข้าคิดว่าบางทีเมื่อเจ้าตกเป็นเจ้าสาวของข้าเจ้าอาจจะมีความอ่อนโยนต่อข้ามากขึ้น”
“เจ้า…ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!”
เหยาซีโกรธมาก ในฐานะสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง ไม่ว่านางจะไปที่ไหนนางก็ดึงดูดสายตาของผู้คนอยู่ตลอดเวลา หลายคนต้องเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างมีความหวัง
แต่แน่นอนว่าในสายตาของนาง เย่ฟ่านไม่ถือว่าเป็นคน!
รอยยิ้มของเย่ฟ่านสดใสขึ้นและมือของเขาก็ลูบไล้ไปบนใบหน้าของหญิงสาวเบาๆ
“ข้าไม่ยอมรับเงื่อนไขของเจ้า!” ความผันผวนของพลังศักดิ์สิทธิ์ของเหยาซีรุนแรงยิ่งขึ้น
เย่ฟ่านยิ้มและพูดว่า
“ก็ได้ ข้าเดาว่าเจ้ากำลังเลือกตัวเลือกที่สอง เนื่องจากเป็นเช่นนี้ เราจึงควรเข้าไปในห้องเจ้าสาวนั้นดีกว่า”
เหยาซีกรีดร้อง ผมของนางโบกไปมาคล้ายกับกำลังคุ้มคลั่งถึงขีดสุด