241 - วังจันทรา
241 - วังจันทรา
เทพสตรีมีผมสีดำยาวกลิ่นอายของนางเย็นเยียบไร้ชีวิตชีวา ไม่เพียงแต่มีมนต์เสน่ห์ของปีศาจเท่านั้น แต่นางยังมีความศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดาอีกด้วย
กลิ่นอายที่ตรงข้ามทั้งสองผสมผสานกันและให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปในแต่ละมุม
นางมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง แต่การปรากฏตัวคราวนี้ดวงตาของนางค่อนข้างว่างเปล่าไร้ความรู้สึก
เรื่องนี้สมเหตุสมผลเพราะสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงที่แท้จริงกำลังต่อสู้กับเย่ฟ่านและตอนนี้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางพ่ายแพ้แทบจะสมบูรณ์แล้ว
"ฆ่า!"
สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงตะโกนอย่างเงียบๆนางต้องเสี่ยงและบังคับสายใยแห่งสำผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางเพื่อเข้าสู่ความคิดของเทพธิดาที่ปรากฏตัวขึ้น
ในเวลานี้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านกลายเป็นเหมือนเปลวไฟที่ลุกโชติช่วง มันพุ่งไปข้างหน้าอย่างรุนแรง ทำให้รอยประทับเพชรนั้นมืดลง
ในชั่วพริบตาสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงช่วงกำลังบังคับเทพสตรีให้สังหารเย่ฟ่าน แต่ในขณะเดียวกันเย่ฟ่านก็ทำการกดดันสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงช่วงไม่ให้ใช้การได้
เทพสตรีที่ปรากฏตัวออกมาและกำลังจะโจมตีเย่ฟ่านได้หยุดชะงักเป็นบางจังหวะ ดวงตาของนางสดใสขึ้นเป็นครั้งคราวและร่างกายของนางก็ชักกระตุกอย่างต่อเนื่อทำให้ดูลักษณะน่าขบขันเป็นอย่างมาก
กระบี่ในมือของนางส่องแสงเจิดจ้าราวกับสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง นางยกมันขึ้นไปในอากาศ ดูเหมือนเทพธิดาที่ลงมายังโลกมนุษย์ที่กำลังจะกำจัดปีศาจ แสงอันบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ส่องออกมาจากดวงตาของนาง
เทพธิดาฟาดฟันกระบี่ลงเข้าหาเย่ฟ่านโดยต้องการจะพาร่างกายของเขาออกเป็นสองส่วน
ในเวลาเดียวกันสัมผัสอันศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านก็ทะลุทะลวงดวงจิตของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงในที่สุดและควบคุมประสาทสัมผัสของนางอย่างสมบูรณ์
ทั้งสองคนมีความเด็ดขาดมาก สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงต้องการตัดร่างกายของเย่ฟ่านออกจากกันโดยการปล่อยให้เย่ฟ่านควบคุมจิตใจของนางได้
กระบี่แห่งแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นปลดปล่อยความเยือกเย็นที่แหลมคมขณะที่มันฟันลงมา
การรับรู้ทางวิญญาณของเย่ฟ่านเฉียบแหลมมาก เขาจับสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงไว้แน่นก่อนจะกลิ้งไปด้านข้าง กระบี่นั้นฟันรอยพื้นดินให้เกิดรอยแยกมากกว่าสิบวา
เย่ฟ่านสามารถจินตนาการได้ว่ากระบี่นั้นทรงพลังเพียงใด ถ้ามันลงเอยด้วยการฟาดร่างกายของเขา ผลที่ตามมาจะเลวร้ายอย่างถึงที่สุด
เขากัดหูของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงอย่างดุร้าย ไม่ยอมปล่อย ทั้งสองคนกำลังยุ่งเหยิงขณะที่พวกเขาเกลือกกลิ้งไปบนพื้น
สิ่งเดียวที่ดีคือการเคลื่อนไหวของเทพธิดานั้นเชื่องช้ามาก ด้วยสำผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกควบคุมมันไม่สามารถแสดงพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้
“เอ๊ะ!”
นางศักดิ์สิทธิ์กรีดร้องด้วยความกลัว ทะเลแห่งจิตสำนึกของนางถูกบุกรุกและลำแสงสีทองเปรียบเสมือนแม่น้ำเข้าปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง
เย่ฟ่านใช้พลังจิตวิญญาณอันทรงพลังที่สุดของเขาเพื่อบดขยี้ความรู้สึกทางจิตวิญญาณของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ในเวลานี้เทพธิดาที่อยู่ด้านนอกนั้นหมดสิ้นประโยชน์ไปโดยปริยาย
สิ่งที่เขาเข้าไปคือโลกของจิตสำนึกที่บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ เมฆเต็มอากาศ สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างสง่างาม
ในโลกจิตสำนึกนี้เวลาดูเหมือนจะหยุดลง นางแสร้งทำเป็นสงบและพูดว่า
“ข้าไม่เคยคิดว่าสำผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ามีพลังมากขนาดนี้”
เย่ฟ่านไม่มีเวลาให้เสียเปล่า เทพธิดาคนนั้นยังคงยืนอยู่ข้างนอกและเตรียมพร้อมจะลงมือได้ตลอดเวลา เขาไม่สามารถปล่อยให้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงกลับมาควบคุมทะเลแห่งจิตสำนึกได้
“น้องเย่ เจ้าฆ่าข้าไม่ได้”
ใบหน้าของหญิงสาวศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเริ่มเย็นลง และนางก็ถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นรัศมีสีทองทะยานสู่ท้องฟ้าและค่อยๆปิดลงทีละน้อย
“สัมผัสอันศักดิ์สิทธิ์ของข้าคือไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า ใครจะคิดว่าทะเลแห่งจิตสำนึกของเจ้าแข็งแกร่งกว่าของข้าได้” นางหลบไปด้านข้าง
เย่ฟ่านไม่ตอบ สัมผัสอันศักดิ์สิทธิ์สีทองของเขากลายเป็นมือขนาดใหญ่ที่กระแทกเข้าหานาง
ร่างวิญญาณของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ตอนนี้วิญญาณของนางได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วทำให้ความเร็วของนางตกลงไปมาก
รัศมีสีทองกลายเป็นรังสีกระบี่นับร้อยที่โปรยลงมาราวกับฝนดาวตก มุ่งที่จะบดขยี้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงให้ตาย
ในเวลานี้ร่างที่สวยงามของนางก็หายไปในก้อนเมฆ และในขณะเดียวกันเย่ฟ่านก็รู้สึกถึงอันตรายในทันใด
ในท้องฟ้าของทะเลจิตสำนึกเมฆลอยขึ้นและมีพระราชวังขนาดใหญ่ปรากฏออกมาจากท้องฟ้าก่อนที่มันจะตกลงใส่เย่ฟ่าน มันโอ่อ่าและยิ่งใหญ่ราวกับทุ่งดวงดาว ทำให้ยากต่อการต้านทาน
"เกิดอะไรขึ้น?" เย่ฟ่านตกใจ
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางไม่ได้ทรงพลังเท่ากับเขาอย่างชัดเจน แล้วนางจะปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?
เสียงหัวเราะอันอ่อนโยนของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงดังขึ้นอีกครั้ง นางยืนอยู่ภายในวังขนาดมหึมานั้นและมีสีหน้าพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“น้องเย่เจ้าช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ วันนี้ข้าจะต้องข้าเจ้าเพื่อทำให้ตัวเองบรรเทาความคับข้องใจให้ได้ ไม่ต้องห่วง ข้าจะฝังเจ้าให้เรียบร้อย”
เย่ฟ่านพยายามอย่างเต็มที่ที่จะล่าถอย แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถออกจากพื้นที่นี้ได้ วังขนาดใหญ่นั้นได้ปิดผนึกบริเวณนี้อย่างสมบูรณ์
“ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น” ตอนนี้เขารู้สึกงุนงงไปหมดแล้ว “ทำไมถึงมีวังในทะเลจิตสำนึกของเจ้า”
วังในท้องฟ้าดูเหมือนวังกวงฮานที่กล่าวกันว่ามีอยู่บนดวงจันทร์ มันอบรมด้วยหมอกสีขาวในขณะเดียวกันก็ปรากฏดวงจันทร์ครึ่งใบอยู่ด้านบนเป็นความลึกลับอย่างยิ่ง
“นี่เป็นสมบัติล้ำค่าที่ข้าพบในถ้ำโบราณที่ถูกทิ้งร้างของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเมื่อตอนที่ข้ายังเป็นเด็ก ชื่อของมันคือวังจันทราและมันทรงพลังเกินจะคาดเดาได้”
ร่างแห่งสำผัสศักดิ์สิทธิ์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงดูเหมือนบุคคลจริง ผิวของนางขาวราวกับหิมะและแก้มที่อ่อนโยนของนางก็พองตัวขณะที่นางพูดว่า
“เมื่อข้าพบมันมันเข้าไปในหน้าผากของข้าโดยบังเอิญ ในอีกสิบปีต่อมามันหล่อเลี้ยงสำผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้าจนไปสู่ระดับที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ข้าไม่คิดว่าข้าจะเจอเจ้าในวันนี้และถูกกดขี่ด้วยความรู้สึกอันศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า มันน่าประหลาดใจจริงๆ”
“วังจันทรา… มันอยู่ระหว่างคิ้วของเจ้าและหล่อเลี้ยงสำผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า?” เย่ฟ่านตกใจอย่างยิ่ง นี่เป็นสมบัติที่หายากอย่างแน่นอน
“ฉะนั้นข้าถึงบอกแล้วว่าวันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า” สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อนางหัวเราะ นางก็มีเสน่ห์และงดงามเป็นพิเศษ
วังจันทรานั้นเหมือนกับวังกวนฮานอย่างแท้จริง แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาเต็มขณะที่มันค่อยๆตกลงมา
ทุกสิ่งที่อยู่ข้างใต้กำลังจะถูกทำลายล้าง สัมผัสอันศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านเป็นเหมือนเปลวเทียนที่ริบหรี่ ปรากฏขึ้นราวกับว่ามันอาจหายไปได้ทุกเมื่อ
"รอเดี๋ยว!" เย่ฟ่านตะโกน “สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงที่งดงาม แม้กระทั่งตอนนี้ข้าก็ยังไม่รู้จักชื่อของเจ้า…”
“เหยาซี!” นางเปิดริมฝีปากสีแดงและคายคำสองคำนี้ออกมา แต่นางไม่ได้หยุด วังจันทราขนาดมหึมานั้นตกลงมาอย่างรวดเร็ว
ในพื้นที่สำผัสศักดิ์สิทธิ์นี้เวลาเป็นนิรันดร์ ดังนั้นเวลาจึงไม่สามารถสัมผัสได้โดยง่าย หัวใจของเย่ฟ่านตกใจเมื่อเขารู้ว่านี่อาจเกิดจากจากพลังของวังจันทรา
ในโลกภายนอกทะเลสาบสีทองเล็กๆหว่างคิ้วของเย่ฟ่านหรี่ลงเล็กน้อยก่อนที่มันจะปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดออกมา
พลังสีทองนั้นเข้าไปในหน้าผากของเหยาซีทันที พื้นที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์นี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ปัง!
พื้นที่ปิดผนึกถูกฉีกออกจากกัน ประสาทสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อ เขาสามารถหลีกเลี่ยงการปราบปรามของวังจันทราและปรากฏห่างออกไป
สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงขมวดคิ้ว นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งที่นางไม่สามารถทำลายเขาได้
เย่ฟ่านหยุดอยู่บนท้องฟ้าที่ห่างไกลและไม่ออกไปทันที ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะอย่างร่าเริง
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว วังจันทรานั้นทำได้เพียงขึ้นๆลงๆเท่านั้น มันไม่สามารถเคลื่อนออกไปด้านข้าง เจ้าไม่มีทางย้ายมันมาโจมตีข้าได้ ดังนั้นเจ้าจึงหลอกล่อข้าไปที่นั่น”
“ถึงอย่างนั้นเจ้าจะทำอะไรมันได้” เหยาซียิ้มอย่างเย็นชา นางดูสงบและพูดว่า “ด้วยสำผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้าในวังจันทราเจ้าไม่สามารถทำร้ายข้าได้อีก”
“นั่นก็จริง”
เย่ฟ่านพยักหน้าแล้วหัวเราะอีกครั้ง “ข้าจะเก็บสำผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าไว้ที่นี่ จากนั้นจึงแยกสายใยแห่งสำผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้าออกไปยังโลกภายนอกเพื่อจัดงานแต่งงานกับเจ้า เราจะดูว่าเจ้ายังจะสงบได้หรือไม่”
“เจ้า…” ตอนนี้เหยาซีไม่สามารถรักษาความเย็นไว้ได้
"เริ่มแล้วนะ" เย่ฟ่านหัวเราะและปล่อยสายใยแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์บินออกไป
“ได้เวลาเข้าห้องเจ้าสาวแล้ว!”