240 - ชิงเหลี่ยมกับหญิงงาม 2
240 - ชิงเหลี่ยมกับหญิงงาม 2
“นี่เป็นหนึ่งในบ้านของข้า ห่างจากจุดที่เราอยู่ก่อนหน้านี้หนึ่งหมื่นห้าพันลี้เจ้าสามารถอยู่อย่างสงบใจได้”
‘เจ้าคิดว่าข้าจะสบายใจ!’
เย่ฟ่านสาปแช่งอย่างเงียบๆ เขาตรวจสอบสภาพแวดล้อมของเขาพร้อมที่จะหลบหนีทุกเมื่อ สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงนี้รับมือได้ยากจริงๆ
“น้องชายเย่ ข้าแสดงความจริงใจแก่เจ้ามาก ไม่ต้องระวังตัวขนาดนั้นก็ได้” สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงหวีผมของนางและยิ้มยางอ่อนหวานก่อนจะกล่าวว่า
“ข้าไม่ต้องการรากปราณต้นกำเนิดของเจ้า ข้าแค่อยากจะตรวจสอบร่างกายศักดิ์สิทธิ์รกร้างโบราณของเจ้าเพื่อดูว่ามันพิเศษแค่ไหน”
ตั้งแต่เริ่มต้นเย่ฟ่านไม่เคยถือว่านางเป็นผู้มีพระคุณอยู่แล้ว แม้ว่านางจะถูกเรียกว่าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่ด้วยวิธีการจัดการกับเรื่องของนางนางเป็นเหมือนสตรีปีศาจมากกว่า และตอนนี้เขาต้องจัดการกับนาง
อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยก็ดีกว่าตอนที่เขาติดอยู่ในทุ่งหญ้าโดยตระกูลจี้ ปัจจุบันเขายังคงมีโอกาสที่จะหนีไปได้ และใครจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายก็ยังไม่แน่
“ร่างกายของข้าแย่มาก มันถูกเรียกว่าร่างกายพิการ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรน่าสนใจให้ศึกษา” เย่ฟ่านไม่ต้องการให้นางตรวจสอบร่างกายของเขา
“เจ้าถ่อมตัวเกินไปน้องชายเย่ ร่างศักดิ์สิทธิ์รกร้างโบราณมีความลับอันยิ่งใหญ่ เวลาผ่านไปนับไม่ถ้วนและแม้ว่าจะไม่สามารถบ่มเพาะได้แต่ร่างศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่หายไป หากถูกพบจะต้องถูกรับเข้านิกายอย่างแน่นอน” สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงหัวเราะอย่างมีเสน่ห์
“ข้าไม่ต้องการที่จะมอบเจ้าไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้าเพื่อศึกษา ข้าแค่อยากจะดูด้วยตัวเองว่ามันลึกลับขนาดไหน”
เย่ฟ่านจ้องไปที่ใบหน้าของหญิงงามคนนั้นและพูดว่า
“ถ้าข้าไม่ต้องการล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ทำได้แต่ทำผิดต่อน้องชายเย่แล้ว” ผมของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงถูกรวบกับไปด้านหลังเผยให้เห็นคอที่อ่อนนุ่มสวยงามของนาง
“เจ้าวางค่ายกลที่นี่เพื่อรวมพลังของดินแดนนี้เพื่อผนึกข้าหรือ?” เย่ฟ่านศึกษาภูเขาและแม่น้ำที่สวยงามโดยรอบ
ขนตาของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงสั่นเล็กน้อยและนางเหลือบมองมาที่เขา สายตาของนางสามารถดึงดูดแม้กระทั่งภูตผี
“อย่าคิดว่าข้าแย่ขนาดนั้น ข้าจะไม่ปฏิบัติต่อน้องชายเย่แบบนั้นอย่างแน่นอน”
เย่ฟ่านกำลังจะเอาหม้อออกมาเพื่อป้องกันตัวเองและบินหนีไป เขาไม่ต้องการที่จะเข้าไปพัวพันกับผู้หญิงที่มีเสน่ห์คนนี้อีก
“เจ้า…”
แต่ในตอนนี้เขาตกใจเมื่อพบว่าเขาไม่สามารถหมุนเวียนพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ เขาตะโกนด้วยความโกรธแค้นว่า
“เจ้าทำอะไรลงไป”
สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงหัวเราะอย่างอ่อนหวาน
“ดูเหมือนน้องชายคนเล็กเย่มีเจตนาฆ่าต่อข้าในตอนนี้ ถ้าเจ้าต้องการที่จะหมุนเวียนพลังศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า เจ้าต้องรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเจ้าอย่างแน่นอน”
เย่ฟ่านจ้องมองนางโดยไม่พูดอะไรอีก
“ในขณะที่เจ้ากำลังต่อสู้กับ จี้ไห่เยว่ ข้าทำ 'ผงผนึกพลังศักดิ์สิทธิ์' หกโดยบังเอิญ มันเป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงใช้เวลาหลายสิบปีในการปรับแต่ง ว่ากันว่าหากปริมาณเพียงพอแม้แต่จักรพรรดิก็ไม่สามารถทนได้”
นางยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดต่อไปว่า
“ข้าทำสิ่งนี้เพื่อปกป้องน้องชายเย่เท่านั้น ไม่อย่างนั้นถ้าข้าต้องโจมตี ข้าอาจจะฆ่าเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ มันคงน่าเสียดายมาก”
“ฮึ่ม เจ้ามันใจร้ายมาก” เย่ฟ่านเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงยิ้มอย่างอ่อนหวาน “ข้ารู้ว่าร่างกายของน้องชายเย่นั้นทรงพลังมากและเทียบได้กับสมบัติล้ำค่า ดังนั้นอย่าเสียพลังของเจ้าและพยายามเข้าใกล้ข้า”
ด้วยส่วนโค้งที่ใหญ่และเอวที่เพรียวของนาง นางจึงเป็นหญิงงามที่เพียบพร้อมด้วยเสน่ห์มากที่สุดเท่าที่เย่ฟ่านเคยพบ ในส่วนของจี้จื่อเยว่ยังนับว่าเด็กเกินไปไม่สามารถเทียบได้กับร่างกายที่มีเสน่ห์เช่นนี้
เย่ฟ่านกัดฟัน เขาพบว่าระยะทางค่อนข้างมาก นางระมัดระวังเกินไปจริงๆ
ในเวลานี้เขารวบรวมสติและทะเลสาบสีทองเล็กๆระหว่างคิ้วของเขาสะเทือนเล็กน้อย สำผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาพุ่งไปข้างหน้า
“เอ่อ…เจ้า…”
สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเปล่งเสียงตะโกนด้วยความตกใจ ใบหน้าที่สวยงามของนางก็เจ็บปวดและนางก็เดินโซเซถอยกลับ
เย่ฟ่านพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขายังคงโจมตีด้วยประสาทสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า เขามาถึงตรงหน้านางในทันทีก่อนจะกระแทกนางลงกับพื้น
อย่างไรก็ตามนางแค่ส่งเสียงร้องอย่างตกใจในตอนแรกและไม่ได้รู้สึกท้อแท้มากนัก แสงศักดิ์สิทธิ์ที่เจิดจ้าอย่างไม่รู้จบยังเบ่งบานระหว่างคิ้วของนาง
ดวงตาของนางเบิกกว้างและจ้องไปที่เย่ฟ่าน ในเวลาเดียวกัน ร่างกายที่สวยงามของนางก็ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัว
ในเวลานี้แม้ว่าจิตใจของนางจะไม่ได้รับอันตรายมากนัก แต่นางก็ไม่สามารถวอกแวกได้ สำผัสศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านน่ากลัวเกินไปและเกือบจะระงับนางไว้ได้สมบูรณ์
เย่ฟ่านรู้สึกราวกับว่าเขาแทบจะรั้งนางไว้ไม่ได้ ร่างกายที่อ่อนนุ่มของนางมีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ผันผวนอย่างไม่รู้จบ เกือบจะทำให้เขาเสียชีวิตในทันที
เขายังคงโจมตีด้วยประสาทสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขา ทะเลสาบสีทองเล็กๆหว่างคิ้วของเขาเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่แผดเผา ในเวลาเดียวกับที่เขาโจมตีด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ เขาก็มาถึงหน้านางและกัดลงไป
กลิ่นหอมสดชื่นกระจายขึ้นมาเต็มจมูกของเขา เขากัดหูนางและไม่ยอมปล่อย
"เจ้า…"
ตามที่คาดไว้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็โกรธจัด สำผัสศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งออกมาจากหว่างคิ้ว เย่ฟ่านใช้พลังทั้งหมดของเขาในการต่อสู้กับสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่บ้าคลั่ง
สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเปล่งเสียงร้องอย่างแหลมคม ใบหูเล็กๆของนางอยู่ในปากของชายหนุ่มทำให้นางรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
สำผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางเริ่มไม่เสถียรเพราะความไม่สงบของจิตใจ และแสงระหว่างคิ้วของนางก็ค่อนข้างสลัวลง
สัมผัสอันศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านเป็นเหมือนกระบี่ที่ควบแน่นเป็นลำแสงที่พุ่งเข้าหาทะเลจิตวิญญาณของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง
ในเวลาเดียวกันเขากดดันนางด้วยร่างกายของเขาโดยไม่ปล่อยให้นางบินหนีไป
รอยประทับเพชรปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง มันดูเหมือนดอกไม้เซียนที่แตกออกมาจากน้ำ และรังสีของแสงก็บังแสงกระบี่สีทองให้บินกลับไปในทันที
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเย่ฟ่านสั่นคลอน สำผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางมีพลังนี้เกินความคาดหมายของเขา มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขาอย่างแน่นอน
เย่ฟ่านรวบรวมสำผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาและใช้พลังแห่งจิตใจของเขาอย่างเต็มที่ ทะเลสาบสีทองขนาดเล็กไหลลงและพลังสีทองพุ่งออกมาเป็นคลื่นอย่างต่อเนื่อง มันควบแน่นเป็นกระบี่และพุ่งเข้าไปในรอยประทับเพชรนั้น
ร่างกายของพวกเขาพันกันและรู้สึกได้ถึงความร้อนจากร่างกายของกันและกัน
สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงที่ด้านล่างเป็นเหมือนหยกอุ่นๆ ร่างกายที่นุ่มนวลและเรียวยาวของนางเปล่งแสงสีแดงออกมาอย่างต่อเนื่อง หลายครั้งที่นางเกือบบังคับให้เย่ฟ่านบินออกไป
สัมผัสอันศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านนั้นเหนือกว่า และถึงแม้นางจะแข็งแกร่งเพียงใด นางก็ไม่สามารถแข่งขันกับเขาได้
ทะเลสาบสีทองนั้นลึกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และปล่อยพลังวิญญาณออกมาอย่างต่อเนื่อง เดิมทีมันเป็นเพียงแค่น้ำหยด แต่ตอนนี้มันเป็นแม่น้ำใหญ่ที่เชี่ยวกราก
ใบหน้าของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงซีดเผือด ใบหน้าที่สวยงามของนางเต็มไปด้วยความตกใจ รอยประทับเพชรบนหน้าผากของนางค่อยๆซีดและถูกกดทับ
ในเวลานี้นางตัดสินใจเสี่ยงโดยการลดสมาธิของนางลงเล็กน้อย นางได้ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังของนาง เทพเจ้าที่อยู่ในตำหนักเต๋าของนางบินออกมาเตรียมจะฆ่าเย่ฟ่าน
ในทันทีที่นางแยกความสนใจการต่อสู้ทางสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางก็พ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว นางไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้เย่ฟ่านบุกรุกเข้าสู่จิตสำนึกของนางจนร่างกายของนางสั่นสะเทือนด้วยความหวาดกลัว
รัศมีสีทองเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว นางเขย่ามันกลับอย่างเงียบๆ ทะเลจิตสำนึกของนางปล่อยแสงหลากสีและรอยประทับของเพชรก็เปล่งประกายออกมาอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันความศักดิ์สิทธิ์จากตำหนักเต๋าก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน เทพตนนั้นก้าวไปข้างหน้า นางถูกปกคลุมไปด้วยเกราะสีเงินสดใสในขณะที่มือของนางถือกระบี่ที่เหมือนน้ำแข็งแทงเข้าหาเย่ฟ่าน