ตอนที่แล้วบทที่ 2 หลินถงซู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 ข้อสันนิษฐาน

บทที่ 3 ตกเป็นผู้ต้องสงสัย


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 3 ตกเป็นผู้ต้องสงสัย

เฉินฉีเงียบไปสองสามวินาทีพลางเหลือบมองผ่านกระจกมองหลังโดยไม่มีท่าทางตื่นเต้น “ทำอะไรของคุณ?”

“ฉันบอกให้คุณจอดรถไง! ไม่ได้ยินเหรอ?!”

“คุณก็ดูสิ จะให้ผมจอดกลางถนนเนี่ยนะ? ขอผ่านสี่แยกนี้ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันไม่ได้เหรอ?”

“ไม่ได้! จอด! จอดเดี๋ยวนี้!” หลินถงซูไม่พอใจมากกับท่าทีที่ไม่ตกใจอะไรเลยของอีกฝ่าย ผลตรวจสอบชี้ชัดว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมแต่เขากลับไม่แยแสว่าตัวเองกำลังจะถูกจับเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อทำอะไรไม่ได้เธอจึงยกขาถีบที่นั่งคนขับเพื่อข่มขู่

สิ่งที่มีอิทธิพลกับใจเธอมากกว่าความกังวลและความกลัวคือความตื่นเต้น! เหตุการณ์นี้ช่างเพอร์เฟกต์เหมือนพระเจ้าช่วยจับผู้ต้องสงสัยมาวางไว้ตรงหน้า โอกาสนี้ล่ะ! เธอจะได้สร้างผลงานจนเป็นที่ยอมรับจากพี่ชายและบรรดาเพื่อนร่วมงานสักที!

สีหน้าที่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของเธออยู่ในสายตาของอีกคนที่คอยสังเกตผ่านกระจกมองหลังทั้งหมด เฉินฉีพูดต่อโดยไม่สนใจปากกระบอกปืนที่จ่ออยู่บนหัว “พอคุณเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือทัศนคติที่คุณมีต่อผมก็เปลี่ยนไปทันทีเลยนะ ดูเหมือนพวกคุณจะเข้าใจอะไรผิดแล้วสงสัยว่าผมเป็นฆาตกรอย่างนั้นใช่ไหม?”

“จะเข้าใจผิดหรือเปล่านั่นไม่ขึ้นอยู่กับคุณ! ตอนนี้ที่คุณต้องทำคือไปสถานีตำรวจกับฉัน!”

“ผมจะบอกให้ว่าคุณทำพลาดไปสามสิ่ง...”

“อะไร?!” หลินถงซูตวาดเป็นครั้งที่สอง ผู้ชายคนนี้พูดไม่รู้เรื่องหรือไง?

“อย่างแรก... เมื่อคุณพบว่าคนขับรถของคุณเข้าข่ายเป็นผู้ต้องสงสัยคุณควรติดต่อเพื่อนร่วมงานทันทีและรายงานตำแหน่งปัจจุบันของคุณให้พวกเขารับรู้ ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาความปลอดภัยของผู้ต้องสงสัย อย่างที่สอง... คุณจะไปขู่ใครได้ถ้าปืนยังไม่ได้ปลดเซฟแบบนั้น? อย่างสุดท้าย... การที่คุณใช้อาวุธปืนเพื่อข่มขู่ใครสักคนในรถที่กำลังวิ่งอยู่เนี่ย เป็นอะไรที่โคตรไม่เข้าท่าเลย จะว่าไปแล้วผมเองก็...”

เขาฉวยโอกาสขณะที่อีกฝ่ายยังนิ่งอึ้งไร้การตอบสนองใช้เท้าเหยียบเบรกจนจมมิดทันที! แรงกระแทกทำให้หัวของหลินถงซูกระแทกเข้ากับที่นั่งคนขับโดยแรงจนปืนร่วงหลุดจากมือ

ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นจึงเห็นปากกระบอกปืนสีดำสนิทหันเล็งมาที่ใบหน้า สิ่งที่อยู่หลังปืนกระบอกนั้นคือใบหน้าของเฉินฉีที่มองกลับมาพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ย “เห็นรึยัง? มันเป็นเรื่องง่ายมากเลยนะที่ผมจะจัดการคุณ! ต่อให้ผมฆ่าคุณซะตอนนี้เพื่อนร่วมงานของคุณก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำ! คุณยังอ่อนประสบการณ์นะสาวน้อย!”

“คุณ... คุณจะทำอะไรน่ะ!?” หลินถงซูรู้สึกกลัวจนลนลาน ลิ้นพันกันจนคำพูดรวนไปหมด เธอพยายามควานหาโทรศัพท์ของตัวเองอย่างร้อนรน แต่ไม่ว่าจะหายังไงก็ไม่เจอซะที

เฉินฉีหันด้ามปืนไปอีกทางและยื่นคืนให้กับเธอ “ผมแค่ชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดของคุณเท่านั้นแหละ!”

หญิงสาวถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าผู้ต้องสงสัยคนนี้จะคืนปืนให้เธอโดยไม่มีอาการหวาดกลัวใด ๆ

พอได้ทีเขาก็พูดเตือนอีกครั้ง “อย่าเล็งปืนมาที่ผมอีกนะ! คุณต้องระวังให้ดีไม่งั้นปืนลั่นใส่ละก็จบเห่เลย! ก็แค่นั่งเฉย ๆ ให้ผมขับวกกลับไปที่สถานีตำรวจพร้อมคุณไม่ดีกว่าเหรอ?”

“ขับบ้าอะไรของมึงวะ?! อยากตายรึไง!” รถคันที่ขับตามหลังเปิดกระจกด่าด้วยความโมโหพร้อมบีบแตรเสียงแหลมบาดแก้วหู

เฉินฉีเปิดกระจกบ้างและยกมือออกไปชูนิ้วกลางให้รถคันหลังที่บีบแตรด่าก่อนหันกลับมาสตาร์ทรถ

หลินถงซูยกมือลูบศีรษะที่ถูกกระแทกป้อยๆ ด้วยความตกตะลึงไม่หาย ‘ไอ้หมอนี่รู้ตัวว่ากำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยแล้วทำไมเขายังใจเย็นได้อยู่กันนะ?’

“อืม... ทางกลับไปสถานีตำรวจรถติดยาวเลยแฮะ ผมขอใช้ทางลัดได้ไหม?” เขาถาม

เธอรีบพูดดักทางทันที “อย่าคิดตุกติกเชียว!”

อีกฝ่ายยิ้มร่า “แล้วพิกัดปลายทางตอนแรกล่ะ? ถ้าเปลี่ยนเส้นทางผมต้องขอคิดเงินเพิ่มนิดหน่อยนะ”

“ตามสบาย!”

หลินถงซูเจอโทรศัพท์ตกอยู่ใต้เบาะ เมื่อหยิบขึ้นเปิดอ่านข้อความของสวีเสี่ยวตงต่อจึงคิดในใจ ‘โธ่เอ๊ย! เราไม่มีทางรู้แน่ว่าเป็นเขาถ้าไม่ได้เช็คข้อมูลก่อน แต่พอรู้แล้วก็ทำเอาฉันกลัวเลยล่ะ คดีเก่าของไอ้หมอนี่เยอะเป็นบ้า เคยอยู่ในแก๊งนักเลงและถูกจับข้อหาทำร้ายร่างกาย เคยถูกพิพากษาจำคุกคดีร้ายแรงเป็นเวลาสิบปี แอปอูเบอร์นี่ไม่รู้จักตรวจสอบประวัติคนที่มาสมัครเลยหรือยังไงกัน?! แค่เขามาขับรถก็อันตรายพออยู่แล้ว เกิดมีผู้โดยสารที่เป็นผู้หญิงขึ้นรถของเขากลางดึกละก็ ไม่อยากจะคิดเลย! เพราะเขาเจ้าเล่ห์แบบนี้สินะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจอเรื่องแบบนี้ถึงยังใจเย็นอยู่ได้!’

เธอพยายามหาเหตุผลให้กับความคิดของตัวเอง ทันใดนั้นจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความอย่างรวดเร็วและกดส่งทันที “ตอนนี้ฉันอยู่ในรถของผู้ต้องสงสัย และกำลังสั่งให้เขาขับรถมุ่งหน้าไปที่สถานีตำรวจ ขอให้เจ้าหน้าที่เตรียมตัวให้พร้อม!”

ทันใดนั้นกรุปแชทจึงเด้งรัวจนลำโพงแทบแตก

“เป็นไปไม่ได้!”

“คุณหลินชนะรางวัลใหญ่แล้ว!”

“เรื่องเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน?! อยู่ดี ๆ ก็ไปเจอตัวผู้ต้องสงสัยเนี่ยนะ? ดวงดีจริง ๆ เลย!”

“รายงานตำแหน่งปัจจุบันของคุณมา อย่าเปิดเผยตัวตน และอย่าเผลอทำอะไรให้ผู้ต้องสงสัยหงุดหงิด พยายามทำให้เขาผ่อนคลายและถ่วงเวลาไว้!”

หลินชิวผูพี่ชายของเธอเป็นคนล่าสุดที่ส่งข้อความมา เธอรีบเปิดแชร์ตำแหน่งลงในกรุปแชททันที

จู่ๆ รถของเขากลับหักเข้าจอดที่ริมถนน เฉินฉีเปิดประตูกว้างแล้วรีบพุ่งตัวออกไปเหมือนหมาบ้าหลุดจากกรงขัง หลินถงซูตระหนกจนหายใจไม่ทั่วท้อง “ฉันน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรกว่าเขาไม่มีทางทำแบบที่พูดแน่ ๆ!” ตอนนี้เธอได้แต่ตำหนิตัวเองที่ประมาทเกินไป

“หยุดนะ!” เธอตะโกนลั่นขณะวิ่งไล่ตามเขา

เฉินฉีวิ่งสุดแรงเกิดด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ส่วนหลินถงซูใส่รองเท้าแตะทำให้ความเร็วให้การวิ่งเทียบเท่าอีกฝ่ายไม่ได้ ทุกคนบนถนนต่างตกใจเพราะเห็นชายคนหนึ่งกำลังวิ่งหนี ในขณะที่หญิงสาวอีกคนเล็งปืนและวิ่งตามไปอย่างไม่ลดละ ผู้คนพากันหลบหลีกชิดข้างทางอย่างชุลมุนวุ่นวาย

เรื่องที่เกิดขึ้นต้องกลายเป็นพาดหัวข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์อย่างไม่ต้องสงสัย!

หลินถงซูวิ่งไปอีกสองสามก้าวแต่แล้วสายรองเท้าแตะข้างขวากลับขาดเสียก่อน เธอเตะมันทิ้งไปอย่างไม่ไยดีและออกวิ่งต่อ แม้พื้นฟุตบาทจะเป็นซีเมนต์แข็งจนทำให้เธอเจ็บเท้าแต่หญิงสาวก็อุตส่าห์กัดฟันทนและไล่ตามเขาต่อไป

ผู้คนที่เห็นต่างหลีกทางให้โดยดี ขณะนั้นเองหลินถงซูก็เห็นชายคนหนึ่งวิ่งจ้ำอ้าวอยู่ด้านหน้าเฉินฉี ระยะห่างของคนทั้งสองอยู่ใกล้กันน้อยกว่าสองเมตร ทันใดนั้นเฉินฉีจึงพุ่งตัวเข้าไปผลักชายคนนั้นจนล้มลงกับพื้นก่อนแย่งกระเป๋าถือของผู้หญิงออกมาจากมือของผู้ชายคนนั้น!

เฉินฉีหยิบสายไฟออกจากกระเป๋าสตางค์ของตัวเองและใช้มันมัดมือชายที่นอนอยู่บนพื้นในท่าไพล่หลัง ผู้คนรอบ ๆ ต่างล้อมเข้ามามุงดูสิ่งที่เกิดขึ้นและกล่าวชื่นชมหนุ่มพลเมืองดีที่ช่วยจัดการกับโจรวิ่งราว

หลินถงซูตกตะลึงอีกครั้ง “นี่เขารีบพุ่งออกมาจากรถเพื่อไล่จับโจรหรอกเหรอ?”

หญิงวัยกลางคนวิ่งแหวกฝูงชนเข้าไปหาเฉินฉีและร้องไห้โฮด้วยความดีใจ “ขอบคุณมาก ๆ เลยนะน้องชาย! ในกระเป๋าใบนี้มีเงินที่ฉันอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบเพื่อจะเอาไปจ่ายค่ายาให้แม่ของฉัน ถ้ามันถูกขโมยไปฉันคงจนปัญญาแน่ ๆ!”

เขายื่นกระเป๋าคืนให้ผู้หญิงคนนั้น “คุณพี่ต้องระวังทรัพย์สินให้ดีนะครับ แถวนี้โจรมันชุม!”

“ขอบคุณค่ะ! ขอบคุณอีกครั้งนะคะ!” หล่อนเปิดกระเป๋าก่อนหยิบธนบัตรหยวนออกมาปึกใหญ่ จากนั้นจึงยื่นให้อีกฝ่ายเพื่อตอบแทนน้ำใจ

เขาหยิบธนบัตรออกมาแค่สามสี่ใบพลางดันเงินปึกใหญ่คืนให้หล่อนพร้อมพูดว่า “แค่นี้ก็พอแล้วครับ หนึ่งหมื่นหยวนเยอะเกินไป ผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับ!”

พอจับคนร้ายได้หล่อนจึงรีบโทรแจ้งตำรวจ ส่วนเฉินฉีกวาดสายตามองรอบ ๆ และเดินแหวกฝูงชนออกมา หลินถงซูที่ยืนมองอยู่ไม่วายพูดแขวะ “ถ้าคุณอยากทำความดีจริง ๆ ก็ไม่เห็นต้องรับเงินจากผู้หญิงคนนั้นเลยนี่ แบบนั้นต่างหากถึงจะเรียกว่าพลเมืองดีโดยแท้”

“การมีคุณธรรมกับการเสียสละ สองอย่างนี่ไม่เหมือนกันหรอกนะคุณ ผมคิดว่ามันคงเป็นเรื่องประหลาดสิ้นดีที่คนจะมีน้ำใจต่อกันโดยไม่สนผลตอบแทนอะไรเลย อีกอย่าง ... การที่ผมรับเงินตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ นอกจากผมเองจะมีความสุขแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ต้องรู้สึกติดค้างผมด้วย!”

หลินถงซูพูดไม่ออกเพราะสิ่งที่เขาพูดถูกต้องจึงรีบเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน “แต่ถึงยังไงคุณก็เป็นแค่คนขับรถนะ ไม่คิดว่าไอ้โจรนั่นจะกลับมาแก้แค้นคุณเหรอ?”

“คนที่จะกลัวโจรกระจอกพรรค์นั้นคงมีแต่คนธรรมดาที่คิดมากเท่านั้นแหละ ไม่ต่างอะไรกับหนูที่เอาแต่กลัวคน”

“เชอะ! แต่พอคิด ๆ ดูแล้วคุณก็ไม่เห็นต้องกลัวคนตามมาแก้แค้นเลยนี่นา เพราะเดี๋ยวคุณก็ต้องเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว ผู้ต้องสงสัยเฉิน!”

เฉินฉีไม่ตอบอะไรแต่ก้มมองไปที่เท้าเปล่าของเธอ “รองเท้าของคุณหายไปไหนซะล่ะ?”

หลินถงซูเดินย้อนกลับไปจุดที่เธอเตะรองเท้าทิ้งไว้ แต่พบว่ามันถูกคนจรจัดแถวนี้ขโมยไปเสียแล้ว ตอนนี้ฝ่าเท้าของเธอทั้งร้อนพองและปวดมาก แต่เธอยังแกล้งทำเป็นเข้มแข็งและเชิดหน้าใส่เขา “ไม่เห็นต้องเป็นห่วงฉัน”

เขาช่วยพยุงเธอไปยังร้านขายรองเท้าที่อยู่ใกล้ๆ หลินถงซูตกใจจนรีบดึงมือออก “ทำอะไรน่ะ? มาจูงมือฉันทำไมกัน? เราทันไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่?!”

เฉินฉีไม่สนใจท่าทางบ่ายเบี่ยงของเธอและประคองไหล่ให้เดินต่อ “ไปเถอะน่า!”

หญิงสาวรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ตัวเองต้องมาใส่รองเท้าที่ผู้ชายซึ่งเพิ่งรู้จักได้ไม่นานซื้อให้ เขาหยิบรองเท้าผ้าใบทรงสุภาพสุ่ม ๆ มาให้เธอคู่หนึ่ง พอเขาตั้งท่าจะเดินไปจ่ายเงินเธอจึงโพล่งออกมา “เดี๋ยวฉันจ่ายเอง!” แต่เมื่อเธอกำลังจะเอื้อมไปหยิบกระเป๋าสตางค์จึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมมันไว้บนรถพร้อมโทรศัพท์

“ถ้างั้นถือซะว่าผมให้คุณยืมก่อนก็แล้วกัน” เฉินฉียิ้มขณะนำเงินที่ได้รับเป็นสินน้ำใจจากการจับโจรจ่ายให้แคชเชียร์ไป

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด