บทที่ 2 หลินถงซู
บทที่ 2 หลินถงซู
หลินถงซูเดินลงไปที่โรงจอดรถใต้อาคารด้วยความเคยชิน แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ารถของตัวเองจอดซ่อมอยู่ที่อู่ตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนเพราะขับไล่ตามคนร้ายจนเฉี่ยวชนระเนระนาด ภายในไม่กี่นาทีกลับละเมิดกฎจราจรไปแล้วเป็นสิบ ๆ ข้อทำให้ถูกยึดใบขับขี่ไปตามระเบียบ ทั้งยังถูกลงโทษทางวินัยร้ายแรงเหตุฝ่าฝืนคำสั่งและปฏิบัติเกินหน้าที่
ด้วยความที่ยังไม่หายหงุดหงิดกับเรื่องครู่นี้จึงเดินออกจากตัวอาคารอย่างไร้จุดหมาย ขณะนั้นเองรถคันหนึ่งก็ขับมาจอดเทียบและบีบแตรทักทาย ใบหน้ายิ้มแป้นของคนขับโผล่ออกมาจากกระจกใสที่ค่อย ๆ ละระดับลง “ถงซู ให้ผมไปส่งไหม?”
“ไม่ต้องหรอก ฉันกลับเองได้” หญิงสาวปฏิเสธทันควัน
“ทะเลาะกับพี่ชายมาอีกแล้วล่ะสิ” สวีเสี่ยวตงสังเกตจากสีหน้าจึงเดาออกทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น “จะหงุดหงิดไปทำไมกัน? พี่ชายคุณเป็นถึงหัวหน้าหน่วยสืบสวนเลยนะ! คนอื่น ๆ คาดหวังแทบตายแต่ไม่เคยได้ใกล้ชิดกับเขา คงมีแต่คุณที่เป็นน้องสาวเท่านั้นแหละ ถ้าผมเป็นคุณคงยิ้มไม่หุบทั้งวันทั้งคืนแน่ ๆ”
หลินถงซูหยุดเดินกะทันหันแล้วหันไปตวาดเสียงดังทันที “ในสายตาของทุกคนฉันก็เป็นได้แค่น้องสาวของหัวหน้าหน่วยแค่นั้นแหละ! ไม่มีใครรู้จักหลินถงซูในฐานะที่ฉันเป็นฉันเลยสักคน! ถ้าคุณอยากเป็นน้องสาวเขามากละก็... เอาไปเลย! ฉันไม่อยากมีชีวิตแบบนี้เลยสักนิด!”
พอระบายความอัดอั้นจนหมดแล้วเธอจึงเดินเลี่ยงออกจากอาคารจอดรถไปอย่างรวดเร็ว
“อะไรกัน? ไอ้เราก็แค่หยอกเล่นเอง ทำไมเธอโกรธขนาดนี้ล่ะ?” สวีเสี่ยวตงเกาหัวด้วยความงุนงง
เมื่อหลินถงซูข้ามสี่แยกไฟแดงมาแล้วจึงคิดคำนวณเส้นทางใหม่ และหลีกเลี่ยงเส้นทางที่สวีเสี่ยวตงขับลาดตระเวนเป็นประจำเพื่อที่จะไม่ต้องเจอกับเขาเป็นครั้งที่สอง
เธอตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเรียกรถในแอปอูเบอร์ ซึ่งคนขับก็กดยอมรับคำขอของเธอแทบจะทันที แต่พอเธอใช้เวลารอรถเกือบห้านาที ตำแหน่งของรถในแผนที่กลับไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว
หญิงสาวรีบกดโทรหาคนขับรถเพื่อต่อว่า “คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า? ฉันยืนรอคุณมาห้านาทีแล้วนะ!”
ปลายสายตอบกลับเสียงราบเรียบ “ขอโทษครับคนสวย พอดีผมติดธุระนิดหน่อย รบกวนคุณเดินข้ามมาหาผมได้ไหม?”
“งั้นก็ช่างเถอะ งั้นฉันจะกดเรียกรถคันอื่น!”
“อ๊ะ! เดี๋ยวก่อนสิคุณ งั้นผมลดค่าโดยสารให้คุณยี่สิบเปอร์เซ็นต์เลยโอเคไหม? คุณเห็นร้านสตูเนื้อที่อยู่อีกฟากถนนหรือเปล่า?”
“เห็นค่ะ แล้วยังไงต่อ?”
“มันจะมีซอยเล็ก ๆ อยู่ถัดจากร้านนั้น ถ้าคุณข้ามถนนมาจะเห็นรถผมจอดอยู่ในซอย”
“ยุ่งยากชะมัด!”
หลินถงซูรีบวิ่งข้ามถนนและเดินมาจนถึงหน้าปากซอยนั้น ตอนแรกเธอคิดว่าธุระที่อีกฝ่ายหมายถึงคือรถติด แต่เท่าที่เห็นคือบนถนนแทบไม่มีรถขับผ่านไปมา มีเพียงลุงคนหนึ่งกำลังล้างรถโดยใช้สายยางจากครัวของร้านอาหารอยู่เท่านั้น
รถคันดังกล่าวเป็นยี่ห้อฉางอันอีโดสีแดง เธอเช็คป้ายทะเบียนอีกทีจึงพบว่าเป็นรถคันเดียวกับที่กดยอมรับคำขอของเธอในแอปอูเบอร์
เธอเดินตรงมาและกอดอกมองตาลุงที่กำลังล้างรถอย่างขะมักเขม้น อีกฝ่ายบ่นพึมพำเสียงดังเพราะยังไม่เห็นเธอ “ไอ้นกเฮงซวย! ที่ก็มีให้แกอึตั้งเยอะทำไมต้องมาอึใส่รถสุดที่รักของฉัน!”
หญิงสาวแกล้งกระแอมดัง ๆ หนึ่งครั้ง ตาลุงคนนั้นจึงหันกลับมามองตามเสียงและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “โอ้ คุณมาถึงแล้ว เปิดประตูเข้าไปนั่งด้านในก่อนสิครับ!”
หลินถงซูมองอีกฝ่ายตาขวาง “นี่น่ะเหรอธุระของคุณ? ฉันต้องยืนตากแดดรอรถตั้งห้านาทีแต่คุณดันล้างรถสบายใจเฉิ่มเนี่ยนะ?”
“โธ่ อย่าคิดมากไปเลย แค่ห้านาทีเอง”
“คุณก็พูดได้สิว่าแค่ห้านาที สำหรับฉันแค่วินาทีเดียวก็มีค่ามาแล้ว นี่มันตั้งห้านาที! บอกซิว่าคุณจะชดใช้ให้ฉันยังไง?”
อีกฝ่ายหันมายิ้มให้เธอ ดวงตาที่จริงจังคู่นั้นทำให้เขาดูเหมือนชายวัยใกล้สี่สิบที่ผ่านประสบการณ์มากมายในชีวิตมาอย่างโชกโชน เขาโต้แย้งอย่างไม่ยอมแพ้ “ถ้าคุณถามหาเหตุผลงั้นผมก็คงต้องอธิบายยาวหน่อย จากจุดที่คุณเรียกผมไปกับตรงนี้ห่างกันประมาณห้าสิบห้าเมตรเท่านั้น แต่ถ้าผมเป็นฝ่ายไปหาคุณผมจะต้องไปหาที่ยูเทิร์นอีกไกลเลยเชียว หมายความว่าผมต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบนาทีกว่าจะไปถึง เพราะงั้นถ้ามองในมุมกลับกันผมไม่ได้ทำให้คุณเสียเวลาห้านาที แต่ทำให้คุณประหยัดเวลาเพิ่มขึ้นกว่าเดิมตั้งห้านาทีเลยนะ! แล้วที่ผมต้องล้างรถก็เพราะตัวผมเป็นคนชอบความสะอาด มีนกมาอึใส่กระโปรงรถผม... เวลาขับก็ต้องมองคราบอึนั่นไปตลอดทาง แล้วมันจะทำให้ผมไม่สบายใจและมองทางไม่ชัดจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ไม่ดีเหรอที่ผมลงทุนล้างรถเพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีขึ้น? หรือจะให้ผมขับไปทั้งแบบนี้ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันอันตรายล่ะ?”
“เหอะ! มันก็เป็นแค่ข้อแก้ตัวเท่านั้นแหละ” เธอแค่นเสียง “ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่าจริง คุณก็ควรโทรมาบอกฉันตั้งแต่แรก ทำไมถึงปล่อยให้ยืนรออยู่อย่างนั้นตั้งห้านาที?”
“เอาล่ะ นั่นเป็นความผิดของผมเอง ตอนนั้นมีสายเรียกเข้าพอดี แม่ของผมป่วยโรคเส้นเลือดในสมองอุดตันแถมเพิ่งผ่าตัดเสร็จ คุณหมอเลยโทรมาแจ้งความคืบหน้าเป็นระยะ คุณคิดว่าผมควรรับสายหมอหรือโทรบอกคุณก่อน?”
คราวนี้หลินถงซูถึงกับเถียงไม่ออก “ฉันเข้าใจแล้ว! หยุดเล่นบทน่าสงสารแล้วสตาร์ทรถสักที!”
เธอมองไปที่ป้ายใบขับขี่และเห็นชื่อ ‘เฉินฉี’ พิมพ์ไว้เด่นชัด เฉินฉีปรับกระจกมองหลังเล็กน้อยพลางเหลือบมองหน้าอกของอีกฝ่ายก่อนเอ่ยปากถาม “คุณจะไปไหนครับ?”
“นี่ อย่าพูดจายืดยาดได้ไหม? ไม่ได้ดูปลายทางที่ฉันปักหมุดในแอปเหรอ?”
“ขอโทษที ผมเคยขับแท็กซี่มาก่อนน่ะครับเลยติดถามปลายทางเป็นนิสัย ถือเป็นการชวนคุยไปในตัวด้วย”
“ไม่มีใครเขาอยากคุยเล่นกับคุณหรอก อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”
หลังบทสนทนาเงียบไปสักพักหลินถงซูจึงสังเกตเห็นสายตาคู่หนึ่งกำลังมองเธอผ่านกระจกจนเธอรู้สึกอึดอัด พอทนไม่ไหวจึงฟาดไหล่คนขับไปหนึ่งที “มองถนนอย่างเดียวไม่ได้รึไงคุณ? เลิกทำตัวเหมือนโรคจิตซะที!”
“เปล่า! ผมไม่ได้จะใช้สายตาล่วงเกินคุณ ผมกำลังสังเกตคุณต่างหาก”
เธอหัวเราะเสียงดัง “ฉันมีอะไรให้น่าสังเกตกัน?”
“คุณรู้สึกร้อนวาบอยู่ข้างในตับจนมีอาการนอนไม่หลับ แล้วก็รู้สึกขมปากขมคอเพราะรสชาติของยาด้วยใช่ไหม? ผมเห็นลิ้นคุณเป็นสีขาว”
“คะ-คุณรู้จักยาจีนด้วยเหรอ?”
“อ๋อ ผมพอมีความรู้เรื่องนี้บ้างนิดหน่อย” เฉินฉียิ้มพลางหยิบซองบุหรี่ออกมาจากช่องใส่ของข้างรถ
“นี่! คุณจะสูบบุหรี่ในรถไม่ได้นะ! ทำไมถึงไม่มีมารยาทแบบนี้เนี่ย”
“ผมยังไม่ได้สูบสักหน่อย แค่จะดูว่ามันเหลืออยู่เท่าไหร่ แค่ดูเฉย ๆ ก็ไม่ได้เหรอ?” เขาเขย่าซองแล้วจึงโยนกลับเข้าที่ “คุณทำอาชีพอะไรครับคนสวย?”
“ฉันจะทำอาชีพอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของคุณ ขับรถเงียบ ๆ ไปเลย!”
“คุณเป็นตำรวจใช่ไหมล่ะ?”
หลินถงซูนิ่งอึ้ง เธอรีบก้มเช็คตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า ‘ฉันก็ใส่ชุดลำลองนี่! หรือเขาเห็นปืนของฉันงั้นเหรอ? แต่ฉันซ่อนไว้หลังเสื้อแจ็กเกตตลอดนี่นา...’
อีกฝ่ายยังคงพูดต่อ “ทุกอาชีพการทำงานจะทิ้งร่องรอยไว้บนตัวทุกคนเสมอ สายตาของคุณที่มองคนอื่นไม่เหมือนคนทั่วไป มันฉายแววชัดว่าคุณทำงานให้กับกฎหมาย”
“แล้วทำไมถึงเดาว่าฉันเป็นตำรวจล่ะ? อาชีพที่ทำงานให้กับกฎหมายมีถมเถไป”
เฉินฉียิ้ม “ก็ที่ที่คุณจะไปอยู่ห่างจากสถานีตำรวจแค่สองช่วงถนนเอง เฮ้! งั้นคุณเปิดเผยข้อมูลสักนิดได้ไหมครับว่าตอนนี้พวกคุณกำลังสืบสวนคดีอะไรอยู่?”
ใจจริงหลินถงซูไม่ค่อยอยากบอกเท่าไหร่ แต่เธอคิดว่าการตอบคำถามนี้เป็นการตอบแทนที่เขาอธิบายข้อสังเกตให้เธอฟังอย่างละเอียดจึงไม่คิดปิดบัง “คดีฆาตกรรมแอปอูเบอร์ค่ะ”
เขาตอบกลับโดยไม่มีร่องรอยความประหลาดใจแม้แต่นิด “งั้นเหรอครับ? ถ้าคุณต้องการให้ผมไปร่วมงานสามารถเรียกใช้ได้เลย มีรางวัลแจกสำหรับคนให้เบาะแสไหมล่ะ?”
“คุณมีเบาะแสเหรอ?”
“ตอนนี้ยังไม่มี แต่ถ้ามีรางวัลงาม ๆ ล่อตาล่อใจผมอาจจะไปสืบดูสักหน่อย”
“ฮ่าๆๆ พูดเหมือนกับว่าคุณสืบคดีด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ อย่างนั้นแหละ”
“มันก็แค่คดีง่าย ๆ ถ้าจะไขก็ต้องพึ่งโชคซะหน่อย ไม่แน่วันนี้ผมอาจโชคดีก็ได้!”
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกขัดใจไม่น้อย แต่ยังไม่ทันอ้าปากเถียงเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์กลับดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน แถบการแจ้งเตือนจากวีแชทระบุว่าสวี่เสี่ยวตงส่งคำเชิญให้เธอเข้าร่วมกรุปแชท
ทุกครั้งที่มีคดีใหม่ ๆ เขามักเป็นคนสร้างกรุปแชทเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดี
สวีเสี่ยวตงพิมพ์ข้อความแรกในแชทอย่างตื่นเต้น “ทุกคนครับ! ผมเจอแล้วล่ะว่าใครเป็นคนขับรถในคืนนั้น!”
หลินถงซูเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ‘ขี้อวดชะมัด!’
ข้อความยาวเหยียดเด้งขึ้นในกรุปแชทที่เพิ่งสร้าง “ชื่อเฉินฉี เพศชาย อายุสามสิบหกปี เป็นพลเมืองของเมืองหวู่อัน ทำอาชีพขับรถรับส่งผู้โดยสารมาแล้วสิบห้าปี ป้ายทะเบียนหมายเลข ...”
หลินถงซูเงยหน้าขึ้นมองป้ายใบขับขี่ซึ่งมีใบหน้ายิ้มแฉ่งของคนขับอย่างรวดเร็วก่อนรีบร้อนรูดซิปเสื้อแจ็กเกตลงพร้อมคว้าปืนที่เหน็บอยู่ด้านหลังขึ้นจ่อหัวเฉินฉีทันที! “ฉันขอสั่งให้คุณหยุดรถ เดี๋ยวนี้!”