ตอนที่แล้วตอนที่ 10 : ความลับของกิลเฟอร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12 : อดีตของเควินและเอลซ่า

ตอนที่ 11 : นางเอกของแฟรี่เทล


ลูกบากศ์ขนาดยักษ์บนท้องฟ้าเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ทว่ามันกลับไม่มีแม้กระทั่งรอยขีดข่วน

“เท่านี้ก็มั่นใจได้แล้วว่าเจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งใช้ได้” ภายในลูกบากศ์หญิงสาวผู้งดงามซึ่งมีเขาอยู่สองข้างบริเวณหัวพูดด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าอยากลงไปสั่งสองเขาหน่อยไหมล่ะ? เคียวกะ?” ชายอีกคนที่มีใบหน้าคล้ายอสูรหันไปพูดกับหญิงสาวที่ดูเหมือนเป็นผู้นำของกลุ่ม

“ยังไม่ถึงเวลา การที่เด็กนั่นสามารถจัดการปาวาได้อย่างอยู่หมัด เจ้าเด็กนั่นอาจจะสร้างปัญหาให้พวกเราได้พอสมควร ในตอนนี้เก้าประตูผียังไม่ควรปรากฎตัวให้โลกได้รับรู้” หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะหันหลังจากไป

“แฟรี่เทลมีจอมเวทย์ที่สังหารได้กระทั่งปีศาจจากหนังสือของเซเรฟเลยสินะ เป็นกิลด์ที่ดูถูกไม่ได้เลย…”

  ——

เควินที่อยู่บนยอดเขา หลังจากที่แสงวาบบนท้องฟ้าหายไปแล้ว เขาก็สัมผัสถึงตัวตนของอีกฝ่ายไม่ได้อีกต่อไป เขาเริ่มคลายการระวังตัวลงก่อนจะอัญเชิญมังกรค้างคาวออกมา

“น่าจะเป็นกิลด์แห่งความมืดแถมน่าจะเป็นพวกที่ลึกลับอีก...หรือว่าจะเป็นหนึ่งในกิลด์จากสหพันธ์บารัม?” เควินอดไม่ได้ที่จะกังวลเมื่อนึกถึงศัตรูก่อนหน้า “เจ้าพวกนั้นน่าจะมีเป้าหมายที่เจ้าปีศาจที่เราจัดการไปสินะ”

เควินใช้เวลากว่าสองถึงสามวันกว่าจะกลับมาถึงแฟรี่เทล โดยระหว่างทางกลับนั้นเขาได้แวะซื้อไวน์จากเมืองผ่านทางอยู่หลายเมือง

“กลับมาแล้วเหรอ? เควิน” ทันทีที่เขาเปิดประตูกิลด์ มิร่าก็กล่าวต้อนรับเขาในทันที

เขาพยักหน้าให้กับอีกฝ่ายพร้อมยิ้ม จากนั้นก็สั่งมื้อเที่ยงและหาที่นั่งกิน

“ทำไมครั้งนี้นายถึงกลับมาช้ากัน ไม่ใช่ปกตินายจะไปกลับภายในวันเดียวหรอกเหรอ?” ทันใดนั้นชายที่ท่อนบนเปลือยเปล่าก็เดินลงมานั่งตรงกันข้ามกับเขา

“ไม่มีอะไรหรอกฉันทำภารกิจเสร็จตั้งแต่วันแรกแล้ว แค่แวะพักนิดหน่อยเอง” เควินหันไปมองชายที่ท่อนบนเปลือยเปล่าก่อนจะตอบกลับไปตรงๆ “เกรย์จะพูดก็พูดนะ ฉันไม่ชินกับการที่ต้องนั่งกินอาหารโดยมีชายเปลือยกายอยู่ตรงหน้า แล้วนั่นนายถอดกางเกงทิ้งตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

เควินเลือกที่จะไม่สนท่าทางตื่นตกใจของเกรย์ก่อนจะหันไปถามคาน่าที่อยู่ใกล้ๆ “จะว่าไปเด็กใหม่ที่ชื่อลูซี่ยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”

เมื่อคาน่าได้ยินคาน่าก็วางถังไวน์ที่ดื่มอยู่ลง พร้อมพูดออกมาอย่างไม่พอใจ “เธอออกไปทำภารกิจที่สองกับนัตสึแล้ว ทำไมจู่ๆนายถึงได้สนใจลูซี่กัน?”

“เปล่าหรอก ฉันแค่อยากเห็นเวทย์อัญเชิญเทพแห่งดวงดาวก็เท่านั้น เธอก็รู้นี่ว่าเวทย์ของฉันเองก็คล้ายๆกัน” เควินยิ้มเล็กน้อยให้กับท่าทีแปลกๆของคาน่า

“ฮึ่ม!”

  ——

สองวันให้หลัง หลังจากเควินกลับมาจากการทำภารกิจ ในที่สุดลูซี่และนัตสึก็กลับมา ลูซี่ตรงไปที่กระดานภารกิจทันทีเพื่อมองหาภารกิจที่ตัวเองสามารถทำคนเดียวได้

เควินเมื่อเห็นดังนั้นเลยเดินตรงไปที่ด้านหลังของลูซี่พร้อมจับบ่าของเธอเอาไว้และถามไปตรงๆ “ลูซี่ฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นผู้อัญเชิญเทพแห่งดวงดาวใช่ไหม?”

ลูซี่สะดุ้งตัวเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ากลับมาและพบว่าอีกฝ่ายคือเควินที่เธอพึ่งได้รู้จักเมื่อไม่กี่วันก่อน

“พอดีว่าเวทย์ของฉันมันคล้ายๆกับเวทย์อัญเชิญเทพแห่งดวงดาวน่ะ ฉันเลยอยากเห็นมันกับตาตัวเองสักหน่อย…” เควินรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย

“หืม? คล้ายกับเวทย์อัญเชิญเทพแห่งดวงดาวงั้นเหรอ?”

“อ่า จะว่างั้นก็ใช่ นอกจากนี้ฉันได้ยินมาว่าภารกิจล่าสุดเธอทำได้ดีเลยนี่ เธอเองก็น่าจะแข็งแกร่งพอสมควรสินะ” เคิวนพยักหน้าพร้อมกล่าวชมอีกฝ่าย

“นั่นเป็นฝีมือของนัตสึต่างหาก…” ลูซี่ฝืนยิ้มออกมา

“นัตสึงั้นเหรอ?” เควินเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินชื่อนี้

‘จะว่าไปทั้งสองคนไม่สนิทกันนี่เนอะ...’

ขณะที่ลูซี่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังขึ้นมาจากด้านข้าง และก็เป็นดั่งที่เธอคาดเอาไว้ไม่มีผิด ตอนนี้นัตสึกำลังทะเลาะกับเกรย์อยู่

“จะว่าไปมันก็มีอีกคนที่เข้าไม่ได้กับนัตสึเลยแม้แต่นิดเดียว…”

“ฉันเชื่อว่าสักวันคนก็จะเห็นถึงความแข็งแกร่งของเธอเองนั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องคิดด้อยค่าตัวเองแบบนั้น พวกเรามาคุยเรื่องเวทมนตร์กันเถอะ” เควินรีบเปลี่ยนสีหน้าและหันไปพูดกับลูซี่ราวกับไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น

“เควิน นายอย่าเก็บสาวน้อยเอาไว้คนเดียวสิ ทำไมจู่ๆคนน่าเบื่อแบบนายถึงมาสนใจสาวน้อยคนนี้กัน? เธอลูซี่ใช่ไหม?” ขณะที่ลูซี่กำลังจะตอบ หนุ่มหล่อผมแวววาวนามว่าโลกิได้มาขัดบทสนทนาของทั้งคู่

อีกฝ่ายเลือกจะพูดต่อโดยไม่สนใจท่าทีของเควิน “เธอช่างงดงามจริงๆ แม้จะมองผ่านแว่นกันแดดนี่ก็ไม่ได้ทำให้ความงามของเธอมัวหมองลงไปแม้แต่น้อย! หากฉันต้องมองเธอด้วยสายตาที่เปลือยเปล่า คงไม่แคล้วที่จะตาบอดเพราะสายตาอันงดงามของเธอเป็นแน่แท้!” คำหวานถูกพ่นออกมาจากปากของชายหนุ่มผู้หล่อเหลาอย่างต่อเนื่อง

“งั้นก็ตาบอดไปซะสิ…” ลูซี่มองอีกฝ่ายพร้อมตอบกลับไปโดยไร้ความปราณี

“โลกิ เธอเป็นจอมเวทย์ผู้อัญเชิญเทพแห่งดวงดาว…” เควินผู้ถูกเมินมาตลอดได้พูดแทรกขึ้นมา

“อะไรนะ? นี่เธอ...เธอเป็นจอมเวทย์ผู้อัญเชิญเทพแห่งดวงดาวงั้นเหรอ?!!!!! อ๊ากกก!!! ไม่นะ ทำไมโชคชะตาถึงได้กลั่นแกล้งฉันถึงเพียงนี้ ขอโทษนะแต่พวกเราเลิกกันเถอะ!!!” เมื่อได้โลกิได้ยินคำพูดของเควิน เขาก็กรีดร้องออกมาพร้อมวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก

“นี่พวกเธอคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่?” เควินนั้นรู้อยู่แล้วว่าโลกิมักจะจีบเด็กใหม่ของกิลด์อยู่ตลอด เขาถามลูซี่ไปเพื่อหยอกล้อเพียงเท่านั้น

“พวกเรายังไม่เริ่มคบกันซักหน่อย…”

“ไอซ์! ดูเหมือนว่าลูซี่กับโลกิ~หุหุ~จะแอบมีความสัมพันธ์ลับๆกันสินะ” แฮปปี้ที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน ได้พูดล้อเลียนลูซี่

“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากได้ยินจากนายที่สุดเลย แฮปปี้…” ลูซี่จ้องมองแฮปปี้ด้วยแววตาปลาตาย “จะว่าไปเมื่อกี้โลกิเป็นอะไรงั้นเหรอ?”

“ฉันเคยได้ยินมาว่าเขาเคยถูกหักอกจากจอมเวทย์แห่งดวงดาวมาก่อน จากนั้นมาเขาก็เลยกลัวจอมเวทย์ดวงดาวมาตลอดเลยน่ะ” เควินลูบคางของตนและพยายามนึกสาเหตุ

“จริงๆแล้วนายเองก็นิสัยแย่ไม่ต่างกันสินะ” เมื่อเห็นว่าเควินเอาแผลเก่าของคนอื่นมาพูดได้อย่างสนุกปากโดยไม่ลังเล ทำให้เธอตระหนักถึงเนื้อแท้ของเควินเป็นครั้งแรก

ตอนนั้นเองโลกิที่พึ่งวิ่งออกไปก็วิ่งกลับเข้ามาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ จากนั้นก็พูดประโยคบางอย่างออกมาที่ทำให้นัตสึและเกรย์หยุดสู้กันในทันที

“เอลซ่ากลับมาแล้ว!!”

“อืม...ฉันขอตัวกลับก่อนนะ จะว่าไปคาน่าฉันซื้อไวน์มาด้วยสนใจไปดื่มด้วยกันไหม?” เมื่อได้ยินชื่อนั้นทุกคนต่างก็หลั่งเหงื่อเย็นออกมาทันที ไม่ต้องพูดถึงเด็กมีปัญหาอย่างเกรย์และนัตสึที่รักกันในชั่วพริบตา ขนาดเควินเองก็อยากจะรีบกลับบ้านไม่ต่างกัน

“ช้าไปแล้วล่ะเควิน เอลซ่ากลับมาแล้ว” มิร่าที่อยู่ที่บาร์ยิ้มให้กับเควิน

หลังจากเสียงของมิร่าสิ้นสุดลง สาวสวยในชุดเกราะหนักราวกับเทพแห่งสงครามก็เดินเข้ามา

บรรยากาศโดยรอบหนักอึ้งขึ้นมาทันที

ด้วยใบหน้าที่งดงาม ผมสีแดงสง่า ทำให้ไม่มีใครกล้ามองดูหมิ่นเธอ แม้แต่เควินเองก็ไม่มีข้อยกเว้น มีเพียงแค่มิร่าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยิ้มทักทายเธออย่างเป็นธรรมชาติ

“เฮ้อ รู้งี้กลับช้าอีกวันดีกว่า…” เควินคิดขณะที่กำลังเสียวสันหลังวาบ

***

เคียวกะ

โลกิ

เกรย์

เอลซ่า

แฮปปี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด