805-806
�
Ep.805
ระหว่างนั้นเอง ภูเขาลูกเล็กๆที่ทอประกายลำแสงห้าสายปรากฏขึ้นเบื้องหน้าซูเฉิน
กึ้งงง!
มันเข้าขวางในเวลาประจวบเหมาะพอดิบพอดี ปลายแหลมของหอกสีเงินจ้วงแทงลงบน [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] อย่างแรง
บังเกิดเสียงปะทะดังกึกก้อง
“นี่เจ้าเองก็มีสิ่งประดิษฐ์เทวะ!?”
หญิงสาวร่างใหญ่ชะงักงัน เหม่อมองอยู่เฉิน สีหน้าท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ซูเฉินแค่นเสียงเบาๆ ไม่คิดตอบเธอ ก้าวขยับเท้าไปเบื้องหน้า พริบตาเดียวมาถึงเบื้องหน้าหญิงร่างสูง ง้างแขนและฟาดฟันลงไป
ในชั่วพริบตาเดียว กระแสคลื่นสีขาวที่เปล่งไปด้วยความผันผวนธาตุน้ำแข็งอันน่าสยดสยองโถมลงมาข้างหน้า
ได้เห็นฉากนี้ หางตาของหญิงร่างสูงกระตุกทันใด
ความเร็วของซูเฉินว่องไวปานสายฟ้าแลบ อีกทั้งยังเป็นปรมาจารย์มนตราระดับสูง เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกเหลือเชื่อนัก
อย่างไรก็ตาม เธอจะไม่ยอมนั่งรอความตายอยู่เฉยๆ ขณะที่กำลังจะฟาดหอกยาวในมือเพื่อปัดป้อง ทันใดนั้นร่างเธอคล้ายถูกห่อหุ้มด้วยพลังมหาศาลที่มองไม่เห็น ทุกการเคลื่อนไหวกลายเป็นเชื่องช้าซบเซา
“พลังแห่งจิตวิญญาณ?”
สีหน้าของหญิงสาวร่างสูงแปรเปลี่ยนกลับกลาย หากเธอไม่สามารถสลัดหลุดได้ทันเวลา คงต้องถูกแช่แข็งโดยเวทย์น้ำแข็งที่กวาดเข้ามา
“แย่ล่ะสิ!”
หญิงสาวร่างเล็กที่อยู่ข้างๆ เห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี เท้าเธอขยับวูบ เคลื่อนกายราวกับภูติผี ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าหญิงสาวร่างสูง พร้อมกวัดแกว่งดาบปลายโค้งสีเงิน
เห็นแค่เพียงริ้วแสงสีเงินหลายเส้นกรีดกราย หลุมดำผุดพรายขึ้นในอากาศ กลืนกินกระแสคลื่นสีขาวที่กวาดเข้ามา
แทบจะในทันทีหลังจากนั้น หลุมดำและกระแสคลื่นสีขาว ต่างฝ่ายต่างแตกสลาย หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
“ท่าเคลื่อนย้ายมิติ?”
ซูเฉินหรีตาลง พึมพำกับตัวเอง
หญิงสาวร่างเล็กเองก็เป็นผู้ฝึกตนขั้น 10 เช่นกัน ยังไงก็ตาม ด้านกำลังรบ เธอแข็งแกร่งกว่าหญิงร่างสูงอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการเคลื่อนย้ายมิติ มันเป็นอะไรที่น่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง ชวนให้คิดว่าเธออาจเคยได้เข้าสู่มิติท้ารบมาก่อน แล้วปลุกพลังขึ้นมาได้
ณ ขณะนี้ หญิงสาวร่างเล็กฟาดฟันอีกครั้ง ดาบเดียวสะบั้นพลังจิตที่ปกคลุมรอบกายหญิงร่างสูง จากนั้นหันมาพูดกับซูเฉินว่า “สหายผู้นี้ พวกเราไม่ต้องการนกสำรวจแล้ว และจะออกไปจากที่นี่ทันที”
“รอก่อนซี่” ซูเฉินตะโกนขึ้น
“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?” หญิงสาวร่างสูงจิกสายตามองซูเฉินด้วยความโกรธเคือง ดูไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย แต่ที่มากกว่านั้นคือความหวาดกลัว
เพราะซูเฉินไม่เพียงครอบครองสิ่งประดิษฐ์เทวะเท่านั้น แต่เขายังเป็นผู้ฝึกตนทุกอาชีพอีกด้วย
ผู้ที่ครอบครองกำลังรบแข็งแกร่งเช่นนี้ ในชีวิตเธอเพิ่งเคยพบเจอเป็นครั้งแรก
หากเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะหญิงสาวร่างเล็กก้าวเข้ามาช่วย เธออาจถูกฆ่าตายไปแล้ว
ตอนนี้ พอได้ยินว่าซูเฉินไม่ยอมให้จากไป เธอก็เริ่มรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“ตอนสู้พวกแกลงมือทันที พออยากไปก็จะไปทันทีงี้หรอ? ไม่มีอะไรในโลกง่ายดายขนาดนั้นหรอกนะ” ซูเฉินแค่นเสียงเบาๆ
ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของสองสาวแปรเปลี่ยนไป
เห็นได้ชัดว่า ซูเฉินไม่ตั้งใจจะปล่อยพวกเธอไปง่ายๆ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น พวกเธอจะไม่สนใจเรื่องนี้เลย
แต่ซูเฉินน่ะไม่เหมือนกัน! กำลังรบของซูเฉินแข็งแกร่งเกินไป ต่อให้พวกเธอสองคนร่วมมือกัน ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
หญิงสาวร่างเล็กครุ่นคิดพักหนึ่ง กัดฟันกล่าวว่า “ถ้าเจ้ายอมเลิกรา พวกเราสามารถชดใช้บางสิ่งบางอย่างให้ได้”
“ไหนลองว่ามาสิ” ซูเฉินกล่าวเบาๆ
เหตุผลที่เขาไม่ลงมือทันที ก็เพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายมีอะไรติดไม้ติดมือมาบ้าง?
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทั้งสองมีสิ่งประดิษฐ์เทวะอยู่ในมือ แสดงว่าพวกเธอร่ำรวยแน่นอน
“ข้าสามารถมอบยาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้เจ้าได้นะ มูลค่าของมันมีค่าพอๆกับหินพลังงานขั้น 7 ถึงสิบก้อนทีเดียว” หญิงสาวร่างเล็กกล่าวอย่างช้าๆ
ซูเฉินพอได้ฟังหลุดหัวเราะพรืด กล้าดียังไงใช้ขยะเช่นนี้เป็นสิ่งชดใช้? คิดว่าเขาเป็นขอทานรึไง?
“ชีวิตของพวกแกสองคน … มีค่าแค่นี้เองหรือ?”
ซูเฉินส่งเสียงฮึในลำคอ จากนั้นเปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] และ [มิติสันโดษ] เรียกด้วงเขมือบทองคำ อู๋หยาจื่อ และคนอื่นๆออกมา
4/4
Ep.806
ด้วงเขมือบทองคำขั้น 10!
แถมยังมีผู้ฝึกตนขั้น 10 อีกมากมาย!
เมื่อสองสาวเห็นซูเฉินเรียกผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนออกมาในคราเดียว ทั้งคู่ก็อดตกตะลึงไม่ได้
ขนาดลำพังซูเฉิน พวกเธอยังไม่สู้ไม่ได้ ยิ่งมีผู้แข็งแกร่งเยอะขนาดนี้ สถานการณ์ของพวกเธอคงมิแคล้วตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง
ทั้งสองมองหน้ากัน คล้ายตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ จู่ๆทั่วร่างพลันสว่างวาบไปด้วยประกายแสงดาว อากาศโดยรอบกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น
“คิดหนีหรอ?”
ซูเฉินแค่นเสียงเบาๆ หยิบกระบี่สีดำสนิทขึ้นกุม ฟาดฟันลงไปในอากาศ
อีกฝ่ายคงพยายามหลบหนีออกจากสถานที่นี้โดยใช้การเคลื่อนย้ายผ่านมิติ ในขณะที่ [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] ก็มีพลังที่สามารถฉีกมิติได้เช่นกัน ตราบใดที่ระลอกคลื่นเบื้องหน้าถูกรบกวน การเคลื่อนย้ายมิติก็จะไม่สมบูรณ์ และกระบวนการของมันจะไม่เกิดขึ้น
เป็นอย่างที่คาดไว้ หลังจากกระแสวังวนดำสนิทโหมกระหน่ำไปทั่วบริเวณ ระลอกคลื่นสีเงินเหล่านั้นพลันสลายหายไป
ได้เห็นฉากนี้ ใบหน้าของสองสาวดูน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด
“พวกแกจะยอมให้จับแต่โดยดี หรือจะบังคับให้ฉันลงมือ?” ซูเฉินกวาดสายตาเย็นเยียบไปยังทั้งสอง กล่าวอย่างเฉยเมย
“น้องสาว ร่วมมือกันสู้กับเขาเถอะ!”
หญิงร่างสูงกัดฟัน ตั้งท่าสู้สุดใจ
หญิงร่างเล็กถอนหายใจเบาๆ หันไปส่งสายตาให้หญิงร่างใหญ่ แล้วกล่าวว่า “พี่สาว ข้าว่าพวกเรายอมจำนนดีกว่า”
ยอมจำนน?
ง่ายดายขนาดนี้เชียว?
ซูเฉินรู้สึกตกใจเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดแล้ว ด้วยกำลังรบของอีกฝ่าย น่าจะพอมีโอกาสสู้แล้วหาจังหวะหลบหนีได้
“น้องสาว นี่เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร? พวกเราจะยอมจำนนได้อย่างไร?”
ใบหน้าของหญิงร่างสูงดูบูดบึ้ง คล้ายกำลังอับอาย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้
“ถ้าไม่ยอมจำนน ก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น!”
ซูเฉินตวาดด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนแค่นเสียงเบาๆ “ถ้าพวกแกยอมจำนน ก็โยนอาวุธในมือมาซะ ฉันให้เวลาแค่สามลมหายใจ”
อาวุธของทั้งสองคือสิ่งประดิษฐ์เทวะ
หากทั้งคู่เสียอาวุธไป กำลังรบของพวกเธอจะตกต่ำลงเป็นอย่างมาก เกิดพบเจอเรื่องไม่คาดฝันเข้า มีโอกาสตายสูง
อย่างไรก็ตาม หญิงร่างเล็กๆไม่ลังเลแม้แต่น้อย โยนดาบปลายโค้งสีเงินให้แก่ซูเฉินทันที จากนั้นคว้าหอกสีเงินของหญิงร่างสูง มอบให้แก่ซูเฉิน
ซูเฉินเก็บสิ่งประดิษฐ์เทวะทั้งสองชิ้นลงในถุงเก็บของอย่างมีความสุข หันไปพูดกับสองสาวว่า “พวกแกชื่ออะไร? แล้วมาจากที่ไหน?”
ไม่ว่าจะฆ่าทั้งสองคนนี้หรือไม่ ก่อนหน้านั้น มันคงจะดีกว่าหากรู้ข้อมูลของพวกเธอ
“ข้าชื่อฉีมู่อวี้ ส่วนนี่พี่สาวข้าฉีมู่เสวี่ย พวกเรามาจากป้อมปราการมิติ”
ผู้หญิงร่างเล็กที่ชื่อฉีมู่อวี้ถอนหายใจเบาๆ แนะนำตัวเอง
ป้อมปราการมิติ?
ซูเฉินถูจมูกเขา เอ่ยทวนซ้ำ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อนี้ ส่วนคนอื่นๆก็ไม่ต่างกัน ทั้งหมดแสดงสีหน้างุนงง
ตรงกันข้าม อู๋หยาจื่อกลับอุทานออกมา สีหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “บรรพชนตระกูลฉีของพวกเจ้า ใช่ ฉีชิงเฉวียน หรือไม่?”
“ใช่แล้ว”
ฉีมู่อวี้พยักหน้า
ซู๊ดดดด!
อู๋หยาจื่อสูดลมหายใจเย็นเยียบ สีหน้าเขากลายเป็นร้ายแรงผิดปกติ
ในฐานะอดีตระดับเทวะ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับผู้แข็งแกร่งในมิติภายนอกมาไม่มากก็น้อย และตระกูลฉีแห่งป้อมปราการมิติ คือขุมกำลังที่มีชื่อเสียงระบือไกล
“ผู้อาวุโส มีปัญหาอะไรหรอ?”
เห็นท่าทีของอู๋หยาจื่อเปลี่ยนไป ซูเฉินเอ่ยถามเสียงต่ำ
อู๋หยาจื่อสูดหายใจลึก อธิบายว่า “ตระกูลฉีเป็นขุมกำลังชั้นนำในมิติภายนอก บรรพชนของพวกเขา ฉีชิงเฉวียน ถือเป็นยอดฝีมือขั้น 5 ในระดับเทวะ!”
ยอดฝีมือขั้น 5 ระดับเทวะ?
ฉางไช่หลี่และคนอื่นเบิกตากว้าง สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยอาการตื่นตะลึง
ควรรู้นะว่าวังสุริยันจันทราแม้มีบรรพชนระดับเทวะอยู่ถึงสองคน อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่เป็นแค่ระดับเทวะขั้น 1 เท่านั้น
ตรงกันข้าม ฉีชิงเฉวียนกลับเป็นถึงระดับเทวะขั้น 5 สูงกว่าบรรพชนวังสุริยันจันทราสี่ขั้น! ด้านกำลังรบห่างชั้นกันอย่างเทียบไม่ติด