ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 25 การแสดงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
ตอนที่ 25 การแสดงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
พี่หลิงที่ถูกซูเหล่าซานสาดไวน์ใส่หน้า และกำลังใช้กระดาษทิชชูเช็ดหน้าอยู่นั้น เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เธอก็รีบยกขาขวาขึ้นวางไว้บนโต๊ะราวกับนักเลง จากนั้นจึงได้หยิบขวดไวน์ขึ้นมาทุบจนแตกเช่นกัน
พี่หลิงยกปลายขวดที่เป็นปากฉลามขึ้นชี้ไปทางซูเหล่าซาน พร้อมกับร้องตะโกนใส่เสียงดัง “ไอ้พวกสารเลว! นี่พวกแกคิดว่าฉันกลัวพวกแกมากรึไง? เชื่อมั๊ยว่า ขืนพวกแกยังไม่ยอมรามือ ฉันจะแทงพวกแกด้วยขวดปากฉลามใบนี้เลยคอยดู!”
แต่ดูเหมือนซูเหล่าซานจะไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อสีหน้าท่าทางข่มขู่คุกคามของพี่หลิงเลยแม้แต่น้อย มันหันไปพูดกับฉู่ฮ่าวเทียนด้วยใบหน้าที่ยังคงอาบไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายฉู่ครับ ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเลือดร้อน แล้วก็ดุร้ายไม่น้อยเลย แต่ผมกลับชอบม้าพยศแบบนี้มากกว่า มันให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนกับพวกแม่ทัพในสนามรบยังไงยังงั้น ฮ่าๆๆๆ”
หลังจากพูดจบ ซูเหล่าซานก็หัวเราะออกมาเสียงดังราวกับคนคลุ้มคลั่ง
ในเวลานั้นเอง หยวนเฟยที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมาหลังจากเมามายจนหลับไป ก็ได้ลุกขึ้นเดินไปหาฉู่ฮ่าวเทียนพร้อมกับถามออกไปว่า
“นี่เพื่อน ทำแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
“แล้วมึงเป็นใคร? มาเสือกเรื่องของพ่ออย่างกูทำไม?” ฉู่ห่าวเทียนตวาดใส่หน้าหยวนเฟย พร้อมกับยิ้มเย้ยหยัน
หยวนเฟยหรี่ตามองฉู่ฮ่าวเทียนที่ไม่แม้แต่จะเห็นตนเองอยู่ในสายตา น้ำเสียงของหยวนเฟยที่พูดออกไปครั้งนี้ จึงเย็นยะเยือกมากกว่าครั้งก่อน
“ฉันชื่อหยวนเฟย พ่อของฉันก็คือหยวนเชา ประธานบริษัท ฝูหลง เรียลเอสเตท! แกยังอยากมีปัญหาอะไรกับฉันอีกมั๊ย?”
“ประธานหยวนเชาแห่งฝูหลงเรียลเอสเตทงั้นเหรอ?” ฉู่ฮ่าวเทียนนิ่งไปเล็กน้อยพร้อมกับพึมพำเบาๆ
เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยของฉู่ฮ่าวเทียน ฮั่นเหมิงเหมิงก็ได้แต่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนชื่อของพ่อหยวนเฟิงจะมีอำนาจบารมีมากพอที่จะทำให้คุณชายฉู่คนนี้ถึงกับหยุดชะงักไปได้!
หลี่เจียฉีเองก็เช่นกัน เมื่อเธอได้เห็นสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปของฉู่ฮ่าวเทียน ที่ดูเหมือนจะเกรงกลัวอำนาจบารมีพ่อของหยวนเฟยอยู่บ้าง เธอเองก็เริ่มมีความหวังขึ้นภายในใจ และได้แต่แอบคิดว่า พ่อของหยวนเฟยน่าจะใหญ่โตมากทีเดียว ถึงได้ทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัวได้แบบนี้!
แต่หลังจากที่ฉู่ฮ่าวเทียนรู้สึกตัว เขาก็ก้าวเท้าเดินตรงเข้าไปหาหยวนเฟยพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เห็นแก่พ่อของแก ฉันจะให้โอกาสแกก็ได้ เอาเป็นว่า ถ้าแกยอมคุกเข่าเลียรองเท้าของฉันล่ะก็ ฉันจะยอมปล่อยแกไป!”
“นี่แก! แก.. แกฝันไปเถอะ! แกคงจะยังไม่รู้อะไรสินะ? แกรู้มั๊ยว่าผู้ชายที่นอนอยู่บนโซฟานั่นชื่อหวังยู่หยาง เขาเป็นหลานชายของสกุลหวาง!”
หยวนเฟยโมโหจนหน้าดำหน้าแดง และเวลานี้เขาทำได้เพียงแค่อ้างชื่อหวังยู่หยาง และชื่อสกุลหวังเพื่อเพื่อข่มขู่ฉู่ฮ่าวเทียนให้หวาดกลัว
“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าจะเป็นตระกูลหวัง หรือตระกูลใหญ่โตแค่ไหน!”
ฉู่ฮ่าวเทียนร้องตะโกนบอกอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น พร้อมกับจุดบุหรี่ขึ้นสูบ จากนั้นก็ได้ล้วงเอาปืนที่อยู่ข้างเอวออกมาเช็ดถู ปากก็ร้องตะโกนบอกลูกน้องว่า
“แม่ม้าที่แกว่าดูพยศหนักดีนี่ จะว่าไปรูปร่างของเธอก็ไม่เลวเลย เอาเป็นว่าคืนนี้ฉันอนุญาตให้พวกแกขี่นังม้าพยศนั่นได้เต็มที่!”
เมื่อลูกน้องของฉู่ฮ่าวเทียนได้ยินแบบนั้น ก็รีบร้องขอบคุณออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ดวงตาของพวกมันเป็นประกายขึ้นมาทันที
“ขอบคุณครับคุณชายฉู่!”
“เอาล่ะ งั้นก็เอาแบบนี้! เดี๋ยวพวกเราให้แม่สองสาวนั่นได้ดูฉากต่อสู้เร้าใจซะหน่อย หลังจากจัดการกับไอ้สวะพวกนี้แล้ว ฉันจะได้พาสาวสวยทั้งสองคนนี่ออกไปหาความสุขสักที!”
หลังจากพูดจบแล้ว ฉู่ฮ่าวเทียนก็ยกปืนในมือเล็งไปที่หัวของพี่หลิง พร้อมกับส่งสัญญาณให้เธออย่าได้คิดที่จะขัดขืนอีก!
นอกจากพี่หลิงแล้ว หญิงสาวทั้งสามคนที่อยู่ในห้อง ก็ได้แต่ตื่นตระหนกตกใจ ดวงตาทั้งสองข้างรื้นไปด้วยน้ำตา พร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างหมดหวัง
“อย่าคิดมาขู่ฉันซะให้ยากเลย! เพราะถ้าคุณกล้ายิงจริงๆ ต่อให้พ่อของคุณจะใหญ่โตแค่ไหน ก็อย่าคิดว่าเจ้าของร้านจะยอมปล่อยคุณไปง่ายๆ”
พี่หลิงร้องตะโกนบอกอย่างไม่หวั่นเกรง และที่เธอมั่นอกมั่นใจขนาดนี้ก็เพราะรู้ว่า เจ้าของบาร์แห่งนี้มีสถานะที่ไม่ธรรมดาเลย ส่วนจะใหญ่โตแค่ไหนนั้น กระทั่งท่านนายกเทศมนตรีของจี่หนิงยังต้องเดินทางมาร่วมงานพิธีเปิดด้วยตัวเอง
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของพี่หลิง สีหน้าของฉู่ฮ่าวเทียนก็เปลี่ยนเป็นตกใจในทันที เห็นได้ชัดว่า เขาเองย่อมรู้จักสถานะของเจ้าของร้านที่นี่เป็นอย่างดีเช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ถึงกับนิ่งไปอย่างนั้น
ซูเหล่าซานไม่ต้องการให้ฉู่ฮ่าวเทียนต้องเสียหน้า จึงรีบร้องตะโกนบอกลูกน้องสองคนที่ยืนประกบซ้ายขวาว่า
“พวกแกยังจะยืนนิ่งกันอยู่ทำไม? ไม่ได้ยินคำพูดของคุณชายฉู่รึไง?”
“ได้เลย! ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง!”
ชายหัวโล้นร่างกายกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อร้องตะโกนออกมา พร้อมกับกระโดดเข้าไปคว้ามือของพี่หลิงที่ถือขวดปากฉลามไว้ จากนั้น จึงได้กระชากขวดออกจากมือ แล้วโยนทิ้งไปลงไปกับพื้น ก่อนจะออกแรงกระชากจนร่างของพี่หลิงล้มลงกระแทกกับโต๊ะ
“ฮ่าๆๆๆ”
ทั้งฉู่ฮ่าวเทียน และลูกน้องของมันต่างก็พากันหัวเราะร่วนด้วยความชอบใจ ที่ได้เห็นชายหัวโล้นจู่โจมเข้าใส่พี่หลิงอย่างไม่ปราณีแบบนั้น
“ไอ้คนชั่วช้า! ไอ้พวกขยะสังคม!”
แม้ว่าจะหวาดกลัวไม่น้อย แต่ฮั่นเหมิงเหมิงก็ไม่สามารถทนได้ เธอร้องตะโกนด่าเสียงดัง พร้อมกับใช้กำปั้นเล็กๆกระหน่ำทุบเข้าใส่ร่างของชายหัวโล้นทันที
“ขยะสังคมงั้นเหรอ?!”
ชายหัวโล้นร้องคำรามออกมาด้วยความโมโห ก่อนจะยกมือขึ้นผลักร่างของฮั่นเหมิงเหมิงลงไปกระแทกกับโต๊ะอีกคน
“คุณชายฉู่ พอได้แล้วค่ะ! กรุณาอย่าทำอย่างนี้เลยนะคะ!” พี่หลิงเป็นฝ่ายพูดอ้อนวอนขอร้อง
ขณะที่ชายหัวโล้นกำลังจะถอดกางเกงของตัวเองออก ท่ามกลางเสียงเชียร์อย่างมีความสุขของฉู่ฮ่าวเทียนกับลูกน้องนั้น เสียงร้องตะโกนก็ดังขึ้น
“นี่พวกแกเป็นใคร? กล้าดียังไงถึงได้ทำกับเพื่อนๆของฉันแบบนี้? พวกแกคงยังไม่รู้สินะว่าฉัน…”
หวังยู่หยางร้องตะโกนออกมาเสียงดัง พร้อมกับเดินโซเซเข้าไปหาฉู่ฮ่าวเทียนด้วยท่าทางที่ยังคงไม่สร่างเมา แต่ยังไม่ทันทีหวังยู่หยางจะทันได้เดินเข้าไปใกล้ฉู่ฮ่าวเทียน เขาก็ถูกซูเหล่าซานเตะเข้าใส่ร่างจนเซถลากลับไปที่โซฟาตามเดิม
“ไอ้เวร! พวกแกทำบ้าอะไร? มันเจ็บนะโว้ย!”
หวังยู่หยานยกมือกุมท้อง พร้อมกับเหงื่อที่แต่พลั่กออกมาตามหน้าผาก และเวลานี้ เขาก็ได้สร่างเมาเป็นปลิดทิ้งทีเดียว
“ไอ้โล้น! แกยังจะคอยอะไรอยู่อีก? ไม่รู้รึไงว่าคุณชายฉู่กำลังรอชมการถ่ายทอดสดมวยอยู่!” ซูเหล่าซานร้องตะโกนบอกลูกน้อง มันไม่เห็นแม้แต่หวังยู่หยางอยู่ในสายตา
แต่ในขณะที่ชายหัวโล้นกำลังจะเดินเข้าไปหาหวังยู่หยางนั้น น้ำเสียงเย้ยหยันของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น…
“หน้าไม่อาย! พวกแกมันหน้าตัวเมียชัดๆ ผู้ชายทั้งฝูงแต่กลับรุมรังแกผู้หญิงตัวเล็กๆสองสามคน โคตรกระจอกเลย!”
หลังจากนั้น จู่ๆ ผู้ชายสองสามคนที่อยู่หน้าห้อง ก็คล้ายถูกพลังรุนแรงกระแทกเข้าใส่ร่าง จนถึงกับล้มลงกระแทกกับพื้นพร้อมกันในทันที
“พี่เย่! รีบหนีไปจากที่นี่!”
หวังยู่หยางเป็นฝ่ายร้องตะโกนบอกด้วยความวิตกกังวล วันนี้เขาตั้งใจพาเย่โม่ออกมาเที่ยวในฐานะแขกคนสำคัญของตระกูลตามคำสั่งของผู้เฒ่าหวัง หากปล่อยให้เกิดอันตรายขึ้นกับเย่โม่ เขาเองก้ไม่รู้ว่าจะไปอธิบายเรื่องนี้ให้กับปู่ของเขาฟังได้ยังไง?
แต่เย่โม่กลับพยักหน้าให้เขา และส่งสัญญาณบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง จากนั้น ก็เดินเข้าไปหาชายหัวโล้นพร้อมกับคว้าท่อนแขนใหญ่ของมันไว้ ก่อนจะจับทุ่มไปข้างหลังได้อย่างง่ายดาย ร่างของชายหัวโล้นลอยละลิ่วราวกับไก่ตัวเล็กๆ ก่อนจะร่วงลงกระแทกกับพื้นเสียงดัง มันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
หากใครสังเกตให้ดีจะพบว่า ที่ชายหัวโล้นกรีดร้องออกมานั้น ไม่ใช่เพราะร่างของมันร่วงหล่นกระแทกกับพื้น แต่เป็นเพราะนิ้วทั้งห้าของเย่โม่ที่บีบเข้าที่แขนของมันต่างห่าง มันแข็งแกร่งไม่ต่างจากคีมเหล็ก จนทำให้แขนของมันกลายเป็นร่องลึกห้านิ้ว
--------------------------
ติดตามนิยายแปลสนุกๆอีกหลายเรื่องได้ที่เพจ : แปลสนุก