ตอนที่แล้วบทที่ 345 เงื่อนไขของการเชื่อฟัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 347 หลอกล่อให้วิ่งวน

บทที่ 346 ความลับของเหวินหง


บทที่ 346 ความลับของเหวินหง

สิบโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เซี่ยเล่ยเดินบิดขี้เกียจออกมาจากห้องของเย่จงหมิง สมาชิกหลายคนที่จับกลุ่มคุยกันอยู่ถึงกับตกใจจนอ้าปากค้าง คนเหล่านี้ตระหนักได้ว่า บัดนี้วิลล่าได้มีนายหญิงแล้ว

แน่นอนว่า ต้องเติมคำว่า ‘อันดับหนึ่ง’ สามคำให้กับคำว่านายหญิงด้วย

เสี่ยวหู่เดินวนไปมารอบๆตัวเซี่ยเล่ยอยู่นานพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้า จนเซี่ยเล่ยอดไม่ได้ที่จะตบไปที่หัวของเขา

“ป่วยหรือไง ไม่เคยเห็นฉันเรอะ?”

สำหรับพี่สาวคนนี้ เสี่ยวหู่กลัวมาก เขาก้มหน้าเหลือบตามองเธออยู่นานก่อนที่จะพึมพำออกมาเบาๆว่า “ก็ผมคิดไม่ถึงว่าจะเป็นต้าเจี่ย (พี่สาวใหญ่)นี่นา ผมคิดว่าน่าจะเป็นสาวสวยคนดังทางอินเตอร์เน็ตหรือไม่ก็อาจารย์ผูมากกว่า”

เซี่ยเล่ยยกเท้าเตะ เสี่ยวหู่หัวเราะและวิ่งหนีไป

เซี่ยเล่ยเลียริมฝีปากที่เจ็บอยู่เล็กน้อยกับขยับขาที่บวมและค่อนข้างเจ็บ นึกถึงคืนที่บ้าคลั่งเมื่อคืน และยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกรักใคร่

พอเห็นเน็ตไอดอลสาวที่ยืนไม่พอใจอยู่ไกลๆ เซี่ยเล่ยก็เดินจากไปพร้อมกับพูดกับตัวเองว่า “สาวน้อยเวอร์จิ้น ยังไงหนังหน้าก็ยังบางอยู่”

พูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าของเซี่ยเล่ยก็ค่อยๆหายไป เธอมองออกไปบนท้องฟ้านอกวิลล่า

ชายที่ทำงานอย่างหนักกับฉันจนตะวันขึ้นกว่าจะยอมปล่อย คุณต้องกลับมาหาฉันอีกครั้งอย่างมีชีวิต

……

ฤดูหนาวกำลังจะมาถึงแล้ว หลังจากวันสิ้นโลกได้เริ่มต้น การทดสอบด้วยสภาพอากาศที่รุนแรงครั้งแรกกำลังจะมาถึง เย่จงหมิงรู้ว่าหลายคนที่หลบรอดจากกรงเล็บซอมบี้มาได้จะไม่รอดจากสภาพอากาศหนาวจัดของฤดูหนาวแรกครั้งนี้

เขาไม่รู้ว่าจะกลับมาได้ก่อนหิมะแรกตกหรือไม่

ด้านหน้าคือพื้นที่ลึกลับปู้เหอ

คำเรียกขานต่างจากพื้นที่ลึกลับซั่งเหอเพียงคำเดียว แต่พื้นที่ลึกลับแห่งนี้เย่จงหมิงมีความประทับใจที่คลุมเครือกับมันมาก

นอกจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์แล้ว ความทรงจำของเย่จงหมิงที่มีต่อสถานที่นี้มีเพียงชื่อของมันเท่านั้น

เขาคิดถึงเรื่องนี้ และคาดเดาว่า ในชีวิตก่อนสถานที่แห่งนี้คงเคยถูกกองทัพเหยาโจมตีมาก่อน พวกเขาจึงได้ใช้สถานที่นี้เป็นแหล่งวัตถุดิบและฐานที่มั่น เย่จงหมิงที่ได้มาถึงอิงเฉิงในอีกไม่กี่ปีต่อมาจึงได้แต่คาดเดา และเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ความลับนี้

เย่จงหมิงเดินผ่านกำแพงแห่งความโกลาหล (เปลี่ยนจากกำแพงแห่งเคออส) สีน้ำเงินจางๆเข้าไปในพื้นที่ลึกลับ

ที่นี่เป็นจุดแวะสุดท้ายก่อนที่เขาจะเข้าสู่อาณาจักรลับ เนื่องจากการมาถึงของเขา ที่นี่ เลือดจะไหลนองเป็นสายน้ำ

……

หงเจี่ยทุบค้อนขนาดใหญ่ลงบนหัว ‘กิ้งก่าปีศาจอมตะ’ โดยไม่คำนึงถึงหางที่มีหนามของมันที่กวาดมาที่เอวของเธอ

เสี่ยวจิ่วเกอที่อยู่ด้านข้าง รีบกระโดดเข้าไปกระแทกหงเจี่ยให้หลบทันที และป้องกันการถูกโจมตีให้เธอด้วยโล่ขนาดใหญ่ในมือ

หลังจากถูกกระแทกอย่างรุนแรง เสี่ยวจิ่วเกอถึงกับถอยหลังกลับไปสองสามก้าว และมีร่องรอยของเลือดไหลออกจากมุมปาก เมื่อเห็นว่าจินฉวนได้นำหัวหน้าทีมสองคนออกไปต้านทานกิ้งก่าปีศาจอมตะ เขาก็บ้วนเลือดที่อยู่เต็มปากออก โยนโล่ที่หักทิ้งไปและจ้องมองไปที่หงเจี่ย

“เหวินหง!”

เสี่ยวจิ่วเกอโกรธมากจริงๆ ในที่สุดความโกรธที่สะสมมาจนถึงวันนี้ได้ปะทุออกมาแล้ว เขาดวงตาแดงก่ำคำรามลั่นปลดปล่อยวิญญาณชั่วร้ายระบายความโกรธใส่หญิงสาวตรงหน้า

“เธออยากตายมากใช่ไหม? คิดว่า ‘ดาบมู่เจี่ย’ ของเธอจะสามารถต้านทานการโจมตีเพียงเล็กน้อยของกิ้งก่าปีศาจอมตะได้งั้นเรอะ? หรือคิดว่าค้อนทลายฟ้าจะสามารถฆ่าชีวิตกลายพันธุ์ระดับ 5 ได้ภายในไม่กี่วินาที? นั่นมันสัตว์ประหลาดที่กำลังจะเป็นระดับหกนะ! ตื่นซะที! เหล่าไป๋พิการ พวกเราต่างก็เศร้ากันหมด อย่าลืมว่า ระดับวิวัฒนาการของเธอ อุปกรณ์ของเธอ เป็นสิ่งที่เหล่าไป๋สละผลประโยชน์ของเขามาให้เธอ เพื่อให้เธอมีพลังมากขึ้น ไม่ใช่ให้เธอเอาไปแลกชีวิตกับสัตว์ประหลาด แต่เพื่อให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น!”

เสี่ยวจิ่วเกอผู้มักอ่อนโยนและมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอ สิ่งนี้ทำให้เขากลายเป็นผู้นำของกลุ่มแกนนำที่มีอายุมากกว่า ขโมยผลงานมาจากเว็บ ThaiNovel แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เขาหยิ่งผยอง ตรงกันข้าม เขากลับมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน

แม้ก่อนหน้านี้เขาจะเคยอารมณ์เสียมาบ้าง แม้กระทั่งยังเคยสังหารผู้ใต้บังคับบัญชาที่ละเมิดกฎเกณฑ์ทางทหารของกองทัพเหยาเป็นการส่วนตัว แต่โดยรวมแล้ว เขายังไม่เคยโวยวายขนาดนี้มาก่อน

สิ่งที่เหวินหงทำในวันนี้ได้สร้างความรำคาญใจให้กับเสี่ยวเกอ (หัวหน้าที่มีอายุน้อยกว่า)ผู้นี้จริงๆ

หงเจี่ยลูบลำคอหอบหายใจอย่างหนัก แต่กลับไม่ได้มองหน้าเสี่ยวจิ่วเกอที่กำลังตะโกนใส่เธอ

“เพราะว่านายไม่อยากแก้แค้นก็อย่ามาใช้อารมณ์กับฉัน! แล้วก็ไม่ต้องมาพูดเรื่องความเป็นความตายของน้องชายที่ถูกนายทิ้งให้สู้ด้วย พูดถึงเรื่องแก้แค้นนายคิดดูแล้วใช่ไหมล่ะว่า นายที่เป็นผู้วิวัฒนาการระดับ 4 ดาว มีอุปกรณ์ระดับสีขาวกี่ชิ้น มีอุปกรณ์ระดับสีเขียวดีๆสักชิ้นไหม? ! แล้วบอสของอวิ๋นติ่งวิลล่าคนนั้นก็เป็นผู้วิวัฒนาการระดับ 4 ดาวเหมือนกัน! และมันก็มีสัตว์เลี้ยงสงครามระดับ 5 ด้วย สู้ไปก็เหมือนรนหาที่ตายใช่ไหม? !”

“ไม่ต้องไปกลัวมัน ฉันมี…”

“หุบปาก!”

เสี่ยวจิ่วเกอตะโกนลั่นจนเสียงผิดปกติไปเล็กน้อย “ถ้าเธอกล้าพูด ฉันจะฆ่าเธอ! ฉันจะฆ่าเธอได้ยินไหม!”

ในเวลานี้การต่อสู้ระหว่างกองทัพเหยากับสัตว์ประหลาดได้ยุติลงแล้ว หากไม่มีเสี่ยวจิ่วเกอกับเหวินหงผู้ทรงพลังที่สุดทั้งสองคนการโจมตีของมนุษย์ก็คงจบลงด้วยความล้มเหลวอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ภายใต้การโจมตีที่เกือบจะเป็นบ้าคลั่งของเหวินหง ทำให้ในตอนนี้อาณาเขตในพื้นที่ลึกลับปู้เหอที่กองทัพเหยาได้ครอบครองมีพื้นที่อย่างน้อยหนึ่งในเจ็ดของพื้นที่ทั้งหมด

แม้แต่กิ้งก่าปีศาจอมตะที่ได้เลื่อนระดับเป็นเจ้าแห่งพื้นที่ลึกลับก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่ามันจะรอดไปได้ก็ตาม แต่ทุกคนก็รู้ว่ากองทัพสัตว์ประหลาดของมันจะอยู่ได้ไม่นาน

“หงเจี่ย อันดับของเราตกชั้นไปเป็นกองทัพที่เก้าแล้ว! และสิ่งที่คุณจะพูดก็เป็นความลับของกองทัพที่เก้าของพวกเรา ได้โปรดอย่าปากพล่อยพูดถึงมัน ถ้าคุณใช้มันไปอย่างไม่คิด เราจะไม่มีคำอธิบายอะไรให้เหล่าไป๋ คุณรู้ใช่ไหมว่าสิ่งนั้น การรักษามันไว้ต้องใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างมาก”

จินฉวนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยเลือด เพื่อบรรเทาบรรยากาศที่ตึงเครียด หลังจากปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำความสะอาดสนามรบ เขาก็เข้ามาดึงเสี่ยวจิ่วเกอผู้กำลังโกรธเกรี้ยวออกจากหงเจี่ยผู้ดื้อรั้น

พวกเขาต่างเป็นพี่น้องที่เดินทางมาที่นี่ตั้งแต่วันสิ้นโลกได้เริ่มต้น เมื่อระบายอารมณ์กันแล้ว ต่างก็ค่อยๆสงบลง จากนั้นพวกเขาก็เริ่มเก็บกวาด และรีบกลับค่าย แต่หลังจากเดินมาได้สักพัก พวกเขาก็ค้นพบว่ามีควันดำค่อยๆลอยขึ้นจากที่ไม่ห่างไกล

ทุกคนตกตะลึงในตอนแรก แล้วสีหน้าทุกคนก็เปลี่ยนไป

นั่นคือทิศทางของกองทัพเหยา!

มีความเป็นไปได้เดียวสำหรับกลุ่มควันแบบนี้ นั่นคือค่ายถูกโจมตีและถูกไฟไหม้

เสี่ยวจิ่วเกอรีบกลับไปที่ค่ายพร้อมกับทุกคน สำหรับหงเจี่ยยิ่งรีบวิ่งไปอย่างตื่นตระหนก ผู้คนที่ถูกทิ้งไว้ที่ค่ายของกองทัพที่เก้าไม่เพียงมีอยู่หลายร้อยคน แต่ยังมีไป๋เผาที่กำลังพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บอยู่ด้วย!

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทุกคนก็กลับมาถึงค่าย พวกเขาพบว่าที่นี่ถูกไฟไหม้ วัสดุจำนวนมากถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน ทั้งค่ายเต็มไปด้วยศพของผู้ที่ถูกทิ้งไว้เฝ้าค่าย

“อา ! ! !”

เสี่ยวจิ่วเกอหน้ามืด ร่างกายซวนเซอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยืนได้มั่นคง การได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องในระยะนี้ ทำให้เขาเกือบพังทลาย

“ไปดูสิว่าสัตว์ประหลาดตัวไหนทำ? ติดตามร่องรอยของมัน เราจะตามไปฆ่ามันล้างแค้นให้กับพี่น้องเรา” จินฉวนแผดเสียงสั่งด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ให้คนติดตามร่องรอยทันที แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็ต้องตกตะลึงกับคำพูดของเสี่ยวจิ่วเกอ

“ฝีมือคน” เสี่ยวจิ่วเกอพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “นี่เป็นฝีมือคน บาดแผลของพวกเขาเกิดจากดาบและกำปั้น!”

เหล่าทหารของกองทัพเหยาถึงกับตกตะลึง คน? ใครกัน? กองกำลังไหนที่กล้าเข้ามาในพื้นที่ลึกลับ? ใครกันที่กล้ามายั่วยุกองทัพเหยาของพวกเขา? ! อยากตายมากหรือไง!

เสี่ยวจิ่วเกอหอบหายใจแรง อยากจะพูดบางอย่าง แต่ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างและรีบถามขึ้นว่า “เหวินหงอยู่ที่ไหน?”

จินฉวนและคนอื่นๆตกใจ คิดในใจว่าเมื่อครู่หงเจี่ยยังอยู่ที่นี่

“อ๊าก!”

จู่ๆก็มีเสียงคำรามลั่นดังมาจากส่วนลึกของค่าย ทุกคนต่างหันไปมองและตระหนักถึงบางอย่างในทันที

เสียงนั้นมาจากเต็นท์ที่พักของไป๋เผากับหงเจี่ย

“ศัตรูยังไม่จากไป!” เสี่ยวจิ่วเกอรีบวิ่งไปทางนั้นราวกับวัวคลั่ง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด