ตอนที่ 9 : ปีศาจปรากฎกาย
เควินเลือกจะบินลงไปที่เมืองซึ่งอยู่ใกล้ๆภูเขา หลังจากหาข้อมูลเกี่ยวกับมอนสเตอร์ที่เป็นเป้าหมายของเขาเรียบร้อยแล้ว เขาก็มุ่งหน้าขึ้นไปบนภูเขาทันที
เมื่อก้าวขึ้นสู่หุบเขา ทุกฝีเก้าของเขาก็เต็มไปด้วยความระมัดระวัง เควินไม่กล้าประมาท เพราะในภารกิจระดับ S ความตายสามารถมาเยือนได้ทุกเมื่อ แม้ว่าเขาจะทำภารกิจระดับ S สำเร็จมาได้แล้วหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่คลายความระวังตัวทิ้งไป
“ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ พลังเวทมนตร์ดำก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนครั้งนี้จะไม่มาเสียเที่ยวแล้ว” เควินยิ้มบางๆ อีกเหตุผลหนึ่งที่เควินเลือกที่จะทำภารกิจนี้ก็เพื่อหาแรงบันดาลใจในการสร้างการ์ดใหม่ๆขึ้นมา
โดยใช้เจ้ามอนสเตอร์เป็นตัวอ้างอิง
“มันเลือกซ่อนตัวในที่แบบนี้ ยิ่งทำให้ตามหาตัวได้ยากจริงๆ” หลังจากเดินมาสักพักแต่ก็ไม่พบอะไรเควินเลยได้แต่ขมวดคิ้ว
เควินเหงยหน้าไปมองบนท้องฟ้า แววตาของเขากลายเป็นอ่านยาก หลังจากจ้องมองท้องฟ้าอยู่สักพัก เขาก็ก้มหน้าลงมา
“ทำไมถึงรู้สึกเหมือนถูกแอบมองอยู่กัน…”
เควินไม่ได้รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อยว่าบนท้องฟ้าเหนือหัวเขามีลูกบาศก์ขนาดยักษ์กำลังลอยอยู่ ภายในนั้นมีสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้าย ‘มนุษย์’ หลายตนกำลังมองดูเขาผ่านทางคริสตัลเวทมนตร์
“ข้าเกือบถูกจับได้ซะแล้ว สัญชาตญาณเฉียบแหลมจริงๆ แฟรี่เทล~” สาวสวยที่มีเขาสองข้างพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
“พวกเราควรไปช่วยเจ้าปาวาไหม? เจ้านั่นเองก็เป็นหนึ่งในปีศาจจากหนังสือของเซเรฟเหมือนกับพวกเรา” ชายอีกคนที่มีใบหน้าคล้ายกับสุนัขจิ้งจอกถามขึ้น
“ไม่ต้อง แค่แฟรี่เทบถ้าเจ้านั่นไม่สามารถจัดการได้ เจ้านั่นก็ไม่เหมาะจะเป็นตัวเลือกสำหรับประตูผีทั้งเก้า!” หญิงสาวอีกคนที่ปกปิดใบหน้าไว้อย่างแน่นหนาพูดตอบ
“ความแข็งแกร่งของปาวาถือว่าอยู่ในลำดับต้นๆของปีศาจในหนังสือของเซเรฟทั้งหมด อันที่จริงไม่มีทางอยู่แล้วที่เจ้านั่นจะแพ้ให้กับจอมเวทย์ธรรมดาๆ” หญิงสาวคนแรกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ก่อนจะหันไปจ้องมองเควินต่อไป
——
ไม่นานนักหลังจากเควินเริ่มรู้สึกว่าตัวเองถูกจับตามองอยู่ จู่ๆพลังเวทย์มืดมหาศาลก็ได้ปะทุขึ้นบนยอดเขา ใบหน้าของเควินแข็งค้างไปชั่วขณะ เขารีบอัญเชิญอสูรร้ายใต้แสงจันทร์หรืออีกชื่อคือหมาป่าสีเงินออกมา เขาขึ้นขี่หลังมันพร้อมสั่งให้มันพุ่งไปทางยอดเขาด้วยความเร็วสูง
หลังจากเควินขี่หลังหมาป่าสีเงินมาได้สักพัก เขาก็มาถึงยังยอดเขา สัตว์อสูรตนนี้ของเขาถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับการเดินทางโดยเฉพาะ แต่ตัวมันเองก็มีความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน
เมื่อมาถึงยังยอดเขา เขาก็พบกับสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่สูงกว่าสามเมตร ร่างกายของมัดเต็มไปด้วยมัดกล้าม บริเวณหัวมีเขาถึงสามเขาออกงอกมา ใบหน้าเรียวเล็ก และมีหางคล้ายกับจระเข้ ดูน่าหวาดกลัวและดุร้ายเป็นอย่างมาก
“มอนสเตอร์ที่เป็นเป้าหมายในภารกิจครั้งนี้งั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะไม่ง่ายเหมือนที่คิด” เมื่อเควินเห็นอีกฝ่าย สัญชาตญาณก็ร้องเตือนทันที ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกอีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดไหน
“เจ้ามีธุระอะไรกันจอมเวทย์?” หลังจากมองสำรวจเควินอยู่สักพักอีกฝ่ายก็ถามขึ้น
“ต้องขอโทษด้วย แต่ฉันมาที่นี่เพื่อจัดการนาย” เควินเรียกอสูรร้ายใต้แสนจันทร์ให้กับคืนสู่การ์ด ก่อนจะถือการ์ดอีกใบไว้บนมือเพื่อเตรียมพร้อมโจมตีทุกเมื่อ
“จัดการข้างั้นเหรอ? ทำไมกัน? ข้าอาศัยอยู่บนภูเขาลูกนี้มาหลายปี ข้าต้องการแค่ชีวิตอันแสนสงบสุขเพียงก็เท่านั้น ทำไมเจ้าถึงต้องมาจัดการข้าด้วย? ข้าทำอะไรผิดงั้นเหรอ?” นี่ไม่ได้อยู่ในการคาดเดาของเควินเลยแม้แต่น้อย เจ้ามอนสเตอร์ตนนี้ไม่ได้เริ่มการต่อสู้ทันที กลับกันมันถามคำถามแก่เควิน
“ข้าอาศัยอยู่อย่างสงบสุขบนภูเขาลูกนี้ พวกมนุษย์อย่างเจ้านั่นแหละที่เอาแต่รบกวนข้าไม่หยุด แม้ข้าจะเป็นมอนสเตอร์ แต่ข้าเองก็มีชีวิต แถมข้ายังอาศัยอยู่อย่างสงบเหมือนคนทั่วๆไป แต่เจ้ากลับต้องการจัดการข้าเนี่ยนะ ทำไมกัน?!” น้ำเสียงของเจ้ามอนสเตอร์เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆขณะพูด น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยร่องรอยของความเศร้าโศก
“ทำไมฉันต้องจัดการแกงั้นเหรอ? ลองลงเขาลูกนี้แล้วไปถามพวกชาวเมืองเอาเองสิ”
“แล้วก็อย่าทำไขสือต่อหน้าฉัน! ‘ข้าเป็นมอสเตอร์งั้นเหรอ?’ ดูยังไงแกก็เป็นปีศาจจากหนังสือของเซเรฟชัดๆ!” ท่าทางของเควินเปลี่ยนเป็นเย็นชาและดุร้าย
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้ารู้อยู่แล้วงั้นเหรอ? ตามตรงข้าไม่น่าเสียเวลาคุยกับเจ้าเลย ข้าน่าจะฆ่าเจ้าทิ้งให้หมดๆเรื่อง!” เจ้าปีศาจหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงอันป่าเถื่อน มันกำหมัดแน่นพร้อมพุ่งเข้าใส่เควินในทันที
“ได้ใจเกินไปหน่อยมั้ง!” เควินกล่าวอย่างดูถูก มือซ้ายของเขาปรากฎวงแหวนเวทย์ขึ้นมาป้องกันการโจมตีตรงหน้า ในเวลาเดียวกันมือขวาของเขาก็เริ่มส่งผ่านพลังเวทย์ไปยังการ์ดอัญเชิญ
“เจ้าคิดว่าวงแหวนเวทย์พังๆแบบนี้จะรับหมัดของข้าได้งั้นเหรอ?!” หมัดของเจ้าปีศาจปะทะเข้ากับวงแหวนเวทย์ของเควิน ทันทีที่เข้าปะทะกันวงแหวนเวทย์ของเควินก็แตกออกราวกับเป็นเพียงแค่กระจกบางๆ จากนั้นหมัดของอีกฝ่ายก็ตรงเข้าไปที่ตัวของเควินทำให้เขาปลิวไกลออกไปหลายสิบเมตร
“ข้าปาวาปีศาจแห่งพลัง! ไม่ว่าจะเป็นเวทย์แบบไหนก็ไม่มีทางหยุดยั้งหมัดของข้าได้!” เจ้าปีศาจนามว่าปาวาใช้โอกาสนี้เผด็จศึกเควิน
ตู๊ม!
พลังทำลายล้างอันมหาศาลของปาวาถึงกับทำให้ส่วนหนึ่งของภูเขาถล่มลง ปาวาหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย
“ข้าคิดว่าเจ้าจะเป็นจอมเวทย์ระดับสูงซะอีก แต่ทำได้แค่นี้เองสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า!” ท่ามกลางเศษฝุ่นที่ลอยฟุ้งไปทั่ว ปาวามองไปยังจุดที่เขาโจมตีไปก่อนหน้า ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ
“อย่าพึ่งได้ใจไปสิ เจ้าปีศาจ” ตอนนั้นเองเสียงเย็นก็ดังขึ้นที่เบื้องหลังของปาวา ปาวารีบเหวี่ยงหมัดโจมตีไปยังเบื้องหลังทันที แต่หมัดของเขาก็ไม่โดนอะไรสักอย่าง
ปาวาหัวกลับมาอีกทีเขาพบว่าเควินกำลังยืนอยู่ตรงหน้ามันห่างออกไปกว่าสิบเมตร “เจ้า? เจ้าไม่เป็นอะไรเลยงั้นเหรอ?!”
“ฉันเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าแกจะทำลายผนึกอามาเทราสุลำดับที่ 11 ได้ง่ายขนาดนี้ แต่ฉันไม่ได้มาที่นี่โดยไม่ได้เตรียมพร้อมไว้ก่อนหรอกนะ” เควินยกการ์ดในมือขึ้นมา
“การ์ดนั่นรับหมัดของข้าได้งั้นเหรอ?” สีหน้าปาวาแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง
“ถ้าจะพูดให้ถูกคือเจ้าตุ๊กตาตัวแทนรับการโจมตีแทนฉันต่างหาก แต่มันกันได้แค่สองหมัดเท่านั้น กลับไปฉันต้องสร้างมันใหม่อีกแล้วสิ” คาร์ลโยนการ์ดทิ้งพร้อมถอนหายใจ
“ดูเหมือนข้าจะประเมินเจ้าต่ำไปหน่อย เข้ามาสิให้ข้าได้เห็นความแข็งแกร่งของเจ้าหน่อย!!” ปาวาระเบิดพลังออกมาทั่วร่าง
เควินรีบอัญเชิญสัตว์อสูรออกมาทันที วงเวทย์ปรากฎขึ้นที่การ์ดบนมือของเขา จากนั้นอสูรตัวสีเทามีปีกและเขาสีแดงก็ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าเควิน
อสูรร้ายกิลเฟอร์
“แก...เป็นไปได้ยังไงกัน! ทำไมแกถึงสามารถอัญเชิญปีศาจออกมาได้?!” เมื่อกิลเฟอร์ถูกอัญเชิญออกมา ปาวาก็ตะโกนด้วยความตกตะลึง พร้อมมองไปที่กิลเฟอร์ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ข้าสัมผัสได้ถึงพลังของปีศาจในตัวมัน”
“ไม่ต้องตกใจไปหรอก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้เผชิญหน้ากับปีศาจสักหน่อย ฉันเสียเวลาไปพอตัวเลยล่ะ กว่าจะสามารถอัญเชิญสัตว์อสูรเผ่าพันธ์ปีศาจออกมาได้” เควินยิ้มออกมา ทุกวันนี้เขาสามารถอัญเชิญสัตว์อสูรได้ทั้งหมดสามประเภทใหญ่ๆคือ มอนสเตอร์, นักรบ และปีศาจ
……………………………...
Pow wow (帕瓦) ชื่อของปีศาจ มีที่มาจากเทศกาลของอเมริกาเหนือ แต่ผู้แปลขออิงตามการออกเสียงของจีนเลยใช้ชื่อว่า ปาวา แทนนะครับ
***
อสูรร้ายกิลเฟอร์