ตอนที่ 6 การกลับมา
ตอนที่ 6 การกลับมา
ติดตามข่าวสาร/พูดคุยเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่เพจผู้แปล FB: ND Translate นิยายแปลไทย
ที่ถนนกว้างใหญ่ไม่ไกลจากที่วัตสันอยู่นัก มีชาย 6 คนสวมใส่ชุดเกราะและยังพกดาบยาวในระหว่างเดิน ชายผู้เดินนำเป็นชายผู้มีคิ้วหนา ตาโต ร่างกายดูกำยำ หน้าตาของเขาดูคล้ายกับวัตสันถึง 70% ดาบใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของชายคนนั้นดูหนาไม่ต่างจากบานประตู
“วินเซนต์ ถ้านายอยากให้คุณหนูแต่งงานกับนายจริง นายจะต้องเตรียมของหมั้นเอาไว้! ท่านลิสท์ต้องการของหมั้นเป็นทองกว่าร้อยเหรียญ ถ้าหากหาไม่ได้ก็คงจะแต่งงานไม่ได้หรอกนะ” เสียงประชดประชันดังมาจากทางด้านหลัง
ชายที่ดูเหมือนกับวัตสันได้หันหน้ากลับมาพูด ชายที่พูดอยู่ด้วยเป็นชายวัยกลางคน หูแหลมมีแก้มสีแดง ชายคนนั้นยังไว้หนวดยาว เมื่อได้ฟังสิ่งที่ชายอีกคนพูดผู้ที่ถูกเรียกว่าวินเซนต์ก็ยิ้มออกมาอย่างลำบากใจ
“ไม่ต้องห่วงไปหรอกหัวหน้าเวสลีย์ ถึงจะเห็นแบบนี้ครอบครัวของฉันก็ยังเป็นขุนนาง! แม้ว่าพ่อของฉันจะยอมแพ้ให้กับโชคชะตาจนกลายเป็นบารอนผู้ยากจนก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังมีพื้นที่เพาะปลูกที่ทิ้งร้าง ถ้าหากฉันขายมันรวมไปถึงของมีค่าอื่นๆ พวกเราจะต้องหาทองได้ร้อยเหรียญแน่”
“แค่เจ็ดวัน”
“อะไรกัน?”
“ท่านลิสท์ให้เวลาฉันแค่เจ็ดวันเท่านั้น คุณหนูของพวกเราไม่เพียงสะสวย แต่เธอยังมีการศึกษาดี มีคนอีกมากมายที่ต้องการแต่งงานกับเธอ! นายน่ะเป็นเพียงนักรบระดับเหล็กตัวเล็กๆ นายก็ไม่ได้เหมาะสมอะไรกับคุณหนูเลย นายจะไปหาเงินร้อยเหรียญทองได้ยังไง ลืมมันไปซะเถอะ!”
เวสลีย์เหยียดแขนออกมา คำพูดของผู้เป็นหัวหน้าคนนี้ได้เสียดแทงใจดำของวินเซนต์ไปเต็มๆ
เหรียญทอง 1 เหรียญมันก็มากพอแล้วที่จะทำให้ครอบครัวธรรมดาอยู่อย่างประหยัดได้ 1 ปี การที่ถูกเรียกของหมั้นเป็นเหรียญทองกว่าร้อยเหรียญไม่ได้ต่างอะไรจากการรีดไถ
วินเซนต์กำหมัดแน่นก่อนที่จะถอนหายใจออกมา “ฉันรู้อยู่แล้ว แต่ฉันจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ฉันจะไม่ทำให้เธอต้องผิดหวัง”
ถ้าหากวัตสันอยู่ที่ด้วย ตัวเขาก็คงจะแปลกใจมากแน่ ชายคนนี้ก็คือวินเซนต์แกรี่ ลูกชายคนโตของเอ็ดเวิร์ดและยังเป็นพี่ชายของวัตสันนั่นเอง
ในตอนที่อายุ 20 วินเซนต์ก็ได้กลายเป็นนักรบระดับเหล็ก ในตอนนี้เขาอยู่ห่างจากการเป็นนักรบระดับทองแดงเพียงแค่ก้าวเดียว ด้วยความสามารถอันโดดเด่นที่มีวินเซนต์จึงได้รับการช่วยเหลือจากผู้เป็นเจ้าของฟาร์มใหญ่อย่างลิสท์ ท้ายที่สุดแล้ววินเซนต์ก็ถูกจ้างในฐานะผู้คุ้มกัน ผู้ที่คอยพูดกับวินเซนต์เป็นผู้คุ้มกันฟาร์มเช่นกัน ชายคนนั้นมีชื่อว่าเวสลีย์ ชายคนนี้เป็นหัวหน้าผู้คุ้มกัน และเช่นเดียวกันกับวินเซนต์ เวสลีย์เองก็ใกล้ที่จะกลายเป็นนักรบระดับทองคำเต็มที
ในฐานะที่วินเซนต์เป็นลูกชายคนโต เขาได้ออกจากบ้านตั้งแต่ยังเด็กก็เพื่อที่จะลดภาระที่ครอบครัวมี ตัวเขาที่เป็นพี่ใหญ่คิดหนทางหาเงินมาโดยตลอด
วิธีที่ง่ายที่สุดในการหาเงินก็คือการแต่งงานกับหญิงสาวที่ร่ำรวย
ไม่ใช่ว่าวินเซนต์ไม่อยากที่จะทำงานหนัก แต่เวลาต่างหากที่ไม่คอยใคร ตัวเขายังมีน้องชายและน้องสาวอีกหลายคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอโอกาสอยู่ ถ้าหากทุกคนไม่สามารถก้าวเดินด้วยตัวเองได้ ทั้งครอบครัวของเขาก็มีแต่จะอดตาย
ในโลกใบนี้ชายหญิงสามารถแต่งงานกันได้เมื่อมีอายุครบ 16 และ 14 ปี หญิงสาวที่วินเซนต์ต้องการจะแต่งงานก็คือลูกสาวของลิสท์ ลิสท์เป็นเพื่อนบ้านที่มีชื่อเสียงในละแวกนั้นและยังเป็นบารอนอีกด้วย ถึงจะเป็นบารอนแต่เขาก็แตกต่างจากเอ็ดเวิร์ดอยู่พอสมควร ลิทส์มักจะทำตัวร่ำรวยอยู่ตลอด นอกจากนี้เขายังมีทหารยามอีกหลายร้อยคนรวมไปถึงชาวสวนอีกกว่าหลายพันคนคอยทำงานให้
การแต่งงานเป็นสิ่งที่ฝ่ายชายจะต้องรับผิดชอบ แม้จะแต่งงานกับสาวชาวบ้านก็ตาม แต่ถ้าหากพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับของหมั้น งานแต่งงานก็คงจะไม่มีวันเกิดขึ้น และแน่นอนว่าลูกสาวของครอบครัวที่ร่ำรวยย่อมมีความคาดหวังสูง วินเซนต์ต้องตามจีบลูกสาวของลิทส์มาเป็นเวลานานกว่าที่เธอคนนั้นจะยอมแต่งงานกับตัวเขา
“ฉันจะต้องทำให้ได้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทำให้ครอบครัวของฉันมีชีวิตที่ดีขึ้น”
ในขณะที่วินเซนต์กำลังปลอบใจตัวเอง ในตอนนั้นก็มีเมฆดำมารวมตัวกัน ที่ตรงนั้นอยู่ไม่ไกลจากวินเซนต์มากนัก ท้ายที่สุดหมู่เมฆดำก็เริ่มส่งเสียงฟ้าร้อง หยดน้ำที่มีขนาดเท่ากับลูกบอลได้ตกลงมาจากท้องฟ้า
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
แน่นอนว่าวินเซนต์เคยเห็นพายุฝนมาก่อน แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่มีครั้งไหนรุนแรงขนาดนี้ มันดูไม่เหมือนกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ สิ่งที่เห็นเป็นเหมือนกับเวทมนตร์ที่ถูกใครบางคนใช้มากกว่า
แต่การที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ คนคนนั้นจะต้องเป็นนักเวทย์ระดับทองแดงให้ได้ซะก่อน นักเวทย์ส่วนใหญ่มักจะใช้ชีวิตอยู่ดีกินดีภายในเมืองใหญ่ ไม่มีเหตุผลเลยที่จะมีนักเวทย์มาปรากฏตัวในที่แบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นที่ที่เกิดพายุฝนยังดูเป็นเหมือนกับที่ดินที่ครอบครัวของวินเซนต์อาศัยอยู่
“แบบนี้แย่แน่!” เมื่อเห็นว่าเรื่องทั้งหมดไม่ถูกต้อง วินเซนต์จึงรีบมุ่งหน้าไป
วินเซนต์รู้ดีว่าสิ่งเดียวที่มีค่าที่สุดในครอบครัวของเขาก็คือที่ดินและฟาร์มไก่ หลังจากที่อยู่ห่างบ้านมากกว่าหลายปี ตัวเขาก็ไม่รู้เลยว่ามีไก่เหลือกี่ตัวกันแน่ ที่ดินซึ่งเป็นทุ่งข้าวสาลีเองก็เป็นของที่เขาวางแผนจะมอบให้กับลิสท์ ถ้าหากทุ่งข้าวถูกทำลายไปแล้ววินเซนต์จะใช้อะไรเป็นของขวัญในงานหมั้นได้?
“ตามเขาไปซะ”
เวสลีย์ตกใจเมื่อเห็นฝนที่ตกจากในระยะไกล ตัวเขาได้แต่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นการกระทำของวินเซนต์
แม้จะไม่รู้ว่าทำไมวินเซนต์ถึงต้องกระวนกระวายใจ แต่วินเซนต์ก็เป็นถึงผู้คุ้มกันที่เจ้านายของเขาเป็นผู้ส่งมา เพราะแบบนั้นเวสลีย์จะไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับวินเซนต์แน่ เวสลีย์โบกมือกว่าหลายครั้งก่อนที่จะพาคนตามวินเซนต์ไป
...
วัตสันยังคงยืนอยู่ในทุ่งข้าว ลมและสายฝนที่เรียกมาทำให้วัตสันตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
ลูกบอลที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นได้ตกลงใส่ร่างของวัตสัน เมื่อสัมผัสกับร่างกาย หยดน้ำทั้งหมดก็กระเด็นหายไปในทันที เวทมนตร์ที่ถูกร่ายจะไม่ทำร้ายผู้ร่าย หยดน้ำขนาดใหญ่ที่ตกสู่พื้นดินได้เปลี่ยนสีดินที่แห้งเหือดให้กลายเป็นดินสีดำ
เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นดินที่เคยเป็นสีเหลืองก็กลายเป็นดินสีดำที่อุดมสมบูรณ์
วัชพืชที่มีก็เติบโตอย่างรวดเร็ว วัชพืชส่วนใหญ่ที่มีมีความสูงที่ใกล้เคียงกับวัตสันก็ว่าได้ ถ้าหากเปลี่ยนวัชพืชทั้งหมดให้กลายเป็นข้าวสาลี ด้วยจำนวนวัชพืชที่มีมันจะต้องเพียงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวของวัตสันไปได้อีกหลายปีแน่
ความตั้งใจเดิมของวัตสันก็คือการบำรุงดินเพื่อให้เหมาะแก่การเพาะปลูก แต่ถึงแบบนั้นวัชพืชกลับเติบโตอย่างรวดเร็ว ยิ่งวัชพืชเติบโตมากขึ้นเท่าไหร่การที่จะกำจัดมันได้ก็จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
“เกือบแล้วเชียว ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปก็คงจะไม่มีวันที่จะกำจัดวัชพืชได้แน่”
ร่างกายของวัตสันสั่นไปทั้งตัว ตัวเขาได้แต่เช็ดหยาดเหงื่อที่มีบนใบหน้า พลังองค์ประกอบเวทมนตร์ที่วัตสันมีถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่วัตสันหยุดร่ายเวทมนตร์ เมฆดำที่เคยมีก็สลายหายไป
เวทมนตร์เป็นเหมือนกับพลังงานชนิดหนึ่ง พลังงานที่มีจิตวิญญาณและสามารถสื่อสารกับโลกใบนี้ได้ เมื่อพลังงานนั้นใกล้หมดลง ผู้ใช้พลังก็จะมีสภาพที่อ่อนแอ เพราะแบบนั้นผู้ใช้เวทมนตร์ส่วนใหญ่มักจะดูผอมแห้งและอ่อนแอ มันแทบจะเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่านักเวทย์จะสามารถเติมเต็มพลังงานในส่วนที่เสียไปให้กลับคืนมาทั้งหมดได้
วัตสันได้กินไข่หลากสีหลายวันแล้ว แม้ร่างกายของเขาจะเทียบเท่าได้กับร่างกายของเด็กที่มีอายุ 14 ปีแล้วก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังไม่ทนทานมากพอ
“แกเป็นใครมาจากไหนกัน? กล้าดียังไงที่มาใช้เวทมนตร์บนทุ่งข้าวแบบนื้? แกไม่รู้สินะว่าที่ดินตรงนี้เป็นที่ดินของครอบครัวฉัน ออกมาซะ!”
วินเซนต์ที่กำลังวิ่งมาหอบเหนื่อย เมื่อมาใกล้มากพอเขาก็ได้ชักดาบขนาดใหญ่ก่อนที่จะตะโกนไปทางวัตสัน
เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงตัวเขาก็ได้แต่ตื่นตกใจ วินเซนต์คิดมาตลอดว่าทุ่งข้าวที่มีจะรกร้างแห้งแล้ง แต่ในตอนนี้มันเต็มไปด้วยสีเขียวขจี ความรู้สึกประหลาดใจมาพร้อมกับความรู้สึกโล่งใจ วินเซนต์รู้สึกโล่งใจที่ทุ่งข้าวไม่ได้รับความเสียหายอะไร
“นายเป็นใครกัน? ทำไมถึงได้พูดอวดดีแบบนั้น?”
เมื่อได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคย วัตสันก็พยายามฝ่าดงวัชพืชด้วยความยากลำบากก่อนจะออกมาจากทุ่ง
ที่ดินตรงนี้เป็นสมบัติของตระกูลแกรี่ วัตสันผู้เป็นลูกชายคนที่แปดย่อมมีสิทธิ์ใช้ที่ตรงนี้เป็นธรรมดา อีกฝ่ายเป็นใครกันถึงได้มาต่อว่าเขา? ทันทีที่เดินออกมาจากทุ่งข้าว วัตสันก็ได้เห็นชายที่ยืนอยู่ ทั้งวัตสันและชายอีกคนต่างก็ตกตะลึง
“พี่ใหญ่?”
“น้องแปด! เป็นนายเองเหรอ!”
ปากของวินเซนต์อ้ากว้าง ตัวเขาตกใจจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้ใช้เวทมนตร์ที่น่าจะเป็นนักเวทย์ระดับทองแดงจะกลายเป็นน้องชายคนที่แปดของเขา วัตสันไม่ควรจะมีพรสวรรค์ในการใช้เวทมนตร์
“วินเซนต์ เกิดอะไรขึ้นกัน? เด็กคนนี้ก็ครอบครัวนายไม่ใช่เหรอ? โชคดีจริงๆ ที่เขาเป็นผู้ใช้เวทย์ได้ตั้งแต่ที่อายุยังน้อยแบบนี้” ในตอนนั้นเวสลีย์และผู้คุ้มกันอีกสองคนก็วิ่งมาถึง เวสลีย์ไม่สามารถซ่อนความอิจฉาที่มีในขณะที่เหลือบมองวัตสันได้เลย
เวสลีย์ที่มาถึงได้ยินวินเซนต์เรียกเด็กตรงหน้าว่าน้อง ทุกคนต่างก็รู้ดีว่านักเวทย์หนึ่งคนมีค่าพอๆ กับนักรบถึง 10 คน แม้แต่ฟาร์มที่เวสลีย์คอยปกป้องอยู่ก็ยังไม่มีนักเวทย์คนไหนคอยคุ้มกัน เด็กที่มีพรสวรรค์แบบวัตสันจะต้องพบกับความสำเร็จที่ไร้ขีดจำกัดแน่
“นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะคุยกัน พวกเราไปกันเถอะ”
วินเซนต์สงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะคว้าวัตสันและเดินกลับบ้านไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
แคทเธอรีนได้เสิร์ฟไข่ต้มหลากสีที่โต๊ะอาหาร ไข่ที่มีหลายสีสันได้ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ไปทั่วบ้าน
เอ็ดเวิร์ดที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “วินเซนต์ ลูกออกจากบ้านไปก็หลายปีแล้ว ทำไมจู่ๆ ถึงกลับมาล่ะ? ลูกกลับมาก็ดีละ ไข่ที่เห็นตรงหน้าก็คือไข่ของไก่หอมหวนห้าสียังไงล่ะ รีบกินเร็วเข้า”
“ผมเคยได้ยินนายท่านพูดถึงไก่ชนิดนี้มาก่อน มันมักจะเป็นของบรรณาการของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่นิครับ! แม้แต่นายท่านเองก็ยังไม่โชคดีพอที่จะได้กินไข่พวกนี้ พวกเราควรที่จะกินมันจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?”
เวสลีย์และผู้คุ้มกันคนอื่นๆ ก็นั่งอยู่ด้วย พวกเขาได้แต่เหลือบมองไข่ที่อยู่ด้านหน้า ไม่มีใครเลยที่กล้าแตะต้องมัน เดิมทีพวกเวสลีย์คิดมาเสมอว่าวินเซนต์เป็นพวกยากจน เขาไม่เคยคิดเลยว่าที่ครอบครัววินเซนต์จะมีไข่ล้ำค่ากินแบบนี้ แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้วินเซนต์ต้องแต่งงานกับหญิงสาวที่มีครอบครัวร่ำรวยกัน?
ไข่ของไก่หอมหวนห้าสี?
ติดตามข่าวสาร/พูดคุยเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่เพจผู้แปล FB: ND Translate นิยายแปลไทย
วินเซนต์เองก็ตกใจ เขารู้ดีว่าครอบครัวของเขามีฐานะแบบไหน และก็เพราะฐานะที่ไม่สู้ดีจึงทำให้วินเซนต์ต้องทำงานหนัก ครอบครัวแกรี่มักจะต้องกินซุปเนื้อตลอดทั้งสัปดาห์อยู่เสมอ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกัน? เกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีที่วินเซนต์ได้จากไป?