HO บทที่ 132 เว่ยได้รับการช่วยเหลือ
ซินหยากับเมลติ้งสโนว์กำลังวิ่งผ่านไปในเขาวงกตได้สองสามนาทีแล้ว ทันใดนั้นพวกเขาได้ยินเสียงปืน ซินหยารีบตรวจสอบอินเทอร์เฟซปาร์ตี้ทันที เขาคิดว่าวอนเดอร์ริ่งซาวด์ตายไปแล้วแต่ต้องแปลกใจว่า เขายังมีชีวิตอยู่
เขาอยู่ในอาการวิกฤตแต่เขายังมีชีวิตอยู่ ซินหยาสงสัยว่าเขาเป็นอย่างไร แต่เมื่อเขาเห็นว่าเขาอยู่ในสถานะมึนงง เขาก็เข้าใจได้ว่าทำไม เว่ยอยู่ในความบ้าคลั่งของเธอและอยู่ไกลเกินไป จนเมื่อเธอเห็นว่าเขาไม่เคลื่อนไหวเลยคิดว่าเขาตายแล้ว
ซินหยาดีใจกับเรื่องนั้น ไม่ว่าเขาจะคิดว่าวอนเดอร์ริ่งซาวด์จะเป็นคนโง่ขนาดนี้แต่ซินหยาคงจะโทษตัวเองถ้าเขาตาย เขาเป็นคนที่ทิ้งเขาไว้ที่นั่น
แต่ถ้าจะถามว่าเขาเป็นห่วงสภาพจิตใจของใครมากกว่ากัน ซินหยาเป็นห่วงเว่ยมากกว่า
ซินหยาตรวจสอบแผนที่ของเขาและพบว่าเว่ยกำลังเข้าใกล้พวกเขาอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าพวกเขาต้องเร่งฝีเท้า ในขณะที่ต้องให้ความสนใจมือบนกำแพง เขาก็ต้องเร่งความเร็วในการวิ่งให้เร็วขึ้นอีก
“พี่ดริฟอีกนานมั้ยกว่าเราจะถึงใจกลางเขาวงกต” เมลติ้งสโนว์ถาม เขากังวลว่าโรมมิ่งวินด์จะตามพวกเขาทันก่อนที่พวกเขาจะไปถึงใจกลาง
เมื่อรู้ว่าสิ่งที่เมลติ้งสโนว์กังวลคืออะไร เขาพยายามปลอบเด็กหนุ่ม "อย่ากังวลไป ตราบใดที่เรารักษาความเร็วไว้ เราจะทำให้มันไปถึงที่นั่นเร็วๆ นี้"
เมลติ้งสโนว์อยากจะกชื่อการมองโลกในแง่ดีของดริฟติ้งคลาวด์ เขาอยากจะเชื่อจริงๆ แต่ความสงสัยยังคงซึมซับอยู่ในสมองของเขา เขาวงกตนี้ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อยและทุกที่ที่เขาหันไปก็มีศพอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เขาเริ่มรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้เขาจะรับกับพวกเลือด มอนสเตอร์และสิ่งที่คล้ายกันแต่สิ่งนี้แตกต่างออกไป นั่นคือการที่โรมมิ่งวินด์ถูกคำสาป
มันทำให้เขาตกใจมาก เขาไม่รู้เลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ เมลติ้งสโนว์รู้ดีว่า ถ้าดริฟติ้งคลาวด์ถูกสาป เขาคงจะไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เขาสามารถเข้าใจว่าทำไมดริฟติ้งคลาวด์กับวอนเดอร์ซาวด์ดูผิดไปจากปกติ
แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่คิดว่าวอนเดอร์ริ่งซาวด์ทำตัวงี่เง่า เพราะถ้าดริฟติ้งคลาวด์ถูกสาป เขาจะไม่อยู่เฉย ๆ เขาจะทำทุกวิธีเพื่อที่จะรักษาเขา
เมื่อเขาถามดริฟติ้งคลาวด์ว่า ทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้น ดริฟติ้งคลาวด์บอกว่า เมื่อมีคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง แม้จะเป็นสิ่งที่สวยงามแต่ความรักมันก็ทำให้คนตาบอด ทำให้หลงลืมความเป็นเหตุเป็นผลไป
เมื่อได้ยินอย่างนั้นทำให้เมลติ้งสโนว์อดคิดไม่ได้ว่า
'ถ้าคน ๆ หนึ่งเป็นแบบนั้นเวลาชอบใครซักคน ฉันขออยู่คนเดียวดีกว่า'
ทางด้านซินหยา เขาคิดว่าจะต้องศึกษาเกมนี้ให้มากขึ้น หากสิ่งนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง เขาต้องรีบหาทางแก้ไขโดยเร็ว คำสาปนี้มันส่งผลต่อจิตใจของเขามากและตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการทำคือหาใจกลางเขาวงกตและออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
...
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว พวกเขายังไม่พบใจกลางของเขาวงกต ตั้งแต่วินาทีแรกที่พวกเขามาถึง ซินหยาก็ตระหนักว่าเขาวงกตนี้ใหญ่มาก แต่เขาไม่คิดว่ามันจะใหญ่โตขนาดนี้ ขณะที่พวกเขาวิ่งไปตามทางเดินคดเคี้ยวยาวเหยียด ซินหยาเริ่มตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ว่าจะมีจุดจบจริงหรือไม่
เขารู้ว่าเขาไม่ควรคิดความคิดแบบนี้ ดันเจี้ยนนี้มันทำให้รู้สึกอึดอัดมาขึ้นเรื่อบ เขาไม่อยากจะอยู่ที่นี่แล้ว เขาแค่ต้องการจดจ่อกับการค้นหาน้ำพุบ้า ๆ นั่น เพื่อที่เขาจะได้รักษาเว่ยได้
ขณะที่เขาคิดถึงเธอ เขาก็ตรวจสอบแผนที่อีกครั้ง เมื่อ 10 นาทีที่แล้ว เธอเกือบจะตามทันพวกเขาทันแล้ว โชคดีที่ไอเดียของเมลติ้งสโนว์ทำให้พวกเขาถ่วงเวลาไว้ได้
เมลติ้งสโนว์ใช้ซากศพที่ไม่บุบสลายบนผนังเพื่อทำให้ไขว้เขว เขาวางมันไว้บนกำแพงที่พวกเขารู้ว่าเว่ยจะโผล่มาจากไหน ด้วยความบ้าคลั่งของเธอ เธอจะคิดว่ามันเป็นคนที่มีชีวิตและพยายามจะฆ่าเธอ
วิธีนี้ใช้ได้ผลดีและทำให้พวกเขามีเวลาห่างจากเธอมากขึ้น พวกเขาได้ยินเสียงปืนของเธอสะท้อนตลอดทางเดินเป็นเวลานานก่อนที่มันจะสิ้นสุดลง
เมื่อเห็นว่าเธอยังอยู่ห่างไกลออกไป ซินหยาก็หันความสนใจกลับไปที่กำแพงเพียงเพื่อดูว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป กำแพงที่ห่างออกไปไม่กี่ฟุตนั้นเปลือยเปล่า ไม่มีศพใดๆ ให้เห็น ซินหยารู้ว่านี่หมายความว่าพวกเขากำลังมาถึงใจกลางเขาวงกตแล้ว!!
เมลติ้งสโนว์หันไปมองดริฟติ้งคลาวด์ด้วยรอยยิ้มขนาดมหึมาบนใบหน้าของเขา "ดูสิพี่ดริฟไม่มีศพอยู่ข้างหน้า! ผมคิดว่าเราใกล้จะถึงใจกลางเขาวงกตแล้ว!"
“อืม เห็นไหม ฉันบอกเธอว่าเราจะต้องทำสำเร็จ” ซินหยาแทบกลั้นความสุขไว้ไม่อยู่ เขารอไม่ไหวให้เรื่องนี้จบลงในที่สุด เพื่อที่พวกเขาจะได้ออกจากเขาวงกตนี้
หลังจากวิ่งไปตามทางเดินต่าง ๆ อีกสิบนาที ซินหยาและเมลติ้งสโนว์ก็มาถึงใจกลางเขาวงกตในที่สุด เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปข้างใน ซินหยาก็อ้าปากค้าง มันไม่เหมือนกับที่เขาคาดไว้เลย
ด้วยกำแพงศพและทางเดินที่มืดมิด เขาคิดว่าจะสุสานบางอย่างหรือหลุมศพจำนวนมาก แต่ไม่ใช่สิ่งที่เขาเห็นอย่างแน่นอน ราวกับว่าพวกเขาถูกส่งไปยังพิพิธภัณฑ์
มีไอเทมมากมายจัดแสดงอยู่รอบตัวพวกเขา แต่ละรายการดูมีค่ามาก ซินหยารู้ว่าพวกมันเป็นเพียงของแสดง เขาเลยไม่สนใจ สิ่งที่เขาต้องการคือน้ำพุซึ่งเขาพบอยู่กลางห้อง
“เราทำสำเร็จแล้ว” ซินหยาพูดอย่างมีความสุข "เราแค่ต้องพาโรมมิ่งวินด์ไปที่นั่น"
ทันทีที่ซินหยาพูด เว่ยก็รีบเข้าไปในห้องพร้อมเล็งปืนมาที่พวกเขา "แกเรียกฉันเหรอ ฉันอยู่ที่นี่แล้ว พวกแกเตรียมตัว..."
ก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค ซินหยาก็ขว้างยาบุปผาพิฆาตใส่เธอทันที “เมลติ้งสโนว์หาอะไรใส่น้ำ เราจะได้สาดน้ำใส่เธอ”
เมลติ้งสโนว์รีบวิ่งไปรอบ ๆ ห้อง มองไปทุกหนทุกแห่งจนพบเหยือกแก้วขนาดใหญ่ใกล้น้ำพุ เขาเติมน้ำอย่างรวดเร็วแล้วนำไปที่ที่ซินหยาและยื่นให้
ซินหยาหยิบเหยือกจากเมลติ้งสโนว์ เขารอสองสามวินาทีเพื่อให้ผลของยาบุปผาพิฆาตหมดลง
เมื่อฤทธิ์ยาหมดลง เขาก็สาดน้ำพุใส่เว่ยทันที ทันทีที่น้ำโดนตัวเว่ย เธอก็กรีดร้องและล้มลงไปนอนบนพื้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง ควันสีดำเข้มก็เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเธอและสลายไปในอากาศ ปล่อยให้เว่ยอ้าปากค้างนอนสับสนอยู่บนพื้น
ซินหยารีบวิ่งไปด้านข้างของเธอ ขณะตรวจดูว่าเธอสบายดีไหม จากนั้นมีการแจ้งเตือนปรากฏขึ้นมาว่า
คำสาปบนตัวโรมมิ่งวินด์ได้ถูกคลายแล้ว!!
"เกิดอะไรขึ้น?" เว่ยถามด้วยความสงสัยขณะมองไปรอบๆ ห้อง “ฉันมาที่นี่ได้ยังไง”
เมลติ้งสโนว์และซินหยามองหน้ากันก่อนที่จะหันกลับมาหาเว่ย “พี่จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”
“ไม่ สิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้คือเดินไปกับพวกคุณ จากนั้นภาพทุกอย่างก็เบลอไปหมด” เธอบอกพวกเขาในขณะที่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“ดีที่พี่จำไม่ได้” เมลติ้งสโนว์กล่าว "นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด"
ขณะที่ซินหยาพยักหน้าพร้อมกับสิ่งที่เมลติ้งสโนว์กำลังพูด ทันใดนั้นวอนเดอร์ริ่งซาวด์ก็มาถึง เมื่อเขาเห็นว่าเว่ยไม่ได้อยู่ภายใต้คำสาปอีกต่อไป เขาจึงรีบไปหาเธอและคว้าเธอไว้
"คุณปลอดภัยแล้ว! ฉันมีดีใจจริง ๆ ที่คุณไม่เป็นอะไร!" วอนเดอร์ริ่งซาวด์พูดอย่างมีความสุขพร้อมกอดเธอแน่น
ในขณะที่วอนเดอร์ริ่งซาวด์กอดเธอ เธอมองไปที่ซินหยาและเมลติ้งสโนว์ที่มีสีหน้าโล่งใจคล้าย ๆ กัน มันทำให้เธอสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นทำให้พวกเขาดูเป็นอย่างนั้น