ตอนที่แล้วWS บทที่ 256 ขีดจำกัดของพื้นที่มิติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 258 เบาะแส PART 1

WS บทที่ 257 เจ้าแมวดำ ไดอามอส


พลังจิตที่ทำซ้ำในพื้นที่มิติของเบลล์หลอมรวมเข้ากับพลังจิตของเมอร์ลิน ทำให้พลังจิตโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คลื่นพลังที่ไม่คาดไม่ถึงทำให้เมอร์ลินตัวสั่นเทา เขาต้องปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันนี้

การเติบโตของพลังจิตนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะมันเหมือนกับพลังจิตที่ได้รับจากการทำสมาธิของเมอร์ลินเอง ในความเป็นจริง พลังจิตที่ทำซ้ำในพื้นที่มิตินั้นเชื่อมโยงกับเมอร์ลินอย่างแยกไม่ออก

ดังนั้น พลังจิตที่ได้รับจากการทำสมาธิของพลังจิตในพื้นที่มิติจึงเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับพลังจิตของเมอร์ลิน พลังจิตของเมอร์ลินเติบโตขึ้นอย่างมาก

ปริมาณพลังจิตที่เพิ่มขึ้น มันมากกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้มาก ด้วยผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ เขาจึงทำส่งพลังจิตส่วนหนึ่งไปทำซ้ำในพื้นที่มิติอีก หากเขาทำอย่างนี้ต่อไปพลังจิตของเขาจะเพิ่มด้วยอัตราความเร็วที่สูงกว่าการดื่มน้ำยามนตราอสูร

“พลังจิตแข็งแกร่งขึ้นมาก….แต่ดูเหมือนว่ามันยังขาดอยู่เล็กน้อย คาถาธาตุระดับสองสายธารแห่งความมืดต้องการพลังจิตของฉันอย่างมาก ด้วยพลังจิตในปัจจุบันของฉัน ถึงฉันจะสามารถสร้างคาถาได้แต่มันอาจจะไม่เสถียรและพังทลายได้”

เมอร์ลินรู้สึกว่าพลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วภายในตัวเขา และมีความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวของเขา

โดยธรรมชาติแล้ว เขาต้องการสร้างคาถาระดับสอง นั่นคือคาถาสายธารแห่งความมืดซึ่งจะช่วยปรับปรุงความสามารถในการโจมตีของเขาอย่างมาก ด้วยพลังลวงตาที่ทรงพลัง เมอร์ลินจะสามารถทำให้นักเวทย์ระดับสี่ตกสู่ภาพลวงตาได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อเมอร์ลินสร้างเวทย์มนตร์ในระดับที่สูงขึ้นนั้น เขาก็ยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น ถ้าเขาไม่แน่ใจในอัตราความสำเร็จ เขาจะไม่รีบสร้างคาถา

ดังนั้น เมอร์ลินจึงตัดสินใจรอจนกว่าเขาจะกลับไปที่ดินแดนมนต์ดำ เมื่อพลังจิตของเขาเพียงพอแล้ว เขาจะเริ่มสร้างคาถาระดับสอง

“ได้เวลาออกจากเมืองโทลเล่แล้ว แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าออซมูจะมีปฏิกิริยาอย่างไรแต่ก็รีบไปจากที่นี่จะดีกว่า!”

เมอร์ลินรู้อย่างชัดเจนว่าเป็นผลมาจากการฆ่าบลูเบิร์ดำกับไวส์ มันอาจจะส่งผลให้ทางออสมูไม่ต้องการที่จะรับเมอร์ลินเข้าเป็นพวก พวกเขาอาจจะต้องการจะกำจัดเขาแทน

นี่เป็นการตัดสินใจที่ต้องทำโดยเบื้องบนของออซมู เมอร์ลินไม่ได้โง่มากพอที่จะอยู่ในเมืองโทลเล่เพื่อรอการตอบโต้จากพวกเขา เป็นการดีที่สุดที่จะกลับไปที่ดินแดนมนต์ดำ ออสมูจะไม่ทำลายสนธิสัญญาระหว่างดินแดนมนต์ดำกับองค์กรนักเวทย์อื่น ๆ เพียงเพื่อนักเวทย์ระดับหนึ่งอย่างเขา

“เลอแรนก้า” เมอร์ลินเงยหน้าขึ้นและเรียกเบา ๆ ไปที่ประตู

*เอี๊ยด…*

เลอแรนก้ารีบเข้ามาในห้องและถามอย่างสุภาพ “ท่านพ่อมดเมอร์ลิน ท่านต้องการอะไรเจ้าคะ?”

เมื่อมองดูพฤติกรรมของเธอ เมอร์ลินก็พยักหน้ากับตัวเอง ดูเหมือนตอนนี้เธอจะคุ้นเคยกับตัวตนใหม่ในฐานะบริวารของเมอร์ลินแล้ว

จุดประสงค์ของบริวารคือการรับใช้ มันไม่ง่ายเลยที่จะทำหน้าที่เป็นบริวารของนักเวทย์โดยจะต้องอยู่เคียงข้างนักเวทย์ตลอดเวลา หากมีข้อเรียกร้องใด ๆ ผู้ที่เป็นบริวารจะต้องปฏิบัติหน้าที่ทันที

อย่างน้อย ๆ จนถึงตอนนี้ เลอแรนก้าก็ทำหน้าที่ได้ดี

“เลอแรนก้าเรียกเอ็มม่ามาที่นี่ ฉันพร้อมที่จะกลับไปที่ดินแดนมนต์ดำแล้ว”

เมอร์ลินยิ้มขณะพูด ความปิติยินดีส่องประกายในดวงตาของเลอแรนก้า เธอเต็มใจที่จะเป็นบริวารของเมอร์ลินเพราะมันจะช่วยให้เธอกลับไปยังดินแดนมนต์ดำได้แถมยังทำให้เธอมีโอกาสได้ฝึกฝนและกลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง

เลอแรนก้าพยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องไปหาเอ็มม่า

เมอร์ลินรอครู่หนึ่งก่อนที่เลารินกาจะพาเอ็มม่าไปที่ห้อง

"ท่านอาจารย์!" เอ็มม่ากล่าวพร้อมทำความเคารพ

“เอ็มม่า ฉันจะพาเธอกลับไปที่ดินแดนมนต์ดำ ฉันอยากให้เธอบอกลาเพื่อน ๆ ของเธอก่อนจะไปเพราะมันอาจจะยากสำหรับเธอจะเจอพวกเขาอีก”

หัวใจของเมอร์ลินเต็มไปด้วยความสำนึกผิด นับตั้งแต่เขาเข้าสู่ดินแดนมนต์ดำ เขาแทบจะไม่ได้ไปเยี่ยมบ้านของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ในหลายปีที่ผ่านมา เขากลับมาที่เมืองปรากาชเพียงครั้งเดียว หลังจากที่เอ็มม่าเข้าร่วมดินแดนมนต์ดำ เขากลัวว่าเธอจะพบว่าเป็นการยากที่จะพบเพื่อนของเธออีกครั้ง

ใบหน้าของเอ็มม่าฉายแววความเศร้าออกมาเล็กน้อยแต่เธอก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเพราะเธอเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้มานานแล้ว

“ท่านอาจารย์ ฉันจะไปอำลาพวกเขาเดี๋ยวนี้!”

เอ็มม่าโค้งตัวไปทางเมอร์ลินเล็กน้อยจากนั้นก็ออกจากห้องไป เมื่อมองไปที่ร่างที่จากไปของเอ็มม่า จู่ ๆ เมอร์ลินก็เริ่มคิดถึงสมาชิกในครอบครัวของเขาในเมืองปรากาช

“ตอนนี้เมซี่ส์กับยาเกซคงจะแต่งงานกันแล้วและบางทีพวกเขาอาจมีลูกแล้วด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้ว่าจะได้กลับเมืองปรากาซอีกครั้งเมื่อไร…”

เมอร์ลินถอนหายใจยาว แม้ว่าเขาจะรู้สึกกังวลและโหยหาแต่นี่คือเส้นทางที่เขาเลือกตั้งแต่แรก เขาไม่เสียใจกับการตัดสินใจของเขา แต่เขาต้องอดทนต่อความปรารถนาของเขาเพื่อคนที่เขารัก

ไม่นาน เอ็มม่าและเลอแรนก้าก็กลับมาหาเมอร์ลิน พวกเขาพร้อมออกเดินทางแล้ว

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ!”

เมอร์ลินไม่ได้แจ้งให้ตระกูลชาเดอสันทราบเพราะเขารู้ว่าเลอแรนก้าคงจะแจ้งให้พวกเขาทราบล่วงหน้าแล้ว หลังจากนั้น เมอร์ลินก็พาเอ็มม่าและเลารินกาออกจากเมืองโทลเล่

ดินแดนมนต์ดำนั้นเป็นสถานที่ลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าที่ตั้งของดินแดนมนต์ดำอยู่ที่ไหน ดังนั้นเมื่อเมอร์ลินและคนอื่น ๆ ต้องการกลับไปที่นั่น พวกเขาต้องเดินทางผ่านวงแหวนเวทย์ของดินแดนมนต์ดำ

เลอแรนก้ารู้จักที่ตั้งของวงแหวนเวทย์ในบริเวณใกล้กับเมืองโทลเล่ เธอจึงรีบพาเมอร์ลินและเอ็มม่าไปที่นั่น

เมอร์ลินมองไปที่เลอแรนก้า เธอไม่สามารถเดินทางผ่านวงแหวนเวทย์ได้เนื่องจากเธอไม่มีแหวนมนต์ดำ

เมอร์ลินและเอ็มมาต่างก็มีแหวนมนต์ดำดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเข้าสู่ดินแดนมนต์ดำได้ ในทางกลับกัน แม้ว่าเลอแรนก้าจะเป็นบริวารของเมอร์ลินแต่เธอไม่สามารถเข้าไปได้ตอนนี้ เมอร์ลินต้องไปขอแหวนสำหรับบริวารมาซะก่อน เธอถึงจะเข้าไปได้

เมอร์ลินจึงพูดกับเธอว่า “เลอแรนก้ารออยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะนำแหวนมนต์ดำมาให้คุณ”

รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเลอแรนก้าและเธอก็พยักหน้า “ท่านพ่อมดเมอร์ลิน ที่แห่งนี้ไม่มีอะไรอันตรายอยู่รอบ ๆ ฉันจะรอคุณอยู่ที่นี่”

เมอร์ลินส่ายหัว จากนั้นเขาก็พาเอ็มม่ามาที่ใจกลางวงแหวนเวทย์  ทันใดนั้น อักษรรูนลึกลับก็ปรากฏขึ้น ล้อมรอบเมอร์ลินและเอ็มม่า

*หวู่ม!*

ลำแสงสีขาวสว่างจ้า ร่างของเมอร์ลินและเอ็มม่าก็หายไปในพริบตา

บนชายหาดที่เงียบสงบและอบอุ่น มีแสงสีขาวส่องเข้ามาและเห็นร่างเงาของเมอร์ลินและเอ็มม่าอย่างช้า ๆ กำลังเดินออกจากแสง

เมอร์ลินคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของดินแดนมนต์ดำอยู่แล้ว ดังนั้น หลังจากที่พวกเขาเดินออกจากวงแหวนเวทย์ พวกเขาก็จะพบกับแผ่นหินขนาดยักษ์

สำหรับเอ็มม่า เธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น สังเกตทุกอย่าง เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับองค์กรของนักเวทย์มนตร์ในตำนานมานับครั้งไม่ถ้วนและตั้งตารอช่วงเวลานี้ ดังนั้นเธอจึงอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับดินแดนมนต์ดำ

“ท่านไดอามอส!”

เมอร์ลินเดินมาที่แผ่นศิลาและกล่าวออกมาด้วยความเคารพ แม้ว่าเขาจะเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งแล้วและยังเป็นอัจฉริยะที่มีความสำคัญต่อดินแดนมนต์ดำแต่เขาก็ยังเคารพต่อภูตที่สถิตอยู่ในแผ่นศิลาอย่าง ไดอามอส

แม้เขาจะมีพลังอำนาจในปัจจุบันแต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะบอกได้ว่า ไดอามอสมีความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวเพียงใด

*หวู่ม!*

แสงเรืองออกมาจากแผ่นศิลาทันทีและค่อย ๆ กลายเป็นแมวดำที่สง่างาม นี่คือภูตของแผ่นศิลาแห่งดินแดนมนต์ดำ ไดอามอส

ไดอามอสมองเมอร์ลิน จากนั้นเปลี่ยนสายตาไปที่เอ็มม่าซึ่งอยู่ด้านหลังเมอร์ลิน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉียบคม

“ไม่เลวนี่ พ่อมดเมอร์ลิน เจ้าได้นำนักเวทย์มาสู่ดินแดนมนต์ดำ”

“ท่านไดอามอส นี่คือหินธาตุน้ำแข็งที่ท่านโปรดปราน”

เมอร์ลินหยิบหินธาตุจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนของเขาแล้วนำไปให้แมวดำ ในขณะนี้ แหวนของเมอร์ลินไม่ได้ขาดในหินธาตุ ท้ายที่สุด เขาได้รับความมั่งคั่งทั้งหมดจากวงแหวนของไวส์และบลูเบิร์ด แน่นอนว่าจำนวนของหินธาตุที่เขามีอยู่นั้นสูงเกินกว่าจะจินตนาการได้

เจ้าแมวดำกลืนหินธาตุทั้งหมดในอึกเดียวและเผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ มันมองเมอร์ลินอย่างชื่นชม

“ไม่เลว ไม่เลว เป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีใครสามารถเติมเต็มความต้องการของข้าได้…เอาล่ะ เจ้าพูดมาสิว่าเจ้าต้องการอะไร? ท่านไดอามอสผู้ยิ่งใหญ่จะสนองคำขอของเจ้าอย่างแน่นอน!” เจ้าแมวดำผู้สง่างามกล่าวออกมา

อยากที่เจ้าแมวดำพูดเมอร์ลินต้องการความช่วยเหลือจากไดอามอส เขาจึงให้หินธาตุไปจำนวนมาก

“ท่านดอามอส ผมต้องขอความช่วยเหลือจากท่าน ระหว่างที่ผมอยู่ข้างนอก ผมได้รับหนังสือแห่งนิรันดร์เล่มแรกในตำนานโดยไม่คาดคิด มีข่าวลือว่าในเล่มแรกมีเบาะแสเกี่ยวกับเล่มที่สองและสาม อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผมจะพยายามแค่ไหน ผมก็หามันไม่เจอ ผมสงสัยว่าท่านไดอามอสจะช่วยผมชี้เบาะแสในหนังสือแห่งนิรันดร์ได้หรือไม่?”

เมอร์ลินอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป้าหมายของเขาคือการขอให้ไดอามอสช่วยเขาในการค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับหนังสือเล่มที่สองและสามของหนังสือแห่งนิรันดร์

เขาไม่กล้าดูถูกเจ้าแมวดำตัวนี้แม้แต่น้อย ไดอามอสเป็นภูตจากวงแหวนเวทย์ซึ่งแกะสลักโดยผู้ก่อตั้งดินแดนมนต์ดำ จอมเวทย์ฟิเดล เมื่อนานมาแล้ว นอกจากร่างกายที่ไม่มีเนื้อหนัง ไดอามอสก็ไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตทั่วไปมากนัก

นอกจากนี้ ไดอามอส อยู่มานาน เผลอ ๆ อาจจะอยู่มานานกว่านักเวทย์ทั้งหมดดินแดนมนต์ดำ บางทีเขาอาจจะรู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับหนังสือแห่งนิรันดร์ก็ได้

“เจ้าบอกว่าเจ้าได้รับหนังสือแห่งนิรันดร์มางั้นรึ?”

ไดอามอสที่มีท่าทีหยิ่งทะนงในตอนแรก ได้ตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินคำขอของเมอร์ลิน ดวงตาที่แหลมคมของมันจับจ้องไปที่เมอร์ลินและอากาศโดยรอบดูเหมือนจะแข็งตัวในทันที

เมอร์ลินรู้สึกได้ถึงความกดดันที่มองไม่เห็นอยู่รอบตัวเขา ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก

จากนั้นเมอร์ลินก็ตระหนักได้อย่างแท้จริงว่าภูตที่สิงสถิตในแผ่นศิลานั้นทรงพลังมากเพียงใด!

“ใช่แล้ว ผมได้รับหนังสือแห่งนิรันดร์มา ท่านไดอามอส ได้โปรดดูเถิด!”

ทันทีที่เมอร์ลินพูด หนังสือแห่งนิรันดร์ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา พร้อมกับแสงจาง ๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด