227 - พายุ ตอนที่หนึ่ง
227 - พายุ ตอนที่หนึ่ง
ท้องฟ้าเป็นสีเขียวอมฟ้าที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เย่ฟ่านไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของมันได้
ภายในทะเลแห่งความทุกข์ ดอกบัวสีเขียวกำลังเติบโตเพียงลำพัง มันเต็มไปด้วยพลังชีวิตที่แข็งแรงซึ่งดูเหมือนว่าสามารถสร้างโลกของตัวเอง
ในเวลานี้เย่ฟ่านสงบสติอารมณ์ลงและเขาตรวจสอบอย่างรอบคอบ ขณะที่เขาจมอยู่ในสมาธิ เขาเห็นใบไม้สีเขียวสามใบที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งกำลังถือกำเนิดสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง
ดอกบัวสีเขียวและกงล้อแห่งทะเลของเขามีมนต์เสน่ห์อันศักดิ์สิทธิ์ที่แปลกประหลาด มันเหมือนกับแอ่งน้ำลึกที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้
ตอนนี้เย่ฟ่านได้ข้ามทะเลแห่งความทุกข์และก้าวเข้าสู่ปรมิตา กงล้อแห่งทะเลของเขาจึงเริ่มวิวัฒนาการ กลายเป็นเรื่องลึกลับอย่างยิ่ง
หม้อขนาดเล็กอยู่ใต้โดมของท้องฟ้าและที่ด้านบนของมันก็คือดอกบัวสีเขียวที่มีความงดงามและศักดิ์สิทธิ์
ตอนนี้เขาเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตปรมิตา ความแข็งแกร่งของเขาได้รับการเลื่อนระดับไปสู่ระดับใหม่และตอนนี้เขาสามารถทดสอบความแข็งแกร่งของหม้อที่หนักยิ่งกว่าขุนเขาของเขา
ปัง!
หม้อไม่ส่องแสงเจิดจ้า มันบินไปไม่ไกลนักและเมื่อสัมผัสกับก้อนหินก้อนใหญ่เศษฝุ่นก็ฟุ้งกระจายขึ้นสู่อวกาศ ก้อนหินก้อนนั้นถูกทำลายอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นป่าก้อนหินก็สั่นสะเทือนเบาๆ หินก้อนใหญ่ที่อยู่รอบๆก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงก่อนที่พวกมันจะพังทลายลง!
แต่ร่างกายของเย่ฟ่านก็สั่นสะท้าน หม้อใบนี้ยังไม่สามารถขัดเกลาให้ถึงระดับสูงสุดได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาสามารถใช้พลังของมันได้เพียงสามในสิบส่วนแต่มันก็ส่งอนุภาคถึงขนาดนี้แล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่งด้วยน้ำหนักมากมายมหาศาลของหม้อมันทำให้เขาใช้ได้เพียงไม่กี่ครั้งต่อวัน เขาไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างง่ายดาย มันทำให้เขาเกิดทั้งความสุขและความกังวล
ภายใต้การกระตุ้นของเย่ฟ่าน หม้อขนาดใหญ่สามารถลอยอยู่บนท้องฟ้าสูงกว่าพื้นเพียงไม่กี่วา เขาไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์นี่เป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว
หม้อที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าดูลึกลับและไม่อาจหยั่งถึง เขาคิดว่าเมื่อมันพัฒนาจนถึงระดับสูงสุดมันจะสามารถดูดกลืนท้องฟ้าเข้าไปทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย!
“ข้าสงสัยว่าคนของตระกูลจี้ออกไปแล้วหรือยัง…” เย่ฟ่านเกิดความสงสัยและเดินออกไปด้านนอก
——
นอกเขตเปลวไฟพื้นดินแตกร้าวและไหม้เกรียมมันเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งไกลสุดลูกหูลูกตา ศิษย์ของตระกูลจี้ได้จากไปแล้ว เหตุการณ์ไล่ล่าครั้งนั้นน่าจะผ่านมาถึงครึ่งปี คงแปลกมากเกินไปหากพวกเขายังเฝ้าอยู่ที่นี่
“เนื่องจากพวกเขาคิดว่าข้าถูกเผาเป็นเถ้าถ่านแล้ว ข้าจะทำให้พวกเขาแปลกใจเมื่อถึงเวลา!”
เย่ฟ่านกลับมาที่เขตเปลวไฟอีกครั้ง คราวนี้เขาเตรียมเข้าสู่เปลวไฟหมอกห้าสีระดับที่เจ็ดเพื่อให้สามารถปรับปรุงความแข็งแกร่งของหม้อวิเศษมากกว่านี้
“ข้าสามารถใช้เปลวไฟอันทรงพลังชนิดนี้ได้หรือไม่”
เขาดูดซับสายหมอกห้าสีอย่างระมัดระวัง ด้วยเสียงฟู่พลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่เขาใช้ห่อหุ้มมันก็มอดไหม้ไปจนหมด
เปลวเพลิงชนิดนี้มีพลังมากเกินไปและสามารถเผาไหม้แม้แต่บุคคลรุ่นอาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และตระกูลขุนนางโบราณได้ ข้อพิสูจน์นี้เห็นได้ชัดเจนจากซากศพที่ไหม้เป็นเถ้าถ่านซึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามพื้น
เย่ฟ่านรู้สึกอับจนปัญญาอยู่บ้าง เขาดิ้นรนพยายามอยู่หลายวันแต่ไม่เกิดผลอะไรมากนัก
ทันใดนั้นเย่ฟ่านก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกๆคล้ายกับว่ามีใครบางคนกำลังคำรามด้วยความโกรธแค้น
“มีใครอยู่ในนี้อีกนอกจากค่า” เย่ฟ่านซ่อนตัวและย้ายออกไปอย่างลับๆ
ในระดับที่เจ็ดของเขตเปลวไฟ ชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่อย่างไม่เคลื่อนไหว เจดีย์โบราณสูงหนึ่งวาแขวนอยู่เหนือศีรษะของเขา
เปลวเพลิงสีดำกำลังสะสมอยู่รอบๆเจดีย์ของเขาและสีของมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
“ทำไมเขาถึงกลั่นมันด้านนอกร่างกายได้?” เย่ฟ่านไม่เข้าใจ
ในเวลานี้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขาเคยเห็นเจดีย์นั้นมาก่อน!
เจดีย์เงินห้าชั้นนั้นไม่สว่างนัก แต่มันตราตรึงอยู่ในใจของเย่ฟ่านเสมอ
“ชายชุดผ้าป่าน!”
เย่ฟ่านนึกถึงคนที่ไล่ตามจี้จื่อเยว่และเขาทันที
ในเวลานี้เขาสวมชุดสีดำ สำหรับเจดีย์เงินบนศีรษะของเขานั้น มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างอยู่ตลอดเวลา เขาต้องการที่จะหลอมมันขึ้นมาใหม่
“เจดีย์โบราณชิ้นนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ที่อยู่ในร่างกายของเขา แต่มันเป็นอาวุธวิเศษที่ตกทอดมาจากโบราณ เขาต้องการที่จะละลายมันแล้วสร้างขึ้นใหม่จริงๆ?” ในที่สุดเย่ฟ่านก็ได้รับคำตอบ
“หรือว่าแท้ที่จริงแล้วอาวุธชิ้นนี้เป็นของตระกูลจี้ เขามาที่นี่เพื่อลบร่องรอยของตราประทับที่ถูกทิ้งไว้บนอาวุธ!” เย่ฟ่านหวังว่าเขาจะสามารถค้นหาภูมิหลังของบุคคลนี้ได้ ศัตรูที่ซ่อนอยู่ในเงามืดทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
“คนๆนี้ให้ความรู้สึกแปลกๆ บางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่จี้จื่อเยว่พูดจริงๆ เขาน่าจะเป็นหุ่นเชิดที่ถูกบังคับโดยใครบางคน”
เย่ฟ่านสังเกตเขาอย่างระมัดระวังและเห็นว่าคนนี้ค่อนข้างแข็งทื่อเหมือนไม้ท่อนหนึ่ง
“ข้าต้องหาโอกาสจัดการคนนี้!”
เย่ฟ่านคิดหาหนทาง แต่เขาไม่ได้ลงมือทันที คนคนนี้แข็งแกร่งมากเกินไปอย่างน้อยที่สุดเขาน่าจะอยู่ในอาณาจักรตำหนักเต๋า
“ข้าต้องหาโอกาสที่ดีที่สุด หากข้าลงมือแล้วไม่สำเร็จจะเป็นการรนหาที่ไทยอย่างแน่นอน”
เย่ฟ่านกลับไปที่วงแหวนระดับหกอย่างเงียบๆ เขาหยิบหม้อออกมาแล้วปล่อยให้มันดูดซับเปลวไฟสีม่วงจำนวนมหาศาลเพื่อเก็บไว้เป็นอาวุธในยามฉุกเฉิน จากนั้นเขาก็รีบนั่งและฟื้นฟู้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขา
ครึ่งชั่วยามต่อมา เขากลับมาที่ระดับสี่อย่างเงียบๆอีกครั้ง
สี่ชั่วยามต่อมาชายชุดดำได้หลอมเจดีย์เงินจนเกือบหมดและเริ่มปรับแต่งให้กลายเป็นระฆังสีเงินอย่างช้าๆ ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เมื่อระฆังเงินกำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง เย่ฟ่านก็ลงมือ
ในเวลานี้ ความสนใจของชายชุดดำจดจ่ออยู่ที่ระฆังเงินอย่างสมบูรณ์มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรู้ว่ามีใครบางคนพยายามฆ่าเขาอยู่
หม้อใบใหญ่เคลื่อนตัวอย่างเงียบๆ พลังงานสีม่วงที่ถูกเก็บไว้มากมายมหาศาลทะลักออกมาในครั้งเดียว!
อุณหภูมินี้เป็นสิ่งที่สามารถเผาไหม้แม้กระทั่งยอดฝีมืออาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และตระกูลขุนนางโบราณ นับประสาอะไรกับผู้คนที่อยู่ในอาณาจักรตำหนักเต๋าเท่านั้น
แต่เย่ฟ่านคิดผิดแล้ว ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะมีเครื่องรางบางอย่างที่สามารถใช้ป้องกันไฟได้ เปลวไฟสีม่วงของเย่ฟ่านไม่สามารถทำอันตรายต่อชายในชุดผ้าป่าน และเขาหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว
เย่ฟ่านเตรียมใจให้กับสถานการณ์นี้อยู่แล้ว ดังนั้นกระดาษสีทองของเขาถูกส่งออกไปในทันที
เลือดสีแดงสาดกระจายออกไปรอบบริเวณชายชุดดำคนนั้นมัวแต่พยายามหลบหนีจากเปลวไฟสีม่วงเขาจึงไม่สามารถหลบรอดจากท่าสังหารที่ตามมาได้!
ในเวลาเดียวกัน เปลวเพลิงสีม่วงก็ทะลักลงมาอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะมีเครื่องรางปกป้องร่างกายแต่เขาก็ไม่สามารถเปิดใช้งานมันได้ทันเวลา ทำให้ครึ่งซีกด้านซ้ายของเขาถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่าน
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็สั่นสะท้าน หม้อขนาดใหญ่ของเย่ฟ่านตกลงมากระแทกร่างกายของชายชุดดำอย่างรุนแรงทำให้เขานอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นไม่สามารถลุกขึ้นได้!
ตอนนี้เย่ฟ่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาหยิบขวดหยกบริสุทธิ์ออกมาแล้วดื่มน้ำจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว งานควบคุมหม้อใบนี้มันใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขามากเกินไปดังนั้นเขาจึงต้องฟื้นฟูให้เร็วที่สุด”
ครึ่งหนึ่งของร่างชายชุดดำถูกทำลายลง เขาตัวสั่นและดิ้นรนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทันทีที่เขาเห็นเย่ฟ่านใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
“เจ้า… เจ้ายังมีชีวิตอยู่!”
เย่ฟ่านเดินเข้ามาอย่างช้าๆเขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“ภูมิหลังของเจ้าคืออะไร?”
“ข้าไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่…”
ชายชุดดำถอนหายใจ ทันใดนั้นเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นแสงสีดำก็พุ่งออกมาจากหน้าผากของเขา เย่ฟ่านไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรแต่เมื่อเห็นมันพยายามหลบหนีออกจากการควบคุมของหม้อเขาก็คิดว่ามันน่าจะเป็นวิญญาณหรืออะไรที่คล้ายกัน!
“เขาเป็นแค่หุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยคนอื่นจริงๆ”
เย่ฟ่านขยายความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพื่อปิดผนึกชายชุดดำอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ชายชุดดำมีความแน่วแน่อย่างยิ่ง และรังสีของแสงนั้นก็ระเบิดออกมาราวกับดอกไม้ไฟ เขายินยอมตายแทนที่จะตกไปเป็นเครื่องมือของเย่ฟ่าน
ใบหน้าของเย่ฟ่านเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง แต่มันก็สายเกินไปที่จะหยุดสิ่งนี้ เขาสำรวจศพอย่างระมัดระวัง แต่เขาพบว่ามันว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ นอกจากระฆังเงินที่ถูกเผาจนหมดก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว
“เขาเป็นใคร…ทำไมข้ารู้สึกคุ้นเคยขนาดนี้”
หลังจากที่เย่ฟ่านลบร่องรอยทั้งหมดที่นี่เขาก็ถอยกลับไปสู่ระดับที่ห้าของเปลวเพลิงสีทองเพื่อซ่อนตัวและรอดูว่าจะมีใครเข้ามาที่นี่อีก