789-790
3/8
Ep.789
“เสี่ยวจือ ล็อคตำแหน่งวิหารศักดิ์สิทธิ์”
ซูเฉินออกคำสั่ง แล้วหันมาถามฉางไช่หลี่อีกครั้ง “ท่านประมุข ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ มีกองกำลังย่อยแยกเป็นฝ่ายไหนบ้าง?”
“นอกจากกองกำลังหลักของวิหารศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็ยังมีอีกหลายตระกูลรวมอยู่ด้วย” ฉางไช่หลี่กล่าวตามตรง
“แล้วในบรรดาพวกมัน กองกำลังไหนที่มีส่วนร่วมในการทำลายวังสุริยันจันทรา?” ซูเฉินถามต่อ
เขาไม่ใช่ฆาตกรกระหายเลือด ดังนั้นจะไม่สังหารกองกำลังที่ไม่เกี่ยวข้อง
“มีเพียงวิหารศักดิ์สิทธิ์และตระกูลหลิงเท่านั้นที่มีส่วนร่วม” ฉางไช่หลี่ตอบ
ตระกูลหลิง?
ซูเฉินทวนคำ ย้อนคิดพักหนึ่ง ก่อนที่ประกายเย็นเยียบจะฉายวาบออกมาจากดวงตาเขา
ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินฉางไช่หลี่พูดถึงมัน ว่าตระกูลหลิงคือตระกูลใหญ่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังมีบรรพชนระดับเทวะคอยหนุนหลัง
ลูกสาวของลู่หยานนามลู่ไช่เฟิงก็แต่งงานเข้าตระกูลหลิงเช่นกัน แต่สุดท้ายลู่หยานก็จบชีวิตลงด้วยน้ำมือซูเฉินไปพร้อมๆกับชิวอิ๋ง
ซูเฉินเลยตระหนักได้ทันที ว่าที่พวกเขาลงมือ เป็นเพราะต้องการแก้แค้น
ต่อมา ซูเฉินเอนหลังบนเก้าอี้คนขับ เปิด [พื้นที่เพาะปลูก] ตรวจดูความคืบหน้าการเจริญเติบโตของพืชวิญญาณต่างๆ
ส่วนฉางไช่หลี่และคนอื่นๆแยกย้ายกันหาสถานที่พักผ่อน
ช่วงเวลาต่อจากนั้น [รถศึกอัจฉริยะ] เคลื่อนตรงไปยังอาณาเขตของวิหารศักดิ์สิทธิ์หมานหยู
ตลอดเส้นทางเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ได้ถูกขัดขวางแต่อย่างใด ตรงจุดนี้ทำให้ซูเฉินรู้สึกแปลกๆ
ก็ในเมื่อระดับเทวะของเผ่ามนุษย์ตั้งใจจะฆ่าเขา เช่นนั้นที่ต้องทำ ไม่ใช่ว่าควรส่งยอดฝีมือจำนวนมากมาปิดล้อมเขาหรอกหรือ?
แล้วเหตุใดถึงปล่อยให้เขาเดินทางอย่างอิสระได้ยาวนานขนาดนี้?
เป็นไปได้ไหมว่าพอเฝิงเหอเซียงกับจินกวงหยูตาย เลยกลัวที่จะส่งคนอื่นมา?
ซูเฉินคิดว่าข้อสันนิษฐานนี้เป็นไปได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้น 100% เพราะท้ายที่สุดแล้ว ศัตรูของเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทวะของเผ่ามนุษย์
หากระดับเทวะเหล่านั้นยอมรามือแต่เพียงเท่านี้ เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะเอาศักดิ์ศรีไปไว้ที่ไหน?
หรือว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่? เช่นหาโอกาสลอบโจมตีในช่วงเวลาสำคัญ?
เนื่องจากเหล่าระดับเทวะล้วนมีชีวิตอยู่มานานนับหมื่นปีแล้ว ดังนั้นแต่ละคนน่าจะมีไหวพริบและแผนการลึกล้ำ
ซูเฉินรู้สึกว่าที่กล่าวมาข้างต้นนี้ มีความเป็นไปได้มากกว่าข้อแรก
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจมากเกินจำเป็น จะทำเฉกเช่น ‘ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน’
ตราบใดที่ยังอยู่ในทวีปใหญ่ ต่อให้ศัตรูดาหน้ามาเยอะแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
…
สิบวันต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] เข้าสู่อาณาเขตของวิหารศักดิ์สิทธิ์หมานหยู
ตามแผนเดิมที่วางไว้ เป้าหมายแรกที่จะสังหารคือเหล่าคนของวิหารศักดิ์สิทธิ์ แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ
เมื่อ [รถศึกอัจฉริยะ] มาถึงวิหาร ในตัวตึกกลับว่างเปล่า แทบไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย เหลือแค่ผู้ฝึกตนระดับต่ำเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
หลังจากเค้นถามข้อมูล ก็ได้คำตอบว่า เหล่าผู้แข็งแกร่งของวิหาร ได้ทำการอพยพออกจาสถานที่แห่งนี้ตั้งแต่เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาแล้ว และยังไม่เหลือร่องรอยใดๆให้ตามเจอ
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าซูเฉินกำลังเดินทางมาฆ่าพวกเขา เลยหนีไปซ่อนตัวล่วงหน้า
ซูเฉินพอเข้าใจสถานการณ์ ก็ต้องทอดถอนหายใจ อารมณ์ตอนนี้รู้สึกหดหู่มาก
นอกจากไม่สามารถฆ่าระดับสูงของวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว เขายังไม่พบศิลาวิญญาณวายุแม้แต่ก้อนเดียว
ดังนั้น เพื่อระบายความอัดอั้นใจ ก่อนออกเดินทาง ซูเฉินทำลายสิ่งปลูกสร้างของวิหารศักดิ์สิทธิ์ไปกว่าครึ่ง แล้วค่อยยอมล่าถอยออกมา
[รถศึกอัจฉริยะ] มุ่งหน้าไปทางตระกูลหลิงด้วยความเร็วสูง แต่ก็เช่นเดียวกันวิหารศักดิ์สิทธิ์ เหล่าผู้แข็งแกร่งของตระกูลได้หลบหนีไปแล้ว
“ซูเฉิน พวกเราจะเอายังไงกันต่อ?” ฉางไช่หลี่ถาม
ซูเฉินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง กล่าวว่า “ไปเกาะชิงหยุน”
สี่ขุมกำลังใหญ่ของทวีปเสวียนเทียน ราชวงศ์เฝิงซีและจักรวรรดิเฉินเชิ่งถูกเขาทำลายไปแล้ว ขณะที่ขุนเขาหวังเฉียวเหลือแค่ชื่อเท่านั้น นอกจากกองกำลังหลักสองกลุ่มของวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่หนีไป โดยพื้นฐานนับว่าเขาบรรลุจุดประสงค์ในการแก้แค้นแล้ว
เท่ากับอยู่ทวีปเสวียนเทียนต่อก็ไม่มีความหมาย
ได้ยินแบบนั้น ฉางไช่หลี่ไม่เอ่ยท้วงติงใดๆ เพราะก่อนหน้านี้ ซูเฉินตัดสินใจแล้วว่าจะไปเกาะชิงหยุน ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องเดินทางไปอยู่ดี
4/8
Ep.790
[รถศึกอัจฉริยะ] ล็อคตำแหน่งเกาะชิงหยุน ขับเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางซูเฉินเปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] ตรวจดูว่าด้วงเขมือบทองคำหลังจากกินศพของจินกวงหยูแล้ว มันได้ยกระดับเป็นขั้น 10 รึยัง
ช่วงเวลาที่ [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] ถูกเปิดออก ซูเฉินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันคุกรุ่นรุนแรง และกลิ่นอายนี้มาจากด้วงเขมือบทองคำ
“เสี่ยวฉง นายยกระดับแล้วสินะ” ซูเฉินรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเดิมทีด้วงเขมือบทองคำก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ยิ่งมันยกระดับไปขั้น 10 ก็จะยิ่งกลายเป็นผู้ช่วยที่ทรงพลังของเขา
ปัจจุบัน กำลังรบของมัน น่าจะแข็งแกร่งกว่าอู๋หยาจื่อในสภาวะที่ถูกข่มฐานฝึกตนอยู่หนึ่งส่วน
“เจ้านาย ข้าทำสำเร็จแล้ว!” ด้วงเขมือบทองคำตะโกนด้วยความตื่นเต้น
ยกระดับเป็นขั้น 10 ก็เหมือนดั่งได้รับปีกใหญ่ที่ช่วยให้เดินเหินได้สะดวกยิ่งขึ้น
ณ ขณะนี้มันบินขึ้นๆลงๆในอากาศต่อเนื่องไม่หยุด
หงส์เพลิงและสัตว์เลี้ยงวิญญาณตนอื่นๆ ล้วนปลีกตัวหลบไปอยู่ในระยะไกล
ที่ทำเช่นนี้ เพราะไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากร่างของด้วงเขมือบทองคำแข็งแกร่งเกินไป หากสัมผัสโดน เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น บางทีกระดูกของพวกมันอาจหักเป็นชิ้นๆ
“ดีมาก”
ซูเฉินพยักหน้า มุมปากยกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
จากนั้น เขาสนทนากับเหล่าสัตว์เลี้ยงวิญญาณอยู่พักหนึ่ง แล้วค่อยปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์]
…
[รถศึกอัจฉริยะ] ออกจากทวีปเสวียนเทียน มุ่งหน้าสู่ท้องทะเลอันไร้ที่สิ้นสุด
ซูเฉินว่างไม่มีอะไรทำ เอาแต่จ้องหน้าจอควบคุมส่วนกลาง
เนื่องจากระยะทางระหว่างทวีปเสวียนเทียนกับเกาะชิงหยุนค่อนข้างไกล ต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่า 10 วัน ระหว่างนี้หากเจอฝูงสัตว์ทะเล จะได้ฆ่าพวกมัน แล้วรวบรวมชิ้นส่วน แม้เล็กน้อยก็ยังดี
ไม่นาน ซูเฉินก็พบจุดสัญญาณสีดำขนาดใหญ่บนหน้าจอ และรอบๆจุดสีดำนั้นยังมีจุดสีดำขนาดเล็ก และจุดสีดำน้ำเงินอีกนับสิบๆจุดกำลังรวมตัวกัน
พวกต่างเผ่ากับมนุษย์?
ซูเฉินเลิกคิ้วขึ้น หันไปออกคำสั่งแก่ [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ ล็อคเป้าพวกมันไว้ แล้วขยายภาพที”
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] ล็อคเป้า ภาพถูกฉายบนหน้าจออย่างรวดเร็ว
ซูเฉินกวาดสายตามอง และพบว่ามีอสูรสีดำสนิทตัวหนึ่งกำลังลอยอยู่กลางทะเล สัตว์อสูรตัวนี้มีลักษณะเหมือนกับหอย ให้ความรู้ลึกนุ่มลื่นไปทั้งตัว อีกทั้ง ร่างกายของมันยังใหญ่โตมาก เทียบได้เลยกับเกาะเล็กๆเกาะหนึ่ง
และบนหลังของสัตว์อสูรตัวนี้ มีมนุษย์และพวกต่างเผ่านับสิบคนกำลังยืนอยู่
พวกต่างเผ่าเหล่านี้ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่ซูเฉินเคยเจอพวกมันมาทั้งหมดแล้ว ในที่นี้มี เผ่าปีศาจราตรี , เผ่าวิหคเหิน , เผ่าสมุทร และเผ่าเทพ
“เจ้าพวกนี้มาสุมหัวกันทำอะไร?” ซูเฉินขมวดคิ้ว บ่นพึมพำ
แต่ในเวลานั้นเอง [รถศึกอัจฉริยะ] ได้ร้องเตือนว่า “ดูเหมือนอีกฝ่ายจะพบพวกเราแล้ว พวกมันกำลังว่ายตรงเข้ามา!”
“เอ๋?”
ซูเฉินอุทานเบาๆ หันมองหน้าจอควบคุมอีกครั้ง
เป็นอย่างที่พูด สัตว์อสูรยักษ์เวลานี้เริ่มแหวกว่าย ก่อคลื่นทะเลขนาดใหญ่ ความเร็วในการว่ายน้ำของมันว่องไวเป็นอย่างมาก อีกทั้งกำลังตรงมาทางพวกเขา
เห็นภาพนี้ ซูเฉินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หันไปถามฉางไช่หลี่ว่า “ท่านประมุข ไม่ทราบรู้จักมนุษย์บนจอนี้หรือไม่?”
ฉางไช่หลี่ก้าวออกมาข้างหน้า กวาดสายตามอง สีหน้าการแสดงออกของเธอพลันกระชับขึ้นทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงลึกล้ำว่า “มีบางคนมาจากวิหารศักดิ์สิทธิ์และตระกูลหลิง ส่วนที่เหลือข้าไม่รู้จักพวกเขา”
คนของวิหารกับตระกูลหลิง?
รอยยิ้มเย็นผุดขึ้นตรงมุมปากของซูเฉิน เขากำลังกังวลว่าจะหาคนของวิหารศักดิ์สิทธิ์กับตระกูลหลิงไม่เจออยู่พอดี ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะมาเคาะประตูตายถึงที่ด้วยตัวเอง
นี่เป็นเวลาเหมาะที่จะหว่านแห จับพวกมันทั้งหมดในคราเดียว
“เสี่ยวจือ ตรวจสอบระดับฐานฝึกตนของพวกมัน” ซูเฉินสั่ง
ในเมื่ออีกฝ่ายมาหาเขาด้วยตัวเอง งั้นก็ต้องเตรียมการไว้ก่อน
ระวัดระวังเข้าไว้ รู้จุดแข็งของอีกฝ่าย จะได้สู้อย่างเต็มที่