219 - พี่ใหญ่ผู้บ้าคลั่ง
219 - พี่ใหญ่ผู้บ้าคลั่ง
“เราควรทำอย่างไร? ผู้นำศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองได้ร่วมมือกันแล้ว”
ฉินเหยาขมวดคิ้วแต่ก็ยังมีเสน่ห์ สิ่งเดียวที่ยกระดับสถานการณ์ของพวกเขาขึ้นเล็กน้อยคือราชามังกรเขียวก็อยู่ใกล้ๆ ไม่เช่นนั้นราชานกยูงจะถูกกดขี่อย่างหนักเพื่อเพียงลำพัง
“ฉินเหยา หนีไปจากข้าเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง” เย่ฟ่านส่งเสียงเบาๆ
“ไปกับข้า” ฉินเหยาชักชวน
“ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถหลบหนีได้ แม้แต่ราชานกยูงก็ไม่สามารถปกป้องข้าได้” เย่ฟ่านสงบนิ่งไม่มีความกลัวหรือตื่นตระหนกบนใบหน้า
เนื่องจากตระกูลจี้ได้ประกาศว่าแม้ว่าผู้นำของดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงได้รับทักษะความว่างปล่าวอันยิ่งใหญ่พวกเขาก็ยังหาวิธีที่จะนำมันกลับมา
กองกำลังขนาดใหญ่ที่มาที่นี่จะไม่ปล่อยให้เขาออกไปอย่างแน่นอน
เขาถูกทำเครื่องหมายว่าเป็นเป้าหมายที่มีมูลค่าสูงอย่างแน่นอน ผู้นำของตระกูลจี้ก็อยู่ที่นี่ และราชานกยูงก็ไม่มีทางที่จะปกป้องเขาได้
ถ้าเขาพาเย่ฟ่านไปด้วย มันก็เทียบเท่ากับการนำส่วนหนึ่งของทักษะความว่างปล่าวอันยิ่งใหญ่ออกไป นี่เป็นสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้และพวกเขาจะต่อสู้กันจนตายก่อนที่จะปล่อยให้มันเกิดขึ้น
“ทักษะลับอะไรที่เจ้าเรียนรู้จากตระกูลจี้?” ฉินเหยาถาม
“หยุดถามซะถ้าเจ้ารู้ตระกูลจี้จะพุ่งเป้าไปที่เจ้าด้วย รีบออกไปซะไม่งั้นมันจะสายเกินไป!”
ฉินเหยาคว้าข้อมือของเขา “ไปกันเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้”
เย่ฟ่านส่ายหัว “เจ้าต้องเคลื่อนไหวก่อน ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”
เมื่อเห็นการปฏิเสธอย่างหนักแน่นของเขาฉินเหยาก็เหลือบมองเขาก่อนที่จะยิ้ม
“เจ้าระวังตัวด้วย หากถึงที่สุดแล้วเจ้านี้ไปไม่ได้ข้าจะแก้แค้นให้เจ้าเอง”
บุคคลที่รวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆในพื้นที่ด้านบน ไม่เพียงแต่มีผู้ฝึกตนจากดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงและตระกูลจี้ปรากฏตัวขึ้น แม้แต่ยอดฝีมือจากนิกายไท่ซวนและนิกายเซียวเหยาก็มาด้วย
นี่เป็นกองกำลังขนาดใหญ่ที่อุดมไปด้วยยอดฝีมือนับไม่ถ้วนครอบคลุมท้องฟ้าครึ่งหนึ่ง นี่คือการดักจับราชานกยูงภายในอย่างสมบูรณ์
หากราชามังกรเขียวไม่อยู่ ราชานกยูงจะต้องยอมแพ้ต่อโชคชะตาอย่างแน่นอน ถึงกระนั้นสถานการณ์ก็ยังค่อนข้างไม่ปลอดภัย
ผู้นำของตระกูลจี้เป็นหนึ่งเดียวกับความว่างเปล่า ความว่างเปล่าคือเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล เสียงของเขาดูเหมือนจะมาจากที่ห่างไกลที่ไม่รู้จัก
“ก่อนที่เราจะมีการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ราชานกยูงข้าหวังว่าที่จะพรากใครสักคนไปจากเจ้า” เย่ฟ่านไม่ต้องคิดมากก็รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามหมายถึงเขา
นี่อยู่ในความคาดหมายของเขาอยู่แล้ว คนที่มีอำนาจพอๆกับผู้นำของตระกูลจี้ไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อบุคคลตัวเล็กๆแบบเขา
บุคคลอื่นๆคงรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับการเอาใจใส่จากผู้นำศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลโบราณ แต่ไม่ใช่เย่ฟ่าน
“เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการให้ข้ามอบเด็กคนนั้นให้?” ราชานกยูงพูดด้วยน้ำเสียงที่มีความนัยที่ซ่อนอยู่
“แน่นอน!”
ผู้นำของตระกูลจี้ตะโกนคำนี้ เสียงของเขาทำให้อากาศโดยรอบสั่นสะท้าน ผู้ฝึกตนหลายคนของเผ่าอสูรล้มลงกับพื้นอย่างไม่มั่นคง
ราชานกยูงหัวเราะอย่างเย็นชาเมื่อจ้องมองผ่านกลุ่มก่อนหน้าเขา
“อย่าคิดว่าเพียงเพราะตระกูลจี้ ของเจ้ามียอดฝีมือมากมายจนไม่มีใครกล้าต่อต้านเจ้า ถ้าเจ้ากล้าที่จะฆ่าเขาจริงๆข้ากล้าพูดเลยว่าพวกเจ้าจะพบความวิบัติอย่างแน่นอน!”
ด้วยคำพูดเหล่านี้ไม่เพียงแต่คนในตระกูลจี้เท่านั้นที่ตกตะลึง แม้แต่ผู้ฝึกตนคนอื่นๆก็รู้สึกตกใจ
“เจ้าคิดจะทำให้พวกเราตกใจได้หรือ!”
ในระยะไกลบุคคลที่มีชื่อเสียงของตระกูลจี้ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“เย่ฟ่าน มาที่นี่” ราชานกยูงกวักมือเรียก
เย่ฟ่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโบยบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนที่ราชานกยูงจะรออย่างเงียบๆด้วยความกังวลใจ
ในช่วงเวลานี้เขารู้สึกทันทีว่าเจตนาฆ่านับไม่ถ้วนปกคลุมเขาอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตระกูลจี้
ราชานกยูงหัวเราะอย่างอึกทึกในขณะที่เขาพูดต่อ
“ถ้าเจ้าฆ่าเขาจริงๆต่อให้พวกเจ้ามีมากกว่านี้อีกหลายเท่าก็ต้องตายกันทั้งหมด เว้นแต่ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ในตระกูลจี้ของเจ้าจะสามารถคลานออกมาจากหลุมศพ มิฉะนั้น…… ฮ่าฮ่า!”
มีคนแบบนี้ในโลกจริงหรือ? คนที่จริงกล้าเผชิญหน้ากับหัวหน้าตระกูลจี้……ไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้
นี่เป็นเพราะภูมิหลังของมหาอำนาจเช่นตระกูลจี้หรือดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงนั้นลึกซึ้งเกินจะจินตนาการถึง
“เย่ฟ่านแสดงทักษะการเคลื่อนไหวของเจ้าออกมาดูหน่อย”
ใบหน้าไร้เดียงสาของราชานกยูงมีรอยยิ้มอยู่บนนั้น ในตอนนี้เองที่เย่ฟ่านเข้าใจสิ่งที่เขาต้องทำ เขาต้องควงธงขนาดใหญ่และแสร้งทำเป็นเสือ!
ภาพลวงตาปรากฏขึ้นทันทีบนท้องฟ้าในขณะที่เขาเริ่มแสดงทักษะการเคลื่อนไหวของชายชราที่บ้าคลั่ง ผู้นำของตระกูลจี้ไม่พูดอะไรในขณะที่ใบหน้าของคนอื่นๆต่างก็บิดเบี้ยวทั้งหมด
ลำแสงหนึ่งร้อยแปดเส้นยังคงหมุนวนอยู่รอบๆผู้นำของดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วง ทำให้เขาดูเหมือนเทพที่ลงมาบนโลก ใบหน้าของเขาสงบลงในขณะที่เขาพูดออกมา
“ชายหนุ่มใครสอนการเคลื่อนไหวเหล่านี้ให้เจ้า?”
“พี่ชายที่บ้าคลั่งของข้า” เย่ฟ่านตอบอย่างใจเย็น
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ราชานกยูงเกือบจะสะดุดล้ม เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้กล่าวเกินจริงไปแล้ว แม้ว่าเขาจะต้องการลากชายชราผู้บ้าคลั่งออกมาแต่นั่นก็ในฐานะผู้อาวุโส
ผู้นำของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงยังคงเงียบครึ้ม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นใบหน้าของเขาในปัจจุบัน แต่ความเงียบเป็นเวลานานทำให้เดาได้ง่ายว่าตอนนี้เขาพูดไม่ออก
หัวหน้าของตระกูลจี้ก็เงียบเหมือนกันราวกับว่าเขาเป็นหนึ่งเดียวกับความว่างเปล่า ว่างเปล่าราวกับว่าเขาหายตัวไปแล้ว
“เจ้ามีความเกี่ยวข้องอะไรกับชายชราที่บ้าคลั่ง” บุคคลที่มีชื่อเสียงของตระกูลจี้ถูกถามอย่างไม่อดทน
“ชายชราที่วิกลจริตและบ้าคลั่ง คนอื่นๆต่างก็บอกว่าเขาอยู่มาหกพันปีแล้ว……” เย่ฟ่านกล่าวอย่างใจเย็นว่า “พี่ชายของข้าค่อนข้างน่าสงสารจริงๆ สภาพจิตใจของเขาพร่ามัวและมักจะหลงทาง……”
“หุบปากได้แล้ว!”
แม้แต่ราชานกยูงก็ยังพูดไม่ออกกับวิธีที่เย่ฟ่านพูดกับชายชราว่าเป็นพี่ชายตลอดเวลา ซึ่งจริงๆแล้วนี่เป็นบุคคลที่ไม่มีใครเทียบได้เมื่อหกพันปีก่อน
“พี่ชายของข้ามีบาดแผลทางอารมณ์มากมาย…….. เขาลืมอดีตของเขาไม่ได้……. พี่ชายของข้า……”
เย่ฟ่านเพิกเฉยต่อความรู้สึกของทุกคนในขณะที่เขายังคงเล่าเรื่องแปลกๆของเขาต่อไป
ในที่สุดราชานกยูงก็ทนไม่ไหวแล้วในขณะที่เขาเล่าว่า
“เจ้าเด็กดื้อ เจ้าเสพติดมันหรือ? เมื่อพูดถึงชายชราที่บ้าคลั่งในฐานะพี่ใหญ่ ข้าเชื่อว่าหลายคนคงอยากจะหักคอเจ้าตอนนี้!”
“ผายลมเต็มไปด้วยเรื่องไร้สาระ!” บุคคลที่มีชื่อเสียงของตระกูลจี้ตะโกน
“ผู้อาวุโสคนนั้นอยู่ในระดับสูงแค่ไหนมีหรือจะอนุญาตให้เจ้ามาทำเป็นล้อเล่นได้!”
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่เชื่อข้าข้าก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน” เย่ฟ่านโบกมือก่อนที่จะใช้การเคลื่อนไหวของชายชราที่บ้าคลั่งอีกครั้ง
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกพูดไม่ออก เย่ฟ่านใช้การกระทำของเขาอย่างชัดเจนเพื่อพยายามสร้างความสัมพันธ์กับชายชราที่บ้าคลั่ง
ในความเป็นจริงหลายคนเข้าใจว่าเย่ฟ่านมีความเกี่ยวข้องกับชายชราอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามไม่มีใครเต็มใจที่จะเชื่อว่าชายชราผู้บ้าคลั่งเป็นพี่ใหญ่ของเขา เจ้าเด็กคนนี้พูดพล่อยๆ ออกมาอย่างชัดเจน
“เจ้าหนูน้อยอย่าคิดว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ชายชราที่บ้าคลั่งเป็นบ้าไปแล้ว แม้ว่าทุกคนจะกลัวเขาแต่ก็ใช่ว่าเขาจะปรากฏตัวเมื่อไหร่ก็ได้” ราชานกยูงพูดอย่างเงียบๆก่อนจะเสริมมาก
“ก่อนหน้านี้ผู้คนในตระกูลจี้ต่างก็ไล่ตามเจ้าอย่างร้อนแรง พวกเขารู้เรื่องนี้อย่างชัดเจนดีอยู่แล้ว แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้”
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นสะท้าน เขาก็คาดเดาเรื่องนี้ออกเช่นกันและสถานการณ์ปัจจุบันของเขาเป็นอันตรายอย่างยิ่ง สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยคือผู้นำศักดิ์สิทธิ์ไม่น่าจะลงมือฆ่าเขาโดยตรง
“พี่ใหญ่ที่บ้าคลั่งบอกว่าเขาจะมาเยี่ยมข้าเร็วๆนี้” เย่ฟ่านพูดต่อ
“มารดาเจ้าเถอะ!” หลายคนอยากจะด่าเขา