ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 21 โควต้าพิเศษ
ตอนที่ 21 โควต้าพิเศษ
ตอนนี้ หวังไห่เฟิงรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าเป็นอย่างมาก เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับขยับลำคอและไหล่ทั้งสองข้าไปมา
“พี่ใหญ่ / พ่อ / ที่รัก รู้สึกยังไงบ้าง?”
หวังไห่เตา ลูกชาย และภรรยาของเขาถึงกับร้องถามออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ไม่น่าเชื่อ! ไหล่และต้นคอที่ปวดเรื้อรังมานานหลายสิบปีกลับหายดีแล้ว! ตอนนี้ฉันยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเหมือนกับได้กลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง!”
หวังไห่เฟิงรู้สึกตัวเบา และผ่อนคลายบริเวณทั้งหัวไหล่และต้นคออย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และรีบหันไปบอกกับน้องชาย ภรรยา และลูกชายด้วยสีหน้าแววตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
‘นี่มันอะไรกัน? เด็กหนุ่มวัยรุ่นคนนี้สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยเรื้อรังของฉันให้หายได้จริงๆเหรอนี่?’
นอกเหนือจากผู้อำนวยการหม่าแล้ว คนอื่นๆที่อยู่ภายในห้อง ต่างก็พากันตกอกตกใจกันหมด และแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง แต่ท้ายที่สุดทุกคนก็ต้องยอมรับในความสามารถของเย่โม่
“หมอเย่ คุณดูเหนื่อยมากเลยนะ มาๆ นั่งลงพักผ่อนก่อนค่ะ!”
เว่ยอี้เฉินภรรยาของหวังไห่เฟิงรีบร้องเรียกเย่โม่ให้นั่งลง ก่อนจะหันไปร้องบอกลูกชายของตนเองว่า “หยางหยาง เร็วเข้า! รีบไปรินน้ำชาเพื่อสุขภาพมาให้คุณหมอเย่ดื่มก่อน!”
“หมอเย่ครับ ขอบคุณคุณมากจริงๆ! ตอนนี้ผมเชื่อคำพูดของผู้อำนวยการหม่าแล้ว ผมเชื่อแล้วว่าทักษะทางการแพทย์ของหมอเย่ล้ำเลิศอย่างที่เขาว่าจริงๆ!”
หวังไห่เฟิงรีบเอ่ยขอบคุณเย่โม่ในขณะที่เดินกลับไปนั่งที่ของตนเองทันที
เวลานี้ ทั้งหมดได้กลับมานั่งล้อมโต๊ะกันอย่างพร้อมหน้าอีกครั้ง ในขณะที่หวังยู่หยางเองก็ยกถ้วยชาเข้ามายื่นให้กับเย่โม่ด้วยท่าทางสุภาพ และมีมารยาท
เย่โม่ยกถ้วยชาขึ้นเป่าเบาๆ แล้วจึงยกขึ้นจิบ จากนั้น เขาก็ได้วางถ้วยชาลงไปบนโต๊ะ ก่อนจะเอนกายพิงพนักโซฟาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า พร้อมกับร้องบอกหวังไห่เฟิงไปว่า
“คุณหวังครับ เมื่อครู่ผมใช้พลังไปเยอะจึงรู้สึกค่อนข้างเหนื่อยมาก ไม่ทราบว่าจะขอมารักษาพ่อของคุณในวันพรุ่งนี้ตอนเช้าแทนจะได้มั๊ยครับ?”
“ได้ครับได้! ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้หมอเย่ต้องลำบาก ถ้ายังไงคืนนี้หมอเย่กับผู้อำนวยการหม่า ก็พักค้างคืนซะที่นี่เลยจะไม่ดีเหรอครับ?”
หวังไห่เฟิงรีบพยักหน้าพร้อมกับร้องบอกทันที ในขณะเดียวกัน หวังไห่เตาที่เป็นทหารพูดจาโผงผางตรงไปตรงมา ก็เดินเข้ามาหาเย่โม่พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“หมอเย่ครับ ผมต้องขอโทษด้วยที่เมื่อครู่ทำกิริยาไร้มารยาทกับคุณไป ตอนนี้ผมไม่กล้าสงสัยในความสามารถของคุณแล้วล่ะครับ ได้โปรดอภัยให้ผมด้วยนะครับ!”
หลังจากพูดจบ หวังไห่เตาก็โน้มศรีษะลงต่ำทำการคำนับเย่โม่เป็นการขอโทษ!
“นั่นน่ะสิคะคุณหมอเย่ พวกเราไร้มารยาทกับหมอเย่ไปเมื่อครู่ ได้โปรดอย่าถือสาพวกเราเลยนะคะ” เว่ยอี้เฉินก็ลุกขึ้นเอ่ยขอโทษเย่โม่ด้วยเช่นกัน
“ไม่เป็นไรครับ! ผมเข้าใจความรู้สึกของทุกคนดี แล้วก็ไม่ได้ถือสาอะไรด้วยครับ!”
เย่โม่เอ่ยตอบยิ้มๆ และเขาก็ไม่ได้ถือสาเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้เลยแม้แต่น้อย!
“หมอเย่เป็นคนตรงไปตรงมาเหมือนกันนะครับ ผมหวังไห่เตาชื่นชม แล้วก็อยากจะเป็นเพื่อนกับคนประเภทนี้มาก เอาอย่างนี้ดีมั๊ยครับ ผมอายุมากกว่าคุณ ผมจะขอเรียกคุณว่าน้องเย่ เพราะมันฟังดูสนิทสนมมากกว่าที่จะเรียกว่าหมอเย่ซะอีก!”
หวังไห่เตาเป็นฝ่ายเสนอความเห็นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ได้เลยครับพี่ไห่เตา จากนี้ไปเรียกผมว่าน้องเย่ได้เลยครับ!”
“ฮ่าๆๆ ตกลงน้องเย่!”
จากนั้น บรรยากาศภายในบ้านก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นกันเอง และพูดคุยกันอย่างมีความสุข หลังจากที่นั่งคุยกันไปสักพัก ทุกคนจึงได้รู้ว่า เย่โม่ยังเป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนมัธยมปลาย และกำลังจะสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยเท่านั้น แน่นอนว่า ข้อมูลนี้ทำให้ทุกคนในห้องถึงกับตกอกตกใจอีกครั้ง!
หวังไห่เฟิงฟังแล้วก็ยิ่งมั่นใจว่า ในวันข้างหน้า เด็กหนุ่มคนนี้จะต้องกลายเป็นคนที่่โลกต้องรู้จัก ด้วยเหตุนี้ เขาจึงปักใจแน่วแน่ว่าจะต้องผูกสัมพันธ์เป็นสหายกับเย่โม่ให้ได้
“นี่เพื่อนรัก! ถ้าหมอเย่สามารถรักษาผู้เฒ่าหวังได้ให้หายจากอาการเจ็บป่วยได้ บอกมาว่าจะนายจะตอบแทนหมอเย่ยังไง?”
ผู้อำนวยการหม่ารีบร้องถามหวังไห่เฟิงขึ้นทันที
“ผู้อำนวยการหม่าคะ ตระกูลหวังของเราไม่ใช่ธรรมดาๆ ชื่อเสียงของสกุลหวังไม่ได้ดีแค่ชื่อนะคะ ยังไงก็ไม่ยอมให้หมอเย่รักษาฟรีแน่ๆค่ะ เรื่องเงินทองไม่ใช่ปัญหาของเราเลย” เว่ยอี้เฉินภรรยาของหวังไห่เฟิงเป็นคนตอบแทน
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทองอะไร!”
เย่โม่ส่ายหน้าไปมา และเขาก็ไม่ได้พูดเล่น เวลานี้เขาได้เป็นหุ้นส่วนในธุรกิจผลิตยาปี่แป่หยกน้ำค้างกับเฟิงกั๋วตงแล้ว เขาจะขาดแคลนเงินทองอีกได้อย่างไรกัน?
‘นั่นสินะ! ทักษะทางการแพทย์ของเย่โม่ออกจะล้ำเลิศขนาดนี้ คงจะมีแต่คนมาอ้อนวอนขอร้องให้ไปช่วยรักษาไม่เว้นแต่ละวันแน่ แล้วแบบนี้จะขาดแคลนเงินทองได้ยังไงกันล่ะ?’
นี่คือความคิดของสมาชิกสกุลหวังทั้งสี่คน
“เอ่อ.. ฉันมีข้อเสนอ ไม่ทราบอยากจะลองฟังกันดูมั๊ย?” ผู้อำนวยการหม่าเป็นฝ่ายพูดขึ้นยิ้มๆ
เย่โม่เองก็จ้องมองผู้อำนวยการหม่าด้วยสีหน้าประหลาดใจ บอกตามตรงว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไรเป็นสิ่งตอบแทน แต่ไม่แน่ว่าผู้อำนวยการหม่าอาจมีข้อเสนอดีๆก็เป็นได้
“นี่เพื่อนรัก นายรีบๆบอกมาเลย ขอเพียงเป็นสิ่งถูกกฏหมาย ฉันยินดีที่จะทำอย่างยิ่ง!” หวังไห่เฟิงร้องบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“นี่ไห่เฟิง นายเองก็เป็นถึงเลขาธิการคณะกรรมการของมหาวิทยาลัยจี่หนิง ส่วนหมอเย่เองก็กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ปกติทางมหาวิทยาลัยก็จะมีโควต้าพิเศษให้ปีละสองคนไม่ใช่เหรอ นายก็ให้โควต้านั่นกับหมอเย่สิ ดีมั๊ยล่ะ?”
“ฉันเชื่อว่า ด้วยความสามารถของหมอเย่ รับรองว่าเขาจะต้องสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยจี่หนิงได้แน่ๆ และทางมหาวิทยาลัยจะต้องภูมิอกภูมิใจในตัวหมอเย่แน่!”
หลังจากที่ผู้อำนวยการหม่าพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แววตาของเย่โม่ก็ถึงกับเป็นประกายขึ้นมาทันที เขาเองก็เพิ่งจะรู้ว่า หวังไห่เฟิงเป็นคนที่มีอำนาจมากคนหนึ่งในมหาวิทยาลัยจี่หนิง ซึ่งนับเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ และสามารถมอบสิทธิพิเศษเช่นนี้ให้เขาได้
ความจริงแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นความลับอะไร เพียงแต่เย่โม่ไม่เคยอยู่ในสังคมการทำงาน เขาจึงยังไม่รู้และมีประสบการณ์ในเรื่องเหล่านี้
เป็นที่รู้ๆกันว่า ทั้งโรงเรียน และมหาวิทยาลัยทั่วทั้งประเทศจีนนั้น ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลควบคุมของคณะกรรมการเลขาธิการ ส่วนครูใหญ่ ผู้อำนวยการ หรือกระทั่งอธิการบดี ก็ล้วนแล้วแต่มีหน้าที่สอนและทำกิจการอย่างอื่นภายในโรงเรียน และมหาวิทยาลัยเท่านั้น
พูดง่ายๆก็คือ โรงเรียนทั่วไปจะอยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการการศึกษาประจำมณฑลนั้น ส่วนขึ้นมาจากนั้นก็จะดูแลโดยกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งบุคลากรหลักจะได้รับการแต่งตั้งเข้ามาโดยหน่วยงานรัฐที่เรียกว่าองค์กรการศึกษาแห่งประเทศจีน และสถาบันระดับต้นๆจะอยู่ในการดูแลของรัฐบาลกลางแห่งประเทศจีน
และจากตำแหน่งของหวังไห่เฟิงเวลานี้ ก็เป็นตำแหน่งที่ต้องได้รับการแต่งตั้งจากองค์กรสูงสุดของประเทศ ซึ่งนับว่าไม่ใช่ตำแหน่งธรรมดาๆเลยทีเดียว
หวังไห่เฟิงดูเหมือนจะจับสีหน้า และอารมณ์ความรู้สึกของเย่โม่ได้อย่างรวดเร็ว จึงรีบพยักหน้าและตอบกลับไปทันที
“ได้เลย เรื่องนั้นไม่มีปัญหา! ฉันยังมีโควต้าเหลืออยู่อีกหนึ่งพอดี!”
จากนั้น หวังไห่เฟิงจึงได้หันไปบอกกับเย่โม่ว่า “หมอเย่ คุณอยากเรียนคณะอะไรบอกมาได้เลย! แต่เพียงแค่นี้ผมก็ยังคิดว่าเป็นคำขอที่น้อยเกินไป”
หลังจากที่ทุกคนในห้องได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของหวังไห่เฟิง ทุกคนต่างก็เงี่ยหูฟังกันอย่างตั้งใจว่า หวังไห่เฟิงจะเสนออะไรให้กับเย่โม่อีก
“ด้วยทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศของหมอเย่ ผมคิดว่าเขาอาจจะเป็นคนเดียวที่เก่งที่สุดในเรื่องของทักษะการแพทย์แผนโบราณด้วยซ้ำไป ผมก็เลยมีความคิดที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจี่หนิง ด้วยการให้หมอเย่ไปทำการเลคเชอร์ให้นักศึกษาฟัง แต่เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเรียนของหมอเย่ ก็ให้มาเฉพาะในวันที่ไม่มีชั่วโมงเรียน” เฉิงไห่เฟิงอธิบายอย่างช้าๆชัด
ให้นักศึกษาหนุ่มมาเป็นอาจารย์รับเชิญของคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยจี่หนิงนี่นะ! ดูเหมือนจะมีแบบนี้ที่เดียวในประเทศจีน!
ในเวลานั้นเอง ใบหน้าของผู้อำนวยการหม่าก็ฉาบไปด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ และรีบส่งสัญญาณให้เย่โม่ตอบตกลงข้อเสนอของหวังไห่เฟิงทันที
จะว่าไป เวลานี้เย่โม่ยังคงตกใจกับการแสดงความจริงใจของหวังไห่เฟิง ไม่เพียงเขาจะมอบโควต้าการเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยจี่หนิงให้กับเย่โม่ แต่ยังได้เชิญเขาไปเป็นอาจารย์รับเชิญอีกด้วย นี่ทำให้เขารู้สึกดีอกดีใจเป็นร้อยเป็นพันเท่า
ด้วยเหตุนี้ เย่โม่จึงรีบเอ่ยขอบคุณหวังไห่เฟิงอย่างไม่ลังเล!
“เอาล่ะ พรุ่งนี้หลังจากที่รักษาพ่อของผมแล้ว ผมจะรีบจัดการทั้งสองเรื่องที่รับปากไว้ให้ทันที ว่าแต่ คุณต้องการเรียนคณะอะไรเหรอครับหมอเย่?”
“เลขาหวังครับ ผมอยากจะเลือกเรียนคณะที่มีคนเลือกเรียนน้อยที่สุดครับ!” เย่โม่เอ่ยตอบอาย
ทุกคนในห้องถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง แทนที่จะเลือกคณะที่ตัวเองอยากเรียน แต่เย่โม่กลับเลือกเรียนคณะที่มีคนเลือกเรียนน้อยที่สุดงั้นเหรอ?
แต่ถึงอย่างนั้น หวังไห่เฟิงก็เป็นคนที่เฉลียวฉลาด แม้ว่าเขาจะรู้สึกประหลาดใจและงุนงง แต่ก็ยังคงตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“คณะที่มีนักศึกษาเลือกเรียนน้อยที่สุด ดูเหมือนจะเป็นคณะวรรณกรรมคลาสสิค!”
“ตกลงครับ! ผมเลือกเรียนคณะนี้ก็แล้วกัน!” เย่โม่เอ่ยตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
"…"
แม้ว่าทุกคนอยากจะรู้เหตุผลว่า เพราะอะไรเย่โม่จึงได้ต้องการเรียนในคณะที่คนเลือกเรียนน้อยที่สุด แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม
“เฮ้อ.. พี่ใหญ่ พี่ได้สมบัติล้ำค่าไปครอบครองซะแล้ว! น่าเสียดายชะมัด น้องเย่น่าจะต่อสู้เป็น ฉันจะได้ขอให้เขาไปช่วยสอนหน่วยพิเศษในกองทัพบ้าง พวกนั้นทำให้ฉันปวดหัวแทบทุกวัน!”
หวังไห่เตาได้แต่บ่นพึมพำ
--------------------------
ติดตามนิยายแปลสนุกๆอีกหลายเรื่องได้ที่เพจ : แปลสนุก